[Fic] ♡_Gear_♡ [Wmatsui|Mayuki|Kojiyuu|Yokohiji(Team8)] ตอนที่6 โยโกยาม่า ยุย Updete.28.03.15

เคยได้ยินเรื่องราวของ “เกียร์หรือเปล่า? เกียร์ของคณะวิศวะกรรมศาสตร์ เกียร์ที่เป็นสัญลักษณ์ของคณะวิศวะกรรมศาสตร์ เกียร์ที่เป็นแค่สร้อยรูปเฟืองธรรมดาๆ  

และ

เกียร์ที่กว่าจะได้มาช่างแสนยากลำบาก

คนหลายคนมักจะเชื่อเสมอว่า…

“เกียร์อยู่ที่ใจ…ใจอยู่ที่เกียร์…ฝากเกียร์ไว้กับใคร…ฝากใจไว้กับคนผู้นั้น”

คิดว่า “เกียร์” มันสำคัญขนาดไหนกัน?

ก็เพราะว่า…”เกียร์” มันหมายถึงหัวใจของเจ้าของเกียร์เส้นนั้นยังไงหล่ะ…

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

…………………………………………………………………………….

มาเปิดเรื่องไว้ก่อนหล่ะค่ะ~

เดี๋ยวเคลียร์อีกเรื่องให้จบในเร็ววันแล้วจะมาเริ่มกับไอ้เจ้าเรื่องนี้หล่ะ!!

โอ๊สสสสสสสสส~ จะกลับมาในไม่ช้าค่ะ~ เออขอเกริ่นไปก่อนนะคะ555

อ้อ…ถ้าวันไหนไรท์เกิดคึกก็อาจมาลงตอน1ให้นะคะ ไปแย้วนะบายยยยยย~

น่าสนใจอ่ะ จะปักธงรอนะไรท์ 

เดี๋ยวๆๆๆๆ เกียร์วิศวะนี่นะ? เห้ยๆๆ นึกว่าอ่านชื่อผิดซะละ // มองเกียร์ที่คอรูมเมท

ขอให้ไรท์คึกบ่อยๆนะเย้~

โอ้ มาละะะะ //ปักพื้นที่จอง

หนูเข้ามาเพราะ โยโกะฮิจจิรินค่ะ =w=

น่าสนใจอ่ะ จะปักธงรอนะไรท์ 

*แก้คำผิดเรียบร้อย~

 

-1-

 

 

ชีวิตชั่งแสนลำบากยากเย็น

 

 

 

 

 

 

ท่ามกลางผู้คนที่เริ่มบางตาลงในเมืองใหญ่ เพราะมืดคํ่าจนต่างคนต่างหลับต่างนอนกันหมดแล้ว เหลือเพียงคนส่วนน้อยที่เที่ยวกลางคืนกันไม่มากนัก มีหญิงสาวคนหนึ่ง ผมยาวสลวยสีนํ้าตาลอมแดงดำดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเมื่อกระทบกับแสงไฟเป็นรระยิบระยับ ริมฝีปากบางสีชมพู และ ร่างกายที่ผอมบาง ส่วนการแต่งกายของเธอนั้นก็มีเพียงเสื้อลายขาวฟ้าข้างในทับด้วยเอี้ยมสียีนส์เข้ม มีป้ายชื่อเล็กๆอยู่ที่กระเป๋าหน้าของเอี้ยม มัตสึอิ เรนะนั่นคือชื่อของหญิงสาว เธอมาพร้อมกับกระเป๋าหนังสีน้ำตาลอ่อนที่สะพายไว้ข้างหลังพร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางสีชมพูอีกใบหนึ่งมาด้วย อีกมือหนึ่งของเธอก็ชูแผนที่ขึ้นมาดูด้วยใบหน้ายุ่ง เหมือนตอนนี้ในหัวสมองของเธอกำลังทำงานหนักเกินเกินไป

 

 

โอ้ยยยย!เธออุทานออกมาพร้อมกับทำสีหน้าที่ยุ่งเหยิงกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว

 

 

กี่โมงแล้วเนี่ยเธอพูดกับตัวเองก่อนจะตั้งกระเป๋าเดินทางที่ลากมาสักครู่ และยกนาฬิกาข้อมือของเธอขึ้นมาดู

 

 

ห๊า!! ตี1!!!เรนะอุทานออกมาเสียงดังพลางแสดงสีหน้าที่ตกใจสุดขีด อะไรกัน นี่เธอมาถึงที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้วนะ พอมาถึงก็เอาแต่เดินตามหาหอพักเพื่อนของเธอ หาไปหามาก็ไม่เจอสักที จนป่านนี้แล้ว ถ้าโทรไปหา ก็โทรไม่ได้อีก เพราะโทรศัพท์ของเธอก็แบตเตอรี่หมดไปตั้งแต่เที่ยงแล้ว เรนะทำหน้ายุ่งกว่าเดิม เธอกระทืบเท้าไม่พอใจรัวๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ที่นี่มันที่ไหนเนี่ย! รอบๆที่เธออยู่เป็นตึกสูงเรียงรายกันเป็นระเบียบ ร้านค้าแถวนั้นก็ปิดกันเกลียวมีเพียงร้าน2-3ร้านที่เปิดให้บริการกับคนจำพวกที่ชอบดื่มหนัก แต่ก็แทบไม่มีคนเลย ตลอดทางก็มีแต่แสงของเสาไฟ และแสงของหน้าร้านบางร้าน ที่เปิดค้างเอาไว้ ภาพรวมแล้วช่างแสนน่ากลัวอะไรยิ่งนัก เรนะรีบก้าวเท้ายาวๆ สิ่งแรกที่เธอคิดคือ เธอควรจะเดินตามหาที่พักแถวๆนี้เสียก่อน เธอเดินไปเรื่อยๆ จนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง แถวนี้แทบไม่มีอะไรเสียเลย หาบ้านเพื่อนก็ไม่เจอ แถม ยังหาที่พักไม่เจออีก แย่ชะมัด!

