[Two Shot](Keyakizaka46)Baby…เรายังรักกันอยู่รึเปล่า?(Hirate x Neru) Part 2(2016/09/14) End

Baby…เรายังรักกันอยู่รึเปล่า?

 

 

 

 

 

 

 

Part…1

 

 

เรื่องราวชีวิตของฉัน ฮิราเตะ ยูรินะ เด็กสาวธรรมดาวัย 15 ปี เรื่องราวในแต่ละวันเหมือน

 

การรรีเพลซ้ำไปซ้ำมา แต่ละวัน มันไม่มีอะไรพิเศษ ทุกอย่างรอบตัว มันดูน่าเบื่อไปหมด  

 

“เทะจิ รีบกินเข้าสิ เดี๋ยวก็ไปสายหรอก”

 

“อื้ม” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะคีบข้าวเข้าปาก แม้แต่ฝีมืออาหารของแม่ก็ไม่เปลี่ยนไปเลย

 

รสชาติยังเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ได้แย่นะ เพราะมันอร่อยทุกครั้งเมื่อได้กิน

 

“ขอบคุณสำหรับอาหาร” ฉันวางตะเกียบลง ลุกขึ้นจาเก้าอี้หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพาย ก่อน

 

จะหยิบรองเท้าออกจากตู้เก็บบรรจงใส่เข้าไป ปัดผมที่ดูยุ่งๆให้เข้าที่ก่อนจะเดินออกจาก

 

บ้านไป

 

“จริงสิ ยูรินะ รู้รึเปล่าลูกสาวของคุณนากาฮาม่าจะย้าย….กลับมา เฮ้อ ให้ตายสิเด็กคนนี้

 

ไปแล้วไม่ยอมบอกกล่าว ปล่อยให้แม่พูดอยู่คนเดียว”

 

 

 

 

 

ทางเดินไปโรงเรียนก็เหมือนทุกๆวัน เส้นทางเดิมๆ ถนนเดิมๆ บ้านเมืองล้วนเหมือนเดิมไม่

 

มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยกเว้นสีของใบเมเปิ้ลที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีส้มอมแดง ฤดูใบไม้ร่วงมา

 

ถึงอีกแล้วสินะ ใบเมเปิ้ลที่สีสวยขนาดนี้อีกไม่นานใบไม้พวกนี้ก็ต้องร่วงลงสู่พื้น ทิ้งให้

 

เหลือแต่กิ่งก้านสินะ คงเหมือนกับฉัน…

 

 

 

 

“เฮ้!! เทะจิ มานี่ๆ ไวๆ” เดินเข้าประตูได้ไม่นานก็ถูกโอดะ นานะเรียกให้ไปรวมกลุ่มกัน

 

“มีอะไรเหรอดานี่” ยุกก้า คุณหนูประจำห้อง ถามขึ้น

 

“ข่าวใหญ่ๆ”

 

“แล้วข่าวใหญ่ที่ว่ามันอะไรหล่ะ” มานากะ สาวสุดคูลประจำกลุ่ม

 

“คือว่านะ ฉันได้ยินมาจากห้องพักครูหน่ะ เลยไปแอบดูที่ห้องฝ่ายปกครองต่อ รู้ไหม ฉัน

 

เจออะไร”

 

“หนวกหูหน่า รีบบอกมาได้แล้ว” เบริสะ นี่ก็สาวสุดคูลประจำกลุ่มอีกคน ถ้าหากจับคู่กับมา

 

นากะเป็น คู่หู The Cool เอาเป็นว่าไม่มีใครอยากจะหาเรื่องสองคนนี้เท่าไหร่นัก เพราะ

 

อาจจะจบลงด้วยการหมดอาลัยตายอยากจากชีวิตไปเลยก็ได้  แต่ถึงเห็นแบบนี้ ก็ป็อปใช่

 

ย่อยติดท็อปตัวเด่นของโรงเรียนตลอด เอาเถอะมาฟังเรื่องของดานี่ต่อแล้วกัน

 

“มีนักเรียนย้ายมาใหม่หล่ะ เห็นว่าไปเรียนที่ต่างประเทศมาด้วย”

 

“แล้ว?” ยุกก้าทำหน้าสงสัย

 

“เรื่องแค่นี้อะนะ ถึงกับต้องเรียกประชุม” ตามมาด้วยมานากะ

 

“ให้มันได้อย่างนี้สิ นึกว่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้นกว่านี้ซะอีก” เบริสะทำหน้าเบื่อหน่ายกับ

 

อาการกระต่ายตื่นตูมของดานี่

 

“ต่างประเทศหล่ะ ว้าววววว ฉันก็อยากไปเหมือนกันนะ” เปตัน สาวเป๋อประจำกลุ่ม

 

“มันใช่ประเด็นที่ไหนกันเล่าเปตัน”

 

“แล้วประเด็นที่ว่า?” ฉันถามกลับไป

 

“ประเด็นก็คือ โคตรน่ารักเลย!!! ครั้งแรกที่เห็นนะ ช่างเป็นเด็กที่น่ารักซะจริง แล้วฉันก็รู้มา

 

ด้วยว่าเธออยู่ห้องไหน อยากรู้อะเปล่า” ดานี่ที่คึกสุดๆแตกต่างกันกลับคนอื่น เฮ้อ คึก

 

ขนาดนี้ คงมีเรื่องให้ฟังไปอีกหลายวัน หมายถึงเรื่องเด็กใหม่ที่ดานี่พูดถึง รับรองข้อมูลไม่

 

ได้หยุดแค่ตรงนี้แน่

 

“เอ้า เด็กๆ นั่งที่กันได้แล้ว”

 

“ค่า”

 

“นี่ฉันยังไม่ได้เฉลยเลยนะฟังกันก่อนเซ่” แต่เหมือนจะไม่มีใครสนใจดานี่และพากันเดิน

 

กลับที่นั่งไป

 

 “วันนี้ห้องเราจะมีเพื่อนใหม่ เธอเพิ่งย้ายกลับมาจากอังกฤษเลยเรียนช้ากว่าคนอื่น ยังไงก็

 

ฝากพวกเธอด้วยหล่ะ เข้ามาสิ” ฉันที่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ได้สนใจคนที่เดินเข้า

 

มาใหม่เลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อได้ยินเสียงฉันถึงกลับหันกลับไปมอง

 

“นากาฮาม่า เนรุ ฝากตัวด้วยนะคะ ฉันเพิ่งย้ายมาใหม่ยังไม่ค่อยรู้จักโรงเรียนนี้มากเท่า

 

ไหร่ ยังไงก็ช่วยเป็นเพื่อนที่ดีกับฉันด้วยนะคะ”  เนรุ… ฉันได้แต่มองผู้มาใหม่อยู่อย่างนั้น

 

เพราะตอนนี้ฉันสับสนไปหมด ความรู้สึกของฉัน ทั้งดีใจและเสียใจ  

 

“นากาฮาม่า เธอไปนั่งตรงเก้าอี้ว่างข้างๆฮิราเตะนะ”

 

“ค่ะ” เธอยิ้มก่อนจะค่อยๆเดินมาหยุดที่โต๊ะของฉัน

 

“ได้เจอกันซักทีนะ เทะจิ”

 

“…” ฉันไม่ได้ตอบอะไรเธอกลับไป

 

“ฉันไปหาเธอที่บ้านคุณป้าก็บอกว่าเทะจิออกไปแล้ว”

 

“…” เป็นอีกครั้งที่ฉันเมินเธอและหันไปสนใจนอกหน้าต่าง จริงๆตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจวิว

 

ทิวทัศน์เลยแม้แต่น้อย เพราะฉันรู้สึกยังฟุ้งซ่านกับความคิดตัวเองที่ตีกันในหัว ฉันควรจะ

 

ทำยังไงดี…

 

 

 

 

เสียงออดบอกเวลาพักเที่ยงมาถึง ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วรีบเดินออกไป แต่ก็โดนคนที่นั่ง

 

ข้างๆขว้ามือไว้ บรรยากาศอึดอัดเกิดขึ้นทันที ฉันอยากจะหนีไปให้ไกลจากตรงนี้ ให้ไกล

 

จากคนตรงหน้า

 

“ปล่อย” ฉันพูดกับเธอ

 

“ไม่”

 

“ฉันบอกให้ปล่อยยังไงเล่า” ฉันสะบัดมือเธออก ทำให้เธอเสียหลักไปชนกับโต๊ะข้างหลัง

 

จนล้มลง

 

“โอ๊ย!”

