[Short Fic] ESCORT (Wmatsui) -Epilogue- 04/11/2013

ESCORT

 

Prologue: THE KIDNAPPER

 

CH.01   CH.02

 

CH.03   CH.04

 

CH.05   CH.06

 

Epilogue

 

 

 

 

 

 

 

-THE KIDNAPPER-

 

 

 

 

                        ท่ามกลางเมืองใหญ่ ในเวลาค่ำคืน ทุกชีวิตยังคงเคลื่อนไหวไปตามวงล้อของเวลา มันไม่เคยหยุดนิ่ง และไม่เคยเปลี่ยนแปลง

 

 

หญิงสาวในชุดราตรีสีดำสนิทเดินออกจากงานเลี้ยง ที่เธอคิดว่ามันน่าเบื่อเกินกว่าที่เธอจะอยู่ต่อ รถยุโรปคันสวยขับเข้ามาจอดที่หน้าโรงแรมหรู การก้าวเดินบนพรมแดงทำให้เธอดูโดดเด่น และสะดุดตา

 

 

บอดี้การ์ดร่างใหญ่ในชุดสูทสีเข้มยืนรายล้อมเธอเต็มไปหมด การอารักขาที่มาพร้อมความน่าเบื่อหน่าย ประตูรถด้านหลังถูกเปิดออก แต่ก่อนที่เธอจะได้ก้าวขาขึ้นรถ เสียปืนก็ดังขึ้นโดยไม่มีใครทันได้ตั้งตัว

 

 

พนักงานเปิดประตูของโรงแรมที่ไม่มีทักษะในการต่อสู้ เป็นรายแรกที่ถูกกระสุนสังหาร บรรดาบอดี้การ์ดทั้งหลายรีบเข้าคุ้มกันหญิงสาวที่มีฐานะอยู่ในระดับ VIP

 

 

เธอไม่ทันเห็นด้วยซ้ำ ว่าพวกที่เปิดฉากยิงเธออยู่ตรงไหน หน้าตาเป็นอย่างไร ทันทีที่บอดี้การ์ดดันตัวเธอเข้าไปในรถ รถยนต์ก็รีบพุ่งทะยานออกจากบริเวณนั้น

 

 

และเป็นอีกครั้งที่การตั้งตัวยังมาไม่ถึง เธอรู้สึกถึงแรงกระแทกมหาศาล แรงกระแทกจากด้านหน้า พร้อมแสงไฟที่ทำให้ดวงตาเธอพร่ามัว นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายในมโนสำนึก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อย ๆ ดำมืดลง… พร้อม ๆ กับสติสัมปชัญญะของเธอ

 

 

 

 

…………………………..

 

 

 

 

 

                สิ่งแรกที่รู้สึกหลังจากการหมดสติที่ยาวนาน นั่นคือ เสียงบางเสียง เสียงที่ปลุกให้เธอตื่นขึ้นจากห้วงภวังค์ ความปวดหนึบที่ศีรษะ ความเจ็บปวดที่ขาด้านซ้าย ความมืดมิด…. เธอมองอะไรไม่เห็น แม้จะลืมตาขึ้นมาแล้ว

 

 

เสียง… เสียงที่เธอได้ยิน เสียงเหมือนเสียงประตูที่ถูกปิดลง รวมทั้งเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้เธอ เธออยากจะตะโกนถามออกไปด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธออยู่ที่ไหน และทำไมถึงถูกจับมาแบบนี้ แต่เธอก็ตะโกนออกมาไม่ได้ ปากของเธอถูกปิดเอาไว้ แขนของเธอก็ถูกมัดไพร่หลัง บนเก้าอี้ที่เธอนั่งอยู่

 

 

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ก่อนที่แสงสว่างจะทำให้ตาเธอพร่าเลือน เธอหรี่ตาลงเมื่อคนตรงหน้าดึงผ้าคลุมออกจากใบหน้าของเธอ

 

 

                “อรุณสวัสดิ์ มัตสึอิซัง หลับสบายดีมั้ย”

 

 

คำถามจากคนตรงหน้า เธอพยายามเพ่งมองเขา และปรับสายตาให้เป็นปกติ คน ๆ นี้อยู่ในชุดเหมือนพวกทหาร สะพายปืนยาว …ปืนกลแบบที่เธอเห็นตามหนัง ใบหน้าของเขา… หญิงสาวอย่างนั้นหรอ หญิงสาวใบหน้าคม ผมยาวประบ่า แล้วเขาต้องการอะไรกันแน่

