[2S] Promise+1 (WMatsui) <27/03/2557>

Promise

 

 

                “เค้าน่ะ รักเรนะจังนะ” เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นแบบสุด แววตาสั่นไหวมองจ้องไปยังหญิงสาวเบื้องหน้า หญิงสาวที่อายุมากกว่า หญิงสาวที่รู้จักมาตั้งแต่จำความได้ คนที่เด็กน้อยมอบหัวใจดวงเล็กๆนี่ให้ หมดใจ

                “พี่ก็รักเธอนะ จูรินะ” หญิงสาวที่อายุมากกว่าหัวเราะอย่างเอ็นดู พรางลูบหัวเด็กน้อยตรงหน้าเหมือนทุกที

                “เค้าจริงจังนะ!”

                “จ้าๆ”

 

                คำตอบรับนั้น ก็เหมือนกันทุกครั้ง แต่เพราะมันเหมือนทุกครั้งเนี่ยสิ ทำให้คิ้วของเด็กน้อยเริ่มจะเข้ามาจนเกือบชนกัน พร้อมน้ำใสๆที่ปริ่มเต็มดวงตากลมโต ทำเอาคนอายุมากกว่าถึงกับตกใจกับปฏิกิริยาของคนตรงหน้า เธอรีบก้มตัวลงมองเด็กน้อยที่ก้มหน้าไม่ยอมหันมามองเธอ

                “เป็นอะไรไปคนดี”

                “เค้า จริงจัง….ฮึก…นะ”

 

                ทั้งคำพูดและการกระทำ ทำให้รู้ได้เลยว่าเด็กน้อยคนนี้จริงจังมากแค่ไหน แต่ว่าจะ เธอเพิ่งจะ 8ขวบเองนะ คำว่ารักคืออะไรรู้แน่รึเปล่าก็ไม่รู้

                “อืม…นิ่งซะนะ” มือเรียวลูบหัวเด็กขี้แงอย่างอ่อนโยน “ตอนนี้เธอยังเด็ก”

                “เด็กไหม ไม่เห็นเกี่ยวเลย”

                “เกี่ยวสิ” หญิงสาวยิ้มน้อยๆ “เอาไว้เธอโตกว่านี้นะ”

                “แล้วต้องโตแค่ไหนละ” เด็กน้อยทำท่าฮึดฮัด ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นใช้ความคิด “งั้นถ้าเค้าโตพอแล้ว เรนะจังจะรับรักฉันไหม”

                หญิงสาวผงะไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำหลังออกมาจากปากของเด็กน้อย ไปเอาคำพวกนี้มาจากไหนนะ

                “อืม เมื่อถึงตอนนั้น พี่จะให้คำตอบกับเธอนะ”

                “สัญญาแล้วนะ”

                “อืม พี่สัญญา”

                นิ้วก้อยเรียวเกี่ยวพันกับนิ้วเล็กๆของเด็กน้อย รอยยิ้มไร้เดียงสานั้นทำให้หญิงสาวโล่งอก แต่ก็แอบหนักใจกับเรื่องในอนาคต ถ้าเด็กคนนี้เกิดจริงจังขึ้นมาจริงๆ เธอจะทำยังไงดีนะ

.

.

.

.

………………………………………………………………….

                “เรนะจัง ฉันเอาสมุดการบ้านมาส่ง”

                “เดี๋ยวเธอจูรินะ บอกแล้วไงว่าอยู่ที่โรงเรียนให้เรียกพี่ว่าครูน่ะ”

                หญิงสาวในคราบคุณครูกล่าวดุคนที่เป็นเหมือนน้องสาวของเธอ ที่ต้อนนี้มีศักดิ์เป็นลูกศิษย์ เรนะเป็นครูที่เพิ่งมาประจำได้ไม่นาน และมันก็บังเอิญเป็ฯโณงเรียนม.ปลายที่เดียวกับที่จูรินะเรียนอยู่…..บังเอิญซะที่ไหน ความบังเอิญอะไรนั้นน่ะ ไม่มีหรอก

                “ค่ะ คุณครูเรนะ”

                บอกได้คำเดียวว่าน้ำเสียงกวนมาก………เด็กที่แสนจะน่ารักไร้เดียงสา คอยวิ่งตามเธอ ร้องเรียก เรนะจัง เรนะจัง คนนั้นหายไปไหนกันนะ เหลือไว้แต่เด็กแสนกวนที่แสนจะป๊อบในหมู่สาวๆคนนี้

                ตอนเด็กๆก็เป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้พบเห็นอยู่แล้ว ด้วยความน่ารักและรอยยิ้มที่สดใส พอโตมา ก็พูดได้เต็มปากเลยว่าสวย และเท่ ก็ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะเป็นที่ชื่นชอบทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย แต่ก็เพราะแบบนั้นละมั้งเรนะเลยรู้สึกเหมือนเด็กน้อยในอดีตคนนี้กำลังจะวิ่งหายไป

                “เรนะจัง…?”

                “คุณครูสิ!” ย้ำอีกครั้ง “ขอบคุณที่เอาสมุดมาส่งนะ ไปได้แล้วละ”

                “…….นี่”

                “หืม?”