 

“ฉันเตือนแล้วนะว่าให้ปล่อยหน่ะ” ฉันพูดกับเธอไปแบบนั้น แต่ในใจฉันรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้น

 

มา ฉันเบื้อนหน้าหนี พร้อมกับเดินออกจากห้องไป

 

“เฮ้ย เทะจิ แกเป็นอะไรของแกวะ แล้วแกรู้จักกับเนรุด้วยเหรอ”ดานี่วิ่งตามออกมาถามขึ้น

 

“เงียบหน่า!! ฉันยังไม่อยากพูดตอนนี้ ปล่อยฉันไว้คนดียว”

 

“คะ…คูลไปอีก” ดานี่พูดด้วยสีหน้าอึ้งๆ เพราะพึ่งเคยเห็นเทะจิอารมณ์ไม่ดีขนาดนี้  มานา

 

กะที่วิ่งตามออกมาตบไหล่ดานี่เบาๆ

 

“ปล่อยเขาไปซักพักเถอะ”

 

“เทะจิ เข้าวัยต่อต้านแล้วรึเนี่ย ฮือ ดานี่เศร้าใจ”

 

 

 

 

 

 

 

 

อีกทางด้านหนึ่ง

 

“ไม่เป็นอะไรนะ เนรุ” สาวผมสั้นช่วยพยุงคนที่ล้มลงไปขึ้นมา

 

“อื้อ ขอบใจนะ”

 

กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

“พึ่งถึงเมื่อเช้าหน่ะ”

 

“งั้นเหรอ”

 

“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แต่เบริสะยังใจดีเหมือนเดิมเลยนะ”

 

“คงงั้น”

 

“แต่เทะจิ… รายนั้นคงโกรธฉันมากกว่าใคร”

 

“เปลี่ยนไป”

 

“หืม”

 

“เทะจิตอนไม่มีเธอหน่ะ เปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนั้น”

 

“มันเป็นความผิดของฉันเอง”

 

“แต่ในใจลึกๆฉันว่าเทะจิก็รอเธอมาตลอดเหมือนกันนะ”

 

“ขอบคุณนะเบริสะ”

 

“อื้ม”

 

“เฮ้ยยยยยย เบริสะก็รู้จักกับเนรุด้วยเหรอ” ดานี่ที่เพิ่งกลับมาถึงห้องเดินมาร่วมแจม

 

“ไม่ได้เจอกันนานนะ มานากะ”

 

“อื้อ ดูเหมือนเธอจะสบายดีนะ”

 

“โมน๊า!นี่แกก็รู้จักด้วยเรอะ! อย่าบอกนะว่ายุกก้ากับเปตันก็รู้จักหน่ะ” ยุกก้าส่ายหัว ส่วนเป

 

ตัน

 

“เรารู้จักกัน…รึเปล่าน๊า” กำลังคิดอยู่ ถถถ

 

“เราเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกสินะ ฉันเนรุ ยินดีที่ได้รู้จักนะ เป็นเพื่อนสมัยเด็กของ เทะจิ

 

เบริสะแล้วก็มานากะน่ะ”

 

“ฉันยุกก้านะ ยินดีที่ได้รู้จัก”

 

“เปตัน ชื่อของฉัน เปตัน”

 

“ฉันดานี่ ยินดีที่ได้พบ มันคงเป็นพรหมลิขิตใช่ไหม” ดานี่หลังจากแนะนำตัว ก็เริ่มบรรเลง

 

เพลง อินเนอร์มาเต็ม จนโดน

 

โป๊ก!!

 

“ให้มันน้อยๆหน่อย” เบริสะเขกหัวดานี่ก่อนที่จะร้องจบเพลง ยิ่งคึกๆอยู่ด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

“แล้วเทะจิหล่ะ” เนรุถามเมื่อไม่เห็นเด็กน้อยเดินกลับมาด้วย

 

“บอกว่าอยากอยู่คนเดียวหน่ะ ไม่ลองไปคุยกันหน่อยเหรอ” มานากะพูดขึ้น

 

“เทะจิบอกอยากอยู่คนเดียว แล้วจะเนรุไปทำไมหล่ะ” ดานี่ถามขึ้นอย่างสงสัย

 

“คงเป็นคนเดียวที่เทะจิมันฟังหล่ะมั้ง” มานากะพูดพร้อมยักไหล่เบาๆ

 

“เอานี่ได้วยสิ ดูเหมือนจะลืมไว้” เบริสะยื่นข้าวกล่องของเทะจิให้เนรุ

 

 “ตอนนี้คงอยู่ที่ดาดฟ้าหล่ะมั้ง” ยุกก้าพูดเสริม

 

“พยายามเข้านะ” เปตันพูดขึ้น

 

“ขอบใจนะ”

 

.

.

.

.

.

.

ฉันที่วิ่งมาอย่างไร้จุดหมาย สุดท้ายก็มาหยุดลงที่นี่ ดาดฟ้า…

 

มันคงทำให้ฉันใจเย็นลงบ้างเมื่อมองวิวสูงๆแบบนี้

 

แต่ตอนนี้เหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น เพราะในหัวของฉันมันวนเวียนคิดแต่เรื่อง

 

ของเธอ

 

 

ทำไม ทำไมกันหล่ะ ทำไมเพิ่งจะกลับมาตอนนี้…

 

 

 

 

 

 

 

.

.

.

.

เมื่อ 8 ปีก่อน

 

สนามเด็กเล่นที่มีเด็กน้อยทั้งสามเป็นเจ้าถิ่นขาประจำของที่นี่

 

 

“ออกไปนะพวกคนชั่ว ฉันมาแล้ว ฮะ ฮะ ฮ่า” เด็กน้อยวัยวัย 7 ขวบ ยืดแขนขึ้นเหมือนฮีโร่

 

“มันอันตรายนะเทะจิลงมาได้แล้ว” เบริสะเพื่อนสนิทเรียกเด็กน้อยที่ยืนหัวเราะเป็นฮีโร่อยู่

 

บนไม้กระดานลื่น

 

“ฉันจะลงไปปราบแกเองเตรียมตัวเตรียมใจไว้ ปีศาจเบริสะ ปีศาจมานากะ”

 

“รีบๆลงมาเถอะหน่า” มานากะเร่งขึ้น เกรงว่ายัยเด็กแสนซนจะทำตัวเองบาดเจ็บ

 

“ฉันจะไปปราบแกเดี๋ยวนี้หล่ะ ย๊ากกกกก” หลังจากเด็กน้อยลื่นลงมาก็วิ่งไล่จับตามเพื่อน

 

ซี้

 

“เทะจิ วิ่งแบบนั้นมันอันตรายนะ”

 

“ไม่ต้องมาเป็นห่วงข้าหรอก จะไปปราบเจ้าเดี๋ยวนี้หล่ะ ย๊ากกกกกกกกกก อ๊ะ!!” เทะจิที่วิ่ง

 

ไปกระโดดสิ่งกีดขวางไปก็พูดไปอยู่ๆก็สะดุดหกล้ม

 

“เทะจิ!! เจ็บตรงไหนรึเปล่า อ๊ะ เลือดออกด้วย ทำยังไงดีหล่ะ เบริสะ”

 

 “ฮือออออออออๆ เจ็บอ่า เค้าเจ็บอ่า มานากะ เบริสะ ฮืออออ”

 

“พาไปโรงพยาบาลเหรอ” เบริสะเอ่ยขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้

 

“ไม่อ๊าวววว เค้าไม่อยากโดนฉีดยา ฮืออออ”

 

“เป็นอะไรรึเปล่า” หญิงสาวปริศนาที่มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เอ่ยถามขึ้น

 

“เจ็บอ่า”

 

“อ๊ะ มีเลือดออกด้วยนี่ อยู่นิ่งๆนะ” พี่สาวใจดีใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดแผลให้อย่างเบามือ เด็ก

 

น้อยใช้มือปาดตาที่มีม่านน้ำตาอยู่ เผยให้เห็นพี่สาวตรง สวยจนลืมเจ็บไปเลย นั่นคือ

 

ความรู้สึกเทะจิในวัย7ขวบ

 

“ลุกไหวรึเปล่า” เทะจิส่ายหัวเบาๆ คงเพราะอยากอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้หน่อย อีกซักนิด

 

ก็ยังดี

 

