[Fic] Love Out Loud (Wmatsui)ปฎิบัติการแสนเหน็ดเหนื่อย☼ 8/5/14

EP.

 

-1-เสียงลึกลับในห้องมืด

-2-เปลี่ยนแผน!

-3-จูบครั้งที่สอง

-4-วันที่สุดจะป่วน~

-5-วันที่ไม่ธรรมดา!

-6-ข้อตกลงแสนหนักหน่วง

-7-จูรินะ!

-8-ปฎิบัติการแสนเหน็ดเหนื่อย☼

 

 

intro

 

 

ฉันนั่งทำการบ้านอยู่ในห้องของตัวเองอย่างเงียบๆ ทุกคนในบ้านหลับกันหมด ยกเว้นริสึ พี่สาวฝาแฝดของฉันที่ออกไปประชุมกับแก๊งของเธอตั้งแต่เมื่อหัวคํ่า…และยังไม่กลับ

 

 

ริสึเป็นหนึ่งในสมาชิกของแก๊ง Demon ซึ่งมีพี่คุมิน เป็นหัวหน้าแก๊ง (เธอเท่มากเลยล่ะ) บังเอิญว่าในถิ่นฉันมีพวกวัยรุ่นป่าเถื่อนเพ่นพ่านกันอยู่เยอะทั้งชายทั้งหญิง

 

 

เลยชอบเกิดเหตุร้ายที่น่ากลัวขึ้นเสมอๆ พวกเขาก็เลยตั้งแก๊งขึ้นเพื่อคอยคุมพวกวัยรุ่นในถิ่นนี้ไม่ให้ก่อเรื่องร้ายๆขึ้น และยังต้องป้องกันไม่ให้คนจากแก๊งอื่น ถิ่นอื่นเข้ามาวุ่นวาย

 

 

กับคนในถิ่นเราด้วย (พอดีว่า คนในถิ่นเรามีคนหน้าตาสวยๆ หล่อๆ น่ารักๆ เยอะซะด้วยสิ โดยเฉพาะฉัน! ไม่หลงตัวเองซะเลยเราเนี่ย)

 

 

   กุกกักๆๆ

 

 

 

โอ๊ะ! เสียงอะไรน่ะ ใครมาทำอะไรหน้าห้องฉันเนี่ย เอ๊ะ! หรือ จะเป็นริสึโดนทำร้ายร่างกายซมซานกลับมาอีก หลายครั้งแล้วนะที่ฉันต้องเปิดประตูไปเจอริสึในสภาพคลานขึ้นบันได

 

 

มาเหมือนผีจูออนเลือดอาบตัวอย่างกับมนุษย์นํ้าแข็งไส  ฉันแทบช็กตายก่อนเธอหลายทีด้วยซํ้า หวังว่าคราวนี้จะอยู่ในภาพที่ดีหน่อยนะ อย่าโผล่มาแตะแขนแตะขาล่ะ!

 

 

ก๊อก!

 

 

นั่นไง! เสียงริสึจริงๆด้วย ถ้ามาแบบนี้สภาพต้องแย่แน่ๆ สัญญาณการเคาะแค่โป๊กเดียวเนี่ย แปลว่าเธอต้องใช้หัวเคาะแทนแขนขาที่ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะยกมันขึ้นมา หรือว่ามันอาจจะขาด

 

 

ร่องแร่งไปแล้วก็ได้ กรี้ดดด ทำไงดีฉันกลัวเปิดประตูออกไปแล้วเป็นลมตายก่อนจะได้ช่วยพี่สาวอะ

 

 

“ริสึ…เธอ…เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ฉันลองซาวนด์ดูก่อน อย่างน้อยๆ จะได้รู้ว่าเธอยังพูดได้หรือเปล่า

 

 

“…” ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก กรุณาโทรใหม่ เฮ้ย…ทำไมเงียบอะ ไม่ได้ยินเหรอ สงสัยฉันต้องเขยิบไปให้ใกล้ประตูอีกนิด

 

 

“ริสึ! ตอบฉันสิ บอกหน่อยว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก ฉันใจคอไม่ดีเลยนะ ริสึ!/……” เงียบไม่มีสัญญาณตอบรับ โอ๊ย! แย่แล้วไง สาหัส ต้องสาหัสแน่ๆ ปกติริสึไม่เคยเงียบ

 

 

ใส่ฉันแบบนี้ อย่างน้อยเธอต้องครางเบาๆ หรือส่งเสียงโอดโอยอะไรให้ได้ยินบ้าง แต่นี่มัน ทำไมมันเงียบเกิ๊น! เงียบจนไม่ได้ยินแม้แต่เสียงกระดกลิ้น

 

 

หรือว่าไอ้พวกนั้นมันตัดลิ้นเขาโยนทิ้งให้หมากินไปแล้ว!!! กรี้ดดดด ไม่ได้นะ ไม่ได้นะ พี่ฉันจะไม่เป็นใบ้ ฉันไม่ยอมนะ อ๊ากกก

 

 

ผลัวะ!!!

 

 

ฉันกระชากประตูออกด้วยความช็อก แต่ทันทีที่เปิดประตู ฉันก็รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างกระแทกอย่างแรง ทำให้กระเด็นหงายท้องลงไปนอนแผ่อยู่บนเตียง แถมยังจุกสุดๆ

 

 

“โอยยย เจ็บบโว้ย” ฉันยกมือขึ้นกุมท้อง พยายามจะโงหัวขึ้นมาดูว่าเมื่อกี้มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แต่อยู่ดีๆ ก็มีใครไม่รู้ใส่หมวกไอ้โม่งสีแดง กระโจนเข้ามากดตัวฉันไว้

 

 

“จุ๊จุ๊ อย่าส่งเสียง” ไอ้โม่งหัวแดงปิดหน้าปิดตาจนฉันมองไม่เห็นใบหน้า รู้แต่ว่าเป็น ผู้หญิง!

 

 

“เธอเป็นใครกัน! จะทำอะไรฉันน่ะ ไม่นะ ม่ายยยยยย!!!” ฉันตะโกนโวยวายลั่น ณ จุดๆนี้อยากฆ่าเขาคนนี้ให้ตายคามือ แต่ทำไมได้ แรงเขาเยอะจริงๆ

 

 

“หึๆๆๆ หึๆๆ” เขาหัวเราะเสียงซาตาน แต่ไม่ตอบไม่พูดอะไรเลย ฉันพยายามดิ้นสุดชีวิตให้หลุดพ้นจากเขาให้ได้ แต่ก็ไม่มีทางได้ผลแรงเขาเยอะเกินไปจริงๆ แม้จะเป็นผู้หญิงก็ตาม

 

 

“เธอจะทำอะไรน่ะ อยากได้อะไรก็เอาไปสิ เอาไปเลย ห้องฉันไม่มีของมีค่าหรอก ยังผ่อนไม่หมดเลยสักอย่าง โน้ตบุ๊คก็พังไปแล้ว ตู้เย็นก็เพิ่งเอาไปจำนำมา ตั๋วจำนำยังกองแผ่อยู่บนโต๊ะอยู่

 

 

เลย ได้โปรด…อย่าทำร้ายฉันเลย ฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่มีทางสู้แถมยังไม่มีสมบัติอะไรเลย ไม่มีแม้แต่อนาคตอันสดใสเหมือนเด็กหญิงธรรมดาเลย ฮือๆๆๆๆ” ฉันเริ่มครํ่าครวญหวังให้

 

 

เธอปล่อยตัวฉันออกไปเสียที  “ฉันไม่ได้ต้องการเงิน!” เจ้าโม่งหัวเเดงพูดได้สักทีนึกว่าเป็นใบ้ไปเสียอีก

 

 

“ทองฉันก็ไม่มี รถฉันก็ไม่มี เธอต้องการอะไร” ฉันถามเธอกลับ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ยอมคลายมือออกจากการจับกุมนอนทับร่างของฉันเลย

 

 

“ฉันอยากได้ตัวเธอ!” เดี๋ยวเมื่อกี้ฉันได้ยินถูกหรือผิดนะ เริ่มไม่ค่อยมั่นใจแล้ว

 