 

         

               “ทักด้วยแล้วไม่ทักกลับ มันเสียมารยาทนะ”

 

 

เขาพูดขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มกวนประสาท ที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบใจในทันที ถูกปิดปากอยู่แบบนี้ จะทักกลับได้ยังไง แต่ถึงไม่ถูกปิดปาก เธอก็ไม่มีทางทักคน ๆ นี้กลับแน่นอน

 

 

                “อ้อ ลืมไป เธอถูกปิดปากอยู่นี่”

 

 

ว่าแล้วหญิงสาวคนนั้น ก็ดึงเทปผ้าที่ปิดปากเธอออกเต็มแรง

 

 

                “โอ๊ย”    หญิงสาวร้องออกมา

 

                “โอ๊ะ โทษทีนะ ฉันมันพวกมือหนักน่ะ”

 

 

เขาพูดและโน้มตัวลงลงจ้องใบหน้าของคนที่ถูกจับกุมอยู่ ใกล้ ใกล้จนเธอถอยตัวหนี แต่ก็หนีได้ไกลแค่พนักเก้าอี้ด้านหลัง

 

 

                “ออกไปให้พ้น”    เธอพูดเสียงดัง และตัดสินใจหันกลับมาจ้องหญิงสาวคนนั้นด้วยแววตาไม่เกรงกลัว พยายามน่ะนะ พยายามที่จะไม่เกรงกลัว

 

                “ดุแฮะ”    เขาคนนั้นยอมถอยตัวออกไปยืนตามปกติ และยิ้มสนุกกับท่าทางของหญิงสาวที่ถูกจับเอาไว้   “ที่เขาว่ากันว่า มัตสึอิ เรนะ ลูกสาวนายกรัฐมนตรีเป็นคนเอาแต่ใจ คงจะต้องแถมเรื่องไม่มีมารยาทเข้าไปด้วยนะ เล่นตะโกนใส่หน้าคนอื่นแบบนี้ ใช้ได้ที่ไหน”

 

 

เธอจ้องมองเขาไม่วางตา รอยยิ้มของเขาทำให้เธออยากจะลุกไปบีบคอเขาให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าไม่ติดที่ถูกจับน่ะนะ แล้วเขาเป็นใครกันแน่ จับตัวเธอมาแบบนี้ด้วยเหตุผลอะไร

 

 

                “ต้องการอะไร”    เรนะถามหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในห้องเดียวกับเธอ

 

 

เขาไม่ตอบเพียงแต่ยักไหล่ แล้วเดินไปค้นอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพายที่เขาเอาติดตัวมาด้วย และสิ่งที่เธอเห็น เข็มฉีดยา… เรนะมองด้วยแววตาไม่วางใจ เขากำลังจะทำอะไร

 

 

หญิงสาวผมสั้นเดินเข้าหาเรนะอีกครั้งพร้อมเข็มฉีดยาในมือ ข้างในกระบอกฉีดมียาเต็มหลอด ซึ่งเรนะไม่รู้เลยว่ามันคือยาอะไร

 

 

                “เธอจะทำอะไรฉัน”

 

                “ก็เห็น ๆ กันอยู่ ฉันจะฉีดยาเธอน่ะสิ”    เขาทำหน้ารายกับเซ็งในการตอบคำถามเรนะเต็มทน

 

                “ยาอะไร”    เรนะพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่เธอ…หนีไปไหนไม่ได้

 

                “อยากรู้ไปทำไมล่ะ”

 

                “ฉันไม่ยอมให้เธอทำแบบนั้นเด็ดขาด อย่าเข้ามาใกล้ฉันแม้สักนิดนะ ไม่อย่างนั้น…”

 

                “ไม่อย่างนั้นอะไร”

 

 

เขาเลิกคิ้วถาม แล้วหัวเราะออกมานิด ๆ หญิงสาวคนที่กำลังข่มขู่เขาน่ะ โดนพันธนาการซะแน่นหนา จะทำอะไรเขาได้

 

 

                “ไม่อย่างนั้น…”    เรนะก็คิดไม่ออกเหมือนกัน    “ถ้าฉันหลุดไปได้ ฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่”

 

                “ก็ตามใจ”    คำตอบของเขา ไม่ได้มีความเกรงกลัวแม้สักนิด

 