“บ้านอยู่ไหนหล่ะ ให้พี่ไปส่งไหม”

 

“อื้ม”

 

“เทะจิ จะไปกับคนแปลกหน้าไม่ได้นะ” มานากะเอ่ยขึ้น

 

“พี่เป็นโจรลักพาตัวอะเปล่า” เบริสะถามขึ้น

 

“ไม่ใช่นะ พี่ชื่อเนรุ นากาฮาม่า เนรุ เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่หน่ะ”

 

“งั้นเหรอ น่าสงสัยชะมัด” มานากะพูดพร้อมกับเอามือลูบคาง

 

“เรื่องอะไรเหรอ”

 

“ที่พี่เมาช่วยพวกเรายังไงหล่ะ มีจุดประสงค์อะไรอย่างนั้นเหรอ”

 

“จะมีได้ยังไงเล่า เห็นเด็กร้องไห้เลยเข้ามาช่วยเท่านั้นเอง”

 

“ฮีโร่สินะ” เบริสะทำท่ากำหมัดทุบที่มือเหมือนนึกอะไรออก

 

“จะใช่ได้ยังไงเล่า”

 

“แต่พี่เป็นฮีโร่ของเทะจินะ” เด็กน้อยพูดขึ้นพร้อมกับมองสายตาแป๋ว

 

“น่าดีใจจัง งั้นฮีโร่จะพาหนูน้อยไปส่งที่บ้านแล้วกันนะ”

 

“อื้อ”

 

“พวกเราก็จะไปด้วย”มานากะพูดขึ้น

 

“ใช่ เราไม่ปล่อยเทะจิไปคนเดียวหรอก”

 

“งั้นก็ไปกันหมดนี่หล่ะนะ ขึ้นหลังพี่มาสิ เดินไม่ไหวไม่ใช่เหรอ” เนรุย่อตัวลงหัวหลังให้

 

เด็กน้อยใช้สองมือกอดคอไว้ก่อนจะค่อยๆยกตัวขึ้น

 

“บ้านเทะจิทางนี้ๆ”

 

“ตรงนั้นเลี้ยวขวานะ” โดยมีสองสาวเพื่อนซี้เด็กน้อยคอยนำทาง

 

“ฉันรอแอปเปิ้ลลูกนั้นอยู่หล่ะ” มานากะชี้ไปที่ลูกแอปเปิ้ลที่โผลพ้นรั้วกั้นออกมา

 

“ไม่ใช่ของมานากะซักหน่อย”

 

“มันอยู่บนถนนต่างหาก”

 

“แต่ต้นมันอยู่ในบ้านของคนอื่น” เนรุมองเด็กน้อยสองคนถียงกัน ส่วนเด็กน้อยที่เธอแบก

 

มาด้วยสงสัยเล่นซนจนตอนนี้หลับไปแล้ว

 

ติ๊ง ต๊อง ในที่สุดก็มาถึงบ้านเด็กคนนี้ แต่ที่หน้าแปลกใจ ดันอยู่บ้านติดกันกับฉันซะอย่าง

 

นั้น

 

“คุณป้าค๊า”

 

“พาเทะจิมาส่งค่ะ” สองสาวส่งเสียงบอกคนในบ้านของเด็กน้อย

 

“จ้าๆ ขอบใจนะ มานากะจัง เบริสะจัง ขอบใจนะหนูต้องที่ต้องให้ลำบาก”

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คือเด็กคนนี้วิ่งล้มที่สวนหน่ะคะ เลยพามาส่ง”

 

“ขอบคุณมากเลยนะ ดูสิดันหลับไปซะได้” คุณแม่อุ้มเทะจิลงจากหลังเนรุ

 

“พวกหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ” สองสาวโค้งกล่าวลา

 

“เข้ามาดื่มชาก่อนไหมจ๊ะ”

 

“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีคุณแม่รออยู่หน่ะค่ะ ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะคะ หนู นากาฮาม่า เนรุ เพิ่ง

 

ย้ายมาอยู่ที่เมืองนี้ ยังไงก็ขอฝากตัวด้วยนะคะ”

 

“ลูกสาวคุณนากาฮาม่านี่เอง ว่างๆก็แวะมาเล่นที่บ้านบ้างนะ”

 

“ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”

 

หลังจากวันนั้น เทะจิก็ออกไปเล่นนอกบ้านเหมือนทุกวัน แต่ที่ต่างออกไปคงเป็น ไปหาพี่

 

สาวข้างบ้านก่อนหล่ะมั้ง

 

ติ๊งงงงง ต๋องงงงง

 

เด็กสาวผมสั้นยืนบิดไปมาอยู่บ้านข้างๆ

 

“เทะจิ มีอะไรเหรอ”

 

“คือว่า…คุณแม่ฝากมาให้หน่ะค่ะ” เทะจิยื่นจานไก่คาราอาเกะไปให้

 

“ฝากขอคุณคุณป้าด้วยนะ” เนรุรับจานไปพร้อมกับลูบหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู

 

“แล้วก็….”

 

“หืม”

 

“เรื่องเมื่อวาน…ขอบคุณนะพี่สาว” เพียงคำขอบคุณสั้นๆก็ทำให้คนตรงหน้าเผยยิ้มอย่างมี

 

ความสุข

 

“อย่าเล่นซนอีกหล่ะ” ฉันคงรอยยิ้มของเธอตั้งแต่ตอนนั้นสินะ

 

“อื้อ เค้าไปก่อนนะ มานากะกับเบริสะรอเค้าอยู่หน่ะ ว่างๆพี่ก็ไปเล่นกับพวกเราบ้างสิ”

 

.

 

.

.

.

.

เรามักจะมาเล่นด้วยกันบ่อยๆ รวมทั้งมานากะและเบริสะ เราสี่คนเลยสนิทกันมากๆ

 

“เนรุ”

 

“หืม”

 

“หมดแล้วอะ ขออีกได้ไหม” เทะจิโชว์ถ้วยไอศกรีมที่บัดนี้เหลือแต่ถ้วยเปล่าๆ

 

“เรียกพี่ก่อนสิ พี่-เน-รุ”

 

“อย่าแกล้งกันสิ”

 

“อยากได้เพิ่มก็พูดมาก่อนสิ”

 

“พี่เนรุ พอใจรึยังหล่ะ”

 

“อื้ม น่ารักมาก”

 

“นี่ๆ เนรุ เค้าขอด้วย” มานากะพูดพร้อมยื่นถ้วยไปให้

 

“เค้าด้วย” เบริสะอีกคน

 

“จ้าๆ”

 

“ทำไม มานากะกับเบริสะ ไม่ต้องเรียกพี่เนรุหล่ะ ขี้โกง”

 

“พี่แค่อยากได้ยินเทะจิพูดนี่”

 

“ไม่ยุติธรรมเลยอะ”

 

ปู่ววววว เทะจิทำแก้มป่อง แต่แล้วไม่ทันตั้งตัวก็โดนเนรุขโมยหอมแก้มไป

 

“หายงอนรึยัง หืมมมม”

 

“อื้อออ” เทะจิที่แก้มขึ้นสีแดงระเรื้อก้มหน้าก้มตากินไอศกรีมในถ้วย

 

“เทะจิแก้มแดงแปร๊ดเลยยยย”

 

“แก้มแดงยังกะลูกมะเขือเทศ”

 

“หยุดเลยเจ้าเพื่อนบ้า”

 

 

.

.

.

.

.

.

วันนี้เบริสะกับมานากะไม่ว่าง

 

“เบื่อชะมัดเลย” ฉันได้แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมา

 

“ไปหาพี่เนรุดีกว่า”

 

“ไปหาพี่เนรุ นะคะแม่”

 

“ไปดีมาดีนะ”

 

“ค่า”

 

“พี่เนรู๊วววววววว อยู่บ้านอะเปล่า”

 

“เทะจิ…” เนรุวิ่งเข้ามากอดเด็กน้อยตรงหน้า

 

“พี่ร้องไห้ทำไมหน่ะ”

 

“ขอยู่แบบนี้ซักพักนะ”

 

“อื้อ” ฉันได้แต่กอดตอบกลับไป

 

 

 

 

 

“พี่เป็นอะไรรึเปล่า”

 

“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยนะ”

 

“ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ บอกเทะจิได้นะ”

 

“ขอบคุณนะ แค่นี้ก็ช่วยพี่ได้เยอะแล้วหล่ะ”

 

“จริงเหรอ”

 

“จริงสิ” เพราะยังเด็กเลยไม่อยากถามอะไรเซ้าซี้ กลัวเนรุจะรำคาญ

.