 

“อะไรนะ” ฉันถามไอ้สาวโม่งหัวแดงกลับ “เธอต้องเป็นของฉัน หึๆๆๆ” กรี้ดดดดม่ายยยยย การหัวเราะของซาตานอีกแล้วว เขาถอดหมวกโม่งออก แต่ก็ไม่ได้เห็นใบหน้าเขาเลย เพราะความมือ

 

 

ที่มีเสียงสลัวๆอยู่ด้วย พูดจบเขาก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้ แล้วบดขยี้ริมฝีปากของฉันอย่างไม่ใยดี ฉันพยายามดิ้นและเม้มปากเอาไว้ จะต่อสู้ แต่ก็ไม่ได้ผล ไอ้เลวนี้ก็ยังทำกับฉันเหมือนเดิม แถม

 

 

ยังพยายามให้ฉันเลิกเม้มปากอีก มือไม้ของเขาตะกุยเสื้อผ้าของฉันจนฉีกขาด  เห็นเนื้อตัวขาวเนียน แวบไปแวบมา ดีที่ไม่มีไฟมากท่ามีมาก ฉันคิดว่ายัยนี่ต้องเกิดอารมณ์มากกว่านี้แน่

 

 

นํ้าตาของฉันเริ่มไหลอาบแก้ม ไม่สามารถทำอะไรได้เลย  นี่ฉัน นี่ฉัน นี่ฉัน จะต้องเสียเวอร์จิ้นให้กับใครก็ไม่รู้งั้นหรอ! ไอ้โม่งหัวแดงที่มันไม่เห็นแม้กระทั่งใบหน้ามันเนี่ยนะ 

 

 

ทำยังไงดี ฉันยังไม่อยากเสียเวอร์จิ้นให้คนเลวนะ ใครก็ได้ ใครก็ได้ช้่วยฉันด้วย เรนะคนนี้ยังไม่อยากเสียเวอร์จิ้นให้คนเลวน้า ช่วยฉันด้วย!

 

 

เพล้ง!

 

 

เสียงกระจกหน้าต่างแตกละเอียดทำให้ฉันกับไอ้โม่งหัวแดงหันไปมองต้นเสียง พร้อมกันด้วยความตกใจ แล้วอยู่ดีๆ แล้วอยู่ดีๆ ก็มีใครที่ไหนไม่รู้พุ่งเข้ามากระชากตัวไอ้โม่งหัวแดง

 

 

ออกจากร่างของฉันแล้วต่อยเขาเข้าเต็มแรง “พลั่ก!” จากนั้นทั้งคู่ก็เข้าตะลุมบอนกันไม่ยั้ง หมัดแลกหมัด ถีบแลกถีบ พอฉันตั้งสติได้ ก็ลุกขึ้นมานั่งมองอย่างอึ้งๆ

 

 

ผู้หญิงคนที่มาช่วยฉันเป็นใครก็ไม่รู้ สวมเสื้อเชิ้ตหนังสีดำ กางเกงหนังเหมือนกับเสื้อ ผมยาวประมาณบ่า และที่สำคัญ หน้ากากแฟนซีสีดำอีกต่างหาก

 

 

เหมือนเพิ่งกลับมาจากงานเต้นรำที่ไหนสักที่หมาดๆ หรือเขาจะเป็นอินทรีดำคู่กับอินทรีแดงของประเทศไทย ซึ่งถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อกอบกู้วิกฤตตการณ์บ้านเมืองของประเทศ

 

 

ให้กลับมาสามัคคีกัน หรือว่าจะเป็นอินทรีดำของญี่ปุ่น คู่กับอินทรีแดงของไทยกันนะ ……..ไม่น่าจะใช่

 

 

“โครม!!! ไปซะล่ะก่อนที่ฉันจะแจ้งตำรวจมากจับแก!” คุณอินทรีดำ (นามแฝง) ตะโกนเสียงสวยไล่ไอ้โม่งหัวแดงที่เพิ่งถีบไปกระเเทกกับฝาตู้เสื้อผ้าจนหมดสภาพด้วยเสียงดังลั่น ไอ้โม่งหัว

 

 

แดงก็เลยค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นแล้วรีบชิ่งหนีออกจากห้องนอนของฉันไปอย่างว่องไวยิ่งกว่าโดนจรวดมิดไซล์จี้ตรูด ฉันมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างงงๆ เหมือนเดิม

 

 

ขวับ…

 

 

หวา อินทรีดำเสียงสวยหันมาทางนี้แล้ว เธอค่อยๆ เดินมาหาฉัน ดึงผ้าห่มคลุมตัวให้ (กรี้ดดด ลืมไปเลยว่าอยู่ในสภาพ โชว์เนื้อหนังซีดๆของตัวเองอยู่) จากนั้นเธอก็จับไหล่ฉัน

 

 

แล้วก้มลงมาใกล้ๆ จนได้ยินเสียงหายใจหอบแฮกๆ กับการต่อสู้เมื่อตะกี้นี้

 

 

“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม” อ๊า นี่ขนาดใส่หน้ากากปิดตาเอาไว้ ยังดูออกเลยว่าเธอสวยมาก ผิวเนียนละเอียด จมูกโด่งๆ คิ้วเป็นเส้นสวย ริมฝีปากอมชมพูน่าจูบ ทรงผมสั้นๆประบ่า อ๊ายยยยย

 

 

หน้าตาดีจังเลย เพอร์เฟ็กซ์สุดๆ ว่าแต่ว่า เธอช่วยฉันทำไมกันเนี่ย “เธอเป็นใคร” ฉันตัดสินในถาม คุณอินทรีดำในคราบผู้หญิงไป ทำไมเขาถึงดูดีขนาดนี้กัน

 

 

“เธอไม่รู้จักฉันหรอก” เขาพูดยิ้มๆ ทำไมเขาถึงดูดีขนาดนี้เนี่ย อยากจะดึงเข้ามาจูบจริงๆ

 

 

“แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันกำลังเดือดร้อน เธอเป็พวกซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีหูทิพย์ตาทิย์หรือยังไงกัน” เธอยิ้มๆให้กับคำถามแสนพิลึกกึกกือของฉัน

 

 

“ฮะๆ ไม่หรอก รู้แค่ว่าฉันเป็นฮีโร่ของเธอก็พอ” เขาพูดพลางลูบหัวฉันเบาๆ อ๊ายยย เขินอะ

 

 

“อ๊าาา แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่ได้เธอช่วยไว้ฉันคงต้องเสียเวอร์จิ้นให้ยัยโม่งหัวแดงนั่นแน่เลย” ว่าแล้วก็อดนึกถึงเหตุการณ์ตะกี้ไม่ได้

 

 

“ไม่เป็นไร ส่วนค่าตอบแทนน่ะ” เขาไม่พุดอะไรค่อ แต่อยู่ดีๆ ก็ก้มหน้าสวยๆลงมาจรดริมฝีปากอมชมพูลงบนเรียวปากของฉันเบาๆ อย่างนุ่มนวล ก่อนจะผละออก

 

 

“แค่นี้ก็พอ” พูดจบเขาก็ยืดตัวขึ้น เดินยิ้มหนีไปที่ประตู ทั้งที่ฉันยังอึ้ง ทึ่ง เขินอยู่กับรอยจูบนุ่มๆของเขา หน้าแดงทั้งแถบแล้ว อินทรีดำ(ในคราบสาวสวย) จุ๊บปากฉันอ่ะ แค่จุ๊บนิดเดียว

 

 

แต่หัวใจฉันเต้นแรงซะยิ่งกว่าตอนจะโดนไอ้โม่งหัวแดงนั้นปลุกปลํ้าซะอีก

 

 

“เดี๋ยวก่อนสิ! ได้โปรดเถอะ บอกให้ฉันได้รัยรุ้ได้ไหม ว่าเธอเป็นใคร ฉันอยากรู้ ว่าใครเป็นคนช่วยไว้ ฉันอยากรู้จริงๆ” กึก… เขาหันหลังมามองฉันแล้วเผยยิ้มบางๆ ก่อนจะค่อยๆ

 

 

ถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นดวงตากลมโต แววตาสีนํ้าตาลเข้ม รับกับใบหน้าเรียวสวย เหมือนเทพธิดากรีก-โรมันยังไงอย่างงั้นอ่ะ ทั้งสวยทั้งเท่ กรี้ดดดดด

 

 

“ฉันชื่อ จูรินะ อีกไม่นานเราคงได้เจอกัน” อะไรนะ อีกไม่นานเราคงได้เจอกัน นี่หมายความว่ายังไง

 

 

 

“เจอกัน?” ฉันถามเขาไปอย่างสงสัย เขาไม่พูดอะไรก่อนจะบอกลาส่งท้ายว่า “แล้วเจอกัน!”