                “วันนี้กลับด้วยกันนะ”

                “อืม ก็ได้อยู่หรอก แต่พี่เลิกเย็นมากนะ”

                “อืม ฉันจะรอนะ”

                พูดจบเด็กสาวก็ขอตัวกลับห้องเรียนของตัวเองไป ทิ้งให้เรนะได้แต่มองตาม ไอ้น้ำสียงเหมือนอ้อนเมื่อกี้มันทำให้เธอใจเต้นไม่น้อยเลยทีเดียว

                “ดีจังน้า มีน้องสาวน่ารักๆแบบนั้นน่ะ”

                เสียงของผู้มาเยือนทำเอาเรนะถึงกับสะดุ้ง รีบไล่ความคิดแปลกๆในหัวออกไปก่อนจะหันมาเผชิญหน้าอีกฝ่าย

                “อิจฉาเหรอ ยูกิ”

                เรนะพูดยิ้มๆกับ ยูกิ เพื่อนที่เข้ามาบรรจุครูรุ่นเดียวกันกับเธอ สาวร่างสูงหุ่นดีเหมาะจะเป็นนางแบบได้แต่ถอนหายใจ “ถ้ามีน้องแบบนั้นนะ รักตายเลย”

                “แหม ถ้ามายุจังมาได้ยินคงเสียใจน่าดู”

                มายุจังที่พูดถึงก็คือน้องสาวข้างบ้านของยูกิ ที่ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ในมหาลัย สาวน้อยแสนน่ารักที่มีดีกรีเป็นถึงนางแบบนิตยสารแฟชั่น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอย่างนั้นรึเปล่าทำให้สาวเจ้าดูห่างเหินไป จากเด็กน้อยที่มักมาขอยืมหนังสือที่บ้าน กลับตีตัวออกห่าง ทำเอายูกิถึงกับซึมทุกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น

                “เด็กน่ะ สักวันก็ต้องโต แล้วบินออกจากอ้อมอกเรา” พูดพร้อมกับท่ารีแอคชั่นประจำตัว พร้อมโผเข้ากอดเรนะที่อยู่ข้างหน้า ทั้งสองส่งเสียวีดว๊ายจนโดนอาจารย์อาวุโสเข้ามาดุทั้งคู่

.

.

..

.

.

                   หลังเลิกเรียน เป็นเวลาที่เด็กๆทั้งหลายกำลังเตรียมตัวกลับบ้าน ไม่ก็ทำกิจกรรมชมรม แต่จูรินะกลับทำแค่เข้าไปนั่งฆ่าเวลาในห้องสมุด หยิบหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้ออกมาอ่าน รอเวลาที่พี่สาวเมื่อวัยเด็กของเธอเลิกงาน ร่างสูงมองจ้องบรรดาตัวหนังสือที่เรียงรายอยู่เต็มหน้ากระดาษ แต่ไม่อาจจะเข้ามาแล่นในหัวเขาได้เลย จูรินะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ จ้องมองไปที่นิ้วก้อยของตัวเอง

                  “เรนะจัง จะยังจำได้ไหมนะ”

                   บ่นพึมพำอยู่กับตัวเองคนเดียว ก่อนจะรู้สึกถึงแรงสั่นในกระเป๋ากระโปรง ร่างสูงหยิบมันออกมาดูก็ฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นชื่อเจ้าของเมล์  รอยยิ้มแบบที่ไม่มีใครเคยได้เห็น เพราะเขามอบมันให้กับความรักของเขาเท่านั้น จูรินะเก็บข้าวของก่อนจะเดินออกจากห้องสมุด มุ่งหน้าไปยังห้องพักครู ที่ๆคนที่ทำให้เธอยิ้มได้แบบนี้อยู่

 

                    “เรนะจัง” จูรินะเปิดประห้องก็ตรงเข้าไปหาคุณครูทันที เรียกให้เจ้าของชื่อหันมามองอย่างดุๆ ซึ่งก็รู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร “ไม่เห็นเป็นไรเลย นี่ก็เลิกเรียนแล้วด้วย”

                 “แต่ก็ยังอยู่ในโรงเรียนนะ”

                   “…….ค่ะ”

“ฮ่า เอานาเรนะ เคร่งมากๆเดี๋ยวโดนเกลียดนะ” ยูกิเดินเข้ามาตบไหล่เรนะอย่างอารมณ์ดี

“จ่ะ ไปหาน้องสาวที่รักของเธอเถอะ”

อารมณ์ดีจนน่า………. แค่มายุโทรมาชวนไปกินข้าวเย็นถึงกับลิงโลดเชียวนะ

“รู้นะคิดไร งั้นฉันไปละ กลับดีๆนะมัตสึยจัง”

 

                    จูรินะโค้งตัวน้อยๆให้ยูกิ มองตามอาจารย์สาวอีกคนหนึ่งออกจากห้องไป ก่อนจะหันกลับมามองเรนะตาใสเป็นเชิงถามว่า จะไปกันรึยัง ทำเอาหญิงสาวถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆกับท่าทีที่เหมือนลูกหมาของเด็กน้อย แต่พอเห็นสีหน้าสงสัยของอีกคนส่งมาก็ได้แต่บอกปัดไปว่าไม่มีอะไร ก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าของตัวเองและเดินนำหมาน้อยออกจากห้องไป

.

.

.

.

                      ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับเข้าบ้านของตัวเอง จูรินะได้แต่นอนคิดถึงเรื่องเก่าๆ ที่เขาเคยวิ่งเล่นกับเรนะ ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เขาตกหลุมรักพี่สาวคนนี้ ในตอนนั้น ตอนที่พวกเขาสัญญากัน เขาไม่เคยลืม เพราะทุกครั้งที่ได้เจอกับเรนะ มันยิ่งทำให้เขามั่นใจในความรู้สึกที่เต้นอยู่ในอก ผ่านมาเกือบ10ปี ไม่เคยเปลี่ยนไป มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นจนเริ่มทรมาน ร่างสูงกุมอกตัวเองไว้ คิ้วขมวดเข้าหากัน ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงปล่อยหัวให้ว่าง แต่ก็ถูกเสียงโทรศัพท์บ้านมาทำลายความตั้งใจเสียก่อน เขาเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินลงไปยังชั้นล่างของบ้านตามเสียงโทรศัพท์

“ฮัลโหล”

“อ่ะ จูจังเหรอลูก”

“คุณแม่?”