.

.

.

.

.

 

 

“พี่เนรู๊ววววววว มาเล่นกันเถอะ” เทะจิ ตะโกนเรียกหาพี่สาวข้างบ้าน

 

“จ้าๆ เข้ามาสิ” เพียงไม่นานพี่สาวข้างบ้านก็มาเปิดประตูให้เหมือนทุกที

 

“คิดถึงจังเลยยย” เทะจิเข้าไปสวมกอดสาวข้างบ้านเหมือนไม่ได้เจอมาแรมปี แต่จริงๆ

 

ห่างกันแค่เมื่อเย็นวาน

 

“อ้อนนักนะเรา” เนรุขยี้ผมเด็กขี้อ้อนเบาๆ

 

“กับเนรุเท่านั้นแหละ”

 

“จริงเหรอ”

 

“จริงสิ เนรุเป็นคนพิเศษของเค้านี่นา”

 

“เห น่าดีใจจังนะ ปากหวานขนาดนี้ จะกินไอศกรีมหรือเค้กช็อกโกแลตหล่ะ”

 

“เลือกไม่ถูกอะ ขอเป็นเนรุแล้วกัน”

 

“ได้ที่ไหนหล่ะยัยเด็กบ๊อง” เนรุเขกหัวยัยเด็กทะเล้นเข้าให้

 

“ได้สิ วันนี้มานอนด้วยกันนะ”

 

“ไม่นอนกับคุณป้ารึไง”

 

“อยากนอนกับพี่มากกว่านี่…ไม่ได้เหรอ” เทะจิส่งสายตาอ้อน แบบนี้ใครจะทนทำร้ายจิตใจ

 

เด็กน้อยได้ลงคอ

 

“พรุ่งนี้วันเกิดเค้าหล่ะ”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สองสาวนอนมองเพดานห้องนอนอยู่เงียบๆก็เอ่ยขึ้น

 

“เนรุ ฉันหน่ะสนุกทุกวันเลยนะ ตั้งแต่พี่ย้ายมา”

 

“จริงอะ”

 

“อื้อ”

 

“มีมานากะกับเบริสะอยู่ไม่สนุกรึไง”

 

“สนุกสิ แต่ความรู้สึกมันไม่เหมือนกัน”

 

“ไม่เหมือนกันยังไง”

 

“อยู่กับเนรุแล้วรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก” เด็กน้อยจับไปที่หัวใจด้านซ้าย

 

 

 

 

“นี่ เทะจิ…”

 

“มีอะไรเหรอ”

 

“เทะจิ ถ้าหากเราต้องห่างกัน เธอจะว่ายังไง ถ้าวันนึงไม่มีฉันอยู่ เธอจะลืมฉันไปรึเปล่า”

 

“แบบนั้นไม่เอานะ” ฉันเข้าไปกอดเนรุ ไม่อยากห่างกันเลย ไม่อยากแยกจากกันไปไหน

 

อยากอยู่ด้วยกันตลอดไปแท้ๆ

 

“อย่าร้องสิ ฉันแค่สมมุติหน่ะ”

 

“เราจะอยู่ด้วยกัน แบบนี้ ตลอดไปเลยนะ สัญญาสิ สัญญามานะ เนรุ”

 

“อื้อ” เนรุได้แต่ยิ้มบางๆให้กับเด็กสาวตรงหน้า ที่หลับไปทั้งๆที่กอดเธออยู่อย่างนั้น

 

“ฝันดีนะเทะจิ แล้วก็ขอโทษนะ” เนรุใช้ริมฝีปากบรรจงจูบไปที่หน้าผากของเด็กน้อย ใช้

 

มือลูบหัวเทะจิเบาๆ ก่อนจะเฝ้ามองใบหน้ายามหลับของคนตรงหน้า เพราะ ไม่รู้ว่าอีกนาน

 

เท่าไหร่ที่จะได้เจอกันอีก คงจะคิดถึงเด็กคนนี้ไม่น้อย…

 

 

 

 

^———————————-^

one shot ที่กลายมาเป็น two shot ได้ยังไงไม่รู้ 555 อยากลองแต่งเด็กน้อยเทะจิกับคุณพี่เนรุขึ้นมา^^ 

ว้าวววววว เนรุเทะจิ เป็นเรื่องแรกที่ได้อ่านเลยสนุกมากๆเลยครับ ^^ หาอ่านฝั่ง 46 ไม่ค่อยได้เลยอ่ะเป็นกำลังใจให้แต่งต่อนะครับ จะรอตอนต่ออย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ

Part…2

 

 

น่าขำชะมัด สัญญางั้นเหรอ โกหกทั้งนั้น ตอนนี้ยังจะกลับมาทำไมอีก ในเมื่อทิ้งฉันไปแล้วนี่…

 

“เทะจิ!!”

 

 

“มาทำไมที่นี่”

 

 

“มาหาเธอหน่ะสิ ยัยเด็กบ้าทำไมต้องหนีด้วยเล่า”

 

 

“ฉันไม่ได้หนี”

 

 

“หนีอยู่เห็นๆ”

 

 

“หนวกหูหน่า!”

 

“เทะจิ ฟังพี่ก่อน”

 

“พี่จะกลับมาทำไมตอนนี้ พี่เป็นคนทิ้งฉันไป แปดปี พี่ทิ้งฉันไปแปดปี! แม้แต่จดหมายซักฉบับก็ไม่มี! แล้ว

 

ตอนนี้ ฉันยังต้องฟังอะไรจากพี่อีก!!”

 

“พี่…ขอโทษ”

 

“อย่ามาพูดบ้าๆนะ! เพราะเป็นตอนนี้ถึงพูดได้หน่ะ ฉันไม่อยากได้ยิน!”

 

“มันมีเหตุผลนะ”

 

“ฉันยังต้องเชื่อพี่อีกงั้นเหรอ แม้แต่สัญญาพี่ยังรักษามันไว้ไม่ได้ พี่ยังจะให้ฉันเชื่ออะไรอีก”

 

“เทะจิ…”

 

“มันยังไม่มากพออีกเหรอ ฉันรอพี่มาตลอด เปิดตู้จดหมายทุกวัน หวังว่าจะมีจดหมายถึงฉันบ้าง แต่ไม่มีเลย

 

การรอคอยแบบนี้ฉันเกลียดที่สุด” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ฉันไม่อาจห้ามความรู้สึกตัวเองได้อีกแล้ว สิ่ง

 

ที่เก็บไว้ในใจตลอดแปดปีที่ผ่านมา

 

“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษนะเทะจิ” เนรุดึงเทะจิเข้าไปกอดไว้ เสียงที่ได้ยินในตอนนี้คงเป็นเสียงสะอื้นของทั้งสอง

 

คน

 

ฉันอยากจะผลักเธอออกไปแต่ว่าร่างกายฉันไม่ยอมทำตาม มันคงเป็นความขัดแย้งที่อยู่ภายในใจของฉัน

 

เพราะฉันโหยหาอ้อมกอดนี้มานานเหลือเกิน…

 

 

 

 

 

 

 

“เพราะฉันต้องรับข้อเสนอหน่ะ” เนรุพูดทั้งๆที่ยังกอดฉันไม่ปล่อย ฉันได้แต่ฟังอย่างเงียบๆ ในใจอยากจะรู้

 

เหตุผล เหตุผลที่ต้องทิ้งฉันไป

 

“…”

 

“การไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แลกกับชีวิตที่เป็นอิสระ”

 

“…”

 

“ฉันไม่เคยรับข้อเสนอ จนกระทั่งฉันเจอกับเธอเทะจิ”

 

“…”

 

“ฉันไม่เคยสนใจว่าชีวิตของฉันต่อไปจะเป็นยังไง จะแต่งงานกับใครฉันก็ไม่เคยสน เพียงเพราะทุกอย่างถูก

 

กำหนดไว้แล้ว”

 

“…”

 

“แต่เพราะเทะจิ ทำให้ฉันคิดถึงอนาคตของฉัน ฉันอยากจะกำหนดมันด้วยตัวเอง อนาคตที่มีเทะจิอยู่ข้างๆ

 

หน่ะ”

 

“…”

 

“ตอนฉันบอกความต้องการของฉัน พวกท่านก็ส่งฉันไปเรียนต่อที่ต่างประเทศทันที คงจะคิดว่าฉันจะเปลี่ยน