 

 

 

 

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

 

 

อ๊ากกกกกก บอกแล้วว่าจะมีเรื่องใหม่มาก็มาจริงแหละนะ

ไรท์เตอร์ติดนิยายเรื่องหนึ่งมาก เลยคิดว่าควรจะเอามาดัดแปลงเป็นคู่เบิ้ลอิ มันจะทำให้ฟินกว่า

เนื้อเรื่องก็ตามนั้นค่ะ อาจจะลงไม่ทุกวันเท่าไหร่นะค่ะ 

เรื่องนี้เรนะจะค่อนข้างบ้าๆบ๊องๆ ส่วนจูรินะ……ไว้ดูตามเนื้อเรื่องดีกว่าค่ะ

ฮึฮึ โปรดติดตามตอนต่อไปคร้าาาาาา    

จิกหมอนนนน อ๊าาาาา ฟินค่าาาาา -3-

อื้อหือ  น้องจูเท่อย่างแรง

เรื่องนี้จะเป็นแนวไหนกันนะ  บู๊ๆเหรอคะ?  คาดเดาไม่ออกเลย

รออ่านต่อดีกว่า  สู้ๆนะคะคุณ mayuki

  

เหวยยยยยยย ไอ้โม่งแดงนั่นใคร

เฮียรั่วมากกกกกกก

จูโคตรเท่เลยว่ะเอ็ง 

อ้ายยยยย หล่อมากเลยจู

มาต่อเร็วนะค่ะ

น้องจูเป็นยอดมนุษย์ (?) 

ชุดสีดำแถมหน้ากาก หรือว่า…. น้องจูคือทายาทของอนันดา อินทรีแดง

น้องจูคือ อินทรีดำ  //ข้ามผมไป

“ฮะๆ ไม่หรอก รู้แค่ว่าฉันเป็นฮีโร่ของเธอก็พอ” << ประโยคนี้หล่อมาก

สู้ๆนะครับ 

จิกหมอนนนน อ๊าาาาา ฟินค่าาาาา -3-

-1-

เสียงลึกลับในห้องมืด

 

 

 

สามปีต่อมา

 

วันที่13กุมพาพันธ์

 

 

กรี้ดดด เธอกำลังเดินมาแล้ว!!! ฉันถือกล่องช็อกโกแลตทำเองรูปหัวใจไว้ในมือ หลังพิงพนังตึก หัวใจเต้นแรงจนอาจจะทำให้รถที่วิ่งผ่านไปผ่านมาหยุดชะงักกะทันหัน เพราะคิดว่าเป็นเสียงแตรได้

 

 

นี้เป็นครั้งแรก…..ครั้งแรกของชีวิตที่ฉันจะบอกรักผู้หญิง…..ผู้หญิงที่ฉันแอบหลงรักมาตลอดสามปี เธอชื่อ ‘จูรินะ’ เป็นเพื่อนสนิทของริสึ ที่อยู่แก๊งเดียวกัน ครั้งแรกที่ฉันเจอเธอมันหน้าประทับใจมาก

 

 

จนยากที่จะห้ามใจไว้ได้ วันนั้นมันเกือบจะเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตของฉันไปแล้ว แต่เพราะมีเธอ…..ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป รวมทั้งหัวใจของฉันด้วย

 

     ไว้ค่อยเล่าให้ฟัง ยังไม่ว่าง!

 

 

เพราะตอนนี้ฉันมีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นที่จะต้องทำให้สำเร็จ จริงๆแล้วฉันควรจะเอาของขวัญชิ้นนี้มอบให้เธอในวันพรุ่งนี้ แต่เมื่ออาทิตย์ก่อนดันทะลึ่งไปดูดวงมา แม่หมอบอกว่าฉันจะเจอเรื่องร้ายในวันที่14กุมพาพันธ์

 

 

(ซึ่งแหงล่ะ นั่นแปลว่าฉันต้องถูกเธอปฎิเสธหน้าหงายมาแน่ๆ เพราะงั้นฉันก็เลยเลือกที่จะปฎิบัติการวันนี้แทนไงล่ะ) โอ๊ย…ตื่นเต้นจะแย่แล้ววว จูรินะกำลังเดินใกล้เข้ามาทุกทีๆใจฉันน่ะวิ่งเข้าไปหาเธอนานแล้ว

 

 

แต่สมองยังสั่งการอยู่ว่าให้หยุดรอเธอตรงนี้ เวลาที่เธอเดินมาถึงจะได้เซอร์ไพรส์ไง!!!

 

 

ตึก!

 

กรี้ดดดด…เธอมาถึงแล้ว พรวด!!! ฉันโผล่หัวและตัวออกไปขวางทางจูรินะไว้อย่างเร็ว แล้วยื่นกล่องช็อกโกแลตให้ทั้งที่ยังหลับตาปี๋

 

 

“สุขสันต์วันวาเลนไทน์ล่วงหน้านะ” อ๊าาา…ทำไมทุกอย่างถึงเงียบสงบอย่างนี้ล่ะ นี่ฉันอยู่ริมถนนหรืออยู่ใกล้ป่าช้ากันแน่เนี่ย ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากอีกผ่าย ใจหายนะเนี่ย

 

ขวับ!

 

 

ฉันตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าของฉัน เธอกำลังยืนมองฉันด้วยหน้าเรียบเฉย แถมยังขมวดคิ้วนิดๆ

 

 

“อะไร” โอ๊ะ! ไม่ต้องตกกะใจไป…จูรินะก็เป็นอย่างนี้แหละ เย็นชา หน้าตาย ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก เธอชอบที่จะมีเรื่องกับคนอื่นมากกว่า ที่จะพูดจาดีๆ มันก็เลยไม่แปลกที่เธอจะพูดกับฉันได้ห้วนและโหดร้ายแบบนี้

 

 

…แต่บางทีฉันก็ยังไม่ค่อยชินนักหรอก

 

 

“ช็อกโกแลตน่ะ ฉันทำเองกับมือเลยนะ” ฉันพูดยิ้มร่าเริงให้อยากให้อีกคนทำหน้าตาเป็นมิตรมากขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่คาดไว้

 

 

“ทำเอง? ก็เก็บไว้กินเองสิ” เย็นชา เย็นชาจริงๆ เขาไม่รู้บ้างหรอว่าให้ช็อคโกแลตก็เหมือนกับการสารภาพรักน่ะ

 

 

“ก็ฉันทำมาให้เธอไง อยากให้เธอลองชิมช็อคโกแลตฝีมือฉันดูหน่อยอ่ะ” ฉันพยายามคาดคั้นให้เขารับมันไป

 

 

“ไม่ดีกว่า…ฉันยังไม่อยากตาย” เขาว่าพลางมองกล่องช็อกโกแลตแนวว่า มันมียาพิษอยู่แน่ๆ

 

 

“ไม่ตายหรอกน่า ฉันไม่ได้ใส่ยาพิษลงไปสักหน่อย ฉันตั้งใจทำมาให้ เธอก็รับมันไว้หน่อยจะได้มั้ยล่ะ จะเอาไปทิ้งหรือไปทำอะไรกับมันก็ได้ แค่เธอรับรู้ว่าฉันคิดยังไงกับเธอก็พอ” อร๊ายยย…ในที่สุดฉันก็พุดมันออกไปแล้ว