“จ่ะ คือว่าวันนี้แม่มีงานด่วนที่ต่างจังหวัดนะลูก คงไม่ได้กลับ”

ว่าไงนะ!

“ในตู้เย็นมีอาหารอยู่ หนูเอามาอุ่นซะนะ”

…………..

                สายตัดไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าในหัวของเขานั้นมีอยู่คำเดียววนไปวนมา คืนนี้ต้องอยู่บ้านคนเดียว!

 

…………….

                ปิ้งป่อง~

                “ค่า~”

                เรนะเปิดประตูมาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นจูรินะยืนก้มหน้าอยู่หลังบานประตู เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมามองคนที่มาเปิดประตูให้ก่อนจะยิ้มหัวเราะแห้งๆ

                “วันนี้ฉันขอค้างด้วยสิ คุณครูเรนะ”

                “ทีงี้ละมาเรียกครูนะ”ได้แต่ยิ้มกับความแก่นของน้องสาว “เข้ามาสิ”

                เมื่อได้รับคำเชิญก็ยิ้มร่าสดใสทันที ทำเอาเรนะรู้สึกเหมือนโดนอะไรบางอย่างมาแทงที่อก ก่อนจะสะบัดหน้าไปมา และเดินตามเด็กน้อยที่หายเข้าไปในครัวของบ้านเธอแล้ว

                “วันนี้คุณป้าไม่กลับบ้านละสิ”

                เหมือนแทงใจดำ มือเรียวที่กำลังจะเอื้อมไปเปิดตู้เย็นถึงกับชะงัก หันมายิ้มแห้งให้เจ้าของบ้านอีกครั้ง เรนะได้แต่ถอนหายใจ ตรงจุดละนะ ที่ไม่ว่าจะโตแค่ไหนก็ยังไม่เปลี่ยน ไอ้โรคกลัวผีเนี่ย

                “อ่ะ บอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ได้กลัวนะ!”

                แหม น่าเชื่อมาก

                “ฉันแค่คิดว่า ไหนๆเรนะจังก็อยู่คนเดียว ก็เลยมาอยู่ด้วยยังไงละ” (พ่อกับแม่ของเรนะทำงานที่ต่างประเทศ)

                อ้างไปเรื่อยเลยนะ……..”งั้นเดี๋ยวพี่ไปเตรียมห้องไว้ให้ละกัน” วางท่าซะ แกล้งสักหน่อยละกัน

                “เอ๊ะ! ไมอ่ะ ฉันอยากนอนกับเรนะจังมากกว่านะ”

                “ไม่ใช่ว่ากลัวเหรอจ่ะ”

                “ใครว่าฉันกลัวละ!!”

                “งั้นก็นอนคนเดียวได้สิ โตแล้วนี่เนอะ”

                “……….”

                ถึงกับพูดต่อไม่ออกเลยทีเดียว ได้แต่เงียบมองหญิงสาวที่หายขึ้นไปจัดเตรียมห้องไว้ให้เธอ

 

                เรนะนั่งเขียนแผนการสอนที่จะเอาไปใช้สอนในวันพรุ่งนี้อยู่ก็ถูกเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาขัด หญิงสาวเหลือบไปมองนาฬิกา เที่ยงคืนแล้ว

                “นอนไม่หลับเหรอ จูรินะ” ถามยิ้มๆ ทั้งๆที่ก็รู้อยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่าเด็กคนนี้ต้องมาเคาะแน่ๆ

                “อืมมมม”

                ตอบรับอย่างนั้น แต่ตาเหมือนจะปิดอยู่แล้ว เรนะจึงต้องจูงมืออีกคนให้เดินเข้ามาในห้อง

                “เธอนอนไปก่อนเลยนะ พี่ขอทำงานก่อน”

                “……..”

                ไม่มีเสียงตอบกลับ แต่ร่างสูงก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มตาพยายามปรือมองหญิงสาวที่ส่งสายตาอ่อนโยนมากให้ มือเรียวยกขึ้นลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ ก่อนจะหันไปทำงานของตัวเองต่อ เมื่อจัดแจงทุกอย่างเสร็จ เรนะก็ยกแขนบิดไล้ความเมื่อล้าออก ก่อนจะรู้สึกถึงสายตาที่มองเธออยู่

                “ยังไม่นอนอีกเหรอจูรินะ” นี่มันจะตีหนึ่งแล้วนะ

                “อือ ……….” ตอบแค่นั้น ด้วยความง่วงที่พยายามฝืนอยู่ ร่างสูงจึงทำแค่เอื้อมมือไปดึงชายเสื้อของอีกคนไว้ กระตุกมันเบาๆเป็นการสื่อถึงบางอย่าง ที่เรนะก็รู้ดีว่ามันคืออะไร

                ร่างบางลุกขึ้นเดินไปที่เตียง ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม ทันทีที่ล้มตัวลงนอน ร่างสูงของเด็กน้อยก็ตรงเข้ามาซุกอยู่ในอ้อมกอดของเธอทันที เรนะยิ้มน้อยๆกับความน่าเอ็นดูตรงส่วนนี้ที่ยังคงไม่เปลี่ยนไป มือเรียวยกขึ้นลูบหัวของอีกคนในอ้อมกอดเบาๆ

                ร่างในอ้อมกอดหลับไปนานแล้ว แต่ตัวเธอนั้นยังคงตาสว่างอยู่ในความมืด เฝ้าคิดไปถึงสัญญาเด็กๆเมื่อครั้งอดีต เธอจะยังจำมันได้ไหมนะ

.

.

.

.

