[3 shot] welcome to กินเด็กส์ livingmall (YukixMayuxNakoxMiku & etc.) 10/11/15 END.

KIndexlivingmall

     กินเด็กส์ ลิฟวิ่ง มอลล์    

**คำเตือน

 

        ฟิคต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการกินเด็ก ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน รีดเดอร์ที่ชอบพรากผู้เฒ่าควรได้รับคำแนะนำ

 

แจ้งให้ทราบ

 

        1. กินเด็กส์ ลิฟวิ่งมอลล์ อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ กินเด็กเนี่ยแหละ เติม s ด้วยเพราะมีหลายคน555555

 

        2. ฟิคนี้เป็น two shot ที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ อยู่ๆนึกได้ก็เปิดคอมจิ้มๆๆ

 

        3. เหตุการณ์ในเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ประเทศไทยค่ะ

 

        4. ฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่ถูกแต่งขึ้น และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเป็นจริงแม้แต่น้อย ไรท์มิได้มีเจตนาที่จะพาดพิงถึงองค์กรหรือกลุ่มธุรกิจใดๆในทางเสียหายนะเออ

 

        5. สุดท้ายถ้าพร้อมแล้ว HERE WE GO!

 

V

 

V

 

V

 

V

 

        ยินดีต้อนรับสู่ Index Living Mall สาขาพัทยา เราพร้อมนำเสนอเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่ตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์ จนวันนี้กว่า 30 ปี ที่เราไม่เคยหยุดคิดค้นพัฒนา วางแผนอย่างเป็นระบบเพื่อให้แต่ละก้าวของเรา เป็นก้าวสำคัญที่พร้อมจะนำเสนอดีไซน์และฟังก์ชั่นของเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านในรูปแบบใหม่ๆ เคียงคู่กับเวลาที่ผ่านไปอย่างไม่หยุดนิ่ง

 

        “ติ๊ด ติ๊ด…หกพันเจ็ดร้อยสี่สิบแปดบาทค่ะ มีบัตรสมาชิกมั๊ยคะ” หญิงสาวตัวเล็กร่างบาง ผมสั้นประบ่าสีดำเงา ผู้ซึ่งกำลังถือเครื่องแสกนบาร์โค้ดเอ่ยขึ้น

 

        “มีค่ะ” ลูกค้าสาววัยกลางคนรูปร่างท้วมเอ่ยขึ้นพร้อมหยิบบัตรสมาชิกออกจากระเป๋าถือก่อนจะยื่นมันให้พนักงาน พนักงานสาวจึงยื่นมือออกไปรับแล้วจัดการรูดบัตรกับเครื่อง

 

        “ลดเหลือห้าพันสามร้อยเก้าสิบแปดบาทนะคะ”

 

        “นี่คะ” พูดจบคุณลูกค้าก็หยิบธนบัตรสีน้ำตาลหกใบให้กับพนักงานสาว

 

         “รับมาหกพันบาทนะคะ เงินทอนหกร้อยสองบาทค่ะ ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ^^” พนักงานสาวรับเงินมาก่อนจะยื่นเงินทอนให้ลูกค้า ปิดท้ายด้วยคำขอบคุณและรอยยิ้มพิมพ์ใจราวกับแอร์โฮสเตส

 

        ฉันชื่อมาย อายุ 20 ปี เป็นลูกคนเดียว ที่บ้านมีฐานะปานกลาง ฉันเรียนจบปริญญาตรี สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ฉันเพิ่งเข้ามาทำงานเป็นแคชเชียร์ที่นี่ได้แค่หนึ่งอาทิตย์ เพื่อนที่ทำงานมักจะชอบบอกว่าฉันน่ารักเหมือนไอดอลญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้เองฉันเลยมีชื่อเล่นอีกชื่อที่ถูกตั้งโดยเพื่อนๆว่า มายูยุ หรือไม่ก็ มายุ

 

        ‘งานอดิเรกของฉันก็คือ…กินเด็ก ฟังไม่ผิดหรอก กินเด็กเนี่ยแหละ อย่าเข้าใจผิดล่ะ ฉันไม่ได้เป็นผีปอบหรืออะไรทำนองนั้นหรอกนะ หมายถึงว่า ฉันชอบเด็กผู้หญิงน่ารักๆน่ะ เวลาฉันเจอเด็กน่ารักทีไรจะชอบเผลอตัวไปกอดซะทุกที พอทำแบบนั้นรู้สึกเหมือนได้เติมพลังงานเลยล่ะ   

 

        ‘อา…เมื่อไหร่จะเลิกงานนะ น่าเบื่อจังในขณะที่เคาน์เตอร์ว่างมายุก็นั่งคิดเรื่อยเปื่อยไปพลางกดโทรศัพท์ไปพลาง และในตอนนั้นเอง

 

        “มายุซางงง~”

 

        “หือ?” มายุหันไปตามเสียงใสกังวานที่ดังมาแต่ไกล และเมื่อได้เห็นหน้าคนมาใหม่ก็ทำให้มายุดีใจจนลืมความคิดที่อยากจะกลับบ้านไปเสียสนิท

 

        ฮ๊า~ นั่นนาโกะจังนี่ วันนี้ก็น่าร้ากกกกก แอร๊ยยย อยากจะกรี๊ดเป็นภาษาสันสกฤต><’

 

        “นาโกะจังงงง”

 

        เด็กผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาน่ารักวิ่งมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ถูกแต่งแต้มด้วยลักยิ้มพราวเสน่ห์ ด้วยความน่ารักของเด็กน้อยทำให้มายุอดไม่ไหวต้องวิ่งอ้อมเคาน์เตอร์ออกไปหาพร้อมกับจัดการกอดและหอมเสร็จสับราวกับไม่ได้เจอกันเป็นปี

 

        “แล้ววันนี้มิคุจังไม่มาด้วยหรอ” เมื่อกอดจนพอใจแล้วมายุจึงผละออกแล้วเอ่ยถามขึ้น

 

        “มาสิคะ นั่นไง” นาโกะตอบกลับก่อนจะชี้ไปทางที่ตัวเองเดินมาเมื่อครู่

 

        “โถ่…นาโกะล่ะก็อย่าวิ่งสิ ถ้าลื่นล้มจะทำยังไง” เด็กสาวตัวน้อยที่หน้าตาดูเป็นสาวงามตั้งแต่เด็ก เดินตามหลังมาพร้อมเสียงบ่นที่ไม่ใช่ภาษาไทย

 

        มิคุจังก็น่าร้ากกกก อาช่างเป็นวันที่ดีอะไรอย่างนี้    

 

        “คอนนิจิ- อ๊ะ อาโน ซะ หวัด ดี…ค่ะ มายุซัง” มิคุเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างนาโกะแล้วก้มหัวเอ่ยคำสวัสดีด้วยสำเนียงแปลกๆให้กับมายุผู้ซึ่งอาวุโสกว่า

 

        นาโกะและมิคุ สองสาวเพื่อนซี้ที่ไปไหนไปกันตลอด เธอทั้งสองคน อายุ 13 ปีเท่ากัน นาโกะเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นบราซิลที่อยู่เมืองไทยมาตั้งแต่เกิด ส่วนมิคุเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของญี่ปุ่นที่เข้ามาเรียนโรงเรียนในประเทศไทย ซึ่งเป็นโรงเรียนที่นาโกะเรียนอยู่ อาจด้วยความมีที่สายเลือดญี่ปุ่นเหมือนกันหรือด้วยอะไรก็ไม่ทราบทำให้ทั้งสองถูกชะตากันตั้งแต่เจอกันครั้งแรกและสนิทกันมาตลอด และทั้งสองคนก็ชอบมาเที่ยวเล่นที่ห้างนี้บ่อยๆเพราะทั้งสองคนมีความชอบเรื่องบ้านเหมือนกัน

 

        “สวัสดีจ้ะ…ถ้าไม่ชิน พูดภาษาญี่ปุ่นก็ได้นะ ฉันพอฟังได้อยู่บ้างน่ะ^^” มายุพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้มิคุ