                “หยุดนะ ฉันบอกให้หยุดยังไงเล่า แกไม่รู้หรอกนะว่าแกกำลังทำอะไรอยู่…”

 

 

ในขณะที่เรนะพยายามขัดขืน และก่นด่าคนตรงหน้า เหมือนเขาจะหมดความอดทน เขาหันไปหยิบแลคซีนมาปิดปากเรนะอีกครั้ง คราวนี้เธอได้แต่บ่นอู้อี้ในคอ

 

 

                “เงียบได้สักที ผู้หญิงเวลาพูดมาก มันไม่น่ารัก เข้าใจมั้ย”    เขาจ้องหน้าเรนะที่มีทีท่าโกรธแค้นมากขึ้นทุกที ๆ ส่วนเขาน่ะหรอ ยิ้มสนุกอยู่คนเดียวเลย

 

 

เขาแทงเข็มฉีดยาเข้าที่ขาของเรนะเต็มแรง เรนะเบิกตาโพลงด้วยความเจ็บปวด และเหมือนจะทำให้เธอหยุดบ่นได้พักหนึ่ง จริง ๆ เขาก็ไม่อยากจะรุนแรงขนาดนี้หรอก หากแต่ว่า… มันหมั่นไส้นิดหน่อยน่ะ

 

 

                “ยานี่จะช่วยห้ามเลือดที่แผลของคุณ”    เขามองแผลที่ขาซ้ายของเรนะ    “ชุดคุณสวยดีนะ แต่คราวหลังก็ใส่ชุดให้มันรัดกุมกว่านี้หน่อยก็แล้วกัน จะได้ไม่มีแผล”

 

 

ว่าแล้วเขาก็ลูบมือผ่านชุดกระโปรงสีดำสนิท ลอดมือไปใต้นั้น และสัมผัสขาอ่อนของหญิงสาวที่ถูกจับกุมเอาไว้ เรนะมองจ้องหน้าคนตรงหน้าแบบจะกินเลือดกินเนื้อ เขายอมชักมือกลับ และยิ้มมุมปาก ยิ้มสู้แววตาโหด ๆ คู่นั้น

 

 

                “ดุจริง ๆ แฮะ”

 

 

ว่าแล้วเขาก็กระชากเทปผ้าออกจากปากของหญิงสาวอีกครั้ง เรนะมองเขาด้วยแววตาทั้งโกรธ และเกลียดคนตรงหน้า แม้จะเพิ่งเจอกันก็ตาม แต่แน่นอนเธอเกลียดเขาได้ไม่ยากเลย เพราะหนึ่ง เขาเป็นคนจับเธอมา ไม่เกลียดก็แปลกแล้ว แถมยังหาเรื่องเธออีก แม้ไอ้ยาที่เขาฉีดให้มันจะช่วยเธอไว้ก็เถอะ แต่เธอไม่มีทางรู้สึกขอบคุณเขาเป็นแน่

               

 

                “แกต้องการอะไรจากฉัน”    เรนะถามเสียงกร้าว

 

                “อืม…”    เขาทำหน้าครุ่นคิด    “ฉันไม่ได้เป็นคนต้องการอะไรจากเธอ”

 

                “แล้วแกจับฉันมาทำไม”

 

                “แล้วเธอทำตัวให้ถูกจับได้ทำไมล่ะ”

 

 

เขาย้อนถาม คำพูดคำจาของเขายิ่งทำให้เรนะหงุดหงิดใจ เจอเรื่องบ้า ๆ ยังมาเจอคนบ้า ๆ แบบนี้อีก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่

 

 

เขาอ้อมไปด้านหลังและมองดูกุญแจมือที่ล็อกตัวเรนะเข้ากับเก้าอี้ตัวนั้นเอาไว้

 

 

                “อยู่นิ่ง ๆ นะ”    เขาพูดเสียงเรียบ

 

                “จะทำอะไร”

 

                “นิ่ง ๆ ไว้น่า”

 

                “เธอจะทำอะไร”    เรนะหันไปมองหญิงสาวที่ดีแต่ออกคำสั่ง

 

                “อย่าหันมาได้มั้ย ฟังภาษาคนรู้เรื่องมั้ยเนี่ย”

 

                “เธอก็ตอบมาสิ ว่าเธอจะทำอะไร”

 

 

