[Fic] BR48 – Till the last of us – | PG | – 015 – | 2016.04.16

คำเตือน

 

เรื่องนี้มีพล็อตหลักมาจากเรื่องที่ทุกท่านรู้จักกันดี คือ Battle Royal

มีฉากที่คาดว่าจะสะเทือนใจมากมาย

มีการใช้ถ้อยคำรุนแรงและมีการสูญเสียแน่นอน

 

อนึ่ง คู่ต่างๆมีตามที่ Tag จะได้ไม่ต้องลุ้นกัน

 

โปรดทำใจยอมรับก่อนอ่าน

 

—————–

 

Till the last of us

 

-Prologue- | 01 | 02 | 03 | 04 | 05 | 06 |

 | 07 | 08 | 09 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | .. |
| 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |

 

—————–

 

-Prologue-

 

—————–

“…ถ้าฉันยอมเสียตัวให้คุณ คุณจะยอมทำตามแผนของฉันรึเปล่าล่ะ”

 

หญิงสาวกัดฟันแน่น ข่มคำพูดกรอดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผงความเกลียดแค้นคนตรงหน้าจับใจ
นัยน์ตาคลอน้ำตาใสจ้องเขม็ง เฝ้ารอคำตอบที่กำลังจะเปลี่ยนชีวิต และสถานการณ์เป็นตายทั้งหมดนี่

“แน่นอน วาตานาเบะ มายุ”

 

หญิงสาวอีกคนผู้กุมอำนาจตัดสินชีวิตคนอื่นด้วยปืนมัจจุราชสีดำที่คร่าชีวิตใครมานักต่อนัก
บัดนี้มัจจุราชนั้นกำลังชี้ตรงมาที่เธอ

คาชิวากิ ยูกิ เหยียดยิ้มชั่วร้าย ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ฉันจะเล่นตามแผนของเธอ ถ้าเธอยอมเป็นของเล่นให้ฉันตลอดไป…”

—————–

“ขอโทษ… พี่ขอโทษนะ …พี่ไม่น่าพาเธอมาในที่แบบนี้เลย”
หญิงสาวผู้ที่ใบหน้ากลมขาว เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดินโคลนของผืนป่า
พูดด้วยเสียงสั่นเครือ
นัยน์ตาใสนั้นมีน้ำตาคลอเพราะความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ

“มะ… ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่เรนะ แค่กิ่งไม้เอง”

เด็กสาวที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกันตอบกลับ
เธอหอบหายใจ เรียกอากาศที่สูญเสียไปจากการวิ่งที่ยาวนาน
ที่ขานั้นมีเลือดไหลออกมาจากแผลถลอกที่โดนกิ่งไม้บาด

เรนะเอื้อมมือไปคว้าเอาดาบยาวคาตานะที่ร่วงหล่นอยู่ด้านข้างตัวจากการล้มกลิ้งตกเนินเมื่อครู่นี้ขึ้นมา
เธอกำมันไว้ด้วยสายตาทีเจ็บปวด แต่ก็แน่วแน่

“พี่จะปกป้องน้องเอง …น้องจะต้องได้กลับไป”

—————–

 

“อย่าเข้ามา!!”

“เดี๋ยว ใจเย็นๆก่อน ชิมาซากิ”
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่!”
หญิงสาวกวัดแกว่งมีทำครัวในมือไปมาอย่างสะเปะสะปะ พยายามป้องกันตัวเองจากผู้หญิงผมดำอีกคนที่ตั้งใจเดินเข้ามา

“นี่ฉันเอง โยโกยาม่า ไง… ที่เราเคยเล่นด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ จำได้มั้ย”
“ไม่จริง! เธอมันไม่ใช่ ยุย ที่ฉันรู้จัก! อย่าเข้ามานะ!”

ยุยค่อยๆก้าวเดินเข้าไปหาอีกคนที่มีท่าทางตื่นกลัว
ก้าวแต่ล่ะก้าว ทำให้คนตรงหน้ายื่นมีดตรงมาด้วยมือที่สั่นเทา

“พารุ… นี่ฉันเอง วางมีดลงเถอะนะ” ยุยยกมือซ้ายขึ้นตรงไป ทำท่าห้ามปราม พยายามสงบสติอารมณ์อีกคน

“ไม่จริง… ไม่ใช่… เลิกโกหกกันสักที!!”
“ถ้าเธอเป็นยุยจริงๆ แล้วในมือนั่นมันอะไร!”
พารุตะโกนก้อง ความเงียบสงบยามราตรี ทำให้เสียงสะท้อนดังไปทั่วป่า
สายตาที่หวาดกลัว จับจ้องไปยังมือขวาของหญิงสาวผมดำที่อ้างชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทเธอ

ยุยมองสิ่งของที่อยู่ในมือตัวเอง

หน้าไม้ขึ้นคันศรพร้อม กับของเหลวสีแดงที่เปรอะเปื้อนมันทำให้ดูน่ากลัว

รอยเหยียดยิ้มพร้อมขมวดคิ้วถูกเผยออกมาจากคนที่พยายามสงบสถาณการณ์
เจ้าของหน้าไม้ ยกมือขึ้นมา ตั้งศูยน์เล็งไปยังผู้ที่ยืนสั่นอยู่ตรงหน้า