 

ใจหล่ะมั้ง”

 

“…”

 

“ความรู้สึกของฉันไม่ว่าจะผ่านไปนานซักเท่าไหร่ มันก็ไม่เคยเปลี่ยน”

 

“คิดว่าอยู่ๆจะมาพูดอะไรก็ได้เหรอ จะโกหกอีกหล่ะสิ คนที่ไม่รักษาสัญญาไม่มีสิทธิจะพูดอะไรหรอกนะ

 

เพราะสุดท้ายมันก็แค่ คำแก้ตัวดีๆนี่เอง”

 

“ฉันไม่เคยลืมเธอเลยจริงๆนะเทะจิ จำได้รึเปล่าที่เธอเคยให้ฉัน ฉันเก็บมันไว้อย่างดีเลยนะ” เนรุหยิบสร้อยคอ

 

ขึ้นมา จี้รูปหัวใจ ที่ฉันเคยบรรจงเลือกเพื่อเป็นของขวัญขอบคุณ

 

“ยังจะเก็บมันไว้อีกเหรอ ของอย่างนี้หน่ะทิ้งมันไปซะเถอะ!” ฉันดึงสร้อยเส้นนั้นออกมาจากมือเนรุ พร้อมกับ

 

โยนมันทิ้งไป

 

“เทะจิ!!!!” เธอมองฉันด้วยสายตาผิดหวัง น้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ตรงขอบตา

 

“เจ็บปวดสินะ ความเจ็บปวดของพี่ มันเทียบกับของฉันไม่ได้หรอก ในเมื่อฉันพี่ยังไม่สนใจ กับสร้อยที่ฉันให้

 

มันก็คงไม่มีค่าเหมือนกัน ของไร้ค่าแบบนั้นก็ทิ้งไปเถอะ”

 

เพี๊ยะ!! ฝ่ามือฟาดมาบนแก้มซ้ายจนรู้สึกชา

 

“ฉันไม่เคยคิดว่าเธอไร้ค่า สร้อยนั่นก็ด้วย มันคือของสำคัญสำหรับฉัน!!” เธอพูดพร้อมกับวิ่งออกไป ฉันได้แต่

 

มองแผ่นหลังเธอ เพียงไม่นานก็เห็นเธอปรากฏตัวที่สนามด้านล่าง เธอยังคงวิ่งวนหาสร้อยอยู่อย่างนั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

ฉันปีนรั้วออกไปหยิบเจ้าสร้อยเส้นนั้นขึ้นมา ฉันไม่ได้โยนไปไกลฉันแค่ปล่อยมันลงและทำท่าโยนออกไป

 

ใครจะทิ้งมันไปได้หล่ะ ถ้าหากฉันโยนมันทิ้งไป ความสุขของฉันที่เคยมีก็คงหายไปด้วย ความทรงจำต่างๆอัด

 

แน่นอยุ่ในสร้อยเส้นนี้ ไม่นึกว่าผ่านไปแล้วแปดปีพี่ยังเก็บมันไว้อยู่

 

“เทะจิ!!” มานากะที่เดินเข้ามาด้านหลังพร้อมกับเบริสะ

 

“จะทำให้เนรุรู้สึกแย่ไปถึงเมื่อไหร่ แบบนี้มันมีใครมีความสุขอย่างนั้นเหรอ”

 

“รอมาตลอดเลยไม่ใช่รึไง เขาก็กลับมาแล้วนี่ ตอนนี้ยังจะคิดอะไรอีก”

 

“แล้วความรู้สึกของคนรอหล่ะ มันทรมานขนาดไหนรู้รึเปล่า วันนั้นฉันคิดว่ามันคงเป็นงานวันเกิดที่มีความสุขที่

 

สุดถ้าตื่นขึ้นมาแล้วเจอเนรุนอนอยู่ข้างๆ แค่นั้นก็เหมือนเป็นของขวัญที่เยี่ยมที่สุด แต่แล้วความจริงก็คือ ความ

 

ว่างเปล่า เธอทิ้งฉันไป ไม่ได้รับการติดต่อ เหมือนของไร้ค่าที่เธอไม่ต้องการ แต่ตอนนี้เธอกลับมาบอกว่าฉัน

 

เป็นตนสำคัญของเธอ ฉันควรจะเชื่อเธอรึเปล่า”

 

“เนรุก็กลับมาแล้วนี่ เนรุเองคงรู้สึกทรมานไม่ต่างจากเทะจิหรอก การที่เขารู้ทุกอย่าง แต่ต้องเก็บไว้คนเดียว

 

หน่ะ มันก็ทรมานไม่แพ้กันหรอกนะ”

 

“เธอคิดว่าอะไรคือสาเหตุที่เนรุถึงไม่บอกเธอหล่ะ เพราะเธอคงห้ามเนรุแน่ๆ แล้วคิดว่าเนรุจะไม่ทำตามที่เธอ

 

ของั้นเหรอ เธอก็รู้หนิ เนรุหน่ะ ไม่เคยปฎิเสธเธอเลยซักครั้ง”

 

“ถ้าเขาคิดถึงฉันจริงๆ ทำไมไม่ส่งข่าวมาบ้างหล่ะ”

 

“ถ้าส่งมาแล้วมันยิ่งทำให้เนรุคิดถึงเทะจิมากกว่าเดิมรึเปล่า เด็กน้อยที่ติดพี่สาวข้างบ้านขนาดนั้น ในจดหมาย

 

คงเขียนให้รีบกลับมาแน่ๆ อย่างนั้นการที่ถูกส่งไปก็ไร้ความหมาย”

 

“แล้วแบบนี้ ยังใจร้าย จะทำร้ายจิตใจเนรุไปถึงเมื่อไหร่” บางทีสมองคงเป็นรองหัวใจอย่างที่เขาว่าไว้ ฉันวิ่ง

 

ออกไปอย่างสุดกำลัง ทั้งๆที่ฉันไม่อยากทำให้เธอเสียใจแท้ๆ แต่ฉันก็ยังทำมัน ฉันคงเป็นเด็กบ้าอย่างที่ใครๆ

 

ว่าก็ได้

 

ฉันวิ่งมาหยุดที่หญิงสาวที่พยายามหาสร้อยอยู่ในสนาม คงเหมือนเป็นการหาเข็มในมหาสมุทร

 

เธอยังคงร้องไห้… นี่ฉันทำอะไรลงไป… ฉันได้แต่กำสร้อยในมือไว้แน่น

 

ก่อนจะค่อยๆเดินไปข้างหลังของเธออย่างเงียบๆ พร้อมกับสวมสร้อยไว้ที่คอของเธอ

 

“นี่เธอ ไปเจอมันที่ไหน”

 

“ฉันไม่โง่โยนไปในที่ที่ฉันหาไม่เจอหรอกหน่า เพราะมันก็สำคัญสำหรับฉันเหมือนกัน”

 

“เทะจิ…”

 

“ขอโทษนะ ขอโทษที่คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของพี่เลยซักนิด คนที่ไม่รู้อะไรเลยมันคือฉัน

 

ต่างหากหล่ะ ขอโทษนะ ” ฉันพูดด้วยเสียงสั่นเครืออย่างรู้สึกผิด

 

“พี่ต่างหากหล่ะที่ต้องขอโทษ ที่พี่ไม่กล้าบอก” ฉันได้แต่ส่ายหัวในอ้อมกอดของเนรุ

 

“พอแล้วหล่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว”

 

“ขอบคุณนะเทะจิ ที่ยังรอคนอย่างพี่”

 

“ยังไม่ได้พูดเลยสินะ ยินดีต้อนรับกลับ”

 

“กลับมาแล้ว” ในที่สุดก็ยิ้มออกมาได้ซักทีนะ รอยยิ้มที่ฉันอยากจะเห็นที่สุด

 

“อื้ม”

 

“เทะจิโตขึ้นเยอะเลยนะ”

 

“เค้าสูงกว่าพี่แล้วนะ ไม่ใช่เด็กแล้วด้วย”  ฉันพูดพร้อมกอดอกอย่างภูมิใจ

 

“ยังเด็กอยู่ย่ะ”

 

“โอ๊ยยย เขกหัวเค้าทำไม”

 

“หมั่นไส้ เด็กจอมเก็ก”

 

.

.

.

.

.

.

.