เรนะถามอีกครั้ง มันทำให้เขาหมดความอดทน เขาคว้าปืนขึ้นมาและเล็งไปทางกุญแจมือ เรนะรีบหันหน้าหนี เสียงปืนดังใกล้มาก จนทำให้เรนะหูอื้อไปหมด และคิดว่าเธอต้องตายแน่ ๆ จากการยิงครั้งนี้

 

 

แต่… ผิดคาด เธอยังไม่ตาย และ… มือของเธอเป็นอิสระจากพันธนาการ เธอหันมองทางหญิงสาวผมสั้น เขาเองก็มองเธอ เขายิงพลาดรึไง เรนะรีบลุกขึ้นและตั้งท่าจะวิ่งออกจากห้อง แต่เขาตรงมาจับแขนเธอเอาไว้ก่อน

 

 

                “ปล่อย”    เรนะร้อง และพยายามหันไปทำร้ายคนอีกคน

 

 

เขาจับมือของเรนะที่ตั้งใจจะตบหน้าเขา และดันตัวเธอไปติดกำแพง

 

 

                “คุณหัดอยู่เฉย ๆ เป็นมั้ย อย่าให้ทุกอย่างมันต้องลำบากมากไปกว่านี้”

 

 

เขาพูดพร้อมจ้องเธอด้วยแววตาแข็งกร้าว แล้วก็จับแขนเรนะเต็มแรง ก่อนจะลากตัวเธอออกจากห้อง เรนะไม่มีแรงพอจะหนีไปจากคนตรงหน้า เธอได้แต่ถามตัวเองในใจว่านี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่

 

               

                “เธอจะพาตัวฉันไปไหน”

 

                “ไปที่ ๆ คุณควรไป”

 

 

เขาตอบไม่เคลียร์แม้สักนิด และก็พอดีกับที่มีชายคนหนึ่งโผล่เข้ามาดักหน้าพร้อมอาวุธหนักไม่ต่างจากเขา เขากราดยิงไปทางชายคนนั้น และเปลี่ยนไปจับข้อมือเรนะ และพาเธอออกวิ่งทันที

 

 

ฝ่ายตรงข้ามไม่ว่ากี่คนต่อกี่คนที่โผล่เข้ามา เขาก็จัดการได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เรนะวิ่งข้ามร่างของคนที่นอนแน่นิ่งจมกองเลือดศพแล้วศพเล่า ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงได้เลือดเย็นขนาดนี้ แล้วพวกที่ตายพวกนี้เป็นใคร คนที่จะมาช่วยเธออย่างนั้นหรอ นี่มันอะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้น จะมีใครพอตอบคำถามเธอได้บ้าง

 

 

เรนะพยายามวิ่ง พร้อมก้มตัวหลบกระสุน ผิดกับคนอีกคน ที่วิ่งเข้าหาดงกระสุนอย่างไม่เกรงกลัว และจัดการกับคนพวกนั้นอย่างเด็ดขาด

 

 

เมื่อวิ่งมาถึงด้านนอกอาคาร เรนะถูกผลักขึ้นรถ และหญิงสาวอีกคนก็ขับรถออกไปทันที พวกที่อยู่ในอาคารตามออกมา และขับรถตามรถของเรนะอีกเป็นขบวน

 

 

 

                เขามองทั้งกระจกหลัง และมองออกไปที่กระจกมองข้าง ก่อนจะหันไปทางเรนะ

 

 

                “สลับที่กันหน่อย”

 

                “อะไรนะ”   เรนะถามเสียงตื่น

 

                “สลับที่กัน”

 

                “ไม่”    เธอส่ายศีรษะปฏิเสธ เรื่องอะไรเธอต้องช่วยเขาล่ะ

 

                “เธอยิงปืนเป็นมั้ย”    เขาถาม เรนะส่ายศีรษะทันที    “งั้นมาขับ”

 

 

ไม่รอคำตอบอะไรทั้งนั้น เขาลุกออกจากที่นั่งคนขับแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย และพยายามจะไปนั่งแทนที่เรนะ ทำให้เรนะรีบหันไปคว้าพวงมาลัย และเปลี่ยนที่กับเขาอย่างรวดเร็ว รถเสียหลักไปมาอยู่สักพัก กว่าเรนะจะเข้านั่งที่คนขับได้

 

 

ไม่ได้อยากจะช่วยเขาแม้สักนิด ถ้าไม่ติดที่เธอยังไม่อยากตายตอนนี้ เธอคงไม่ยอมขับรถให้เขาไปยิงกับคนที่จะมาช่วยเธอแบบนี้หรอก