“…ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้”

“…แล้วเจอกันใหม่นะ พารุ …”

 

 

—————–

 

“ซายาเน่ รอด้วยสิ ลืมฉันไปแล้วรึยังเนี่ย”

น้ำเสียงงอนๆ วิ่งตามมาด้วยท่าทีเหนื่อยล้า บนเนินชันตรงหน้าเธอนั้นมีผู้หญิงผมสั้น ท่าทางทะมัดทะแมง
สายตาคมนั่นหันกลับมามองจ้องตามเสียงเรียก

 

“เราต้องรีบหาที่ปลอดภัยนะ มิยูกิ”

ซายากะหยุดเดิน ย้อนกลับมาหิ้วปีกพยุงหญิงสาวผมยาวร่างบางที่ทำหน้าตาง้องอน

 

“จะหาที่ปลอดภัยทำไม ใครก็เข้ามาทำอันตรายเราไม่ได้หรอก…”

“ซายาเน่มีไอ้นั่นอยู่นี่นา” มิยูกิเพยิดหน้าไปยังกระเป๋าข้างเอว ที่มีวัตถุโลหะดำแขวนอยู่

ปืนกลเบาขนาดเล็ก ที่บรรจุกระสุนพร้อมลั่นไกได้ทุกเมื่อ

 

“มันไม่ใช่สิ่งที่จะปกป้องเราได้ตลอดไปนะมิ้ลกี้” ซายากะพูดเสียงดุ พยายามเดินต่อพร้อมสอดส่องหาที่ที่พอจะสามารถหลบภัยให้พ้นคืนนี้ไปได้

“และฉันก็ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ฆ่าใครโดยไม่จำเป็น”

“ทำมาพูด ทีเมื่อกี้ยังฆ่าไปแล้วเลย… ตั้งสามคน”
มิยูกิพึมพำ แต่คำพูดเบาๆเพียงแค่นั้น ก็ทำให้สีหน้าของซายากะเปลี่ยนไป

น้ำเสียงเศร้าสลดถูกข่มผ่านไรฟันออกมา

 

“…เรื่องนั้น …ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“มันแค่การป้องกันตัวเอง…”

—————–

อื้อหื้อ… ฉากฆ่าฟันๆๆ หึหึหึ

ปักธง!!! #rock

เปิดเรื่องใหม่และไหดองครั้งใหม่ค่าาา

ฮึ่บ

เตือนไว้หัวกระทู้แล้ว

หวังว่าคงไม่ถูกก่นด่าในใจนะก๊ะ

 

—————–

– 01 –
3,329 Words

—————–

กิ่งก่อง

เสียงเหล่าเด็กสาวในห้องเรียนที่ดังเจื้อแจ้ว เบาลงหลังจากได้ยินเสียงระฆังเริ่มคาบเรียนของวันใหม่
อาจารย์หญิงคนหนึ่ง เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด

เด็กสาวในชุดสูทยูนิฟอร์มสีขาวสะอาดเล่นลิ้นสีทอง กับกระโปรงลายเช็คสีขาวแดงเข้ม ลดเสียงและให้ความสนใจกับอาจารย์ประจำชั้นที่เดินเข้ามา
ชุดนักเรียนหรูหรา บ่งบอกให้รู้ว่าเหล่านักเรียนโรงเรียนนี้มีระดับเพียงใด

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะนักเรียนทุกคน ก่อนจะเริ่มคาบเรียนวันนี้ ครูมีเรื่องสำคัญแจ้งให้นักเรียนบางคนทราบ…”

เสียงอาจารย์หญิงกล่าวด้วยความราบเรียบ

“นักเรียนที่ถูกเรียกชื่อ กรุณาไปห้องประชุมกับครูตอนนี้ ส่วนนักเรียนที่เหลือ ทวนตัวเองไปก่อนที่คาบเรียนจะเริ่มนะคะ”

“คนแรก ชิมาซากิ ฮารุกะ”

“คิซากิ ยูริอะ”

“และวาตานาเบะ มายุ ช่วยตามครูมาด้วยค่ะ”

เด็กผู้หญิงทั้งสามลุกขึ้น แล้วเดินตามออกห้องไปแบบไม่ขัด

 

ชิมาซากิเดินเข้ามาประชิด วาตานาเบะ แล้วกระซิบ

“มายุ ตื่นเต้นรึเปล่า?”