 

        ‘ก็เพราะเป็นโอตาคุล่ะนะ’

 

        แต่มิคุไม่ค่อยเข้าใจจึงต้องขอให้นาโกะช่วยกระซิบบอกให้

 

        “ฮนโตะ เดสุ กะ? Really? มายุซัง เก่ง จัง ลอย คะ” พอเข้าใจแล้วมิคุก็ทำตาโตและพูดกับมายุอย่างประหลาดใจ แถมยังพูดปนกันตั้งสามภาษา

 

        “แหม ชมงี้ฉันก็เขินแย่สิ ฮะๆๆ แต่ประโยคเมื่อกี๊ต้องพูดว่า ‘เก่ง จัง เลย ค่ะ’ นะจ้ะ” มายุพูดเน้นคำช้าๆเพื่อให้มิคุฟังทัน

 

        “อ๊ะ อื้มๆ วะกัตตะ I’ll remember it.” มิคุพูดขึ้นและพยักหน้าเหมือนรับรู้ ก่อนจะหยิบสมุดขนาดพกพาสีน้ำตาลขึ้นมาจดยิกๆ

 

        “มิคุจังนี่ใฝ่เรียนจังเลยน๊าาา” นาโกะกระซิบบอกมิคุอีกรอบโดยไม่ต้องให้บอก เพราะรู้ดีว่ามิคุคงไม่เข้าใจแน่ๆ

 

        “ไม่หรอก…ค่ะ พา ซา ไท เอโตะ…มิคุ ชอบ ภาษาไทย…ค่ะ^^”

 

        “คุยกันเยอะไปแล้วนะ นาโกะหึงนะ” เมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยมีบทบาทในบทสนทนา นาโกะจึงโพล่งขึ้นมาแล้วทำหน้ามุ่ยใส่มายุกับมิคุ

 

        “หึง…แล้วนาโกะหึงมิคุหรือมายุซังล่ะ” มิคุนึกความหมายของคำซักพักแล้วจึงถามกลับเป็นภาษาญี่ปุ่น

 

        “กะ กะ ก็หึงทั้งสองคนนั่นแหละะะ!” นาโกะหน้าขึ้นสีเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามมิคุแล้วเบือนหน้าหนี ทั้งที่ในใจของนาโกะนั้นมีคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้ว

 

        “ฮะๆๆๆ ทั้งสองคนนี่น่ารักกันจังเลยนะ” มายุที่เฝ้ามองดูเด็กน้อยทั้งสองที่กำลังคุยกันพูดขึ้นด้วยความเอ็นดู แต่ในขณะนั้นเองเธอก็เหลือบไปเห็นลูกค้าสองคนเข็นรถเข็นมายังเคาน์เตอร์ ทำให้เธอจำต้องยอมจากเด็กๆที่น่ารักทั้งสองไป

 

        “ฉันไปทำงานก่อนนะ แล้วเจอกันนะจ้ะ^^”

 

        ‘งืออออ ไม่อยากไปเลย T^T’

 

        “เอ้า อึ้บ…เอ๊ะ นี่เธอซื้อเครื่องแก้วด้วยหรอ”

 

        “ใช่ ฉันเห็นว่ามันสวยดีน่ะ”

 

        ชายหญิงดูดีคู่หนึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่หน้าเคาน์เตอร์ของห้างเฟอร์นิเจอร์ พลางช่วยกันยกกล่องสีขาวใบใหญ่ที่มีตราโลโก้ของห้างขึ้นบนเคาน์เตอร์

 

        “ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…เก้าพันหกร้อยเจ็ดสิบห้าบาทค่ะ มีบัตรสมาชิกมั๊ยคะ” มายุที่เมื่อครู่รีบวิ่งมาหยิบของคิดเงินเอ่ยยถามขึ้น

 

        “ไม่มีค่ะ” ลูกค้าสาวสวยตอบมายุด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

 

        “สนใจสมัครบัตรสมาชิกมั๊ยคะ บัตรสมาชิกนี้จะสามารถใช้ในการรับสิทธิประโยชน์ต่างๆในการซื้อสินค้าและบริการต่างๆในเครืออินเด็กซ์ได้ด้วยนะคะ ลูกค้าสามารถสมัครได้ทันทีโดยไม่เสียค่าสมัคร เพียงแค่ซื้อสินค้าของเราครบห้าพันบาทค่ะ^^” มายุน้ำเสนอบริการให้กับลูกค้าราวกับจำสคริปต์มา ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มปิดท้ายด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจประจำตัว

 

        “ก็ดีค่ะ เนอะซาเอะ” หญิงสาวพูดจบก็หันไปถามความเห็นชอบกับหนุ่มหล่อที่เดินมาด้วยกัน หนุ่มหล่อคนนั้นพยักหน้าหนึ่งทีเป็นการตอบรับ

 

        “ค่ะ งั้น…นี่ค่ะ กรอกข้อมูลของลูกค้าพร้อมเซ็นตรงนี้นะคะ”

 

        ผู้หญิงคนนี้สวยจัง อย่างกับดาราแหนะ แต่ดูเหมือนคนข้างๆจะเป็นแฟนนะ เสียดายจังเอ๊ะ เสียดายหรอ? นี่ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย บ้าไปแล้ว ผิดวิสัยคนกินเด็กอย่างฉันหมด พอๆหยุดคิดเลยนะ’

 

        มายุคิดในใจพลางมองที่สาวสวยหุ่นสูงเพรียวที่กำลังก้มหน้าก้มตากรอกใบสมัครสมาชิก ผมตรงสีดำยาวสลวยของเธอถูกยกขึ้นทัดหูข้างหนึ่ง เผยให้เห็นหน้าด้านข้างซึ่งเป็นด้านเดียวกับที่มายุยืนมองอยู่ ผิวหน้าขาวใสอมชมพู จมูกรูปชมพู่ที่น่าหลงใหล ริมฝีปากสวยที่ถูกแต่งเติมด้วยลิปสีแดงสดถูกเม้มเข้าไปเล็กน้อยช่างเย้ายวนชวนให้คนที่เห็นอยากสัมผัส

 

        “คุณคะ นี่ คุณ…คุณพนักงาน”

 

        “อ๊ะ เอ่อ ค่ะ คะ…” เสียงสวยเรียกสติให้มายุที่กำลังเคลิ้มอยู่หลุดจากภวังค์ แต่ถึงแม้จะได้สติแล้วแต่เธอก็ยังเงอะๆงะๆพูดไม่เป็นคำ

 

        “กรอกเสร็จแล้วค่ะ”

 

        “อ้ะ ค่ะ ขอโทษนะคะ รอซักครู่นะคะ” เมื่อสติสตางค์กลับมาครบถ้วนมายุก็รีบขอโทษและจัดการดำเนินการต่อให้คุณลูกค้าทันที มายุหันหลังไปกดเครื่องคอมพิวเตอร์ เลยทำให้ไม่ได้เห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่ปรากฏบนใบหน้าของใครบางคนตอนนี้

 

        “เรียบร้อยแล้วค่ะ ลูกค้าสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่สมัครบัตร เพราะฉะนั้นครั้งนี้จะได้รับส่วนลด 20% นะคะ ทั้งหมดเจ็ดพันเจ็ดร้อยสี่สิบบาทค่ะ”

 

        “นี่ค่ะ” หญิงสาวยื่นธนบัตรจำนวนหนึ่งให้มายุ

 

        มายุรับธนบัตรมานับแต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่า…

 

        “อ๊ะ นี่…”

 

        ‘ภาษาญี่ปุ่น?’ มีธนบัตรใบหนึ่งที่มีตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นเขียนอยู่ปนมากับธนบัตรสีน้ำตาลของไทยด้วย

 

        “อ่ะ ขอโทษนะคะ หยิบผิด นี่ค่ะ” หญิงสาวเมื่อรู้ตัวว่าตนหยิบธนบัตรผิดก็รีบขอโทษและหยิบใบใหม่ให้

 

        “ค่ะ เอ่อ…รับมาแปดพันบาทนะคะ เงินทอนสองร้อยหกสิบบาทค่ะ”

 

        “…เป็นคนญี่ปุ่นหรอคะ” มายุถามขึ้นหลังจากยื่นเงินทอนให้หญิงสาว

 

        ‘ถามอะไรออกป๊ายยยย จะไปอยากรู้เรื่องของเค้าทำไมเนี่ย’

 

        “ใช่ค่ะ ฉันเรียนเอกภาษาไทย เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ถ้ายังไง…สนใจไปเที่ยวบ้านฉันมั๊ยคะ?”