 

 

 

 

                เขาเปิดหน้าต่างข้างรถออกไป ก่อนจะกราดยิงรถที่ตามมา เรนะพยายามประคองรถไปข้างหน้า แม้จะมีกระสุนยิงทะลุกระจกหลังมาเป็นตับก็เถอะ

 

 

เขาใช้มือข้างหนึ่งดันศีรษะของเรนะให้ก้มหลบกระสุนที่พุ่งเข้ามา ยิ่งทำให้เรนะควบคุมรถได้ยากเข้าไปใหญ่ จังหวะเดียวกับที่มีรถบรรทุกขับสวนมา เรนะขับเบียดซ้ายเฉียดรถบรรทุกไปไม่ถึงคืบ เสียงรถบรรทุกบีบแตรยาว ดังจนแทบจะได้ยินไปถึงโลกหน้า เขารีบหลบกลับเข้ามาในรถ แล้วมองเรนะเอาเรื่อง

 

 

                “จะฆ่ากันหรอ ใบขับขี่เนี่ยซื้อเอาใช่มั้ย”    เขาบ่นอย่างหัวเสีย ที่เรนะเกือบทำให้เขาตาย เพราะจะโดนสิบล้อบี้หัวเข้าให้

 

                “ก็เธอเล่นกดหัวฉันให้มุดไปอยู่ใต้พวงมาลัย ใครจะไปขับดี ๆ อย่างที่เธอต้องการได้เล่า”    เรนะเถียงคอเป็นเอ็น

 

                “เว้ย”

 

 

เขาสบถ ก่อนจะชะโงกออกไปบู๊กับรถที่ตามมาอีกรอบ เรนะทำได้แต่ขับไปข้างหน้าโดยไม่รู้จุดหมาย และหันมองคนที่ยิงไปทางฝ่ายตรงข้ามอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำไมไม่ตาย ๆ ไปตั้งแต่เมื่อกี๊นะ ตั้งแต่ที่รถบรรทุกสวนมา เรื่องมันจะได้จบสักที

 

 

 

 

 

 

 

                จนหนีออกมาจากการติดตามได้ เขาลากตัวเรนะออกจากที่นั่งคนขับ และกลับไปขับแทน เรนะมองผู้ร้ายนิสัยหยาบกระด้างคนนี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด

 

 

                “เธอจะพาฉันไปไหน”    เรนะถามก่อนจะหันมองประตูรถ และมองความเร็วที่เขาขับรถ

 

                “ถ้าคิดจะเปิดประตูหนีไป ก็คิดให้ดี ๆ แล้วกัน โชคดีคุณอาจจะรอด โชคร้าย… ก็ตาย แต่ในความเร็วระดับนี้ โชคดีก็อาจจะไม่ช่วย”   เขาหันมามองและพูดเสียงแข็ง จนทำให้เรนะไม่กล้าทำอย่างที่เธอคิด

 

                “แล้วเธอจะพาฉันไปไหน”

 

                “เงียบไว้แล้วจะดีเอง”

 

 

เขาพูดแค่นั้น เรนะมองเขาไม่พอใจ ก่อนจะกอดอก และเอนตัวพิงเบาะรถเต็มแรง ไม่พอใจ ไม่พอใจมาก ๆ และไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอหลังจากนี้ เอาจริง ๆ เธอก็ไม่กล้าเปิดประตูรถหนีออกไปหรอก เธอเองก็กลัวตายอยู่เหมือนกัน แม้วันนี้จะผ่านเรื่องเฉียดตายมากี่เรื่องต่อกี่เรื่องแล้วก็ไม่รู้ นี่มันเหตุการณ์บ้าอะไรกันแน่ บ้า บ้ามาก ๆ เมื่อไหร่มันจะจบสักที

 

 

                        “ยอมเงียบจริง ๆ แฮะ”

 

 

เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม เรนะยิ่งหงุดหงิดใจ แล้วอยู่ ๆ เขาก็จอดรถ

 

 

                “จอดทำไม”

 

                “ไม่ได้จอด แถวบ้านฉัน เขาเรียกว่าน้ำมันหมด”

 

 

เขาพูดแค่นั้น แล้วลงจากรถ ก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่เรนะนั่งอยู่

 

 