เสียงฮัมเพลงเบาๆ ของลูกสาว ทำเอาคุณแม่ที่กำลังยุ่งอยูกับการล้างจานแปลกใจ

 

“มีเรื่องอะไรดีๆอย่างนั้นเหรอ”

 

“คือว่านะ พี่เนรุหน่ะ กลับมาแล้วหล่ะ”

 

“เมื่อวานแม่จะบอกลูกแล้วแต่ดันรีบออกไปก่อนนี่สิ แถมเมื่อวานหลังจากลงเครื่องเนรุก็รีบมาหาลูกเลยแท้ๆ

 

นะ แถมดูนี่สิของฝาก ทาด๊า!” ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกผิดแฮะ ไม่ได้มีแต่เราที่คิดถึงฝ่ายเดียวสินะ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจ

 

ของฝากซักเท่าไหร่ในเมื่อของที่ฉันอยากได้ที่สุดหน่ะไม่ใช่ขนมพวกนี้แต่เป็น…เจ้าของ ของมันต่างหากหล่ะ

 

 

 

 

 

 

ติ๊ง ต๋องงงง

 

“ไปก่อนนะค๊า” ฉันรีบยัดข้าวเข้าปาก ก่อนจะวิ่งไปหาคนที่ยืนรออยู่

 

คนที่ฉันอยากเจอที่สุดหน่ะ อยู่ตรงหน้าฉันแล้วนี่… แค่นี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วหล่ะ

 

“ไปกันเถอะ” พี่เนรุจับมือฉันให้เดินไปด้วยกัน

 

ทั้งๆที่ทางเดินเหมือนเดิม วิวทิวทัศน์ที่เหมือนเดิม แต่ที่เปลี่ยนก็คือความรู้สึกฉัน ทางเดินที่เคยยาวนาน ไม่รู้

 

ว่าเป็นเพราะคนข้างๆรึเปล่า มันกลับรู้สึกสั้นลง

 

ฉันหยุดมองต้นเมเปิ้ลข้างทาง  ‘ลาก่อน เพราะฉันไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้วหล่ะ’

 

“มีอะไรอย่างนั้นเหรอ”

 

“แค่รู้สึกเปลี่ยนไปหน่ะ”

 

“หืม”

 

“ฉันไม่เหมือนต้นเมเปิ้ลแล้วหล่ะ เพราะไม่ได้โดนทิ้งอย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป”

 

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นหล่ะ”

 

“ใบไม้ที่สวยงามในตอนนี้สุดท้ายก็ล่วงหล่นทิ้งให้ต้นเดียวดาย…น่าเศร้าใช่ไหมหล่ะ”

 

“ถึงแม้ตอนใบไม้ร่วงจะมาถึง แต่มันก็มีเสน่ห์ในตัวของมันนะ อีกไม่นานใบใหม่ที่สวยกว่าต้องงอกออกมาแน่ๆ

 

ไม่คิดอย่างนั้นเหรอ”

 

“นั่นสินะ” ฉันในตอนนี้ ความรู้สึกถึงภายในหัวใจฉันในตอนนี้ คงเป็นฤดูใบไม้ผลิสินะ

 

“ยิ้มอะไรคนเดียวหน่ะ”

 

“ไม่มีอะไรซักหน่อย รีบไปกันเถอะ”

 

.

.

.

.

.

.

.

“นี่เทะจิ ทำไมพวกเขาถึงมองเราขนาดนี้หล่ะ” เนรุถามอย่างกระซิบเพราะตั้งแต่ทางเดินถนนจนถึงหน้าประตูก็

 

มีแต่สายตาคนมองซุบซิบกันข้างทางตลอด

 

“เพราะพี่น่ารักหล่ะมั้ง”

 

“เด็กบ้า”

 

“แต่เค้าไม่ให้ใครหรอก พี่หน่ะเป็นของเค้า”ฉันพูดพร้อมกับเดินโอบไหล่คนข้างๆ ทำให้คนที่มองตามถึงกับ

 

ตาลุกวาว

 

“ใครเป็นของเธอกันยะ ฉันไม่เคยพูดซักหน่อย”

 

“อีกไม่นานหรอก”ฉันส่งยิ้มไปให้คนข้างๆ  แต่คนที่กรี๊ดดันเป็นสาวๆที่จับกลุ่มคุยกันข้างๆมากกว่า

 

“แฟนคลับเยอะดีนี่”

 

“ก็ไม่หรอก มีแฟนคลับซักกี่คน แต่คนที่ฉันรักก็มีพี่คนเดียวนะ” ฉันกระซิบบอกกับเธอ

 

“เด็กบ้า” เนรุผลักฉันออกมา ขอเอาคืนเรื่องเมื่อก่อนแล้วกันนะ

 

“ฮ่าๆ”

 

 

 

 

 

 

 

“อกหักอีกครั้งยังไม่ตายยยยย” เข้ามาในห้องก็ได้ยินเสียงดานี่โวยวายมาแต่ไกล

 

“อกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ” เบริสะพูดขึ้น

 

“แล้วมันเรียกว่าอกหักได้เหรอ” มานากะถาม

 

“ความรักมันซับซ้อนจังนะ” ยุกก้าพูดขึ้นอย่างอดสงสัยไม่ได้

 

“อื้มๆ” ตามด้วยเปตัน

 

 

 

 

 

 

 

 

“นี่ เทะ……..จิ” ดานี่ที่หันมาจะเรียกเพื่อนไปกินข้าวแต่เพื่อนดันวาร์ปตัวเองไปอยู่โต๊ะข้างๆเรียบร้อย

 

“มากินข้าวด้วยกันนะ” เทะจิที่ยิ้มหวานส่งไปให้เนรุ โดยไม่ได้สังเกตซักนิดว่าใครจะมองอยู่บ้าง

 

 

 

 

 

 

 

“เห็นเทะจิเป็นแบบนี้แล้ว อยากอ้วกว่ะ” ดานี่พูดขึ้นอย่างเอือมระอากับความเปลี่ยนไปของเพื่อน

 

“ทำตัวให้ชินไว้เถอะ”

 

“นี่หล่ะ เทะจิ” สองเพื่อนซี้มานากะกับเบริสะพูดขึ้น

 

“ทั้งที่เมื่อวานหน้าแทบไม่อยากมองกันแท้ๆ เปลี่ยนไวไปปะ” ดานี่พูดขัด

 

“เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง” ยุกก้าพูดเสริม

 

“เปตันก็ว่างั้น เทะจิแบบนี้ น่ารักดี”

 

“เหมือนเสือเปลี่ยนเป็นลูกแมว”

 

 

 

 

“คุยอะไรกันเหรอ รีบมากินข้าวสิ” เทะจิกวักมือเรียกบรรดาเพื่อนที่นั่งชุมนุมซุบซิบกันอยู่

 

“นึกว่าลืมไปแล้วว่าพวกเรายืนกัวโด่อยู่ตรงนี้”

 

“โทษทีๆ จริงๆก็ลืมไปแว๊ปนึงอะนะ ฮ่าๆ”

 

 

 

 

 

 

 

“นี่ เนรุ เค้ายากกินทามาโกะยากิ” ฉันจ้องไปที่ทามาโกะยากิในเบนโตะของเนรุ พร้อมกับส่งสายตาออดอ้อน

 

“แค่กๆๆ โทษทีเห็นเทะจิแบบนี้มันไม่ชิน” ดานี่ถึงกับสำลัก ช่างเถอะ ฉันสนใจแต่เบนโตะของเนรุเท่านั้น

 

แหละ

 

“เรียก พี่-เน-รุ ก่อนสิ”

 

“ไม่”

 

“งั้นชั้นจะกินละน๊า” เนรุทำท่าคีบทามาโกะยากิชิ้นสุดท้ายเข้าปาก

 

“พะ พี่เนรุ ขอเค้ากินหน่อยสิ” เนรุยิ้มอย่างพอใจ

 

“อ้ามมมม”

 

“กินเองได้หน่า”

 

“ไม่ได้ เร็วสิ อ้ามมมมม”

 

งับ ง่ำๆ อร่อยยยย คงเพราะคนป้อนเป็นเนรุหล่ะมั้ง

 

“ฉันรู้สึกโชยุมันหวานๆว่ะ”ดานี่พูดขึ้นมา และนั่นทำให้ฉันนึกได้ว่าไม่ได้อยู่กับพี่เนรุแค่สองคน

 

“เนรุขอชิมไส้กรอกหน่อย”

 

“อีกชิ้นขอหล่ะนะ”

 

“เอาสิ”คู่หูเดอะคูลก็ยังเหมือนเดิม ไม่ต้องพยายามอะไรก็ได้กินง่ายๆ

 

“พี่อะ ชอบแกล้งเค้า”

 

“หืม อะไรเหรอ”

 

“ไม่ต้องมาทำหน้าไม่รู้เรื่องเลย”

 

“เค้าเสียเปรียบตลอดอะ”

 

“อยากได้รางวัลงั้นเหรอ” เนรุที่ยื่นหน้ามาใกล้ ทำเอาฉันต้องหลับตาปี๊

 

“น่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะเทะจิ” เนรุหัวเราะเบาๆ พร้อมกับขยี้หัวฉัน

 

.