 

        เที่ยวบ้าน อืมมม น่าสนใจนะห้ะะะะ!!!!!!! อะไรนะ ปะ ปะ ไป ทะ ทะ ที่บ้าน ฉันฟังผิดหรือเปล่า หรือเค้าพูดผิด ภาษาไทยอาจจะยังไม่แข็งแรง’

 

        ‘ไปเที่ยวบ้านฉันมั๊ยคะ?’

 

        ‘ไปเที่ยวบ้านฉันมั๊ยคะ?’

 

        ‘ไปเที่ยวบ้านฉันมั๊ยคะ?’

 

        คำพูดของหญิงสาวดังกังวานอยู่ในหัวสมองของมายุซ้ำไปซ้ำมาราวกับถูกสั่งให้รีเพลย์ไปเรื่อยๆ

 

        “วะ ว่าไงนะคะ?” มายุตัดสินใจถามออกไปเพื่อยืนยันสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

 

        “ไปเที่ยวบ้านฉันมั๊ยคะ อยากจะให้คุณ…ช่วยดูห้องนอนให้หน่อยน่ะค่ะ”

 

            

ขุ่นแม่!! เป็นผู้หญิงนะคะชวนคนแปลกหน้าไปบ้านง่ายไปไหมคะ?

ปล. HERE WE GO ขึ้นมาแทบลุกเต้นเพลง Party ของเกิร์ล 55555

ชวนคนแปลกหน้าไปเที่ยวบ้านเลยเหรอ 

มายุเสี่ยงเข้าคุกคงไม่สำคัญเท่า กิรินชวนคนอื่นเข้าบ้านง่ายเกินไปไหม

มายุ หิ้วกลับบ้านเลย ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวเราช่วย อิอิ 

ชวนไปดูห้องนอนด้วย ตอบตกลงไปเลยยย 

เดียวยูกิ เข้าใจอะไรผิดป่าว มายุเป็นแคชเชียร์นะ ไม่ใช่นักตกแต่งภายใน ไปชวนเค้าเข้าบ้านเนี่ยคิดอะไรค่ะ

 

มายุก็ตอยตกลงไปค่ะ อย่าไปยอม เค้าอ่อยมาแล้ว เราต้องรีบรุกกลับค่ะ เดียวเสียชื่อ

ขุ่นแม่!! เป็นผู้หญิงนะคะชวนคนแปลกหน้าไปบ้านง่ายไปไหมคะ?

ปล. HERE WE GO ขึ้นมาแทบลุกเต้นเพลง Party ของเกิร์ล 55555

 KIndexlivingmall

PART 2

**คำเตือน

 

        ฟิคต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการกินเด็ก ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน รีดเดอร์ที่ชอบพรากผู้เฒ่าควรได้รับคำแนะนำ

 

แจ้งให้ทราบ

 

       1. ไรท์ได้เปลี่ยนจาก 2 shot เป็น 3 shot แล้ว ด้วยความที่แต่งไปแต่งมาเนื้อหามันยืดเยื้อ และด้วยความที่ไรท์แอบขี้เกียจเลยแต่งต่อได้นิดเดียว(สมควรโดนตบ55555) สัญญาว่าจะให้จบพาร์ทหน้าเพราะจะไปแต่ง be my baby ต่อค่ะ

 

        2. ขอให้ทำใจก่อนอ่าน เพราะในตอนนี้มายุเริ่มเหมือนเฮียเรนะเข้าไปทุกที – –

 

        3. มีเด็กๆคนใหม่ปรากฏตัวเพิ่มขึ้นในตอนนี้ แล้วก็กิรินกับนาโกะมิคุไม่มีบทนะคะ (เศร้า T^T)

 

        4. งั้นก็ HERE WE GO! We can’t stop stop stop~♪♫

 

V

 

V

 

V

 

V

 

       ไปเที่ยวบ้านฉันมั๊ยคะ?’

 

        ‘ไปเที่ยวบ้านฉันมั๊ยคะ?’

 

        ‘ไปเที่ยวบ้านฉันมั๊ยคะ?’

 

        “วะ ว่าไงนะคะ?”

 

        “ไปเที่ยวบ้านฉันมั๊ยคะ อยากจะให้คุณ…ช่วยดูห้องนอนให้หน่อยน่ะค่ะ”

 

        หะ หะ ห้องนอน!? เดี๋ยวๆๆ แฟนคุณอยู่ข้างๆเนี่ยก็ชวนไปเซ่ ที่สำคัญแม้แต่ชื่อเราก็ยังไม่รู้จักกันเลยนะ นี่ชวนไปบ้านแล้วหรอ ถ้าจะให้ไปดูห้องก็ไปบอกฝ่ายตกแต่งภายในนู่น เป็นสาวเป็นนางทำแบบนี้ได้ไง หรือว่าเธอจะเป็นผู้หญิงประเภทนั้น! ก็ไม่แน่นะ ผู้ชายหน้าหล่อคนนั้นก็อาจจะเป็นพวกโฮสต์อะไรทำนองนั้นก็ได้

 

        “แล้วฉันจะมาขอคำตอบพรุ่งนี้นะคะ เจอกันค่ะ”

 

        ทำไงดี ไม่แน่ว่าฉันอาจจะกำลังถูกล่อลวงอยู่ก็เป็นได้ หรือว่าฉันคิดในแง่ร้ายเกินไป บางทีอาจะไม่ใช่ก็ได้ แต่สมัยนี้คนเราไว้ใจกันได้ที่ไหน แต่หน้าตาเค้าดูไม่ใช่คนแบบนั้นเลยนะ โอ้ยยย สับสน

 

        “เดี๋ยวคะคุณ…อ่าว เอ๊ะ” มายุเงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะคุยด้วย แต่ทว่าลูกค้าทั้งสองคนกลับเข็นรถเข็นเดินไปไกลเกินกว่าจะตะโกนเรียกแล้ว ทิ้งให้สาวแคชเชียร์ร่างเล็กอย่างเธอยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่คนเดียว

 

เวลาเลิกงาน

 

        “เฮ้อออ เสร็จซักที เย้” มายุยืนหมุนไหล่เพื่อคลายความปวดเมื่อยและพูดระบายออกมาด้วยความโล่งใจ

 

        “เสียงดังไปแล้ว เดี๋ยวบอสมาได้ยินโบนัสก็หายเกลี้ยงหมดหรอก” เพื่อนร่วมงานที่มาเปลี่ยนกะได้ไม่นานเตือนมายุ

 

        “ไม่หรอกน่า ฉันไปก่อนนะ ต้องรีบไปซื้อของฝากให้เด็กๆ คิกๆ บ๊ายยยย~” เมื่อเก็บของเสร็จ มายุก็รีบหยิบกระเป๋าสายพายข้างแล้วรีบแจ้นออกไปทันทีโดยไม่รอให้เพื่อนบอกลาเธอกลับ

 

        ‘- – ยัยนี่มันโลลิค่อนตัวแม่จริงๆ ท่าจะคลั่งเด็กจนเข้าไปในสายเลือด เมื่อแผ่นหลังเล็กๆของมายุเคลื่อนที่ไกลออกไป เพื่อนร่วมงานของเธอก็นึกบ่นในใจไปพลางส่ายหัวไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย

 

7 – ELEVEn

 