“ไม่นี่” เด็กสาวผมยาวตรงสีดำสนิท ตอบกลับแบบเฉยๆ สายตาผ่านแว่นกรอบเรียบ มองตรงไปข้างหน้าแบบไร้จุดหมาย

“คิดว่าทำไมพวกเราถึงถูกเรียกเหรอ?” เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กของเธอยังถามต่อ

“เรื่องนี้ก็ไม่รู้แฮะ พารุคิดว่าไงล่ะ” มายุถามกลับ

“ไม่รู้เหมือนกัน…แต่เขาเลือกมายุนี่แปลว่าต้องคัดเอาเฉพาะคนหัวดีแน่เลย แต่ทำไมถึงเลือกฉันมาด้วยนะ”

เด็กสาวยิ้มบางขึ้นมานิดหน่อย “ไม่หรอกน่า หมายความว่าพารุก็หัวดีเหมือนกันไง”

คิซากิที่เดินนำอยู่ข้างหน้า พ่นลมหายใจเล็กน้อย
“ถ้าเอาแต่คนหัวดี ทำไมฉันถึงติดมาด้วยล่ะ” น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจที่ถูกรับเลือกมา

 

“คุณคิซากิมีทักษะกีฬาดีมากเลย ฉันคิดว่าอาจเรียกไปเรื่องค่ายแข่งขันหลายๆด้านมากกว่าค่ะ”
มายุตอบแบบวิเคราะห์

“ไม่เห็นอยากเสียเวลาทำเรื่องพรรณนั้นเลยแฮะ”

ไม่นานนัก อาจารย์ก็นำพวกเธอมาถึงห้องประชุม
เมื่อทั้งสามก้าวเข้าไปในห้อง ก็พบว่ามีนักเรียนจากชั้นและปีอื่น นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

 

วาตานาเบะมองสำรวจ มีแต่คนดังของโรงเรียนที่คุ้นหน้าคุ้นตาออกบอร์ด หรือขึ้นเวทีบ่อยๆ
แม้บางคนเธอไม่ค่อยรู้จัก แต่ก็จำได้ว่าเห็นผ่านตาอยู่

 

“อ๊ะ ยุย” เสียงชิมาซากิร้องขึ้นอย่างร่าเริง เดินตรงไปหาผู้หญิงผมยาวกลางๆคนหนึ่งจากห้อง 3-A ที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากทางเข้า

“อ้าว พารุ เธอก็ถูกเรียกด้วยเหรอ” ยุยตอบรับด้วยท่าทางตกใจ

“นั่นสิ ดีใจจังเนอะ”

 

กวาดสายตามองแล้วพบว่า กว่าครึ่งห้องเป็นเด็กเรียนเก่ง ผู้มีชื่อติดคะแนนบอร์ดแทบทุกคน
ถ้าหากนำพวกเราในห้องนี้มาสอบรวมกัน รับรองว่าทุกชื่อต้องมีติดหนึ่งในสิบของโรงเรียน

คาโต้ เรนะ

อิริยามะ อันนะ

สองหัวกะทิของปีหนึ่ง

ทากาฮาชิ จูริ ถึงคะแนนสอบจะไม่สูงเท่าสองคนแรก แต่ใบประกาศการแข่งขันเจาะระบบคอมพิวเตอร์ต่างๆจากบริษัทไอทีชั้นนำของโลกก็การันตีว่าเด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะเช่นกัน
ทั้งสามคนอยู่ห้องA

วาตานาเบะกับชิมาซากิ คือผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดประจำปีสองห้องA

ที่กล่าวขวัญกันทั่วกว่านั้น คือวาตานาเบะผู้ไม่ว่าจะสอบครั้งไหน ก็ได้คะแนนเต็ม ทั้งวัดระดับมัฐยมปลายทั่วประเทศที่สอบรวมกันหมดทุกระดับชั้น
เธอก็เป็นหนึ่งในสองคน ที่ได้คะแนนเต็ม 100%

เรียกได้ว่าสอบทุกวิชา คณิตศาสตร์ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ สังคม วิทยาศาสตร์
ไม่มีข้อไหนผิดพลาดแม้แต่ข้อเดียว

 

แต่ก็ใช่ว่าเธอจะเก่งทิ้งคนอื่นจนเกินไป
คนที่นั่งอยู่ในห้องนั้นก็ได้คะแนนไล่เลี่ยกัน ติดอันดับไม่เกินห้าสิบของประเทศเลยสักคน

 

ส่วนพวกปีสาม

โยโกยาม่า ยุย เพื่อนสมัยเด็กของชิมาซากิและวาตานาเบะ

 

แต่ยุยสนิทกับพารุมากกว่า

ยุยเป็นลูกสาวของแก็งค์ยากุซาที่ค่อนข้างมีอิทธิพล ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าใกล้เธอนัก

 

 

เว้นเสียแต่อีกคนหนึ่ง ที่เป็นลูกสาวของผู้มีอิทธิพลไม่แพ้กัน

คาชิวากิ ยูกิ

 

เทียบกับโยโกยาม่าที่พอมีคนมาคุยบ้างแล้ว นี่ล่ะคือคนที่ไม่มีใครกล้ายุ่งของจริง

 

สายตาดำมืด ผมมัดหางม้าแบบหลวมๆสีดำสนิท ตัดกับชุดสูทยูนิฟอร์มสีขาว

 

เสื้อเชิ้ตสีดำข้างในของเธอก็ทำให้มันดูเข้ากัน

 