.

.

.

.

.

.

“กลับกันเถอะ” ทันทีที่เสียงกริ่งดังฉันเด้งตัวจากที่นั่งทันที ก็วันนี้เนรุสัญญาว่าจะมานอนค้างด้วยนี่นา

 

“เดี๋ยวสิ ฉันยังเก็บของไม่เสร็จเลยนะ”

 

“เดี๋ยวๆ ขอโทษที่ต้องขัดเวลาแห่งความสุข เทะจิลืมไปรึเปล่าวันนี้หน้าที่ทำความสะอาดเป็นของแก”  ดานี่

 

จับไหล่ฉันก่อนจะเดินออกจากห้องไป

 

“โกหกหน่า” ฉันอุทานออกมา ทำไมต้องเป็นวันนี้ ฉันได้แต่ร้องครวญครางในใจ

 

“เรื่องจริงร้อยเปอร์เซ็น”

 

“งั้นฉันไปก่อนนะ” เนรุพูดพร้มกับเดินออกไป

 

“เฮ้ออออ” อยากจะเดินกลับบ้านกับเนรุจัง  ฉันได้แต่มองตามหลังเธอไป เฮ้อ นี่ฉันกำลังหวังอะไรอยู่เนี่ย

 

“ฉันรออยู่ด้านล่างนะ ต้องเอาเอกสารไปส่งก่อนหน่ะ” ก่อนเธอจะเดินพ้นประตูไปก็หันกลับมาบอกฉัน เนรุน่า

 

รักจริงๆ

 

“อื้อ!!” ฉันยิ้มรับ

 

“อิเพื่อนอินเลิฟ รีบๆทำความสะอาดได้แล้ว”

 

“รู้แล้วหน่า”

 

“รีบๆทำซะสิ เนรุจะได้ไม่รอนาน” มานากะพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก

 

“ระหว่างรอตอนนี้คงมีหนุ่มที่ไหนมาจีบซะหล่ะมั้ง มัวแต่ชักช้าแบบนี้” เบริสะพูดแซว

 

“ฉันไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นหรอกหน่า ดานี่ ยุกก้า เปตันกวาดพื้น เปตันปิดหน้าต่าง มานากะ ถูพิ้น ส่วนฉัน

 

เอ่อออออ ลบกระดาน”

 

“คือฉัน ไม่เคยกวาดพื้นมาก่อน ไม่รู้จะทำได้ดีรึเปล่า” ยุกก้าพูดขึ้น ลืมไปว่านางเป็นคุณหนู

 

“เปตัน อย่าลืมล็อคด้วยสิ” จะไหวไหมเนี่ยสองคนนี้

 

กว่าจะเสร็จก็เกือบครึ่งชั่วโมง ฉันรีบวิ่งไปหาเนรุ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แต่….

 

 

 

 

ไม่!

 

 

 

 

 

 

ไม่มี!

 

 

 

 

 

 

 

 

เนรุไม่อยู่แล้ว!!

 

 

 

 

 

กลับไปก่อนแล้วงั้นเหรอ!

 

เมลล์ซักฉบับก็ไม่ส่งมา

 

ใจร้ายชะมัด

 

คอยดูนะกลับไปจะงอนให้ง้อเลย!?

 

 

 

 

“มีอะไรเหรอเทะจิ เนรุหล่ะ”

 

“ไม่รู้สิ ลงมาก็ไม่เจอเลย”

 

“กลับไปแล้วรึเปล่า”

 

“แต่ไม่บอกก่อนมันน่าสงสัยนะ”

 

“ไม่มีทางแน่ๆอะที่เนรุจะไม่กลับไปก่อน เพราะเขาบอกจะรอฉัน” ถึงจะอย่างนั้นฉันก็ยังคงเชื่อในคำพูดเนรุอยู่

 

ดี ฉันวิ่งไปหารอบๆตึกพร้อมกับตะโกนชื่อเธอ 

 

รวมถึงบรรดาคนในกลุ่มก็ช่วยออกตามหาเช่นกัน

 

 

 

 

 

 

“ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะแก!”

 

“เพิ่งเข้ามาใหม่แท้ๆ อย่ามาทำตัวสนิทสนมกับเทะจิให้มันมากนักนะ” 

 

ทันทีที่ฉันได้ยินฉันรีบวิ่งไปดู เป็นมุมอับของตึกที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมามากนัก

 

“เนรุ!!! พวกเธอจะทำอะไรเนรุหน่ะห๊ะ!!”

 

“ทะ ทะ เทะจิ”

 

“ฉะ ฉันนึกว่าเขากลับไปแล้วซะอีก” สองสาวที่กำลังรุมด่าเนรุถึงกับเหงื่อตก เพราะเจ้าชายที่พวกเธฮเทิดทูน

 

นักตอนนี้สีหน้าราวกับปีศาจที่จะมาเอาชีวิตพวกเธอก็ไม่ปาน

 

“พวกเธอคิดว่ากำลังทำอะไรกันอยู่” ฉันถามพวกเธอไป

 

“คิดจะทำอะไรเนรุ คิดจะทำอะไรกับคนสำคัญของฉัน!!!” ฉันตะโกนใส่พวกเธอ ฉันไม่สามารถควบคุมความ

 

โมโหตอนนี้ได้เลย

 

“พอเถอะนะเทะจิ” เนรุพยายามร้องห้ามฉัน

 

“ถ้ามีเรื่องแบบนี้อีกฉันไม่ปล่อยพวกเธอไว้แน่ จำเอาไว้!!”

 

“เกิดอะไรขึ้น เทะจิ” มานากะที่วิ่งมาพร้อมเบริสะถามขึ้น

 

“พวกนี้จัดการให้ที” เพราะฉันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จริงๆไม่งั้นคงได้ต่อยพวกเธอแน่ ฉันลากเนรุออกมา พร้อม

 

กับฝากที่เหลือไว้ให้คู่หูเดอะคูล

 

“ก็พอเข้าใจเรื่องราวหล่ะนะ”

 

“คู่หู จะว่าไปเราไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้มาซักพักแล้วนะ”

 

“นั่นสิ”

 

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรี๊ดดังตามาด้านหลัง หึ ความน่ากลัวของเดอะคูลหน่ะ ไม่ใช่ว่าแค่

 

ตั้งขึ้นมาเฉยๆหรอกนะ แค่คำพูดก็ทำร้ายจิตใจได้หน่ะ เคยได้ยินรึเปล่า ลองให้คู่หูสองคนนี้พูด แม้แต่เสือมัน

 

ยังนิ่ง อ๋อ ในบรรดาคนที่มาหาเรื่องคู่หูเดอะคูล ฉันไม่เคยเห็นใครเป็นครั้งที่สอง บางคนถึงกับย้ายโรงเรียนหนี

 

ก็มี

 

 

 

 

 

 

 

“นี่เทะจิ มานากะกับเบริสะจะทำอะไรสองคนนั้นหน่ะ”

 

“ยังจะไปห่วงพวกมันทำไม แล้วนี่พี่โดนพวกนั้นทำอะไรรึเปล่า” ฉันได้แต่จับตัวเนรุหันไปมา

 

“ไม่อะ เพราะเทะจิมาช่วยไว้นั่นแหละ”

 

“งี้ ฉันก็เป็นฮีโร่ของพี่หน่ะสิ”

 

“หลงตัวเองชะมัด”

 

“แล้วพี่ไม่หลงเค้าเหรอ เค้าออกจะน่ารัก เห็นรึเปล่า”

 

 

 

 

 

 

 

 

“อะ เอ่อ ขอโทษที่ต้องขัดจังหวะอีกครั้ง ฉันไปเรียกอาจารย์มาให้หน่ะ”

 

“ขอบใจนะ ดานี่ ยุกก้า เปตัน” แล้วฉันก็ลืมสามคนนี้ไปซะสนิท

.