        อันนี้ของน้องมีมี่ อันนี้ของจูเนียร์ อันนี้ของน้องมาเรีย แล้วของอิ๊คคิวก็ต้อง  อึคึ หุหุหุ แอร๊ยยยย

 

        มายุกำลังเดินซื้อของในร้านสะดวกซื้อในโซนขนม โดยที่เจ้าตัวหารู้ไม่ว่าตัวเองกับรังแผ่สีพิลึกพิลั่นออกมาปกคลุมทั่วบริเวณ เธอยิ้มน่าบานแล้วบานอีก พลางเดินเลือกของอย่างรื่นเริง แต่มันช่างชวนขนลุกจนคนรอบข้างต่างพากันเดินเลี่ยง

 

        “ฮือ หื่อ ฮือ หื่อ ฮือ หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อ~♪♫” มายุเดินเลือกของไปพลางฮัมเพลงไปพลางคิดเรื่อยเปื่อยไปพลาง

 

        ไปเที่ยวบ้านฉันมั๊ยคะ?อยู่ดีไม่ว่าดีเสียงหนึ่งก็แล่นปรี๊ดเข้ามาในหัวของมายุ

 

        อ๊ากกกก มันมาอีกแล้ว ไม่นะ ออกไป ออกไป ไม่อยากคิดดดด ใครก็ได้ช่วยด้วย!’ มายุยกสองมือขึ้นจับหัวตัวเองแล้วส่ายไปมาอย่างบ้าคลั่ง จนตอนนี้พนักงานในร้านเริ่มระแวงและหยิบจับสิ่งของที่จะพอใช้เป็นอาวุธได้ขึ้นมาแล้ว

 

        ‘…แต่ถ้าคิดในแง่ดี เธออาจจะแค่ขอคำปรึกษาเรื่องบ้าน หรือไม่ก็แค่อยากจะอวดบ้านใหม่ เธอเป็นคนญี่ปุ่นนี่ เธออาจจะไม่ค่อยมีเพื่อนเลยเหงาก็ได้ อื้มๆ มีเหตุผล

       

        มายุเริ่มสงบลง สองมือที่จับหัวลดลงมา มือหนึ่งยกขึ้นมาจับคางเหมือนกำลังใช้ความคิดแล้วพยักหน้าหงึกๆ พนักงานรอบๆที่เห็นก็เริ่มลดอาวุธลงและต่างพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก

 

        แล้ววันพรุ่งนี้เราจะตอบเค้าว่ายังไงดี จะปฏิเสธ หรือจะตกลงดี ใจนึงก็กลัว อีกใจนึงก็อยากรู้ อ๊าาาา ทำไมต้องไปสนใจเรื่องเค้าขนาดนี้นะ 20 ปีที่ใช้ชีวิตมาไม่เคยอยากรู้เรื่องของใครมากขนาดนี้มาก่อนเลย ทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับเธอคนนี้นะไม่เข้าจ้ายยยยย

                                           

        มายุเดินไปที่ตู้ไอศกรีมซึ่งอยู่ด้านริมสุดของร้านติดกับกระจก เธอมองไปที่กระจกซึ่งมีป้ายบางอย่างติดอยู่

 

มาบอกรักด้วย Cornetto กันเถอะ!

กิจกรรม Cornetto Love Clube ‘Codeลับ รหัสLove’

 

        ‘หรือว่านี่คือ ความรัก’ o///o…ไม่ๆๆเดี๋ยวก่อน อีหัวใจแกหยุดเต้นรัวเดี๋ยวนี้เลยนะ เหยยยย มันจะใช่แน่หรอ เราเพิ่งเจอกันเองนะ ชื่อก็ไม่รู้จัก แถมอีกฝ่ายมีแฟนแล้ว เป็นผู้ชายซะด้วย ทำไงดี นี่เราหน้าแดงรึเปล่า แล้วฉันจะกระวนกระวายทำไมเนี่ยยยยย

 

        มายุคิดในใจก่อนจะยกสองมือขึ้นมาตบแก้มตัวเองสองสามทีเพื่อเรียกสติ แต่ไม่ว่ายังไงถ้ามองจากสายตาคนรอบข้างเธอก็กลายเป็นคนเพี้ยนไปแล้วอยู่ดี

 

        ‘กลับบ้านก่อนดีกว่า เรื่องอื่นไว้ค่อยคิด ตอนนี้เด็กๆกำลังรอฉันอยู่

 

        หลังจากนั้นมายุก็รีบนำของในตะกร้าไปคิดเงินแล้วติดเทอร์โบบึ่งไปยังบ้านของเธอทันที

 

ณ สถานเลี้ยงดูเด็กกำพร้าเล็กๆแห่งหนึ่ง

 

        มายุเดินเข้าไปแล้วเปิดรั้วที่เก่าจนขึ้นสนิมแถมยังฝืดออกด้วยเรี่ยวแรงที่มีอยู่

 

        “ครืดดดดด”

 

        “พี่มายกลับมาแล้ววววว”

 

       “เย้ พี่มายยยยย”

 

        “เย้ๆๆๆๆ”

 

        เสียงแหลมเล็กมากมายดังขึ้นหลังจากเสียงรั้ว ฝีเท้าเล็กๆมากมายวิ่งกรูกันเข้ามาหามายุ ตอนนี้มายุกำลังอยู่ในวงล้อมของเด็กๆทั้งเด็กเล็กเด็กโต ทุกๆคนต่างเฝ้ารอการกลับมาของเธอ ถ้าเป็น(คนธรรมดา)คนอื่นอาจจะทำหน้าหน่ายๆหรือไม่ก็ค่อยๆผละออกจากวงล้อมเด็กๆ แต่สำหรับมายุแล้วผิดถนัด เพราะตอนนี้เธอกำลังทำหน้าฟิน และไร้ซึ่งการปัดป้องใดๆ

 

        อาสวรรค์ นั่นคือซึ่งที่โลลิค่อนอย่างมายุคิด

 

        ที่นี่คือบ้านของฉันล่ะ ฉันไม่ได้เป็นเด็กกำพร้าหรอก แม่ของฉันเป็นเจ้าของที่นี่ แม่ไม่ได้ร่ำรวยมีเงินทองใช้เหลือเฟือ แต่ไม่ว่ายังไงก็อยากจะสร้างที่นี่ขึ้นมา หลังจากที่พ่อตายไป แม่ก็เอาเงินส่วนหนึ่งจากเงินประกันชีวิตของพ่อ มาปรับเปลี่ยนบ้านของเราให้กลายเป็นสถานเลี้ยงดูเด็กกำพร้า สำหรับฉันที่นี่เป็นบ้านที่แสนอบอุ่น เด็กๆที่นี่ก็เหมือนสมาชิกในครอบครัว เป็นพี่น้องกัน ถึงแม้เวลาผ่านไปจะมีคนเข้ามาและออกไป แต่ที่นี่ก็ยังคงเป็นสถานที่ที่ให้ความสบายใจกับฉันอยู่เสมอ

 

        “เอาหล่ะเด็กๆ พี่ซื้อของมาฝากทุกคนด้วยน๊าาา” มายุ(จำใจ)ผละออกจากวงล้อมเด็กๆเล็กน้อยก่อนจะชูถุงพลาสติกสีขาวที่ถืออยู่ทั้งสองมือขึ้นมา

 

        “ว้าววววว”

 

        “เย้!”

 

        “รักพี่มายที่สุดเลยยยย”

 

        อ๊ากกก เด็กๆนี่ดาเมจแรงเกินไปแล้ว ทิชชู่ ทิชชู่!’