แม้ทางโรงเรียนไม่ได้กำหนดกฏตายตัวไว้ก็เถอะ แต่ชุดที่ถูกระเบียบนั้นคือเสื้อเชิ้ตขาว
ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอาจารย์คนใดกล้ายุ่งกับเธอ

คาชิวากิเป็นอีกหนึ่งคนที่สอบได้คะแนนทั่วประเทศเต็ม 100%

ถือเป็นโชคดีของโรงเรียน ที่มีอันดับหนึ่งของประเทศอยู่ถึงสองคน

…แต่ไม่ใช่โชคดีของวาตานาเบะเท่าไร เพราะอาคารเรียนของปีสองและปีสามใช้ร่วมกัน
ทุกครั้งที่เดินสวน จะถูกสายตามืดมิดนั้น จ้องด้วยความประสงค์ร้ายทุกที

…อาจเป็นเพราะคาชิวากิคนนั้น คงไม่ชอบที่เห็นใครทัดเทียมกับตน
นั่นคือสิ่งที่วาตานาเบะรู้สึก
 

 

พวกที่เหลือนั้นเป็นฝ่ายของพวกมีทักษะด้านกีฬาทั้งนั้น

 

แม้คะแนนสอบจะอยู่กลางๆถึงต่ำ แต่ก็เป็นพวกทำชื่อเสียงให้โรงเรียน

 

บางคนเป็นถึงทีมชาติ รึบ้างก็นักกีฬาโอลิมปิก

 

ปีหนึ่ง ถูกดึงตัวมากจากห้องต่างๆคละกัน

 

อิวาตะ คาเรน นักวิ่งกระโดดสูง

 

ทาโน่ ยูกะ นักยกน้ำหนักและว่ายน้ำ

 

คาวาเอย์ รินะ นักวิ่งโอลิมปิก

 

ส่วนนากานิชิ จิโยริ เป็นเด็กที่ย้ายมาใหม่ วาตานาเบะไม่ค่อยรู้จักเท่าไร

ปีสองนั้น คือคิซากิ ยูริอะ เด็กใหม่ผู้ย้ายมาจากนาโกย่า

ทักษะร่างกายเป็นเลิศ และได้ข่าวลือมาว่าเคยเป็นหัวหน้าแก็งนักเลงแถวซาคาเอะด้วย

ปีสาม ไม่มีนักกีฬาเป็นพิเศษ เพียงแต่โยโกยามะ ก็ถือได้ว่ามีสรรมถภาพร่างกายดีไม่แพ้กัน

 

รวมทั้งหมดนั้น มีคนอยู่สิบสองคน

 

 

วาตานาเบะมองหาที่นั่ง แล้วเดินลากพารุไปนั่งยังแถวรองสุดท้ายส่วนกลางห้องที่ยังว่างอยู่
เธอพยายามหลีกเลี่ยงสายตาแหลมคมที่ตั้งใจมองมาที่เธออย่างรู้สึกได้จากผู้ที่อยู่หลังสุด

จะจ้องกันทำไมนักนะ… คาชิวากิ ยูกิ

เพียงครู่เดียว ก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ประมาณห้าคนเป็นกลุ่มที่พวกเธอไม่เคยเห็นมาก่อน
ทุกคนใส่ชุดสูทสีดำ ดูเป็นทางการและใส่แว่นดำสีเข้มไว้

“สวัสดีนักเรียนโรงเรียนอากิฮาบาระโจวชิ ขอแสดงความยินดีกับพวกเธอทุกคนที่ได้รับเลือกให้เข้าโครงการแข่งขันลับสุดยอดของรัฐบาลครั้งที่ 4 นี้…”

“โครงการลับ?” เสียงนักเรียนปีหนึ่งคนหนึ่งพูดลอยๆ

“นักเรียนชั้นพิเศษจะถูกคัดมาจากสี่โรงเรียนทั่วประเทศซึ่งคราวนี้ เป็นโชคดีของทางโรงเรียนเธอที่ได้รับการสุ่มเลือกขึ้นมา…” คนของรัฐบาลยังพูดต่อไปโดยไม่สนใจแววตาสงสัยของนักเรียน

“ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วม จะได้รางวัลและเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ เงินรางวัลชุดแรก จะถูกส่งให้ถึงผู้ปกครองทุกคนจำนวน สิบล้านเยนภายในวันนี้…”

เสียงซุบซิบดังกันขึ้นในหมู่เด็กปีหนึ่ง

“สิบล้าน? แค่เข้าร่วมเนี่ยนะ?”