                “ฉันรักเธอนะ จูรินะ”

 

 

 

 

 

 

*****************************

 

ตัดจบเสียดื้อๆเลยค่ะ (ฮ่า)

ด้วยความง่วง แต่งมาแบบมึนๆนะค่ะ 

จู่ๆมันก็ผุดขึ้นมาในหัว เห็นช่วงนี้เบิ้ลอิเล่นบทครูศิลย์เยอะ เลยอยากสนองนีทบ้าง

(แต่มาจบได้ค้างมาก)

 

แหะๆ

♥ขอบคุณทุกท่านที่หลงเข้ามานะค่ะ♥

ทำไมถึงจบแบบนี้ละคะ… เจ้าจูรู้รึยังว่าถูกรักตอบแล้ว…

ค้างงงงง ค้างค่ะไรท์เตอร์! orz

ค้างอ่ะ  แต่สนุกมากมาย //แต่งSPหน่อยเหอะ

ฮือออออ เรนะเค้าบอกรักตอบไปแล้วแต่จูรินะรู้หรือยังงงง เดาว่ายัง เพราะคงหลับลึกอยู่ 5555555555555555555 ชอบจังเลยค่ะ อ่านแล้วอบอุ่นดี ไหนใครบอกกัน ว่าถ้าเด็กมันจริงจังจะทำยังไงดี ไหงมาตกหลุมรักเด็กเหมือนกันล่ะคะคุณครูเรนะ ♡ 55555555555

 

มาต่อเถอะนะคะ สงสารเด็กที่หลับไปแล้ว…. ; – ; ♡

ไรเตอร์! ไรเตอร์!! ไรเตอร์!!! ตื่นนนนน!!!!

มาเขียนต่อก่อนสิคะ!!! มาทำให้อยากแล้วก็จากไป 

ต่างคนก็ได้แต่คิดว่าอีกฝ่ายลืมมมม-0- ตื่นมาลงต่อเลยน้าาาาา

ไรเตอออออร์ ตื่นๆๆๆๆ//เขย่าๆ//มาเขียนต่อมันค้าง

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่เอาจบแบบนี้ ไม่เอาค้างแบบนี้ ไม่ยอม #ดิ้นไปดิ้นมา #โดนตบ

ใครก็ได้มาปลุกอิจูที!!!

สนุก+น่ารักมากเลยย น้องจูน่ารักน่าเอ็นดูมุ้งมิ้ง

เเต่ไรเตอร์คะ *ส่งกาวไปให้* ต่อให้หน่อยค่ะ 55555 m(>w<)m

ไรท์เตอร์ ขอตอนต่อทีนึงค่าาาา –มันใช่ก๋วยเตี๋ยวเร๊อะะะ–

 

แหม ให้จูตื่นแล้วจับเรนะกดโลดดด 

กรี๊ดดดดดดดด//ฟิน

บอกคำเดียวเลยค่ะ ว่า ‘ค้าง’

 

ฟินจะตายอยู่แล้วมาตัดจบดื้อๆ ดิ้นแปปY^Y

แน่จริงก็บอกตอนเด็กมันตื่นสิ่คะ!!!!

ป.ล.มาต่อเลยค่ะ ค้างมาก 55555555

อุ้ย ค้างจุง อยากเห็นเฮียเรนกินเด็ก เอ้ยไม่ใช่ แหะๆ

อยากอ่านต่ออ่า ชอบแนวนี้จุง

เด็กน่ารัก เฮียก็น่ารัก สรุปว่าน่ารักทั้งเรื่อง

แต่ว่ามัน ค้างค่ะ

อย่าเพิ่งจบมาสิค๊าาาา มาต่อเถอะ 

คือใจตรงกันแต่ไม่มีใครเริ่มพูดเรื่องสัญญาสินะ5555

จูตื่นดิเฮ้ยจูตื่น //เอะแต่ถ้าตื่นเรื่องก็จบเร็วไม่เอาๆ ฮาาาาา

มาเฝ้ารอติดตามนะคะ><

01—

                “ฉันรักเธอนะ จูรินะ”

.

.

.

                “อืม………….”

                เฮือก!!!

                เสียงครางบวกกับการขยับตัวของคนในอ้อมกอดทำเอาเรนะถึงกับหายใจผิดจังหวะ ก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลงโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ละเมองั้นเหรอ  เรนะค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมายาวๆอย่างโล่งอก ก่อนจะกำชับอ้อมแขนของตัวเองแน่นยิ่งขึ้น และจมลงสู่ห่วงนิทรา

 

………………………………………

                “อาจารย์เรนะจัง! ”เสียงของเด็กน้อยดังขึ้นระหว่างที่หญิงสาวกำลังเดินไปยังห้องเรียนที่ตนประจำชั้นอยู่ ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร “ตื่นแล้วไมไม่ปลุกเค้าอะ!

                “ฉันปลุกแล้วนะ เธอต่างหากที่ไม่ตื่นน่ะ จูรินะ” หญิงสาวมาดคุณครูผู้รวดผมมัดเป็นหางม้าสวมแว่นตาเค้ากับรูปหน้าหันมาทำตาดุใส่เด็กน้อยที่มาโวยวายใส่เธอ ทั้งๆที่เธอก็ปลุกแล้วแท้ๆแต่เจ้าเด็กน้อยไม่ยอมตื่นเองต่างหาก

                “ชิ”

                “นี่! เดี๋ยวเถอะ ถ้าเธอเข้าห้องทีหลังฉัน ฉันจะเช็คสายนะ”

                ห้องที่เรนะประจำอยู่ ก็เป็นห้องของจูรินะนั้นละ ได้ยินอย่างนั้นเจ้าตัวแสบก็ทำหน้าตื่นรีบวิ่งนำเรนะไป ให้ครูสาวต้องตะโกนบอกว่าอย่างวิ่งบนทางเดิน

               

                ครืน….