 

 

ตอนนี้ก็เหลือแค่รอรับคำตอบจากเขาเท่านั้น ฟึ่บ! โอ๊ะ๑จูรินะคว้ากล่องช็อกโกแลตไปจากมือฉันแล้ว เขาชะงักมองมันนิดหนึ่งก่อจะตัดสินใจ แกะกล่องออกอย่างลวกๆ โบเบอกระจุยกระจาย กระเจิดกระเจิงหมด

 

 

(ฉันอุส่าต์หัดผูกอยุ่ตั้งสามชั่วโมงเลยนะนั่น) จากนั้นเขาก็หยิบช็อกโกแลตขึ้นมาชิมหนึ่งก้อน

 

 

“ไม่อร่อย” ฟุ่บ!!! อะ…อะไรน่ะ พูดจบก็โยนช็อกโกแลตทั้งกล่องลงถังขยะข้างเสาไฟ แล้วหันมาจ้องฉันอย่างเลือดเย็น

 

 

“พอใจยัง” ทะ…ทำไม คนที่อ่อนโยน คนที่ดีกับฉันเมื่อสามปีที่แล้ว มันหายไปไหนแล้ว

 

 

“ธะ…เธอ นั่นฉันใช้เวลาทำทั้งวันทั้งคืนเลยนะ ริสึกับพี่คูมินยังชมเลยว่าอร่อยมาก แล้วทำไม ทำไมจูรินะ! เธอถึงโยนทิ้งอย่างไร้เยื่อใยขนาดนั้นล่ะ ใจร้ายเกินไปแล้ว” อยากจะร้องไห้อะ ฉันได้แต่อ้าปากอึ้งๆอยู่อย่างนั้น

 

 

“นี่!” จูรินะก้มลงจับไหล่ฉัน แล้วทำหน้าตาเฉยชาไร้ความรู้สึก รู้สึกผิดก้ไม่ รู้สึกอยากขอโทษ ก็ไม่

 

 

“เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าถ้ารับไปแล้ว ฉันจะเอาไปทิ้ง จะเอาไปทำอะไรกับมันก็ได้ ฉันก็ทำตามที่เธอบอกแล้งไง ยังจะเอาอะไรอีก”

 

 

“แต่ฉันไม่ได้บอกให้เธอทำต่อหน้าฉัน!” ฉันรีบสวนเขาเข้าไปทันที นิสัยเขามันเย็ชนชาจนเริ่มปวดร้าว

 

 

“จะทำต่อหน้าหรือลับหลัง สุดท้าย ยังไงฉันก็ ‘ทิ้ง’ มันอยู่ดี ค่ามันก็เท่ากัน” จูรินะยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วปล่อยมือออกจากไหล่ฉัน

 

 

“ขอโทษด้วยที่ฉันไม่เคยคิดอะไรกับเธอเลยสักนิด เอาเวลาไปสนใจคนที่เขาชอบเธอดีกว่านะ” คำพูดนี้มันยิ่งทำให้ฉันอารมณ์ขึ้น เขาไม่รุ้เลยหรอว่าถ้ารักใครแล้วมันก็ต้องรักอยุ่ดี

 

 

“ฉันไม่สนใจคนอื่นนอกจากเธอหรอก! ตลอดสามปีที่ผ่านมา ในใจของฉันมีแต่เธอจูรินะ แค่เธอคนเดียว แต่เธอก็ชอบทำเฉยชาใส่ฉัน ชอบทำเหมือนฉันไม่มีตัวตน ทำเหมือนฉันเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ ทำไมล่ะจูรินะ! ทำไมวันนั้น

 

 

เธอไม่ปล่อยให้ฉันถูกทำร้ายให้ตายไปเลย เธอมาช่วยฉันไว้ทำไม ทำให้ฉันรักเธอทำไม!!! บ่อนํ้าตาของฉันแตกเป็นเสี่ยงๆ ออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง จูรินะนิ่งไป แต่สุดท้ายเขาก็ยักไหล่แล้วทำหน้าเย็นชาเหมือนเดิม

 

 

“ฉันช่วยเพราะเธอเป็นน้องสาวของเพื่อนฉัน ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วย” ขวับ… พูดจบเขาก็กลับหลังหันแล้วเดินหนีไป ไม่สนใจจะมองด้วยซํ้าว่าฉันจะเป็งยังไงต่อ ฉันมองแผ่นหลังเขาทั้งนํ้าตา ก่อนจะตะโกนออกไปเสียงดัง

 

 

“จูรินะ! ฉันชอบเธอ ไม่ว่าเธอจะคิดยังไง ฉันก็ชอบเธอ ได้ยินมั้ย ฉันชอบเธอจูรินะ ฮือๆๆๆๆ” … ไม่มีประโยชน์… จูรินะเดินจากไปแล้ว เขาทำลายความฝันอันแสนหวานของฉันพัง

 

 

ย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเราจะเป็นแฟนกันหลังจากสารภาพครั้งนี้หรอก แต่ฉันคาดหวังจะมีการตอบสนองที่ดีกว่านี้สักหน่อยไม่ใช่เฉยเมยใส่แล้วโยนกล่องช็อกโกแลตของฉันทิ้งแบบนี้

 

 

เขาใจร้ายเกินไป ใจร้ายเกินไปแล้ว…ฮึก ฮึก…ฉันร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนัก ในขณะที่กำลังจะเดินข้ามถนนเพื่อกลับบ้าน นํ้าตาเปิ้นแก้มเต็มหน้าฉันไม่หยุด ฉันเเอบชอบเขามาตั้งสามปี

 

อันที่จริง ริสึก็เตือนฉันแล้วล่ะว่าคนอย่างจูรินะน่ะ ไม่สนใจเรื่องความรักหรอก แต่ฉันก็ยังจะดื้อด้าน หวังลมๆแล้งๆ ว่าเขาอาจะชอบฉันอยู่บ้างก็ได้

 

 

อย่างน้อยฉันคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงคนเดียว ที่ใก้ลชิดกับเขานอกจากเพื่อนในแก๊งมากที่สุดและดีกับเขามากที่สุดด้วย… แต่วันนี้ ฉันรู้แล้วล่ะว่าริสึพูดถูก…เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันเลย

 

…ไม่เลย  ปิ๊น…ปิ๊นนนนนนนนนน โอ๊ะ! เสียงแตรรถที่ไหนน่ะ ทำไมกังแสบหูขนาดนี้เนี่ย ขวับ!… ฉันรีบหันไปมองต้นเสียงอย่างรวดเร็ว และวินาทีนั้นเองถึงได้รู้ว่าตอนนี้ฉันเดินอย่างไร้จุดหมายมาหยุดอยู่ ‘กลางถนน’

 

 

โดยมีรถยนต์คันหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาทางนี้ด้วยกว่าเร็ว “ไม่นะ” ขาของฉันเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ สายตาของฉันจัจ้องไปที่รถคันนั้น ซึ่งบีบเเตรดัังยาวราวกับบอกลาวาระสุดท้ายของชีวิตให้กับฉัน

 

 

“ปิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน โครม!!! ตุ้บ!” ฉันได้ยินเสียงตัวเองตกลงมากระทบกับพื้นถนนอย่างแรง ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะดับวูบลง…

 

 

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่มีใครบอก…

 

 

ฉันเริ่มรู้สึกตัวแล้วล่ะ แต่ทำไมหายใจไม่ค่อยออกเลยว้ะเนี่ย มันเหมือนมีอะไรบางอย่างปกคลุมร่างกายของฉันอยู่ก็ไม่รู้ เอ๊ะ! นี่ใครเอาอะไรมาห้อตัวฉันไว้อ่ะ

 

 

อย่าบอกนะว่าฉันตายแล้วเดิดใหม่เป็นแหนม! หรือเป็นข้าวต้มมัดน่ะ! ฉันจะยอมกลั้นใจให้ตายแล้วเกิดใหม่อีกสักรอบสองรอบ แงๆ

 

 

ฟึ่บ

 

แค่กๆ!