“หลังจากนั้นหากชนะเป็นอันดับหนึ่งของการแข่งขันได้ ท่านจะได้รางวัลเกียรติยศที่หาค่าที่ไหนไม่ได้และสิทธิพิเศษเพิ่มเติมจากรัฐบาลอำนวยความสะดวกด้านต่างๆตลอดชีวิตที่เหลือ…”
“ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านจริงๆ”

เด็กปีหนึ่งบางคน ดีใจ หันไปกระซิบกระซาบกับเพื่อนด้วยกัน

“ว้าว ฟังดูน่าตื่นเต้นจังเลยเนอะ มายุ พวกเรานี่โชคดีจัง” พารุสะกิดทัก

 

“หืม…” วาตานาเบะตอบเสียงเฉย ในหัวครุ่นคิดสถานการณ์

น่ายินดี? แล้วทำไมใส่ชุดดำสนิท สีหน้าและน้ำเสียงราบเรียบ ราวกลับจะไว้อาลัยใคร
ครั้งที่สี่? ตลอดที่คลุกคลีวงวิชาการมา ไม่เคยได้ยินว่ามีการแข่งขันอะไรแบบนี้สักนิด
บรรยากาศมันไม่ชอบมาพากลต่างหาก

และดูเหมือนปีสอง ปีสามคนอื่นจะรู้สึกได้…
 

 

โครม

เสียงถีบเก้าอี้ดังมาจากคนที่อยู่เยื้องไปไม่มาก

 

“อย่ามาพูดบ้าๆ ช่วยถามความสมัครใจคนจะเข้าร่วมก่อนได้มั้ย”

 

คิซากิ ยูเรีย ยกเท้าวางบนโต๊ะประชุม หลังจากที่ใช้มันยันเก้าอี้ตัวข้างๆลอยไปไกล

เสื้อสูทยูนิฟอร์มที่สวมลากๆแบบคลุมไหล่ไว้ กับท่าทางท้าทายนั้น

 

ที่ว่าเคยเป็นแยงกี้มา ไม่น่าจะใช่ข่าวลือ

“ฉันขอถอนตัว หาคนอื่นแทนเหอะ” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินตรงไปที่ประตูแบบไม่หยี่ระ แต่ทันทีที่ผลักประตูนั้นสีหน้าของคิซากิก็เปลี่ยนไป…

เธอถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว แล้วถีบมันอย่างรุนแรง
ประตูที่เมื่อตอนเข้ามา ดึงเปิดได้ง่ายๆ แต่บัดนี้กลับไม่ขยับสักนิด

“เราไม่อนุญาตให้ถอนตัว กรุณากลับมานั่งที่ด้วย คุณคิซากิ ยูริอะ ปีสองห้องA”

ทุกสายตาของปีหนึ่งและปีสองจับจ้องมองการกระทำนั้น ทำให้ผู้ถูกกล่าวถึงสถบด่า แล้วลากเก้าอี้ที่ใกล้ตัวที่สุดเพื่อทิ้งตัวลงอย่างแรง
ที่นั่งตรงนั้น ถัดจากโยโกยามะไปสองที่นั่ง

“มีคำถามอะไรเพิ่มเติมไหมก่อนที่ทางเราจะแจ้งกำหนดการณ์ต่อไป”

“เอ่อ… การแข่งนี่ ประมาณไหนเหรอคะ?” เด็กที่ชื่อคาวาเอย์ยกมือถาม “มีพวกวิชาการหรือเปล่า…”

“หัวข้อจะถูกเก็บเป็นความลับจนกว่าจะถึงที่หมาย แล้วเจ้าหน้าที่ทางนั้นจะอธิบายต่อเอง”

 

“ไม่ต้องห่วง คุณคาวาเอย์ รินะ ปีหนึ่งห้อง D ทุกคนจะได้ใช้ความสามารถของคุณเต็มที่เพื่อชัยชนะแน่นอน”

“หากไม่มีใครถามอะไรแล้ว ขอเรียนแจ้งกำหนดการณ์… วันเวลาที่เริ่มกิจกรรมก็คือ…”
“วันที่ 2 ตุลาคม ปี 20xx เวลา 10.00 นาฬิกา”

“เอ๋!”

 

เด็กปีหนึ่งและพารุส่งเสียงร้องพร้อมกัน หลังจากที่บางคนยกข้อมือมาดูนาฬิกา

ใช่ …หรือก็คือ วันนี้ ในอีกไม่ถึงชั่่วโมงข้างหน้านี่เอง

—–

2 ตุลาคม 9.20 นาฬิกา

 

สิบสองชีวิต นั่งรออยู่ในห้องด้วยความรู้สึกหลากหลาย
แต่แบ่งออกเป็นสองฝ่ายด้วยความรู้สึกชัดเจน

 

กลุ่มแรกคือ กลุ่มเด็กปีหนึ่งรวมตัวกัน จับกลุ่มพูดคุยตื่นเต้นที่ได้รู้ว่าต้องออกไปนอกสถานที่

 

บ้างก็นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ เพื่อบอกทางบ้านว่าเป็นเด็กที่ถูกคัดเลือก

 

การแจ้งข่าวกระทันหัน ทำให้บางคนก็เดาไปว่าเป็นทริปวันเดียวกลับ เลยไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากมาย
 

 

ส่วนกลุ่มที่สอง คือกลุ่มหลังห้องประชุมอย่างพวกเธอ

 

พารุย้ายไปนั่งคุยกับยุยหลังห้อง

 