                เรนะเปิดประตูเข้ามาในห้อง นักเรียนทุกคนต่างหันมามองก่อนจะรีบกลับไปนั่งที่ของตัวเอง เรนะมองไปทั่วห้องสำรวจความเรียบร้อยเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเช็คเด็กในชั้นเรียนของตน

                “เอาละ ครูมีข่าวจะมาแจ้งให้ทราบนะ” หลังจากเช็คชื่อเรียบร้อยแล้วเรนะก็เริ่มชี้แจง “อย่างที่รู้กันว่าช่วงนี้ใกล้จะถึงงานเทศกาลที่ว่าแล้วนะ”

                “งานกีฬาใช่ไหมคะ”

                “ปีนี้ห้องเราต้องเอาที่หนึ่งมาให้ได้!

                “โอ้ว!

                เกิดเสียงแซงแซ่ดดังขึ้นทั่วห้องด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าทุกคนในห้องนี้จะอยู่ม.ปลายปี2กันแล้ว แต่ความตื่นเต้นแบบเด็กๆนี่ก็ยังดูสดใสอยู่เสมอ ทำให้เรนะยิ้มออกมาบางๆก่อนจะเรียกความสนใจของทุกคนกลับมา

                “เอาละๆ อย่างที่รู้กันนะ งานกีฬาของเราจะมีแบ่งเป็นประเภทเดี่ยวและทีม เรามาหาคนที่จะแข่งในประเภทต่างๆกันดีกว่า”

 

                เสียงทุกคนเต็มไปด้วยความคึกคัก ต่างคนต่างเลือกสิ่งที่อยากแข่ง บ้างเสนอชื่อเพื่อนขึ้นมาบ้าง นอกจากด้านกีฬาแล้ว ยังมีกรรมการฝ่ายพยาบาลประจำห้องและมีฝ่ายเชียร์ด้วย ต่างคนต่างแบ่งหน้าที่ตามสิ่งที่ถนัดกันเสร็จสรรพ เรนะมองดูรายชื่อบนกระดาษอย่างพอใจ แต่ก็อดสังเกตไม่ได้ว่ามาชื่อของคนๆหนึ่ง ที่ลงอยู่หลายอย่างเหลือเกิน

                “คุณมัตสึยไม่ลงเยอะไปเหรอ” ทั้งวิ่งเดี่ยว วิ่งพลัด กระโดดเชือก วิ่งวิบาก

                “อย่าเรียกกันห่างเหินอย่างนั้นสิเรนะจัง”

                “อาจารย์จ่ะ” หันไปส่งสายตาดุๆใส่เด็กปากกล้า “แล้วเธอไหวเหรอ เยอะขนาดนี้”

                “ฉันจำได้ว่ายกมือแค่วิ่งเดียวนะ” จูรินะนึกถึงตอนที่กำลังเลือกๆกีฬากันอยู่ เพราะเธอแค่อยากวิ่งอย่างเดียว

                “ก็มัตสึยจังน่ะวิ่งเร็วน่ะสิ”

                “แรงก็เยอะด้วย”

                “เคยเป็นนักกีฬาด้วยนี่”

                เพราะกิตติศัพท์ต่างๆทำให้เพื่อนๆเสนอชื่อของเธอออกมากัน จูรินะทำหน้าเหนื่อยๆนิดหน่อยแต่ก็ไม่ขัดอะไร แข่งก็แข่งสิ สบายๆอยู่แล้ว

                “เอางั้นเหรอ แต่ยังไงเดี๋ยวจัดตัวสำรองเผื่อไว้ละกันนะ” เกิดล้มพับไป กันไว้ก่อนดีกว่า

                “ค่า~

……………………………

                ช่วงนี้ เวลาหลังเลิกเรียนของพวกเด็กๆส่วนใหญ่จะถูกใช้เพื่อฝึกซ้อมสำหรับงานกีฬาที่ใกล้เข้ามา และก็เพราะมีใครไม่รู้ปล่อยข่าวว่า ห้องที่ทำคะแนนสูงสุดในแต่ละระดับชั้นจะได้ของรางวัลพิเศษจากผอ.ด้วย ทำเอาบรรยากาศในโรงเรียนตอนนี้เต็มไปด้วยเพลิงแห่งการเอาชนะ ร้อนระอุไปทั่ว

                “เห็นแบบนี้แล้วก็นึกถึงสมัยเด็กๆเลยน้า” ยูกิที่ยืนคู่อยู่กับเรนะอยู่ริมสนามบ่นขึ้น

                “พูดเป็นคนแก่ไปได้”

                “ฮือ…..”

                ทั้งสองกำลังยืนดูเด็กๆฝึกซ้อมกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่คงไว้ด้วยความสนุกสนาน เหงื่อของวัยรุ่นนี้เหมือนยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงอายุของอาจารย์ทั้งสองจริงๆ คนทั้งสองได้แต่ถอนหายใจออกมา

                “ว่าแต่มัตสึยจังนี่ไม่เลวเลยนะ” ยูกิพูดเมื่อมองไปเห็นเด็กที่กำลังเตรียมตัววิ่งอยู่ที่อีกฝั่งของสนาม สัญญาณดังขึ้นพร้อมกับขายาวที่ก้าวออกไปข้างหน้า ความเร็วนั้นทำเอายูกิอดที่จะตะลึงไม่ได้ ถ้าเด็กคนนี้เข้าชมรมกรีฑาคงได้หลายเหรียญทองแน่ๆ

                “จูรินะวิ่งเร็วมาแต่เด็กแล้วละ” เรนะพูดขึ้นพรางนึกถึงเมื่อก่อนที่ทั้งสองมักจะวิ่งเล่นด้วยกันเสมอ และแน่นอน เธอทำได้แค่วิ่งตามเด็กน้อยสุดแก่นเท่านั้น แต่ภาพในวันวานของเด็กน้อยที่ยิ้มแย้มนั้นก็ทำให้เธออดที่จะแอบยิ้มออกมาไม่ได้