                “ลงจากรถสิ หรือจะนั่งหนาวตายอยู่ในนี้”  

 

 

ว่าแล้วเขาก็ฉุดตัวเธอลงมาจากรถ โดยไม่รอให้เรนะได้ตัดสินใจเลยแม้สักนิด บรรยากาศโดยรอบเริ่มมืดลง ก็ไม่ได้อยากหนาวตายหรอกนะ แต่ไม่อยากไปกับเขาเลย ไม่อยากแม้สักนิด

 

 

                “เอ้า”    เขาถอดเสื้อออกมา เหลือแต่เสื้อยืดด้านใน และส่งให้เรนะ เรนะมองด้วยทีท่าประหลาดใจ    “ใส่ชุดแบบนี้ เดี๋ยวก็ได้หนาวตายจริง ๆ หรอก”

 

 

เรนะรับมาสวมอย่างเสียไม่ได้ ก็มัน… หนาวจริง ๆ นี่ แต่ว่า จะเอาไงแน่ จะแข็งกระด้าง จะอ่อนโยน จะเป็นบ้าเป็นบออะไรก็เอาซักอย่างได้มั้ย เรนะเริ่มตามอารมณ์ไม่ทัน อยู่ ๆ จะมาเป็นคนดีซะงั้น มันน่าสงสัยเกินไป

 

 

 

 

 

 

                “โอ๊ย”

 

 

ระหว่างทางที่เดินเรนะเริ่มรู้สึกเจ็บแผล และเหมือนจะเดินต่อไม่ไหว เขาหันมองและผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะส่ายศีรษะแบบเสียไม่ได้

 

 

                “คุณนี่มัน ตัวปัญหาจริง ๆ เลย”    เขาว่าพลางแล้วเดินเข้าไปย่อตัวลงหน้าเรนะ

 

                “จะทำอะไร”

 

                “ขึ้นหลังมาสิ หรือจะให้ลากไป”    เขาตอบเสียงเซ็ง ๆ

 

                “ปล่อยฉันตายตรงนี้ไปเลยสิ”

 

                “แผลแค่นี้ไม่ตายหรอก จะประชดก็เอาให้มันสมจริงสมจังหน่อย”

 

 

เขาบอกและรอให้เรนะขึ้นมาขี่หลัง แต่เรนะยังยืนนิ่ง

 

 

                “หรือจะให้อุ้ม ห๊ะ”    เขาหันมอง และกำลังจะลุก

 

 

เรื่องอะไรเรนะจะยอมให้อุ้ม เขายอมขี่หลังของคน ๆ นี้ก็ได้ อะไรกันก็ไม่รู้ชีวิตของเธอวันนี้ แย่ชะมัด แย่ที่สุดเลย ไม่รู้แม้สักนิดว่าทำไมถึงถูกจับตัวมา และทำไมคนที่จับเธอมา ต้องเป็นคน ๆ นี้ด้วยนะ

 

 

 

…………………………

 

 

 

 

                จนเขาเดินมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ด้านนอกมีรั้วรอบขอบชิด มันเหมือนกับ… สถานที่ลับอะไรอย่าง พวกผู้ชายตัวใหญ่แต่ตัวคล้ายทหารทำหน้าบอกบุญไม่รับยืนประจำการอยู่เต็มไปหมด เรนะหันมองด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาคนนั้นจะพาเธอเข้าไปในตัวอาคารที่ปิดทึบ ปล่อยให้เธอลงเดิน และพาเธอมาที่ห้อง ๆ หนึ่ง

 

 

เขาเคาะประตูห้อง ก่อนจะเปิดเข้าไป ทันทีที่เรนะเห็นคนในห้อง มันทำให้เธอยิ่งสับสนหนัก

 

 

                “เรนะ”

 

                “คุณพ่อ”    นายกรัฐมนตรีของประเทศยืนอยู่ในห้องนั้น ก่อนที่เขาจะเดินเข้าหาลูกสาว และสวมกอดเธอเต็มแรง

 

 

                “ทำได้ดีมาก เจ้าหน้าที่มัตสึอิ”    ชายสูงวัยอีกคนที่อยู่ในห้องหันไปพูดกับหญิงสาวผมสั้น

 

 

เรนะผละออกจากอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อ และมองจ้องหญิงสาวผมสั้นที่ทำความเคารพแบบทหารรับคำชมนั้น

 

 