 

        “อ่ะนี่ของมีมี่” มายุนั่งยองๆให้อยู่ในระดับเดียวกับเด็กๆแล้วหยิบขนมขึ้นมาทีละห่อ

         (มี่อง 8 ขวบ)

 

         “ขอบคุณค่าพี่มาย จุ๊บ~” มี่องยืดตัวขึ้นให้เสมอกับมายุแล้วเอาริมฝีปากน้อยไปชนแก้มใสๆของมายุเบาๆ

 

        อร๊ายยย>< มีจุ๊บแก้มด้วย นี่แค่คนแรกก็จะไม่ไหวแล้วฉัน ฟินเฟร่อออ มีความสุ๊ขขขมีความสุข

 

        “นี่ของมาเรียนะ”

         (มารินจัง 10 ขวบ)

 

         “ขอบคุณค่ะ ร้ากกกกพี่มายที่สุดในสามโลกเล้ยยย” มารินจังกอดแขนมายุแล้วใช้ใบหน้าน่ารักฟัดเหวี่ยงไปมา คงไม่ต้องเดาว่าความคิดของมายุตอนนี้เป็นยังไง

 

        “อันนี้ของจูเนียร์จ้ะ”

        (จูริ อายุ 12 ปี)

 

        “ขอบคุณค่ะพี่มายุ^^” จูริกระโดดกอดมายุหนึ่งทีก่อนจะเดินกอดห่อขนมออกไปด้วยความร่าเริง

 

        “อันนี้ของ…อันนี้…แล้วก็นี่…อันนี้”

 

        “แล้วก็นี่…อิ๊คคิวยู่ไหนเอ่ยยย”

        (อิโคมะ 5 ขวบ)

 

        ร่างเล็กๆของเด็กสาวซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังเสาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ เด็กน้อยค่อยๆยื่นใบหน้าน่ารักน่าชังออกมาด้วยความกล้าๆกลัวๆ มายุที่เหลือบไปเห็นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

 

        “เอ๊~ วันนี้เอาแสตมป์ไปแลกตุ๊กตามาล่ะ เป็นแบบที่อิ๊คคิวชอบด้วยล่ะนะ แต่อิ๊คคิวไม่อยู่แบบนี้จะเอาไปให้คนอื่นแทนดีมั๊ยน๊าาาาา”

 

        “เอ๋ จริงหรอคะ”

 

        “หนูอยากได้จังเลยค่ะ”

 

        “ถ้าอิ๊คคิวไม่เอา หนูขอนะคะ”

 

        “ระ เราอยู่นี่” อิโคมะโผล่หน้าออกมาเล็กน้อยเพื่อให้มายุเห็น

 

        “เอ๊~ เสียงอะไรน๊าาา”

 

        “พี่มาย (   o///o)” อิโคมะค่อยๆเขยิบตัวออกมาจากเสาต้นที่ตัวเองหลบอยู่

 

        “อ๊ะนั่น อิ๊คคิวนี่นาาา ทำไมไปอยู่ตรงนั้นล่ะ”

 

        “ระ เรา…”

 

        “ยังไม่ชินกับที่นี่อีกหรอ ไม่ต้องกลัวหรอก พี่ๆทุกคนน่ะใจดีมากเลยนะ^^”

 

        อิ๊คคิวเป็นเด็กที่เพิ่งเข้ามาเมื่อสามวันก่อน บ้านของเธอถูกไฟไหม้ทั้งหลัง โชคร้ายที่พ่อแม่ของเธอพยายามปกป้องเธอไว้ทำให้ตัวเองต้องถูกไฟคลอกและถึงแก่ความตาย เธอไม่มีญาติที่ไหน ถ้าเป็นฉันก็คงเศร้ามากจนจิตตก แล้วก็การที่ได้มาอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านตัวเองแบบนี้ก็คงไม่สบายใจเท่าไหร่

 

        “นี่ ดูสิ พี่ได้อะไรมา แถ่นแท๊นนน…ช็อปเปอร์ไงล่าาาาา” มายุหยิบตุ๊กตาช็อปเปอร์จากเรื่องวันพีชออกมาจากถุงพลาสติกสีขาว และชูมันขึ้นแกว่งดุ๊กดิ๊กไปมา

 

        “ฮ๊าาาาาา oAo” อิโคมะอ้าปากกว้างดวงตากลมโตเป็นประกายเมื่อได้เห็นตุ๊กตาจากอนิเมะเรื่องโปรด

 

        “จะให้เราหรอ…” อิโคมะถามต่อ

 

        “ใช่ แต่…” มายุพูดทิ้งช่วงเล็กน้อย

 

        “หือ??” อิโคมะเอียงคอสงสัย

 

        “จากนี้ไปอิ๊คคิวต้องสนิทกับพี่ๆให้มากๆนะ เพราะต่อไปนี้เราคือพี่น้องกันแล้ว โอเคนะ^^” มายุพูดพร้อมส่งรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนให้อิโคมะ

 

        “ใช่ๆอิ๊คคิวมาสนิทกันเถอะ”

 

        “ฉันมีตุ๊กตาลูฟี่ด้วยนะ”

 

        “มาดูนารูโตะกันเถอะ”

 

        “ขนมนี่อร่อยนะ กินมั๊ย”

 

        “ต่อจากนี้อิ๊คคิวคือน้องสาวคนเล็กของพวกเรานะ”

 

        เด็กๆทุกคนต่างพูดและส่งรอยยิ้มให้กับอิโคมะ ถึงเธอจะเข้ามาอยู่ได้สามวันแล้ว แต่วันนี้อาจนับได้ว่าเป็นการต้อนรับอิโคมะที่แท้จริงก็ได้ และทุกคนก็ต่างยินดีที่จะรับอิโคมะให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งครอบครัว บรรยากาศที่อบอุ่นแบบนี้ทำให้พี่โตสุดอย่างมายุอดที่จะยิ้มไม่ได้

 

คืนนั้น

 

        ‘ไม่ว่ายังไงก็หยุดคิดเรื่องของเค้าไม่ได้เลยจริงๆ จะไป หรือไม่ไปดีนะ…” มายุที่นั่งเช็ดผมอยู่บนที่นอนยังคงคิดถึงแต่เรื่องของสาวแปลกหน้าตั้งแต่เข้าห้องน้ำจนอาบน้ำเสร็จออกจากห้องน้ำ

 

        “กึก ชวิ๊งงง” มายุหยิบรีโมทขึ้นมาแล้วกดปุ่มเพื่อเปิดโทรทัศน์เครื่องเล็กจิ๋วแต่หนาเตอะ

 

        “คุณไม่เคยรักใคร คุณไม่เข้าใจหรอก ฉันเชื่อมั่นในตัวเค้า แล้วก็เชื่อมั่นในความรัก!” เสียงของนางเอกดังละครช่องเจ็ดดังขึ้นจากทีวี มายุส่ายหัวเบาๆก่อนจะกดเปลี่ยนช่อง

 

        “ทำไมคุณแม่ถึงไปว่าร้ายเค้าแบบนั้นล่ะคะ เค้าไม่มีทางคิดไม่ดีกับหนูแน่ๆ หนูรู้ดี เพราะเราสองคนรักกัน แต่ถึงแม้เค้าจะไม่ดียังไง หนูก็รักเค้า” นั่นคือเสียงของละครช่องห้า มายุตัดสินใจเปลี่ยนช่องอีกรอบ

 

        “ถ้าแกอยากรู้เรื่องของเค้าขนาดนั้น แกก็พิสูจน์ด้วยตัวแกเองสิ” เพื่อนสาวพูดกับนางเอกในละครช่องสาม

 

        “โอ้ยยย นี่ต้องการอะไรจากฉัน ต้องการให้ฉันไปมากใช่มั๊ยยย ได้! ฉันจะไปพิสูจน์เอง” มายุพูดกับตัวเองก่อนจะใส่แรงฮึดแล้วกำมือแน่น

 

เวลาเลิกงานในวันรุ่งขึ้น

 

        “ฉันมาขอคำตอบของเมื่อวานค่ะ”

 

        “…ตกลงค่ะ ฉันจะไป”

เหอๆ สรุปใจง่ายมันทั้งคู่นั่นแหละค่ะ

มายุนี่ ได้เวลารับยาแล้วนะคะไรท์ ไม่ได้ไปรับใช่ไหมนี่ถึงอาการกำเริบแบบนี้น่ะ ถถถถถ

ถ้าเราไม่ได้คิดไปเอง มายุฮัมเพลง party ใช่มะ? 55555 // คิดว่านะ

 

 

ปล. ต่อเพลงให้ค่ะ >>> ยอกิน Party time อีแดโร กเยซก Party time ~♪♫

ไรท์เป็น sone ป่ะ เราเป็นนะ 555

ตกลงง่ายไปไหมมายุ??