                “นั่นแน่ ยิ้มอะไรจ่ะสาวน้อย” ยูกิที่เห็นก็หันมาแซวให้เรนะหน้าขึ้นสี “เพลาๆหน่อยสิจ่ะแม่โลลิ”

                “จ่ะ ว่าแต่คนอื่นนะ เธอก็ไม่ต่างจากฉันหรอก”

                “พูดไรไม่รู้เรื่อง” ยูกิทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แสร้งมองไปทางอื่นทำเอาเรนะอดจะหมั่นไส้ไม่ได้ เลยะประทานหมัดเข้าที่ต้นแขนไปที เรียกรีแอคชั่นตลกๆออกมาให้ได้หัวเราะกัน

 

                จูรินะยืนเหม่อมองเพื่อนในวัยเด็กที่เป็นเหมือนพี่สาวเมื่อครั้งเยาว์วัย ภายในอกนั้นเจ้าก้อนเนื้อน้อยๆกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่ใช่จากการวิ่ง แต่เป็นเพราะคนที่อยู่ในสายตา ร่างสูงก้มลงมองมือทั้งสองข้างของตัวเองก่อนจะกำมันจนแน่น เขาตัดสินใจแล้ว

                หลังจบงานกีฬาเขาจะต้องบอกความรู้สึกกับเรนะให้ได้

.

.

.

.

                งานกีฬาสี

ปุ้ง! ปุ้ง!

                เสียงพลุถูกจุดขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มงานกีฬาประจำปี เสียงเชียร์ดังขึ้นจากทุกที่ อย่างไม่ยอมแพ้ เช่นเดียวกับนักกีฬาทุกคนที่กำลังแข่งกันโดยไม่มีใครยอมใคร แต่เมื่อมีคนชนะก็ย่อมมีคนที่แพ้ แต่ไม่ว่าจะเจ็บใจหรือเสียใจ ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แม้จะจริงจังที่จะคว้าชัยชนะ แต่ก็ไม่มีใครลืมที่จะสนุกไปกับมัน เป็นภาพที่ทำเอาเหล่าอาจารย์ทั้งหลายซาบซึ้งไปตามๆกัน

 

                “เรนะจังๆ”

                “…………..”

                “เรนะ..อ่ะ …..อาจารย์เรนะ”

                “ว่าไงคุณมัตสึย”

                “โธ่ ขอละอย่างเรียกแบบนั้นสิ เราก็นามสกุลเดียวกันแท้ๆ”

                จูรินะบ่นงุบงิบ ไม่ชอบที่เรนะต้องมาเรียกเข้าด้วยนามสกุลเลย มันรู้สึกห่างเหินยังไงชอบกล ตัวเขาเองก็ไม่อยากเรียกเธอว่าอาจารย์ก็เพราะแบบนี้แหละ แต่ถ้าไม่เรียกอีกคนก็ไม่ยอมหันมาเนี่ยสิ

                “แล้ว มีอะไรเหรอ จะแข่งแล้วนี่” เรนะถาม

                “คือว่านะ” จูรินะก้มหน้าเกาหัวแกรกๆ “หลังจบงานน่ะ ฉัน เออ มีเรื่องอยากบอกกับเรนะจังนะ”

                “หืม? เรื่องอะไรล่ะ”

                “ก็เอาไว้คุยหลังจบงานไง นะ”

                “จ้าๆ” เรนะยิ้มตกลง เรียกรอยยิ้มสดใสที่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ไม่เคยเปลี่ยนของคนตรงหน้าออกมา ทำเอาอดใจเต้นไม่ได้จริงๆ

                “งั้นฉันไปก่อนนะ”

                “อืม อ่ะจูรินะ!

                “หืม?” ร่างสูงหยุดตามเสียงเรียก

                “สู้ๆนะ”

                “อืม!

                กำลังกายเตรียมพร้อม กำลังใจเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการแข่งแบบไหน จูรินะก็มั่นใจว่าเขาไม่มีทางแพ้แน่นอน

 

………………………………..

                หลังจากการแข่งสิ้นสุดลง ผลการแข่งขันรวมก็ออกมา ห้องของจูรินะได้คะแนนสูงสุด และพบว่ารางวัลใหญ่คือขนมหวานสุดสเปเชี่ยลในช่วงพักกลางวันตลอดทั้งสัปดาห์ มันก็เป็นของรางวัลเล็กๆน้อยๆแต่ก็ไม่มีใครบ่นสักคน กลับกันทุกคนต่างส่งเสียงร้องดีใจกันใหญ่ ทำให้ผอ.โล่งอกทันที เพราะไอ้ข่าวลืออะไรนั้นมันเรื่องจริงที่ไหนละ ที่เขาเตรียมทันก็มีแค่นี้แหละ เห็นเด็กๆพอใจก็โล่งอก

 

                ในช่วงค่ำหลังจากที่เก็บกวาดสถานที่เสร็จ ก็มีการชุมนุมเต้นรำรอบกองไฟเป็นแระเพณีเล็กๆที่มักจัดขึ้นหลังงานเทศกาลต่างๆ นักเรียนทุกคนต่างพูดคุยส่งเสียงหัวเราะกันสนุกสนาน บ้างก็ออกมาเต้นแปลกๆหน้ากองไฟให้เพื่อนๆได้หัวเราะกัน แต่ท่ามกลางแสงไฟนั้น ได้มีคนสองคนเดินแยกตัวออกมา

                จูรินะเดินเข้าไปหาเรนะและพาเดินออกมาจากตรงนั้น เข้าใต้เงาของตึกเรียน

                “จูรินะ?”