.

.

.

.

“เฮ้อออออ ในที่สุดก็หมดเรื่องซักที”

 

“เหนื่อยเหรอ”

 

“นิดหน่อยหน่ะ  แต่แค่นี้ก็หายเหนื่อยแล้วหล่ะ”ฉันดึงตัวเนรุเข้ามากอด

 

“อ๊ะ”

 

“แขนพี่โดนอะไรมา”

 

“แค่เดินชนนิดหน่อยหน่ะ ซุ่มซ่ามซะได้ น่าอายจัง”

 

“ตอนที่ฉันผลักพี่รึเปล่า”

 

“มะ ไม่ใช่นะ”

 

“ใช่จริงๆด้วยสินะ”

 

“เปล่าซักหน่อย”

 

“พี่รู้ตัวรึเปล่า เมื่อไหร่ที่พี่โกหกหน่ะ พี่จะไม่มองตาฉัน”

 

 

 

 

 

“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ พี่ไม่ได้เป็นอะไรมากซักหน่อย รอยช้ำแค่นี้เดี๋ยวก็หาย” ฉันทายาให้เนรุอย่างเบามือ

 

 

 

 

 

“เค้าขอโทษ…”

 

“พี่รู้ ว่าเราไม่ได้ตั้งใจ” เนรุลูบหัวเด็กน้อยที่กำลังซึม

 

“นี่ พี่กลับมาทั้งทีจะให้พี่เห็นหน้าแบบนี้เหรอ ยิ้มหน่อยสิ” เนรุเลื่อนมือลงมาหยิกแก้มทั้งสองแทน

 

“โอ๊ยยยย เจ็บน๊า”

 

 

 

 

 

“เราไม่ได้นอนด้วยกันแบบนี้มานานแล้วนะ”

 

“อื้อ”

 

“พี่ไม่อยู่เนี่ย มีแฟนรึเปล่า”

 

“จะไปมีได้ยังไงหล่ะ”

 

“เห ทั้งที่สาวๆล้อมขนาดนั้นอะนะ”

 

“ใครจะสนหล่ะ” ก็พวกเขาไม่ใช่พี่ซักหน่อย เด็กน้อยได้แต่พูดอยู่ในใจ

 

“ไม่สนเลยจริงอะ ออกจะน่ารักนะ”

 

“ตกลงพี่จะไล่ฉันไปชอบคนอื่นรึไง”

 

“แล้วคิดว่าไงหล่ะ”

 

“แต่จริงๆแล้วฉันก็มีแล้ว….หล่ะนะ”

 

“งะ งั้นเหรอ….” 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เงียบ

 

 

 

 

 

 

 

ความเงียบเข้าปกคลุม บรรยากาศแบบนี้มันอึมครึมเกินไปแล้วววววววววววววว

 

 

 

 

 

“เป็นคนที่ชอบแกล้งฉันบ่อยๆ” เนรุที่นอนฟังข้างๆฉันอย่างเงียบๆ

 

“แต่ก็ใจดีอยู่เหมือนกัน ไม่สิ ใจดีมากเลยต่างหาก”

 

“ไม่เคยโกรธฉันเลย”

 

“จนบางครั้งฉันก็รู้สึกผิดเหมือนกัน”

 

“ฉันชอบรอยยิ้มของเขา”

 

“เจ็บปวดเมื่อเห็นเขาร้องไห้”

 

“เวลาอยู่ใกล้ๆเขาฉันก็มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก”

 

“พี่คิดว่าไง”

 

“เธอคงรักเค้ามากแน่ๆ โชคดีจังนะ…คนๆนั้นหน่ะ”

 

“นั่นสินะ”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“งั้นพี่ก็คงเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกนี้แล้วหล่ะ”

 

“ห๊ะ!!”

 

“จะทำหน้าอย่างนั้นทำไมหล่ะ โถ่ นี่ฉันกำลังพูดถึงพี่อยู่นะ”

 

“ฉันเป็นคนดีขนาดนั้นเลยเหรอ”

 

“แล้วก็นะ….เพราะพี่คนเดียวที่ทำให้ใจฉันเต้นแรงได้ขนาดนี้”  ฉันจับมือเนรุมาวางที่ตำแหน่งหัวใจ

 

 

 

 

 

“แต่เดี๋ยวนะ”

 

 

 

 

“พี่จะขัดอะไรอีกกกกกก นี่กำลังโรแมนติกเลยนะ”

 

 

 

“ฉันไปเป็นแฟนเธอตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

 

 

“ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันหล่ะมั้ง”

 

 

 

 

“พี่ยังไม่เคยบอกเลยนะว่าเราเป็นแฟนกัน”

 

 

“ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้หนิ”

 

 

 

 

“เทะจิไม่บอก พี่ก็ไม่รู้หรอก”

 

 

 

“งั้น…เรามาเป็นแฟนกันนะ พี่จะช่วยคบกับฉันได้รึเปล่า”

 

 

“อื้อ”

 

 

“รักเนรุที่สุดเลย”

“พี่ก็รักเธอ”  หลังจากนี้ก็ จะ จะ จูบ สินะ ต้องทำได้เทะจิ ฉันศึกษาจากมังงะมา 8 ปี ต้องทำได้สิ ฉันได้แต่บอกตัวเองอยู่อย่างนั้น

 

 

 

 

 

 

แต่สุดท้ายแล้ว

.

.

.

.

.

“ง่วงแล้วอะ นอนก่อนนะ” เสียงเนรุที่ดึงผ้าห่มมาคลุมพร้อมกับหลับตาลง

 

“ดะ ดะ เดี๋ยวสิ”

 

“หืมมมมม มีอะไรเหรอเทะจิ”

 

“ปะ เปล่า นอนเถอะ” ฉันลุกขึ้นปิดไฟ ก่อนจะซุกตัวในผ้าห่ม  เฮ้ออออออ นี่ฉันปล่อยโอกาสหลุดลอยไปสินะ

 

อุส่ารอมาแปดปีแท้ๆ  ทำไมถึงเป็นคนไม่ได้เรื่องขนาดนี้นะฉัน

 

 

 

 

 

 

 

จุ๊บ

 

ฉันรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่ริมฝีปาก

 

“พะ พี่จะทำอะไรหน่ะ”

 

“คำขอบคุณสำหรับวันนี้หน่ะ ฝันดีนะเทะจิ” เนรุซ่อนใบหน้าแดงก่ำไว้ในความมืดมิด

 

“อื้อ จะฝันถึงพี่นะ”  พรุ่งนี้ตื่นมาจะได้เห็นพี่เป็นคนแรก… แต่คืนนี้ฉันจะนอนหลับรึเปล่า จากเหตุการณ์เมื่อกี้

 

ยังใจเต้นไม่หาย แล้วตอนนี้พี่เนรุยังละเมอมานอนกอดอีก ให้ตายสิ เป็นใครจะหลับลง!!!!

 

 

 

 

 

 

^——————————————————–^

 

 

มาเสิร์ฟตอนที่2 เด็กมันน่ารักเนอะ รักเด็ก หลงเด็ก คุกคุกคุก รู้สึกถึงเสียงหัวเราะที่เปลี่ยนไป▽≦

 

แล้วก็ขอบคุณที่กลับมาอ่านจ้า  (^ω^๐)  ♡ 

 

เรื่องต่อไปคู่ไหนนั้น ก็ยังไม่อาจรู้ได้ เพราะฟิคที่ดองไว้มันเยอะเหลือเกิน… Σ( ° °|||)

 

 

——————————

 

 

@BasicNote   ขอบคุณนะ^^ เราก็หาอ่านของฝั่ง46ไม่ค่อยได้เหมือนกัน สุดท้ายแต่งเองซะเลย 55 

หว่าาาาา ไม่ได้เข้ามานานนนน ไม่คิดว่าจะได้เจอฟิค Keyakizaka46 แถมเป็นคู่เนรูเทะจิซะล้วย

ฟิคของ 48 เดิมทีหายากอยู่แล่ว นอกจากบอร์ดนี้ก็ไม่ค่อยมีที่อื่น 46 ก็คงไม่ต้องพูดถึง ; w ;

ขอบคุณที่แต่งมากค่ะ หวังว่าจะแต่งฟิคของ Keyakizaka46 อีกนะคะ >w<