 

ใช้มือตะกายผ้าที่คลุมหน้าออก ทำให้หายใจสะดวกขึ้นหน่อย เอาวะ! อย่างน้อยฉันก็ยังเป็นคนอยู่ ตะ…แต่ว่า…ที่นี่มันที่ไหนเนี่ย ทำไมถึงได้มืดสนิทขนาดนี้ ขวับ! ขวับ! ฉันพยายามปรับสายตาให้เป็นปกติ แล้วมองไปทาง

 

 

 

ซ้ายทางขวาอย่าง งงๆ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในห้องอะไรสักอย่าง รอบกายมีเตียงที่คล้ายๆเตียงพยาบาลตั้งอยู่ห้าถึงหกเตียง ทุกเตียงถูกคลุมด้วยผ้าห่มสีดำสนิท แบบเดียวกับที่คลุมฉันเมื่อกี้นี่นั้นแหละ

 

 

ทะ…ที่นี่มันที่ไหนกันนะ

 

“ห้องดับจิตไงล่ะ” เฮือก ขวับ ขวับ เสียงนี้มัน เสียงใครกัน ไม่เห็นมีใครอยู่นี้เลยนี่นา ใครแกล้งอำฉันเล่นหรือเปล่าเนี่ย ไม่ตลกเลยนะ! ในนี้ไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตใดๆ อาศัยอยู่เลยนี่ แล้วเสียงนั่นมันมาจากไหน เสียงใครว้ะ!!!

 

 

“ฉันเป็นซาตาน…ผู้ปลุกวิญญาณของเธอ” เหวอออ อะไรกันเนี่ย ดูเหมือนว่าไอ้เสียงนั่นจะรู้หมดเลยนะว่าฉันกำลงัคิดอะไรอยู่ แต่นี่มันเรื่องจริงหรือฝันกันแน่ ซาตาน? ห้องดับจิต? เหลือเชื่อ!!!

 

 

ทั้งสองคำนี้ไม่ใช่คำที่ฉันควรจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยสักนิด แล้วฉันมาอยู่ในห้องดับจิตได้ยังไงกัน ถ้าอย่างนั้นก็เเปลว่า…ฉันตายไปแล้วน่ะสิ!

 

 

โอ๊ย! ตอนนี้ฉันเป็นวิญญาณแล้วงั้นหรอ ฉันเป็นผี! กรี้ดดดดดดดดดดดดด

 

 

“ไม่ต้องตกใจไป เธอยังไม่ตายหรอก” เสียงประหลาดที่เรียกตัวเองว่า ซาตาน พูดกับฉันด้วยเสียงเย็น ยะเยือก ยิ่งกว่าเสียงจูรินะตอนปฎิเสธฉันซะอีก แถมอยู่ดีดี ก๋มีลมพัดมาวูบใหญ่

 

 

ทั้งๆ ที่ประตูห้องยังปิดสนิทอยู่ มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาอย่างประหลาด เขาล่วงรู้ความในใจของฉันจริงๆ ด้วยล่ะ เขาเป็นซาตานจริงๆหรือเนี่ย

 

 

“ก่อนหน้านี้เธอถูกรถชนมา ยังจำได้มั้ย” รถชนงั้นเหรอ! ฉันพยายามตั้งสติคิดย้อนระลึกถึงเหตุการร์ก่อนที่จะมาที่นี่…ใช่แล้ว ฉันเพิ่งถูกคนที่ฉับแอบชอบปฎิเสธมาหมาดๆ ก็เลยก็เลยเดินข้ามถนนอย่างคนสติเลื่อนลอย

 

 

จากนั้นฉันก็ถูกรถชน แล้วมันยังไงล่ะ… ฉันยังไม่ตายงั้นเหรอ ไม่สิ! ฉันอาจจะตายแล้ว ไม่งั้นจะมาอยู่ในห้องดับจิตได้ยังไงล่ะ กลัวนะ นี่ฉันเป็นผีอยู่เหรอ

 

 

“ชะ…ใช่ ฉันถูกรถชน” เสียงฉันสั่นมาก รู้สึกลำคอแห้งผากอย่างกับถูกใครเอาไปตากแดดหูอื้อ ตาลายอย่างบอกไม่ถูก

 

“งั้นแปลว่าเธอไม่ได้ความจำเสื่อม… ดีล่ะ จะได้คุยกันง่ายๆหน่อย”

 

 

“สรุปว่าตอนนี้ฉันตายแล้วใช่ไหม! ทะ…ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ นายเป็นซาตานจริงๆหรอ แล้วทำไมนายถึงมาคุยกับฉัน นายจะพาฉันลงนรกหรือไง ไม่นะ! ฉันไม่ไป มั่นใจว่าคนญี่ปุ่นเกินล้านคนบอกว่าฉันเป็นคนดีถึงเรียน

 

ไม่ได้เกรดสี่เลยก็เถอะ แต่ฉันไม่เคยฆ่าใคร ไม่เคยทำร้ายใครเลยนะ เผื่อนายจะไม่สังเกตุเห็น ฉันตื่นมาทำบิณฑบาตทุกเช้านะยะ!” พูดอะไรก็ได้ว้า ให้เอาตัวรอดเอาไว้ก่อน

 

 

“เธอเป็นพระเหรอ…แถมเป็นคนญี่ปุ่นด้วย” เวรแล้วไงดันพูดข้ามประเทศเลยฉัน

 

 

“เอ้อ…ไม่ใช่สิ ต้องเข้าวัดขอพรทุกวันสิ เป็นมิตรกับคนทั่วไป รับใช้คนญี่ปุ่นทั้งแผ่นดิน ไม่โกงกินประเทศชาติ รักครอบครัวและ…” ไม่รู้ว่าตัวเองจะแถไปได้นานหรือเปล่านะ

 

 

“พอๆ จะลงสมัครเลือกตั้งหรือไง บรรยายสรรพคุณเป็นยาธาตุนํ้าขาวเลย ตั้งสติแล้วฟังฉันกำลังจะพูดดีกว่า หึๆ” ซาตานหัวเราะเสียงก้อง เล่นเอาฉันขนลุกตั้งไปทั่วร่าง

 

 

“ก่อนหน้านี้เวลาเที่ยงคืน…เธอได้สิ้นใจอย่างสงบไปแล้ว ก็เลยถูกส่งตัวมาที่ห้องดับจิตนี่ไง แต่ฉัน…ฉันเป็นผู้ปลุกวิญญาณของเธอขึ้นมาใหม่ เพราะอายุขัยของเธอยังไม่สมควรที่จะตาย” อ๊ากกก งั้นก็แปลว่าตอนนี้ฉันยังไม่ 

 

 

ตาย แต่รอบกายฉันมีแต่ศพงั้นสิ กรี้ดดดดดดด พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วยยยย

 

 

“เธอคิดถูกแล้ว” ฉันไม่ได้ต้องการคำตอบโว้ยยย บางทีไม่ต้องมารู้ทุกเรื่องที่ฉันคิดก็ได้นะ

 

 

“ฮะๆ ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวเท่านั้นนะที่รู้ แต่คนอื่นๆ ก็รู้ด้วย” ห๋า…อะไรกันเนี่ย ไอ้ซาตานผีบ้า นี่มันกำลังคุยกับความคิดของฉันอยู่งั้นหรอ ยุ่งไม่เข้าเรื่องเลยอ่ะ

 

 

“เธอควรจะเรียกฉันให้สุภาพกว่านี้นะ คุณมัตสึอิ เรนะ” ตาซาตานเจาะจง ชื่อและนามสกุลฉันซะ ชัดแจ๋วเเว๋วเลย

 

 

“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนี่ ” ถ้าไม่แถก็ไม่รอดหรอกนะ

 

 

“แต่เธอคิด ฉันได้ยินความคิดของเธอ!”