เหอๆ สรุปใจง่ายมันทั้งคู่นั่นแหละค่ะ

มายุนี่ ได้เวลารับยาแล้วนะคะไรท์ ไม่ได้ไปรับใช่ไหมนี่ถึงอาการกำเริบแบบนี้น่ะ ถถถถถ

ถ้าเราไม่ได้คิดไปเอง มายุฮัมเพลง party ใช่มะ? 55555 // คิดว่านะ

 

 

ปล. ต่อเพลงให้ค่ะ >>> ยอกิน Party time อีแดโร กเยซก Party time ~♪♫

ไรท์เป็น sone ป่ะ เราเป็นนะ 555

 KIndexlivingmall

PART 3

 

**คำเตือน

 

        ฟิคต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการกินเด็ก ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน รีดเดอร์ที่ชอบพรากผู้เฒ่าควรได้รับคำแนะนำ

 

V

 

V

 

V

 

V

 

        “ความ…รัก…เอย…เจ้าลอยลมมาหรือไร~♪♫”

 

        รถสปอร์ตสีดำคันหรูกำลังเคลื่อนตัวช้าๆอยู่บนถนน พร้อมกับเสียงเพลงในรถที่ถูกเปิดให้คลอเบาๆ

 

       ‘อื้อหือออ เพลงนี้มันดักแก่ชัดๆ สมัยนี้ยังมีคนฟังเพลงแบบนี้อยู่หรอเนี่ย  ว่าแต่ขับรถช้าจังนะ นี่ถ้าไม่บอกคงนึกว่ารถทะเลาะกับหอยทากอยู่นะเนี่ย อา…บรรยากาศมันช่างเงียบอะไรอย่างนี้ ถึงจะอึดอัดก็เถอะ แต่ก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี ไม่สิ มีนะ ยังไม่ได้ถามชื่อเค้าเลย แต่…ไม่กล้าถามง่ะ นี่ขนาดนั่งยังตัวเกร็งเลย รู้สึกทำตัวไม่ถูกเลยฉัน รู้งี้ไม่น่าหลวมตัวตอบตกลงมาเล้ยยย’  มายุนึกบ่นในใจระหว่างนั่งรถไปบ้านคนแปลกหน้าเพียงเพราะความอยากรู้อยากเห็น

 

        “นั่งตามสบายก็ได้นะคะ…มายุซัง อ้ะ…เอ่อ…ฉันเรียกว่ามายุซังได้รึเปล่าคะ”

 

        ‘ห้ะ! เมื่อกี๊ เค้าเรียกฉันว่ามายุ ทำไมรู้ รู้ได้ไงเนี่ย???’ มายุดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ

 

         “คุณรู้ได้ไงคะ ชื่อของฉัน…”

 

        “เอ…เอาเป็นว่าเดี๋ยวคุณก็รู้เองแหละค่ะ^^” สาวสวยหันมายิ้มหวานในมายุอย่างเป็นมิตร ส่งผลให้หัวใจของเธอเต้นตูมตามอย่างควบคุมไม่ได้

 

        “…” มายุเลือกที่จะเงียบไม่พูดต่อเพราะเธอรู้สึกเขินอายเกินกว่าจะขยับปากพูดได้แล้ว

 

        ไม่นานก็มาถึงที่หมาย รถหรูค่อยชะลอความเร็วลงและเลี้ยวเข้าไปยังจุหมายปลายทาง แต่สิ่งนั้นทำให้คนเพิ่งมาต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้าง บ้าน…หรือจะเรียกว่า’ คฤหาสน์’ ก็ฟังดูไม่เว่อเกินไปสำหรับที่นี่ มีเพียงบ้านหลังใหญ่โตหรูหราหลังนี้เพียงหลังเดียวที่ตั้งตระหง่านตระการตาอยู่ ณ บริเวณนี้ เพราะรอบๆนั้นไร้ซึ่งบ้านเรือนใดๆ ภายในรั้วมีสวนขนาดใหญ่เขียวขจีล้อมรอบตัวบ้าน รั้วเหล็กสูงใหญ่เคลื่อนเปิดออกช้าๆด้วยระบบอัตโนมัติ รถหรูเคลื่อนตัวเข้าไปยังโรงจอดรถขนาดใหญ่ ภายในนั้นมีรถหรูเรียงรายอยู่ประมาณสามสี่คัน และมายุก็ยังคงสะพรึงไม่หาย สาวสวยร่างสูงเดินมาที่ประตูรถอีกฝั่งและเปิดประตูให้มายุที่นั่งตาค้างอยู่ด้านใน จากนั้นเธอก็เดินนำมายุไปยังหน้าตัวบ้านซึ่งมีประตูไม้โอ๊คบานใหญ่ที่ถูกประดับอย่างหรูหรา

 

        “เอี๊ยดดดด”

 

        “เอ่อ…คือ…”

 

        “มีอะไรหรอคะ เชิญค่ะ…อ้อ รองเท้าเปลี่ยนอยู่ข้างในนะคะ ใส่รองเท้าเข้ามาได้เลย”

 

        “คือว่า…” มายุพูดด้วยสีหน้าเกรงใจ มือของเธอที่กุมอยู่หน้าขาถูกันไปมาด้วยความเกร็ง

 

        “คะ?”

 

        “อาจจะช้าไปหน่อย แต่จะเป็นอะไรมั๊ยคะ ถ้าฉันจะขอทราบชื่อของคุณ…”

 

        “…นั่นสินะ ไหนๆแล้วก็…ฉันชื่อ ยูกิ ค่ะ คาชิวากิ ยูกิ เรียกฉันว่ายูกิเฉยๆก็ได้ค่ะ แล้วก็…ไม่ต้องพูดเป็นทางการมากก็ได้นะคะ^^”

 

        “ค่ะ…”

 

        ‘ไหนๆแล้วก็… เหรอ หมายความว่ายังไง หรือว่าเขาจะพูดผิด’ มายุครุ่นคิดในใจอย่างสงสัย แต่ก็ยังคงเดินตามยูกิเข้าไปในบ้าน

 

        “นั่งรอตรงนี้เดี๋ยวนะคะ ฉันจะไปเอาน้ำมาให้” ยูกิหันมาพูดกับมายุก่อนจะผายมือไปยังโซฟาหนังสีน้ำตาลเข้มเข้ากับโทนสีห้องรับแขกสไตล์ยุโรปซึ่งให้ความรู้สึกหรูหราและเก่าแก่

 

        มายุเดินเนิบๆไปนั่งที่โซฟาอย่างว่าง่าย แสดงออกกิริยาที่แสนเรียบร้อยประดุจหญิงไทยใจงาม หลังจากทิ้งตัวเอนหลังบนโซฟาแล้วมายุก็มองไปรอบๆห้องรับแขกที่มีแต่ของประดับที่ดูมีราคา

 

        หลังจากนั้นไม่นานยูกิก็ยกน้ำชามาเสิร์ฟแขกเพียงคนเดียวอย่างมายุ ทั้งสองนั่งคุยกันได้ซักพักก่อนที่ยูกิจะเป็นคนเริ่มเปิดประเด็น

 

        “งั้นก็…อย่างที่บอกไปเมื่อวาน ถ้าไม่รังเกียจอยากจะให้ช่วยดูห้องนอนให้ฉันหน่อยน่ะค่ะ”

 

        “ก็…ไม่ได้รังเกียจหรอกค่ะ…”

 

        ‘จะว่าไงดีล่ะ เข้าห้องนอนของคนที่เพิ่งรู้จักชื่อเมื่อไม่กี่ชั่วโมงเนี่ย มันไม่แปลกไปหน่อยหรอ’

 