                “เรื่องที่จะคุยด้วยน่ะ”

                “หืม? อ้อ…” มัวแต่เพลินไปหน่อย เกือบลืมไปเลย “เรื่องอะไรล่ะ”

                “คือว่านะ….” จูรินะก้มหน้า แม้จะมืด แต่แสงจากกองไฟที่อยู่ห่างออกไปก็ทำให้พอเห็นแก้มใสนั้นขึ้นสีระเรื่อจางๆอยู่ “แบบว่านะ”

                “อาฮะ”

                “คือ…………”

                อึกอักจนเรนะเริ่มจะรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ หญิงสาวเอื้อมมือขึ้นไปลูบหัวเด็กน้อยตรงหน้าเบาๆ หวังจะให้เขาผ่อนคลายลง แต่ดูเหมือนจะตรงกันข้าม เพราะจูรินะยิ่งหน้าแดงขึ้นไปอีก จากแค่อ้ำอึ้งคราวนี้เงียบไปเลย

                “จะพูดไหมเนี่ย จูรินะ”

                ถึงจะหงุดหงิด แต่ภาพตรงหน้ามันช่างน่ารักเสียจริง เด็กน้อยที่พอจะรู้ว่าอีกคนเริ่มหัวเสียที่เธอมัวแต่ยึกยักอยู่ก็รีบเงยหน้าขึ้นมาอย่างร้อนลน

                “พะ…….พูดสิ พูดๆ เรนะจังอย่าเร่งสิ ไม่ใช่วัยรุ่นแต่ใจร้อนจัง”

                ปึด!

                เสียงเส้นบางอย่างตรงขมับของเรนะดังขึ้นมาพร้อมมุมปากที่กระตุกขึ้นมา มือเรียวจากที่ตอนแรกลูบหัวอยู่ก็เปลี่ยนมาเป็นขยี้อย่างแรงทันทีโดยไม่สนใจเสียงโอดครวญของจูรินะเลยแม้แต่น้อย บังอาจมาหลอกด่าเธอได้นะ

                “โอ้ย!! พอแล้ว จะฟังไหมเนี่ย!!!

 

                จูรินะคว้ามือที่ขยี้หัวเขาอย่างไม่ใยดีมากุมไว้ ก่อนจะเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้อีกคนมองซบตาด้วยแววตาจริงจัง ดวงตาที่เป็นประกายนั้น ทำให้เรนะอดที่จะเขินไม่ได้ ใกล้เกินไปแล้ว หญิงสาวรีบเบือนหน้าหนีก่อนจะกระแอมไอเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง

                “ก็รอฟังอยู่เนี่ย ว่ามาสิ”

                “ฮึม! จูรินะสูดลมเข้าปอดเฮือกใหญ่เป็นการรวบรวมความกล้าก่อนจะพูดเข้าเรื่อง “เรนะจัง จำสัญญาของเราได้ไหม”

                ตึกตัก!!

                ใจที่พยายามทำให้สงบลงเมื่อครู่ กลับมาเต้นระรัวอีกครั้ง คราวนี้มันเต้นแรงกว่าเก่าเสียอีก ดวงตากลมสีน้ำตาลเข้มมองจ้องเด็กน้อยเบื้องหน้า ที่ยังคงจ้องมาที่เธอด้วยแววตาจริงจังไม่เปลี่ยน อยากจะหลบแต่ก็มีบางอย่างดึงดูดให้เธอมองมันอยู่อย่างนั้น เธอไม่ได้ตอบคำถาม ทำเอาจูรินะอดที่จะรู้สึกกลัวปนน้อยใจไม่ได้ แต่ก็ทำใจกล้าพูดต่อ

                “ทุกวันนี้มันยังเหมือนเดิมนะ” น้ำเสียงสั่นอย่างเห็นได้ชัด มันบ่งบอกว่าเขาประหม่าแค่ไหน คำๆเดียวกันแท้ๆแต่ทำไมมันช่างพูดยากจังทั้งๆที่ในวัยเด็กนั้นมันออกมาจากปากเขาแสนง่าย เขาสูดหายใจเข้าอีกครั้ง “ถึงแม้ว่าเรนะจังจะจำมันไม่ได้ก็เถอะ แต่ว่านะ…..”

                “จำได้สิ”

                “เอ๊ะ?”

                “ฉันต่างหากละที่นึกว่าเธอลืมไปแล้ว”

                “ใครมันจะไปลืมได้เล่า แม้สักวันก็ไม่เคย”

                “แต่ว่า………”

                “อย่างเพิ่งปฏิเสธ” จูรินะรีบดักทางไว้ก่อน เขากลัว กลัวมากๆ “รอให้ฉันบอกก่อน นะ”

                “อืม”

                จูรินะมองใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีชมพู ไม่ใช่เพราะเครื่องสำอาง แต่อาจเป็นเพราะแสงจากเปลวไฟ แต่จะเพราะอะไรก็ช่าง ไม่ว่ายังไงคนตรงหน้าก็ช่างงดงามสำหรับเขาเสมอ ต่อให้ต่อจากนี้ทุกอย่างมันจะ………..