 

 

“โอ๊ย!แค่คิดก็ผิดเหรอ โอเคๆ ฉันเรียกนายว่า คุณซาตานก็ได้ พอใจมั้ย! เอาล่ะ!คุณซาตาน บอกฉันที เมื่อตะกี้นายหมายความว่ายังไง คนอื่นๆ ก็รู้สิ่งที่ฉันคิดอย่างนั้นหรอ” ถ้าเป็นจริงฉันคงจะบ้าตายล่ะ

 

 

“ใช่แล้ว! ถ้าอยู่ใกล้ในระยะไม่เกินหนึ่งเมตร ก็จะได้ยินในสิ่งที่เธอคิดทั้งหมด” 

 

 

“ทุกเรื่องเลยหรือไง”

 

 

“ใช่! ทุกเรื่องเลยล่ะ ไม่ว่าเธอจะคิดในด้านบวกหรือด้านลบ เขาก็ได้ยินเธอทุกเรื่องแหละ คุณมัตสึอิ” ฉันกลายเป็นคนของประชาชนไปแล้วฮือๆๆ

 

“ทำไมล่ะ! ทำไมคนอื่นจะต้องมารู้ความคิดของฉันด้วย นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย”

 

 

“เพราะว่ามันเป็นคำสาปยังไงล่ะ”

 

 

“คำสาป? ฉันโดนสาปให้ป่าวประกาศความคิดของตัวเองให้คนอื่นได้ทราบและรับรู้โดยทั่วกันเนี่ยนะ! บ้าที่สุด คำสาปปัญญาอ่อนแบบนี้ก็มีด้วยหรอฮะ”

 

“ฮะๆ ก็ชุบชีวิตสักคนย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนกันบ้าง สาวน้อยมัตสึอิ มันเป็นเรื่องธรรมดา ของฟรีไม่มีในโลกจริงไหม”

 

 

“อ้อ! งั้นก็หมายความว่า ฉันจะได้มีโอกาส ลัลลา เอ้อระเหย อยู่บนโลกใบนี้ต่อไปได้ แต่ต้องโดนคำสาป บ้าๆ บอๆ นี่ติดตัวไปทั้งชีวิตงั้นสินะ”

 

“ถูกต้อง หรือเธอเลือกที่จะตายล่ะ” เยี่ยมเลย….คำสาปแลกกับชีวิตงั้นหรอ น่าสนใจดีนี่ ได้เลย ฉันก็แค่ไม่ต้องคิดอะไรในหัว จะได้ไม่มีใครรู้ความในใจของฉัน ก็เท่านั้นแหละไม่เห็นจะยาก

 

 

“ก็ได้! ฉันยอมโดนคำสาป บ้าๆ บอๆ นี้ก็ได้ ก็แค่ให้คนมาวุ่นวายกับความคิดฉันไปทั้งชีวิตเอ๊งงง ไม่ได้ลำบากอะไรนักหรอก เนอะๆ นายว่าไหม” 

 

 

“หึๆๆๆๆ” ไอ้ซาตานผีบ้าเอาแต่หัวเราะ ทำเป็นเก๊กเสียงขรึมคมเข้ม คิดว่าเท่ไง สงสัยไม่ได้ทำเป็นตั้งมาดน่ากลัวแล้วมันจะตายละมั้ง

 

 

“ฉันไม่มีวันตายหรอก ชีวิตเป็นอมตะน่ะ” โอเค! ลืมไป ฉันไม่ควรใช้ความคิดนินทาใครอีกต่อไปแล้ว! 

 

 

“อ๋อเหรอ…โอ๊ย! น่าเบื่ออ่ะ ถ้าทุกคนมายุ่งกับความคิดฉันซะทุกเรื่อง แบบนายอย่างนี้ล่ะก็นะ ฉันยอมตายดีกว่า เออนี่! เปลี่ยนเป็นคำสาปอย่างอื่นได้ปะ อย่างเช่นว่า…เวลาเจอคนน่ารักจะต้องวิ่งเข้าไปจูบทันที หรือไม่ก็รักใคร

 

เขาคนนั้นจะต้องรักตอบ อะไรทำนองนั้นอะ

 

 

“นั่นเรียกว่าคำสาปเหรอ”

 

 

“นี่ก็ไม่เรียกคำสาปหรอก เชอะ! งี่เง่า”

 

 

“อันที่จริง…คำสาปทุกคำสาปย่อมมีหนทางแก้ระ คำสาปนี้ก็เช่นกัน”

 

 

“ว่าไงนะ! ฉันมีหนทางที่จะแก้คำสาปบ้าๆ นี้ได้ด้วยหรอ โธ่! แล้วทำไมไม่บอกล่ะ ปล่อยให้ฉันบ่นเป็นอาม่าตื่นไฟอยู่ได้ รีบบอกมาสิว่าต้องแก้ยังไง ฉันจะได้รีบแก้ ห้องนี้หนาวจะตายอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นขั้วโลกเหนือหรือห้อง

 

 

ดับจิตกันแน่ “เธอต้องทำให้คนคนหนึ่ง สมหวังในความรัก” อ๋า…ฟังดูไม่ง่ายเท่าไหร่ แต่ก็คงไม่ยากเกินไปถ้าฉันจะทำ หวังว่าผู้หญิงคนนั้นจะสติดี หน้าตาดูดีเป็นผู้เป็นคนหน่อยนะ ไม่ใช่เอาหน้าตาแบบซาตานส่งมาเกิด

 

สิวระเบิกสามร้อยเม็ดมาให้ฉันเป็นแม่สื่อให้ล่ะ แม่จะด่าเจ็ดชั่วโครตไม่ซํ้าคำเลย คอยดู๊สิ!

 

 

“ได้! เรื่องแค่นั้นไม่มีปัญหาหรอก เป็นแม่สื่อน่ะง่ายนิดเดียว ฉันก็ทำให้เพื่อนฝูงอยู่บ่อยๆ ว่าแต่จะให้ฉันเป็นแม่สื่อให้ใครล่ะ”

 

“ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าใคร”

 

 

“อ้าว! นายไม่รู้แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ จะให้เป็นแม่สื่อห้คนทั้งโลกเลยไหมล่ะ โธ่!

 

“มันขึ้นอยู่กับเธอน่ะ”

 

 

“ฉัน? ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย”

 

 

“วิธีแก้คำสาปมีอยู่ว่า เธอจะต้องทำให้คนคนหนึ่ง สมหวังในความรัก และคนคนนั้นต้องเป็นคนสุดท้ายที่เธอพูดคุยด้วย ก่อนตาย”

 

 

“อะไรนะ! คนสุดท้ายที่คุยกับฉันงั้นเหรอ” สมองของฉันคิดประมวลผลย้อนกลับไปในเหตุการณ์วันนั้นทันที ก่อนที่จะถูกรถชน…ฉันไปสารภาพรักกับผู้หญิงคนหนึ่งและถูกเขาปฎิเสธกลับมาอย่างไร้เยื่อใย

 

โอ้! ไม่นะ พระเข้าช่วยกล้วยทอด!!!

 

 

“จูรินะ!!!”

 

 

โอ๊ย! ข้าน้อยสมควรตาย ฮือๆๆ

 

ครอก!

 

 

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

 

แต่งซะยาวเลย ฮุฮุ เรื่องราวมันเริ่มแล้วล่ะค่ะ

คงรู้แล้วใช่ไหมค่ะว่า คุณจูเขานิสัยยังไง 

ส่วนคุณเฮียก็นั่นแหละค่ะ บ้าๆ บ๊องๆ ไว้จะมาลงให่มอีกที (ตอนที่พร้อม)นะค่ะ ฮิ้วๆ

สงสารเฮีย แล้วนี่จูก็จะรู้ความคิดเฮียสินะ

ง่ายๆเลยเฮีย มอมเหล้าจูแล้วจับทำสามีไม่ก็ภรรยาเลยเอ้า !

ทำบ่อยเดี๋ยวจูมันก็รักเฮียเองแหละ ไม่ต้องให้มันไปรักใครหรอก 5555

แต่เรื่องนี้เฮียต๊องๆ น่ารักดีแหะแล้วคำสาปประเภททไหนของเธอน่ะ

เวลาเจอคนน่ารักจะต้องวิ่งเข้าไปจูบทันที หรือไม่ก็รักใคร

เขาคนนั้นจะต้องรักตอบ อะไรทำนองนั้นอะ

ซาตานที่ไหนเขาจะสาปให้เฮียได้ทั้งขึ้นทั้งล่องล่ะครับ !