        “ดีเลย งั้นตามฉันมาทางนี้เลยค่ะ” ยูกิไม่รอช้า รีบเดินนำมายุไปทางบันไดและเดินขึ้นไปยังชั้นสองซึ่งมีประตูห้องเรียงกันยาวราวกับห้องแถวหากแต่เพียงดูหรูกว่ามากเท่านั้นเอง

 

        “เอี๊ยดดดดด” ประตูไม้โอ๊ตแบบสองบานถูกเปิดออกพร้อมๆกัน แต่ไม่ได้ทำให้เห็นสิ่งที่อยู่ในห้องแต่อย่างใด เพราะแสงที่เล็ดลอดเข้ามาก็มีเพียงแสงจากประตูบานที่เปิดอยู่นี้เท่านั้น

 

        ยูกิเดินนำเข้าไปในห้องที่มืดมิดและเงียบสงัด มายุค่อยๆเดินตามเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

 

        “วืดดดด ปิ๊ง!” ไฟถูกเปิดขึ้นในพริบตานั้นเองยูกิก็ไปยืนอยู่ด้านหลังมายุโดยไม่ทันตั้งตัว มายุสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปเจอกับสิ่งที่ทำให้สะพรึงยิ่งกว่านั่นคือ

 

        “รูป…” รูปใบใหญ่ของผู้ชายมากหน้าหลายตาถูกใส่กรอบอย่างสวยงามและแขวนเรียงรายไว้รอบห้อง แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือ ทั้งๆที่ยูกิบอกว่าเป็นห้องนอนแท้ๆ แต่กลับไม่มีเตียงหรือสิ่งที่ใช้นอนได้อยู่เลย

 

        “ขอโทษที่ฉันโกหกคุณนะคะ จริงๆไม่ได้จะพามาห้องนอนตั้งแต่แรกแล้ว…”

 

        “ห้ะ?”

 

        “รูปพวกนี้เป็นรูปของคนรักเก่าของฉันเองค่ะ”

 

        ‘คนรักเก่า?!! นี่เธอคนนี้เป็นนักล่าผู้ชายรึไงเนี่ยยยย หน้าตาดูเป็นผู้หญิงประเภทเจ้าสาวมากกว่าอีก แต่…ทำไมรู้สึกจุกที่หน้าอกแปลกๆก็ไม่รู้แฮะ แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ’

 

        “แล้วทำไม…ถึงให้ฉันมาดูล่ะคะ “

 

        “ฉันมีเรื่องอยากจะให้คุณช่วยน่ะค่ะ”

 

        “ช่วย?”

 

        “หมับ! ฟุบบบ” ยูกิกดมายุจนล้มลงนอนกับพื้นที่ปูด้วยพรมทั้งห้อง

 

         “จะ จะ จะทำอะไรคะะะะ!!!!” มายุร้องตะโกน ร่างเล็กที่ข้อมือทั้งสองข้างถูกกดให้อยู่เหนือหัว ดิ้นสุดแรงเพื่อให้หลุดจากเงื้อมือร่างสูง

 

        “ขอร้องล่ะ…’ช่วย’ ฉันด้วยนะคะ” ยูกิเอ่ยขอร้องเสียงอ่อนพร้อมกับใบหน้าที่ถูกเจือด้วยสีชมพูระเรื่อ ดวงตาที่ดูมั่นใจแบบผู้ใหญ่เปลี่ยนเป็นสั่นไหว

 

        “(o///o)” มายุที่เห็นใบหน้าแบบนั้นของยูกิแล้วก็อดที่จะใจเต้นไม่ได้

 

        “นะ ขอร้องล่ะ ช่วย…”

 

        “เดี๋ยวๆๆๆ ถ้าจะขอความช่วยเหลือไปขอแฟนสุดหล่อของคุณนู่นสิคะ!!!”

 

         “ถ้าหมายถึงซาเอะล่ะก็ ไม่ใช่แฟนฉันค่ะ เค้าเป็นกระเทย”

 

         “หา!!!!!”

 

        ‘เสียดายความหล่อชะมัด…ไม่ใช่สิ แต่ถึงอย่างนั้น ผู้หญิงด้วยกันน่ะมัน…’

 

        ดิ้นไปดิ้นมามายุก็เริ่มจะหมดแรงข้าวต้อมจึงยอมจำนนคนที่คร่อมตนอยู่แต่โดยดี

 

        “…จะให้ทำอะไรก็บอกมาสิคะ” มายุหลบเบี่ยงหน้าหลบคนที่คร่อมตนอยู่ ใบหน้าของเธอแดงก่ำจนถึงใบหู ยูกิที่เห็นแบบนั้นจึงช้อนใบหน้านั่นขึ้นมาและใช้มือทั้งสองข้างทาบบนแก้มของมายุก่อนจะพูดต่อ

 

        “ช่วย…ฆ่าฉันทีเถอะค่ะ” ทันทีที่พูดประโยคสุดท้าย นัยน์ตาของยูกิเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าแทน ซึ่งนั่นทำให้มายุทั้งกลัวและประหลาดใจไปพร้อมๆกัน

 

        ‘หูฝาดไปใช่มั๊ยนะ ไม่จริงใช่มั๊ย’

 

        “ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ ถ้าคุณไม่ฆ่าฉันล่ะก็…”

 

         “…” มายุที่ยังคงถูกกดให้นอนอยู่นิ่งอึ้ง ในขณะที่ยูกิหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋า

 

        “ฉันจะฆ่าคุณแทน” สิ่งนั้นคือมีดพกนั่นเอง

 

        “กรี๊ดดดดดดด!!!!!!” มายุกรีดร้องด้วยความตกใจและสะพรึงกลัวสุดขีด เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าตนเองจะไปมาประสบพบเจอกับเหตุการณ์ที่สุดแสนอันตรายเช่นนี้ เธอพยายามดิ้นหลบมีดที่พุ่งตรงมายังหัวเธอหลายต่อหลายรอบ

 

        “ปึก!” เสียงของมีดที่ปักบนพรมเพราะมายุสะบัดหัวเลี่ยง

 

        “ปึก!”

 

        “ปึก!”

 

        “ปึก!”

 

        “ปึก!”

 

        “ฉึก!” เสียงมีดสั้นที่เฉือนเฉียดใบหน้าขาวเนียนของมายุ ทำให้เลือดไหลออกมาเป็นแนวยาว

 

        “โอ้ย!!” เสียงแหลมที่อุทานด้วยความเจ็บปวด และของเหลวสีแดงสดที่ไหลออกมาจากผิวหนังของร่างเล็ก ทำให้คนที่คร่อมอยู่ด้านบนชะงักเล็กน้อย นัยน์ตาที่ว่างเปล่าของยูกิกลับมาเป็นเช่นเดิมอีกครั้ง แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือมีของเหลวสีใสไหลออกมาจากดวงตานั้นด้วย คิ้วที่ชี้ขึ้นเปลี่ยนเป็นย่นเข้าหากันเล็กน้อย

 

        ‘ร้องไห้? เดี๋ยวสิ นั่นมันควรจะเป็นบทของผู้ถูกกระทำอย่างฉันมากกว่าไม่ใช่หรอ’

 

        “ขอโทษค่ะ ฮึก ฉันแค่…อยากตาย…ฮือๆๆๆๆ”

 

        ยูกิที่เป็นผู้ใหญ่และสุขุมตลอดเวลากลับนั่งร้องไห้ฟูมฟายบนพื้นราวกับเด็กๆ ภาพนั่นทำให้อีกคนลืมเรื่องที่ตนถูกกระทำเมื่อครู่ไปเสียสนิท

 

        “ใจเย็นๆนะคุณ เล่าให้ฉันฟังได้มั๊ย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” หลังจากที่ร้องไห้ได้ซักพักยูกิจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวของตนเองให้มายุฟัง ได้ความว่า

 