                “ฉัน รักเรนะจังนะ”

                “อืม รู้อยู่แล้วละ”

                “อืม”

                “แต่ว่านะ…….” ใช่ว่าเธอไม่รัก ใช่ว่าเธอไม่อยากตอบรับความรู้สึกของเขา แต่ว่า “ตอนนี้น่ะ ฉันเป็นครู และเธอเองก็เป็น นักเรียน…ฉัน”

                น้ำใสๆเริ่มไหลอาบแก้มเนียนทั้งสองข้าง จูรินะเห็นอย่างนั้นก็รีบยกนิ้วขึ้นเกลี่ยน้ำใสๆนั้น เจ็บปวดกับภาพที่เห็นมากกว่าคำพูดที่ได้ยิน แต่เมื่อคิดทบทวนสิ่งที่เรนะพูด นั้นมันยังไม่ใช่คำตอบของความรู้สึก

                “ขอโทษนะ เรนะจัง แต่ว่า ถ้าตอนนี้เราไม่ได้มีสถานะแบบนั้นละ ถ้าเราไม่ใช่ครูกับศิษย์ละ ”

                จูรินะกลั้นใจถามอีกครั้ง เขาเห็นส่ายตาที่สั่นไหวของเรนะเริ่มเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด เธอกำลังคิด ว่าควรจะตอบตามที่ใจนั้นเรียกร้องไหม

                “ฉันไม่สนเรียกครูศิษย์อะไรนั้นหรอกนะ เรนะจัง ไม่สนด้วยว่าใครจะมองยังไง ฉันแค่อยากรู้ ความรู้สึกที่แท้จริงของเรนะจัง ต่อให้มันเป็นคำปฏิเสธก็ไม่เป็นไร ต่อให้เรนะจังเกลียดฉันก็ไม่เป็นไร”

                น้ำเสียงที่ฉายแววกังวลนั้น ทำให้ใจของเรนะแทบจะอ่อนยวบ

                “ฉันไม่ได้เกลียดเธอนะ จูรินะ” ร่างบางสะอื้นน้อยๆ “ไม่มีวันเกลียดเธอลงหรอก แต่ฉันกลัว”

                “ฉันจะปกป้องเรนะจังเอง ฉันสัญญา เพราะเรนะจังคือคนที่ฉันรักยังไงละ”

                น้ำเสียงที่อ่อนโยนและหนักแน่น มันทำให้เรนะสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ร่างบางจับมือเรียวที่กำลังเช็ดน้ำตาที่แก้ใของเธอมากุมไว้ ลูบไล้มันอย่างชั่งใจ เธอต้องตัดสินใจว่าจะก้าวต่อไป หรือหยุดมันตรงนี้…………….เรนะเงยหน้าขึ้นมองสบตากับเด็กสาวตรงหน้า

                “เธอมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองแน่นะ จูรินะ”

                “มั่นมาเกือบสิบปีแล้วเจ้…..โอ้ย!

                ปากนี้นะ ขอสักทีเถอะ

                “แล้วว่าไงละ” ปัดมือพี่สาวออกไปก่อนจะทวงคำตอบอีกครั้ง “ต่อให้มันเป็นคำปฏิเสธฉันก็ไม่…..”

                “ใครว่าจะปฏิเสธละ”

                หือ?

                “เอาชัดๆสิคะ อาจารย์เรนะ”

                จูรินะยิ่งยื่นหน้าเข้าไปใกล้เรนะมากขึ้น ตอนนี้ใจของเขานั้นเต้นไม่เป็นส่ำแล้ว อย่าได้ยินคำๆนั้นจากปากของครูสาวตรงหน้าเสียจริง

                “โธ่ รู้แล้วนา เอาหน้าออกไปก่อน” ว่าพรางเอามือดันหน้าอีกคนออกไปห่างๆ แรกๆจูรินะก็ขืนหน่อยๆแต่ก็ยอมผละออกไปแต่โดยดี แต่แลกกับการเอื้อมมือไปกอดเอวบางไว้ “ยัยบ้านี่”

                “รีบๆตอบสิ” มัวแต่อมพระนำอยู่ได้ เขาจะบ้าจริงๆแล้วนะ

                “ฉันรักเธอ”

                จู่ๆก็พูดพรวดออกมาทำเอาเขาไม่ทันได้ฟัง “อีกรอบดิ ไม่ทันฟัง”

                “ไม่พูดแล้ว” เรนะสะบัดหน้าหนีแต่ถูกมืออีกคนจับหน้าให้หันกลับมามอง

                “นะ อีกครั้งนะคะ” พร้อมส่งสายตาปิ้งๆ

                “อึก!” ถึงกับสะอึก กับความน่ารัก ให้ตายสิ

                “ฉันรักเรนะจัง นะ”

                เขินจะแย่แล้ว      

            “เอ้า ตาเรนะจังแล้ว”

                “รัก…..”

                “หืม?”

                “ฉันรักเธอ จูรินะ”

                “ก็แค่นั้นละ”

                เมื่อได้ยินคำที่ต้องการ จูรินะก็เข้ากอดเรนะแน่นด้วยความรักที่เปี่ยมสุข แม้จะบ่นว่าอึกอัด แต่เรนะก็ไม่ได้ผละเขาออก ตรงกันข้ามเธอกลับกำชับอ้อมกอดนั้นให้แน่นขึ้น ไออุ่นจากคนๆนี้มันทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยและโล่งอก

                ในที่สุดสัญญาในวัยเด็กก็สมหวังเสียที

 

 

 

 

 

 

 

 

*************************************************

 

ตะ ตื่นแล้วค่ะ

วางระเบิดไว้ทำเอาคนอื่นนอนไม่หลับ เราถึงกับตาสว่างเลยทีเดียว 

และตามคำเรียกร้อง เราก็แต่งต่อมาให้ แบบนี้คงแฮปปี้ไม่ค้างคาอีกแล้วสินะ

(คนเขียนก็โล่งค่ะ)

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านนะค่ะ><

เย้แฮปปี้บอกความในใจกันแล้ว5555
เรื่องครูกับศิษย์น่ะช่างมันเถอะ5555//อ้าววว

แอ๊ยย ฟินมากก ~* นึกว่าจะมีดราม่าครูกับลูกศิษย์ เเต่ไม่มี เย้ 5555555

คู่หูเรนะยูกิมาในรูปแบบป้าเเก่ทั้งสองอีกเเล้ว 5555 ย้วยช่วยสนใจพี่รินหน่อยเซ่  5555 -3-