                “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วอีกอย่างคน ๆ นี้เป็นใครกันแน่”    เรนะถามสงสัย เขาไม่ใช่โจรลักพาตัวอย่างนั้นหรอ เรนะหันไปมองเพื่อนของพ่อ นายพลทาเคดะ    “เขาเป็นใครกันคะ”

 

                “คนนี้คือ เจ้าหน้าที่ฝีมือดีที่สุดของกองกำลังลับป้องกันประเทศ มัตสึอิ จูรินะ”    นายพลทาเคดะ แนะนำตัวหญิงสาวที่อยู่กับเรนะมาตลอดทั้งวัน และเรนะคิดว่าเขาเป็นพวกผู้ร้ายลักพาตัว แท้จริง เขาเป็น…เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอย่างนั้นหรอ

 

                “เธอเป็นเจ้าหน้าที่ลับ”    เรนะมองจูรินะแบบไม่เชื่อสายตา ผิดกับอีกคนที่ยิ้มกวนประสาทเหมือนเดิม    “ทำไมเธอไม่บอก”

 

                “บอกก็ไม่ลับสิ”    เขาตอบกลับหน้าตาย    “หมดหน้าที่แล้ว ขอตัวนะคะ”

 

 

จูรินะทำความเคารพทั้งนายกรัฐมนตรี และนายพล ก่อนจะเดินออกจากห้อง ตอนนี้เรนะไม่อยากรู้แล้ว ว่าทำไมเธอถึงถูกจับตัว เธออยากจะเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ลับ… ที่ทำตัวมีลับลมคมในกับเธอเหลือเกิน

 

 

 

                เรนะรีบตามจูรินะออกมาจากห้อง ก่อนจะเรียกเขาเอาไว้

 

 

                “นี่ เจ้าหน้าที่มัตสึอิ”    เรนะเรียกเขาเสียงดัง จนจูรินะต้องหยุดและหันมอง

 

                “มีอะไรหรอคะ”    เขาหันกลับมาถามพร้อมรอยยิ้ม

 

 

เรนะเดินตรงมาทางจูรินะ มองจ้องเขาอยู่สักพัก

 

 

                “ถ้าจะขอบคุณที่ฉันช่วย…”

 

 

จูรินะยังพูดไม่ทันจบ เรนะก็ฟาดฝ่ามือเข้าเต็มหน้าของหญิงสาวผมสั้น มันทำให้คนที่ถูกตบ ถึงกับต้องสะบัดหัวขับไล่ความมึนงง และหันมองหน้าคนที่ตบเขาเต็มแรง

 

 

                “นี่สำหรับที่เธอหยาบคาย แข็งกระด้าง และไม่ยอมพูดความจริงกับฉัน”

 

                “ก็เวลามันกระชั้นชิด”   จูรินะหัวเราะน้อย ๆ พร้อมลูบแก้มตัวเองอยู่สักพัก ดุจริง ๆ แฮะ ลูกสาวนายกรัฐมนตรีคนนี้

 

                “แต่มีเวลามากวนประสาทฉันเนี่ยนะ”    เรนะพูดเสียงเคือง ๆ

 

                “การช่วยเหลือตัวประกัน มันไม่ใช่หน้าที่ที่ฉันชอบเท่าไหร่…”    จูรินะตอบตามจริง    “แต่นึกว่าคุณจะขอบคุณเป็นจูบซะอีก”

 

                “ไม่  มี ทาง”    เรนะตอบเน้น ที่ละคำ จูรินะหัวเราะในคอ   “แต่ถ้าเธอมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้ฉัน ฉันอาจจะเก็บคำขอนี้ไว้พิจารณาอีกที”

 

                “ไม่ได้ขอสักหน่อย”   จูรินะพึมพำ เรนะหรี่ตามองเอาเรื่อง จูรินะยิ้ม ๆ    “ส่วนเรื่องบอดี้การ์ด คุณคงต้องไปคุยกับท่านนายพลเอาเอง”

 

                “ฉันคุยแน่ และถ้าเธอมาเป็นบอดี้การ์ดของฉันล่ะก็… เธอโดนเอาคืน ที่เคยหยาบคายกับฉัน อีกยาวแน่”

 

                “ตบเมื่อกี๊นี้ ยังไม่พองั้นหรอ”

 

                “ยัง”

 

 