        ตัวเธอนั้นเคยใช้ชื่อว่า ยูกิริน ตอนนี้อายุ 74 ปี เคยเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงมากในญี่ปุ่นเมื่อ 50 ปีก่อน หลังจากที่อายุได้ 24 ปี เธอก็อำลาวงการด้วยเหตุผลบางอย่าง และนั่นก็คือ เธอป่วยเป็นโรค highlander syndrome (โรคฮอร์โมนผิดปกติทำให้ร่างกายหยุดการเจริญเติบโต)หลังจากที่รับรู้เรื่องโรคของเธอยูกิก็ย้ายมาอยู่ที่ประเทศไทยเพื่อหลบหนีสื่อมวลชน เธอได้พบรักกับผู้ชายหลายครั้ง อนึ่งเธอต้องเจ็บปวดเพราะความรักมามากเพราะเธอไม่อาจแก่และตายไปพร้อมๆกับคนที่เธอรักได้ ที่ผ่านมาจึงต้องพบเจอกับรักที่ต้องเลิกรา มีคนผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เป็นอดีตที่ยาวนานและขมขื่นทำให้เธอรู้สึกอยากตายหลายครั้ง ยูกิมีหลานสาวน่ารักหนึ่งคนชื่อว่า มิคุ มิคุถูกส่งตามให้มาอยู่กับเธอไม่นานเพราะยายของเธอเสียชีวิต มิคุมักจะเล่าเรื่องมายุให้ยูกิฟังเสมอทำให้ยูกิเริ่มรู้สึกสนใจในตัวมายุและชวนมายุมาที่บ้านเพราะหวังว่าคนดีอย่างมายุจะสามารถช่วยให้เธอหลุดพ้นได้

 

        “ฉันขอโทษจริงๆนะคะ ที่ฉันคุมสติไว้ไม่อยู่”

 

        “ไม่อยากเชื่อ…” มายุพึมพำกับตัวเองเบาๆ

 

        “คุณคงกลัวฉันสินะ สำหรับคุณฉันคงแปลก ผิดมนุษย์ เป็นตัวประหลาดใช่มั๊ย”

 

        “ฉันยังไม่ได้พูดเลยนะ”

 

         “…?”

 

        “ไม่เห็นแปลกเลย คุณ…เธอน่ะ ใจดีแล้วก็อ่อนโยนมากๆเลยต่างหาก เธอยอมตัดความสัมพันธ์ ยอมเจ็บปวดเพื่อไม่ให้คนอื่นต้องเจ็บปวดภายหลัง จะอยากตายก็ไม่แปลกหรอก แต่ว่านะ…”

 

        “…”

 

        “ดิ้นรนเพื่อมีชีวิตต่อไป และมีความสุขกับมันซะ!!!” มายุตะเบ็งเสียงสั่ง

 

        “!!!” ยูกิดวงตาเบิกกว้าง แค่เพียงประโยคสั้นๆนั้นทำให้ยูกิน้ำตาซึมออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

 

        “ยูกิ!!!” มายุตะเบ็งอีกรอบพร้อมกับเอาสองมือวางบนบ่ายูกิ และจ้องตาด้วยสีหน้าจริงจัง

 

        “มา…ยุ…”

 

        “เชื่อสิ ว่ายังมีคนที่เค้าพร้อมจะรักเธอ โดยไม่สนเรื่องโรคบ้าอะไรนั่น แม้จะต้องตายก่อน แม้เธอจะไม่เหมือนคนอื่น แต่เธอก็คือเธอ ฉันน่ะอยากมีชีวิตอยู่ เธอเองก็ต้องเหมือนกันแน่ๆ ชีวิตไม่ได้แย่ไปซะหมดนี่ ได้เกิดมาทั้งที อย่าเอาแต่คิดว่าอยากตายสิ รู้มั๊ย”

 

        “ฉัน…ฉัน…” ยูกิพูดเสียงสั่นเทา ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาเบาๆ

 

        “อดีตที่ขมขื่นน่ะ ปัจจุบันจะช่วยบรรเทาให้เอง แค่เธอกล้าที่จะเผชิญและยิ้มให้กับอนาคต ฉัน…จะคอยช่วยผลักดันเธอเอง” มายุพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ก็แอบหน้าแดงเล็กน้อย

 

        “ว่าแล้วเชียว มายุนี่เป็นคนดีจริงๆด้วย ฉันดีใจที่ได้เจอเธอนะ” ยูกิน้ำตาไหลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นน้ำตาแห่งความยินดี

 

        “ฉันเองก็ดีใจนะ”

 

        ‘ดีใจที่เป็นเธอนะ รักแรกและตลอดไปของฉัน’ มายุคิดในใจพลางส่งยิ้มให้ยูกิที่นั่งอยู่ตรงข้าม

 

        “เพราะฉะนั้น ตอนนี้ ขอให้ฉันได้ตอบแทนมายุบ้างนะ”

 

        “หือ?…” มายุเอียงคอสงสัย ก่อนที่ยูกิจะยื่นหน้าเข้ามากระซิบบ้างอย่างที่ข้างหู

 

        “อา อิ ชิ เต รุ” ก่อนที่ปากที่ใช้กระซิบนั้นจะเลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งมาอยู่ตรงหน้ามายุที่เขินจนเดือดเป็นกาต้มน้ำร้อน

 

        “จุ๊บ” ริมฝีปากของทั้งสองค่อยๆประกบกันอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล ก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆถอนจูบออกจากกัน และมองตากันหวานซึ้งอยู่พักใหญ่

 

         ‘ฉันจะรักและดูแลเธอตลอดไป’ เสียงความคิดของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกัน

 

        ‘เห้อออออ เหมือนว่าฉันจะรักใครบางคนจนโงหัวไม่ขึ้นซะแล้วล่ะ แถมอีกฝ่ายเป็นรุ่นคุณย่าอีกแหนะ แหมแต่ก็เอาเถอะ คุณย่าน่ารักซะขนาดนี้รักยังไงก็ไม่มีเบื่ออยู่แล้วล่ะนะ คิกๆ’

 

 

       “ในที่สุดก็สมหวังซะทีน๊าาาา คุณยาย” มิคุที่แอบดูอยู่ได้พักใหญ่ๆเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ายินดี

 

       “ความรักนี่ดีเนอะ” คนข้างๆมิคุเอ่ยขึ้นตามหลัง คนๆนั้นก็ไม่ใช่ใคร นาโกะนั่นเอง

 

        “เนอะ…”

 

       “นี่…มิคุริน เราสองคนทำแบบนั้นกันบ้างดีมั๊ย จูบน่ะ”

 

       “หะ เหหหหห!!!!!!”

นึกว่าย้วยจะโดนฆ่าตายซะละ หูยยยย

 

แต่คู่เด็กตอนท้ายนิ เสี่ยงคุกไปไหมลูก 

กินเด็กจิงๆ ยูกิอะนะที่กินอะ แต่มายถ้าจะกินเด็กเนี่ยต้องรอโตอีกหลายปีจนหน้าแก่ก่อนนะ เพราะยังไงยูกิก็หน้าเด็กอยู่แล้ว หุหุหุ

ปล.ขอบคุณสำหรับฟิคสนุกๆนะคับ

นึกว่าย้วยจะโดนฆ่าตายซะละ หูยยยย

แต่คู่เด็กตอนท้ายนิ เสี่ยงคุกไปไหมลูก

ยูกิแอบน่ากลัวนะเนี่ย
เด็กๆตอนท้ายทีแรกไม่มีนะคะ ไรท์ใส่เพิ่มทีหลัง
เสี่ยงคุกเร้าใจดี5555555

กินเด็กจิงๆ ยูกิอะนะที่กินอะ แต่มายถ้าจะกินเด็กเนี่ยต้องรอโตอีกหลายปีจนหน้าแก่ก่อนนะ เพราะยังไงยูกิก็หน้าเด็กอยู่แล้ว หุหุหุ
ปล.ขอบคุณสำหรับฟิคสนุกๆนะคับ

นั่นสิเนอะ มายุดีอ่ะมีแฟนหน้าไม่แก่5555

ปล.ขอบคุณมากค่าาาา