ฮ่าๆๆๆ  เรนะซังรั่วอะไรขนาดนี้คะ  ขนาดคุยกับซาตานยังมิวายรั่วกระจุยกระจาย

ต้องทำให้จูสมหวังในความรักสินะ  งืม… แล้วตอนนี้จูรักใครอยู่รึเปล่าน้อ?

(แต่กว่าจะทำให้จูรักได้เรนะซังคงโดนอ่านความคิด อ่านใจจนพรุน  ฮ่าๆๆ)

 

ปล. รู้สึกถึงเค้าลางความวุ่นวายและความฮาที่กำลังจะเพิ่มขึ้น  รอตอนต่อไปอยู่นะคะ  สู้ๆค่ะ

โอววววว ทุกคนเล่นรู้ความคิดเรนะซะหมดเปลือกแบบนี้
ถ้าจะไปหาเด็กนี่ .. รู้กันถ้วนหน้าเลยจร้า
จูเย็นชามากอ้าาาา … เรนะจะทำให้จูสมหวังในความรักได้ไหมเนี่ย 

เราจะไปฆ่าไรท์ ฮ่าๆ ล้อเล่นนะงุงิ มาแนวนี้มีหวังเศร้าตายยยยย อ้าาาา -0-

เพิ่งมาเห็นเรื่องนี้
จูจังเย็นชาแต่หล่อค่ะ //อวย
เรนะนอกจากติ๊งต๊อง หลงตัวเองแล้ว
ยังแถได้สุดติ่งอีกต่างหาก ฮ่าๆ

ตายก่อนพอดี 55555

อย่างจูเนี่ยนะจะสมหวัง

ไม่ใช่ว่าไม่ได้มีคนที่แอบรักอะรประมาณนี้ตั้งแต่แรกแล้วเรอะ

ใช่เรื่องLOVE OUT LOUD รักต้องห้ามฉบับคำสาปสุดเพื้ยน ของแสตมป์เบอรี่ป่ะค่ะ

ตอนต่อไปชื่อว่า ปฏิบัติการสุดทรมานใจใช่ไหมค่ะ อิอิ เรื่องนี้อ่าน3-4รอบแล้ว

สงสารเฮีย แล้วนี่จูก็จะรู้ความคิดเฮียสินะ

ง่ายๆเลยเฮีย มอมเหล้าจูแล้วจับทำสามีไม่ก็ภรรยาเลยเอ้า !

ทำบ่อยเดี๋ยวจูมันก็รักเฮียเองแหละ ไม่ต้องให้มันไปรักใครหรอก 5555

แต่เรื่องนี้เฮียต๊องๆ น่ารักดีแหะแล้วคำสาปประเภททไหนของเธอน่ะ

เวลาเจอคนน่ารักจะต้องวิ่งเข้าไปจูบทันที หรือไม่ก็รักใคร

เขาคนนั้นจะต้องรักตอบ อะไรทำนองนั้นอะ

ซาตานที่ไหนเขาจะสาปให้เฮียได้ทั้งขึ้นทั้งล่องล่ะครับ !

ให้จูรินะเเต่งงานกับซาตานน 555 ก๊ากก อะไรเนี่ยเรา เฮียเอ๋ยย แย่ล่ะสินี่ %~

อินโทรนี่จูดูหล่อเท่อบอุ่นม๊ากมาก
พอมาตอนแรกไมเย็นชาปากร้ายแบบนี้ *ต่อย*
สงสารเรนะตอนโดนปฏิเสธ T____T
หลังจากเรนะฟิ้นคงจะวุ่นวายน่าดู รอค่าาาาา^^

-2-

เปลี่ยนแผน!

 

 

โอ้! พระเจ้าจอร์จ กว่าฉันจะหนีออกมาจากโรงพยาบาลได้ ก็ยากลำบากพอแล้ว ยังจะต้องเดินกับบ้านแบบลับๆ ล่อๆอีก ทำไงได้ ทั้งเสื้อทั้งกระโปรง มีแต่เลือดกับเลือดอะ

 

 

ทางเดินก็ยากลำบากอยู่แล้วด้วย ยังจะต้องแอบเขาอีก ฮุ้ย จะซวยอะไรขนาดนี้ว้ะ ไอ้เรนะเอ้ย

 

 

“ปรื้นนน! ปิ๊นนนนน! ขอโทษนะค่ะ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงเลือดเต็มตัวขนาดนั้นล่ะ” เสียงนี้ไร้มารยาทเหลือเกิ๊น แต่ทำไมมันรู้สึกคุ้นๆกัน ฉันหันไปมองหน้าคนที่เรียกฉัน ก็ต้องตกใจ

 

 

“จูรินะ” ฉันตะโกนออกไปเพราะความตกใจ เมื่อเขาเห็นหน้าฉัน เขาก็มองมาอย่างเลือดเย็น

 

 

“ยังไม่ตายงั้นหรอ” เขาพูดหน้านิ่งเหมือนไม่คิดจะใส่ใจคำพูดนั้นเลย

 

 

“ถ้าตายแล้วฉันไม่มายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้หรอก” ดีนะที่ฉันคิดอะไรฟุ้งซ่านได้ เพราะเขาอยู่ไกลฉันมากกว่า1เมตร

 

 

“ก็นึกว่าตายไปแล้ว จะได้จัดดอกกุหลาบแทนงานศพให้ จะได้สบายใจ แล้วไม่ต้องมาหลอกมาหลอนกัน” เขาตอบกลับหน้านิ่ง ดับรถสุดโปรดของตัวเอง สายตาที่เขามองมันเลือดเย็นมาก

 

 

“ขอบคุณที่หวังดีคิดอยากจะไปงานศพฉันนะ แต่เสียใจด้วยฉันยังไม่ตายยะ” ฉันฝืนพูดไปต่างหาก โถ่ พระเจ้า ใครจะไปกล้าพูดดีดีได้ล่ะ เล่นมองพูดกัน แบบเลือดเย็นขนาดนี้ แม่ไม่จับทำฟักทองก็บุญแล้ว!

 

“ฉันไม่เสียใจเรื่องแบบนี้หรอกยัยบ๊อง ไปล่ะ มีงานต่อ” เขาด่าคำว่ายัยบ๊องได้เจ็บแสบมาก ก่อนจะสตาร์ทเจ้ารถคคันโปรดออกไป คือไม่คิดจะไปส่งกันเลยเหอะ แตะยังไงฉันก็ให้ใจเขาไปหมดแล้วนี่ ชิ

 

 

ฉันเก้าเดินต่อไปเรื่อยๆ เลือดก็เต็ม แผลก็เจ็บ ดีที่ไม่มีเลือดที่หัวด้วยเพราะพยาบาลน่าจะทำให้แล้ว ถ้ามีคนมาเห็นฉัน คงกระเจิดกระเจิง นึกว่าผีห่าซาตานที่ไหนมาเดินให้คนอื่นพบเจออยู่ หวังว่าคุณ

 

เจน ญานทิพย์คงไม่มานะ อย่าลืมพาคุณริวมาด้วย (ไม่เกี่ยวกับเรื่องเร้ย)

 

 

“ปรื้นนน เอี้ยด! เรนะ ใช่เรนะหรือเปล่า” ฉันหันไปมองต้นเสียงที่เรียกชื่อฉัน คนคนนี้ก็เป็นคนคุ้นเคยเช่นกัน 

 

 

“พี่คูมิน” ฉันตะโกนเรียกดีใจที่ได้พบพี่คูมิน ก็แหงสิ อีก10กว่ากิโลอยุ่นะ กว่าจะเดินไปถึงอะ มีหวังได้ตายก่อนแน่

 

 

“เรนะจัง เป็นไงบ้าง เห็นไอ้จูมันบอกว่า มีศพฟื้น พี่ก็เลยรีบมาเนี่ยแหละ” พี่คูมินรีบวิ่งมาตรวจสอบร่างกายฉัน สิ่งเเรกที่ฉันคิดคือ หยุดคิดได้แล้ว!