เรนะตอบแค่นั้นแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง เธอมีเรื่องต้องคุยกับนายพลทาเคดะ อีกยาวเหมือนกัน ส่วนจูรินะเขาได้แต่มองตามเรนะและยิ้มออกมาอีกครั้ง

 

 

เอาตามตรงเขาหงุดหงิดมากที่โดนมอบหมายภารกิจให้ช่วยตัวประกัน ยิ่งความคิดของเขาเกี่ยวกับลูกสาวนายกรัฐมนตรี ที่น่าจะเป็นพวกเจ้ายศเจ้าอย่าง เย่อหยิ่ง และได้ยินมาว่าเธอเอาแต่ใจพอสมควร เขายิ่งไม่อยากรับงานนี้

 

 

แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดเท่าไหร่ ต่อจากนี้ คงมีเรื่องสนุกต้องเจออีกเยอะแน่ ๆ บอดี้การ์ดงั้นหรอ เขาก็ไม่ชอบงานพวกนี้เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นบอดี้การ์ดของเรนะล่ะก็ มันก็น่าสนใจอยู่ และ… จะต้องช่วงชิงเอารอยจูบของเธอมาลบรอยที่โดนตบให้ได้เลย คอยดู

 

 

 

…………………………….

 

 

 

TBC.

 

 

 

 

 

 

ดูหนังเรื่องนึงแล้วเกิดอารมณ์อยากแต่งเรื่องขึ้นมาซะอย่างนั้น

 

แนวถนัดที่สุดในช่วงนี้ของผมแล้วมั้งครับ

แหมๆ เป็นพวกซาดิสกันเหรอ ?

ชอบโดนทำร้ายร่างกาย 5 55 

จูรินะหนอ หลงรักเรนะเข้าแล้ว

ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ 

จูกวนจริง โหดด้วย

แบบนี้แหละ เอาอยู่ 55

ถ้ามีภาคต่อก็น่าจะดีนะค่ะ

 

ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆค่ะ

นี่มันคู่SMชัด คบกันไปนี่โซ่แซ่กุญแจมือคงมาครบ

แหม่ จูยังคงความเป็น M

คู่นี้มันมาม่า เอสแอนเอ็มอยู่แล้วนี่

อ๊ายยยยย ฉากบู๊มันส์มากค่ะ ฮ่าๆๆๆ ดุเด็ดเผ็ดมัน

 

ยิงกันโครมครามอาวุธสงครามครบมือ..

จูหล่อจริงๆ

โอ้ย 5555555555

ทำไมต้องดิบ โหด เถื่อนขนาดนั้นด้วยคะจู ช่วยกันดีๆก็ได้

แล้วนี่คุณหนูก็ชอบแบบนี้ใช่มั้ยคะ *3*

แหม๋ๆๆๆๆๆ

คู่นี้จะ S&M ไปไหนเนี่ย หึหึ
 

ตบ จูบ แอร๊ยยยย! คู่นี้มันนนนนน

อูววววว

จูจังบอกได้คำเดียว

กวนตีนจริงๆ

เสียดายมีตอนเดียวจบ

ถ้ามีต่อนี่คงออกแนวตบจูบแน่ๆเลย (ฮาา)

อ่านแล้วอยากให้มีภาค 2 ต่ออีกจังเลย \ (^ ^\) 

คู่นี้มันไม่มาม่าก็SMสินะ(ฮา)

เรนะตบจูก็จูบให้มันครบสูตรเลยดิ//โดนยิงทิ้ง

ไม่น่าเป็นone shotเลย….//น้ำตาไหล

อร๊ายยย นี่มัน SM สินะ สินะ สินะ

 

ลุงงงงงครัชชชชชช อยากให้มีภาคต่อจุง ; – ;

ทิ้งท้ายแบบนี้แอบอยากเห็นตอนที่มาเป็นบอดี้การ์ดให้แล้ว

มันจะ sm กันขนาดไหนอีก ฮุๆๆ

ไม่น่าเป็นone shotเลย T^T
ไรท์เตอร์แต่งต่อตอนจูเป็นบอดี้การ์ดเลยย *0*

ภาคต่อหลายเสียงเหมือนกันแฮะ

น่าสนใจ ๆ จะลองจัดให้ดูครับ

ขอลงชื่อขอภาคต่อค่ะ \0/

แหมๆ เป็นพวกซาดิสกันเหรอ ?

ชอบโดนทำร้ายร่างกาย 5 55 

จูรินะหนอ หลงรักเรนะเข้าแล้ว

ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