คิซากินั่งวางขาบนโต๊ะพร้อมสีหน้าหงุดหงิดแบบเต็มที่

 

ส่วนคาชิวากิ นั่งหลับตากอดอกเงียบๆ

 

มายุนั่งคิดทวนเหตุการณ์อยู่คนเดียวที่แถวรองสุดท้าย
เพราะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“วาตานาเบะเซมไป… คุณคิดว่ามันมีอะไรแปลกๆรึเปล่าคะ”
เสียงกระซิบดังมาจากเด็กปีหนึ่งที่ใส่แว่นทรงทันสมัย แต่มีสายตาดำขลับไร้แวว ที่เดินลุกเปลี่ยนที่นั่งมานั่งข้างเธอ

 

“อ้ะ ฉันทาคาฮาชิ จูริค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“เรียกวาตานาเบะก็ได้ค่ะ ทาคาฮาชิซัง ว่าแต่รู้จักชื่อฉันด้วยเหรอคะ?”
วาตานาเบะเอื้อมมือไปทักทาย ซึ่งผู้เรียนชั้นต่ำกว่าก็รับมันด้วยดี

 

“แน่นอนค่ะ ชื่อวาตานาเบะซังปีสอง ดังจะตาย” จูริเปลี่ยนคำลงท้ายตามที่ถูกบอก

“คุณก็ดังไม่แพ้กันนะคะ ทาคาฮาชิซัง” มายุยิ้มรับ

เด็กสาวดวงตานิ่ง ล้วงหยิบโทรศัพท์ของตนเองออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วกดนิ้วลงสองสามที
ก่อนที่วาตานาเบะจะสงสัยในท่าทางหลังการทักทายนั้น เด็กสาวก็ชิงกระซิบก่อน

 

“…หลังจากที่คนพวกนั้นออกไปฉันลองเสริชข้อมูลดูคร่าวๆ ไม่เคยเจอชื่อการแข่งขันนี้ปรากฏที่ไหนมาก่อนเลยค่ะ”

เป็นอย่างที่สังหรณ์สินะ…

“…แล้วก็ถึงขนาดลองเจาะฐานข้อมูลของรัฐบาลดู ก็พบว่ามีส่วนหนึ่งที่เป็นโครงการรวบรวมนักเรียนลับสุดยอดที่เจาะยังไงก็ไม่เข้า ฉันรู้สึกว่ามันไม่ชอบมาพากลน่ะค่ะ…”

“นั่นสินะ… แล้วคิดยังไงถึงมาคุยเรื่องนี้กับฉันรึคะ?” วาตานาเบะถามตรงๆ

 

เด็กคนนี้เจาะระบบได้ตลอดเวลาเหรอ? เก่งดีเหมือนกัน

“ดูบรรยากาศแล้วพวกรุ่นพี่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ฉันว่าคนอื่นคงไม่สะดวกคุยเท่าไร”

วาตานาเบะพยักหน้ายอมรับ ใครเล่าจะกล้าคุยหลังจากที่คิซากิแสดงท่าทางก้าวร้าวอย่างนั้น กับสองยักษ์ใหญ่ผู้ที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ของโรงเรียน

 

อีกทั้งพารุกับยุยก็คุยกันอยู่ด้วย

“ฉันก็คิดว่ามันมีอะไรแปลกๆ แต่ไม่อยากตัดสินใจให้วิตกกันไป… เอาเป็นว่าตอนนี้ก็เฝ้ารอไปก่อนแล้วกัน”

“อีกอย่าง เป็นการแข่งรวมกันถึงสี่โรงเรียน ถ้ามีอะไรคงได้ช่วยเหลือกันแน่นอนค่ะ”
วาตานาเบะตอบสิ่งที่ตัวเองวิเคราะห์ได้ ซึ่งทาคาฮาชิก็พยักหน้ารับ

“เช่นนั้น ฝากตัวด้วยนะคะ รุ่นพี่” เด็กสาวยิ้ม แต่แววตานั้นยังคงเรียบเฉย แล้วขอตัวกลับไปนั่งที่เดิมของตน
สายตาไร้แววทำให้วาตานาเบะไม่รู้ว่าเจ้าของมันคิดอะไรอยู่
 

 

ความรู้สึกหนาวสะท้านจู่ๆก็แล่นเข้ามาที่กลางหลัง ทำให้วาตานาเบะหันขวับดูที่มา

 

แล้วเธอก็เผชิญกับมัน

 

สายตาดำมืดนั้น จ้องเขม็ง สบตาเธอเพียงครู่ แล้วก็เบนสายตาไปทางอื่นด้วยความคมกริบ
วาตานาเบะจ้องกลับอย่างสงสัย และมองตามสายตาที่เบนไป ทำให้รู้ว่า
คาชิวากิกำลังมองประเมินทุกคนอยู่…

ผู้หญิงคนนี้ก็อีกคน… ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร

 

เพียงสิบนาทีต่อจากนั้น คณะบุคคลชุดเดิมก็เข้ามาพาพวกเราออกไปขึ้นรถบัสขนาดเล็กที่จอดอยู่ในสนามโรงเรียน
มีรถตำรวจสีดำขลับนำและปิดท้าย