 

 

“ยะ..ยังนั้นหรอค่ะ งั้นก็โชคดีของเรนะไปที่จูรินะช่วยบอก ไม่อย่างนั้นเรนะคงเดินขาลากแน่ๆเลยค่ะ” พี่คูมินยิ้มให้ก่อนจะหันไปทางขวามือ ที่ดูเหมือนจะมีสิ่งแปลกๆ แต่ฉันไม่เห็นหรอก

 

 

“มีอะไรหรือเปล่าค่ะ พี่คูมิน” พี่คูมินสะบัดกัวเล็กๆ

 

 

“อ๊ะ เอานี่ไปคลุมนะ เนื้อตัวแบบนี้เดี๋ยวคนก็เข้าใจผิดเอา” อ๊ายยยย อย่างเท่อ่ะ ถ้าไม่ติดว่าให้ใจจุรินะไปหมดทั้งใจแล้วล่ะก็ ป่านนี้ฉันคงตามตื้อพี่คูมินแทนแล้วล่ะ

 

 

“เอ๊ะ! เรนะจังได้ยิน เสียงอะไรไหม” พี่คูมินหันหน้าซ้ายขวาหลังจากควบช้อปเปอร์คันดปรดแล้วตามด้วยฉันที่นั่งเกาะเขาอยุ่ด้านหลัง

 

 

“อะ…เอิ่ม เรนะไม่เห็นได้ยินอะไรเลยค่ะ เรนะว่า พี่คูมินรีบไปกันดีกว่าค่ะ ถ้าใครเห็นเรนะในสภาพนี้เข้า เขาจะหาว่าเรนะเป็นเจ้ากรรมนายเวรเอา” พี่คูมินหัวเราะออกมานิดๆ ก่อนจะรีบขับรถออกไป

 

 

 

หลังจากที่พี่คูมินมาส่งฉันเสร็จ เขาก็พยายามจะถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมด แต่ฉันดันขอตัวขึ้นมาอาบนํ้าแล้วให้เขากลับไปก่อน อ้างว่าเหนื่อย แต่จริงๆแล้ว ไม่ได้เหนื่อยทางกาย แต่เหนื่อยทาง

 

ใจต่างหาก เห้อออ

 

 

วันนี้ริสึก็ไม่อยู่บ้านอีกแล้ว คงเป็นเรื่องปกติเพราะเธอชอบไปหมกตัวอยู่กับแก๊งของตัวเอง แต่แก๊งของพวกพี่น่ะ ห่างไกลยาเสพติดแน่นอน ฉันขึ้นไปข้างบนห้องเพื่อที่จะชำระเลือดและผ่อนคลายตัวเอง

 

 

ถอดผ้าออกทุกชิ้นก่อนจะหยิบผ้าก็อตที่หัวออกเลือดไม่มีแล้ว แต่ยังไงก็ยังรู้สึกมึนอยู่ดี ฉันเดินเข้าไปล้างเลือดบนเนื้อตัวออกก่อนจะหย่อนตัวลงบนอ่างที่เต็มไปด้วยฟอง

 

 

บรรยากาศดูจะเริ่มดีขึ้น แต่สมองยังคิดไปไกล มันเรื่องจริงหรอ เรื่องที่ว่าฉันโดนคำสาป เรื่องที่ว่าจูรินะปฎิเสธรักของฉัน  ถึงมันจะจริงหรือไม่จริง

 

 

ให้ตายฉันก็จะไม่ยอมเป็นแม่สื่อให้คนที่ตัวเองรักหรอกนะ เล่นกันอย่างนี้ยอมหมกตัวอยู่บ้านจะดีกว่าอีกไอ้ซาตานบ้า

 

 

“แหม พอฉันเผลอ เธอก็แอบด่าฉันเลยหรอสาวน้อย” เสียงที่เกลียด แถมยังเลือดเย็นที่สุดดังขึ้น ฉันรีบเอามือกวาดฟองเข้าตัวทันที เมื่อไอ้ซาตานมันแอบเข้ามาร่วมวงกับฉันด้วย

 

 

“ไอ้ซาตานหื่นเอ้ย” ฉันด่าเขาไปทีหนึ่ง ซาตานนั่งอยูข้างๆประตูเข้าห้องนํ้า มองมาอย่างเลือดเย็น

 

“ฉันไม่หลงเธอหรอกนะเด็กน้อยไม่ต้องกลัว วันนี้มีเรื่องด่วนน่ะ” เรื่องด่วนที่ว่าของเขาคืออะไรน่ะ ตอนนี้ไม่รู้แล้วล่ะ ขอซาร่าสักแผงได้ไหมเนี่ย

 

 

“สักสิบแผงฉันก็มีถึงนะ” คนเขาพูดประชดไอ้สซาตานบ้า

 

 

“กลับเข้าเรื่อง นายมีธุระอะไรกับฉันย๊ะ” เล่นมากวนตีนหน้านิ่งมันไม่สนุกเลยนะเฟ้ย

 

 

“เปลี่ยนเเผนน่ะ เรื่องวิธีแก้ไขคำสาปของเธอไง” เอ๊ะ! จริงอะ ฉันจะได้วิธีแก้ไขคำสาปที่ไม่ต้องทำให้เจ็บปวดแล้วใช่ไหมกรี้ดดดด

 

 

“ใช่ เงื่อนไขใหม่คือ เธอจะต้องจูบกับคนที่เธอพูดครั้งสุดท้ายทุกวัน! และวันนั้นสิทธิ์ที่เธอจะได้คือ คนอื่นไม่ได้ยินความคิดของเธอ แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยินความคิดของเธอ” เงื่อนไขมันก็ดีอยู่

 

 

หรอก แต่กับจูรินะเนี่ยนะมีหวังได้ตายก่อนจูบเขาแน่ๆ ทั้งโหด ทั้งเย็นชา คนแบบนั้นทำไมฉันถึงรักลงนะ

 

 

“หึๆๆ อย่าลืมทำบุญให้ตัวเองล่ะ เพราะเธออาจตายทั้งเป็น คนคนนั้นน่ะ ‘เกลียดเธอเข้าไส้’ อยู่แล้วไม่ใช่หรอ” จึก! จึกๆๆ! นี่สินะ คำพูดแทงใจ อึ่ก! ฝากลูกเมียข้าด้วย(ไม่เกี่ยวกับเรื่องเร้ย)

 

 

“มะ…มีเรื่องแค่นี่ใช่ไหม” ฉันพูดออกไปแบบซึนๆ ตอนนี้สมงสมองทำงานผิปกติ เพราะคำพูดของไอ้ซาตานบ้า มันทิ่มเข้าที่อกข้างซ้ายเต็มๆเป้า

 

 

“แค่นี้แหละ อ้อ อย่าลืมนะ ทำบุญให้ตัวเองบ้าง” จึก! ยังทิ้งท้ายคำพูดนี้เอาไว้อีก อ๊ากกกก ให้ตายเถอะ ฉันจะต้องจูบจูรินะทุกวันอย่างงั้นหรอ จะได้ตายก่อนจูบไหมเนี่ย กรี้ดดดดด

 

 

…………………………………………………….

 

 

อิคุณซาตานก็นะ…..

อิคุณจูก็ยังเย็นชาเกิ๊น

อิคุณเฮียก็ติ๊งต๊อง บ๊อง บ้าจริงๆ

คือสรุปนะค่ะ เรื่องนี้ไม่มีคนเต็มๆสักคนค่ะ5555

ตอนใหม่ลงเร็วๆนี้ค่ะ

ซาตานคิดจะเปลี่ยนแผนก็เปลี่ยน -….-

หมกตัวอยู่บ้านตามเดิมเถอะเรนะจัง เดี๋ยวตายเร็วขึ้นกว่าเดิมหรอก ฮ่าๆ

แต่ได้จูบจูจังทุกวันก็ดีเหมือนกันนะ