เรียงลำดับขึ้นตามชั้นปี ปีสาม ปีสอง ปีหนึ่ง

ทำให้พวกหลังห้องเมื่อครู่นี้ก็ไม่พ้นกระจุกรวมกันที่ท้ายรถ

คาชิวากินั่งตรงกลางเบาะยาวหลังสุดแบบไม่สนใจใคร พารุก็ลากยุยไปนั่งคู่ในแถวถัดมา

 

วาตานาเบะเลยนั่งเบาะตรงข้าม ติดทางเดินให้พอทักคุยกับพารุที่อยู่อีกฝั่งได้

 

ส่วนคิซากิก็นั่งด้านหน้าถัดไปอีกแถวหนึ่งเพราะไม่อยากนั่งชิดใคร
แถมยกขาขึ้นมาพาดควบแถวที่นั่งไว้ แล้วถอดเสื้อสูทพับหนุนเป็นหมอนนอนทันที

 

ตอนแรกก็ว่าจะทักชวนพารุคุย แต่เห็นเจ้าตัวที่คุยกับยุยอย่างสนุกสนานเหมือนไม่ได้เจอคุยกันนานแล้วจึงล้มเลิกความคิด
วาตานาเบะถอนหายใจ รัดเข็มขัดแล้วตัดสินใจนั่งเงียบๆเหมือนเดิม

ทันทีที่ขึ่นรถครบและออกตัว หน้าต่างทุกบานก็ถูกบานพับด้านนอกปิดลงมา ทำให้ตัวรถมืดสนิทและไม่สามารถมองออกไปด้านนอกได้ ไม่เว้นแม้แต่ที่นั่งคนขับ ก็ถูกฉากกั้นกันไว้เป็นสีดำสนิท

เด็กปีหนึ่งด้านหน้า มีสีหน้าตกใจเล็กน้อย แต่ครู่เดียวไฟในรถก็เปิดทำแสงสว่างสลัวๆและฉายภาพยนต์ฆ่าเวลาทางจอทีวี หลายคนจึงโล่งใจเพราะคิดว่าปิดเพื่อเพิ่มอรรถรสในการฆ่าเวลาเท่านั้น…

กลิ่นแปลกๆที่ออกมาจากแอร์คืออะไรกันนะ แล้วทำไมทุกคนที่ดูร่าเริงเมื่อครู่นี้ถึงค่อยๆหลับกันแล้วล่ะ

 

…………

วาตานาเบะไม่รู้ว่าอยู่บนรถนานเท่าไร รู้ตัวอีกทีก็ตอนมีเสียงดังสนั่นจากด้านหน้า ทำให้สะดุ้งตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในห้องเรียนเก่าห้องหนึ่ง

เธอหันซ้ายหันขวา สำรวจรอบตัว พยายามสะกดความตื่นตระหนก
แถวที่เธอนั่งคือแถวที่สองจากด้านขวา คนที่สามจากหน้า
ลองมองไปรอบๆก็พบว่า มีนักเรียนจากที่อื่นที่ไม่รู้จัก นั่งกันตามแถวของโรงเรียนตน
บ่งบอกได้จากชุดนักเรียนที่สีตัดกันชัดเจน

แถวทั้งหมดมีแปดแถว แถวละหกคน
หมายความว่านักเรียนที่นั่งอยู่ในห้องนี้ มีทั้งหมดสี่สิบแปดคน

 

สองแถวแรก เป็นชุดนักเรียนคอกะลาสี มีกระโปรงลายตารางเฉียงสีดำเทาแบบเดียวกับปก บางคนมีโบว์สีดำเข้มลายเทาผูกไว้ และบางคนก็ใส่เสื้อสเวเตอร์รึคาดิแกนกันหนาวทับ
ทุกคนล้วนแต่ดูอ่อนเยาว์ ถ้าให้เดาคงมีพวกเด็กมัธยมต้นมาเยอะ แต่ก็พอมีเด็กมัธยมปลายมาบ้างอยู่

ถัดมาเป็นชุดสูทสีเข้ม ดูขึงขัง มีเสื้อกั้กด้านในสีเทา เสื้อเชิ้ตสีขาวเป็นชั้นในสุด
กระโปรงเป็นลายตารางขนาดใหญ่ แถวตรง สีโทนดำ

และแถวที่นั่งติดกับมายุ เป็นยูนิฟอร์มสีส้มตุ่น คลุมทับเชิ้ตนักเรียนและกระโปรงสีเขียวเข้ม มีเส้นสีขาวเล่นลายตารางเล็กน้อย

แต่สิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือความตื่นตระหนกที่แสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน

“เอาล่ะ ตื่นกันได้แล้วพวกเธอ! เลิกขี้เกียจกันสักที” เสียงตะโกนดัง ทำให้วาตานาเบะหันกลับมาสนใจหน้าห้องที่มีชายหนุ่มร่างกำยำคนหนึ่งยืนอยู่

“ก่อนอื่นเลย ยินดีต้อนรับเข้าสู่ห้องเรียนพิเศษของรัฐบาลในครั้งนี้ ฉันยามาซากิ จะเป็นอาจารย์ประจำชั้นชั่วคราวของพวกเธอ…”
“คิดว่าทุกคนคงจะได้รับทราบโครงการกันคร่าวๆก่อนมาที่นี่แล้วใช่มั้ย”

นักเรียนทุกคนเงียบกริบ รอฟังคำอธิบายต่อ

“ฉันจะสรุปสั้นๆ ให้จบในสองประโยค…”

“คนที่จะกลับบ้านอย่างผู้มีชัยได้ มีคนเดียวเท่านั้น…”

 

 

คนๆนั้นสูดหายใจ และเสยะยิ้มอย่างน่าสะอิดสะเอียน

 

 

 

“และทางเดียวที่จะทำให้เหลือคนเดียว คือทุกคนต้องฆ่ากัน”

 

 

 

—————–

 

วรั้ยยย เรื่องรุนแรง อิชั้นรับมั่ยดั๊ยยยยยยยยยยย /กัดผ้าเช็ดหน้า

ทั้งชีวิตเคยดูแต่ซีรี่ส์ใสๆ เช่นเดอะวอร์ดกิ้งเดด เกมออฟโทรน ไรเงี้ย / ใสพ่อง

เรื่องใหม่คุณหมีมาล้าวว
ชอบพล็อตแบบนี้ ><
คุณหมีเขียนต้องสนุกแน่นอน วิ้วววว

แค่ยังไม่เริ่มเรื่องก็น่ากลัวแล้ววววว
รอฮับบบ

กริ๊ดดดดดดด ชอบบบบบ
แล้วใครจะเป็นน้องสาวของคุณพี่ซิสค่อนหละคะ ><

ไม่ค่อยชอบแนวนี้น่ะ แต่เห็นคู่แล้วอดที่จะกดเข้ามาไม่ได้ 555
ทำไมเห็นคำบรรยายน้องสาวของเรนะ แล้วนึกถึงฮจจังก็ไม่รู้ -.-”

เรื่องใหม่มาไวมาก

 

พี่รินดาร์คขึ้นทุกเรื่องนะคะ T.T คราวนี้ดูจิตๆ ด้วย หมายหัวน้องย้วยไว้ขนาดนี้ สงฯน้องย้วยนิดๆ เป็นผู้ถูกกระทำอีกแล้วนะลูก 

น้องพี่เรนะนี่จูรินะหรือเปล่า น้องจูมาแนวเคะแล้วดูน่ารักจัง

ยุยก้มาแนวโหด แต่ไม่น่าเท่ายูกิหรือเปล่านะ

ส่วนคู่เน่มิ้ว ดูมิ้วไม่ทุกข์ร้อนอะไรเท่าไหร่นะ 555

 

รอติดตามค่ะ 😀

หลังจากที่อ่านคำเตือนเสร็จร้อง’โห้ว!’เลยค่ะ

พารุ…โอชิของน้อง โอ้โน้วววววววว

ปล.กิรินจะไปรอดรึเปล่าเนี้ยได้ข่าวว่าด๋อยด้านกีฬา

 

โอ้ว….. เรื่องเก่าน่าดูเลย ตั้งแต่สมัยเราอยู่ประถม ///จะย้ำความแก่ของตัวเอง เพื่อ?????////// น่าลุ้นมากๆเลย จะติดตามจ้า

ในที่กล่าวมา เหมือนรักกันอยู่คู่เดียวซายะมิลกี้ คู่อื่น ….

บ๊ะ! เอาล่ะเว้ย! ใครจะอยู่ใครจะตายตัดสินด้วยการแข่งนี่แหละ

บอกเลย ชอบบบบบบ><

พี่กรดาร์คๆเค้าชอบๆๆ

เตรียมตับให้พร้อม
เพราะต้องปวดแน่ๆ

พี่กิรินดาร์คอีกแล้ว ดาร์คเลยค่ะ ชอบค่ะะ

อร๊ายยยย ชอบแนวนี้ ^_^

ขอให้อย่าตายกันเย๊อะแบบในหนังนะ T_T

รอติดตามค่ะไรท์!! 😛

“มัธยม” ครับ นานๆจะเห็นพิมพ์ผิดซะทีนะครับ

ยูกิรินนี่ดาร์กตลอดเลยทีเดียว
โอชิมายุกิตัวยงเลยสินะครับ ตัวเอกทุกเรื่องเลย

@ingfaco2sh : ว้ายย ตายแล้ว เรื่องนี้ไม่รุนแรงหรอกค่ะ ใสๆค่ะ  เรอะ

นัมบะเปิดตัวได้เด็ดดวงมากค่ะ ชอบโมโมกะจังเลย 555555

อ่าวววว เลิฟตันไปซะละ -3- 

รอติดตามค่ะ มีเด็กในสังกัดด้วย ><

จะรอยูกิเรนะกับจูมายุนะคะ /โดนตบ