 

 

เธอหยุดเดินและตั้งกระเป๋าเดินทางไว้พิงกำแพงที่แห่งหนึ่ง ส่วนตัวเองก็เอาหลังชนกำแพงตาม ให้แต่สิ! เธอหลงทางจนได้สินะ เรนะมองไปรอบๆพื้นที่แห่งนั้นไม่มีอะไรเลย…คิดไปคิดมาหูเจ้ากรรมก็ไปได้ยินเสียงอะไรเข้า เธอเงยหน้าขึ้นไปมองตามต้นเหตุของเสียง มันเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนเรนะเริ่มเห็นที่มาของเสียง กลุ่มคนจำนวนมาก วิ่งมารวมกลุ่มกัน มีทางแยกอยู่สองฝั่งซึ่งเป็นที่ๆเรนะเดินผ่านมา กลุ่มคนทางขวาวิ่งมาประจันหน้ากับกลุ่มคนทางซ้าย ทั้งสองฝ่ายต่างมีอาวุธอยู่ในมือของตนแตกต่างกันไป บ้างก็มีไม้เบสบอล บ้างก็มีดาบ บ้างก็มีไม้หน้าสาม และอีกหลายๆอย่างที่สามารถเอามาเป็นอาวุธหนักๆได้

 

 

ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันด้วยสายตาเคียดแค้น และดูเหมือนว่า อีกฝั่งจะเป็นฝั่งผู้ชาย และอีกฝั่ง…น่าจะเป็นผู้หญิง

 

 

เรนะที่ยืนอึ้งอยู่กับเหตุการณ์ตรงหน้าก็พูดอะไรไม่ค่อยถูกนัก นี่เมืองนี้มันเป็นบ้าอะไรกันเนี่ย!! หรือชีวิตของเธอเองที่มันบ้าพาเธอมาเจออะไรแบบนี้ หาที่ซุกหัวนอนไม่ได้แล้วยังจะมาเจอแยงกี้ตีกันอีก เรนะรีบหลบมาแอบหลังกำแพงทันที ถ้าเห็นเธอเข้าหล่ะก็นะ มีหวังโดนพาไปฆ่าข่มขืนแล้วก็…โอ้ย! ไม่อยากจะคิด!! เรนะรีบโยนกระเป๋าเดินทางของตัวเองไปที่พุ่มไม้ข้างกำแพง ก่อนตนจะกระโดดตามไป เธอแอบสังเกตได้ว่า ต่างฝ่ายต่างก็มีหัวหน้าแก๊งของแต่ละฝ่ายเป็นคนนำกลุ่มและคอยชี้นำลูกน้อง

 

 

ฝั่งขวาเป็นฝ่ายของชายหนุ่มหัวหน้าแก๊งของพวกเขาเป็นชายร่างสูงที่แต่งกายมาพร้อมกับชุดสถาบันการศึกษาของตัวเอง ผมสีน้ำตาลทองและใบหน้าที่เข้ารูป มีรอยบากอยู่ที่ระหว่างดวงตา และขนคิ้วที่หายไปเป็นบางส่วน รวมๆแล้ว จะว่าหล่อก็หล่อ จะว่าโหดก็โหดนะ เรนะเธอคิดว่าเป็นแบบนั้น

 

 

หลังจากสังเกตฝ่ายชายเสร็จ เรนะก็เริ่มหันมาสังเกตฝ่ายหญิง พอหันมามองเท่านั้นแหละ เธอถึงกับอึ้งกินไปเลย ชุดนี้มัน…ชุดยูนิฟอร์มสถาบันของเธอที่เธอกำลังจะเข้าไปเรียนนี่นา ชุดยูนิฟอร์มที่เขาใส่นั้นดูไม่ค่อยเรียบร้อยนักถ้าเทียบกับนักศึกษาทั่วไป เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่ถูกพับขุ้นมาทั้งสองข้างแถมไม่เทากัน เนคไทสีนํ้าเงินอ่อนลายสีเหลืองทองนั้นก็มัดเอาไว้หลวมๆ กระโปรงที่เรนะคิดว่ายาวแต่เขากลับไปทำให้มันสั้นลง แถมยังใส่ถุงเท้ายาวมาเกือบถึงเข่า ยังไงก็อึ้งกินได้ไม่นานหรอก เรนะรีบกลับสติของตัวเองให้เป็นปกติเหมือนเดิม เธอเริ่มสังเกตว่ากลุ่มหญิงสาวนั้นมารวมตัวกันไม่แพ้ฝ่ายชายเลย หัวหน้าแก๊ง เป็นคนร่างสูงเช่นเดียวกันกับฝ่ายชาย แต่แปลกตรงที่ว่าเขาเป็นผู้หญิง ผู้หญิงผมดำยาวเลยบ่ามานิดหน่อย ใบหน้าเรียวสวยและสันจมูกที่ยิ่งกว่าสันเขื่อน ดวงตาที่ดูแล้วถึงตนจะเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด…มันดูดีแปลกๆแหะ…

เรนะรีบสะบัดหัวไล่ความคิดของตนเองออก ก่อนจะเริ่มมาสนใจการเผชิญหน้าของทั้งสองแทน

 

 

ไอ้พวกวิปริต…คิดจะมาเหยียบหน้ากันถึงที่นึกว่าจะรอดเหรอว้ะ?” ฝ่ายชายเป็นคนเริ่มเปิดศึก

 

 

ได้ข่าวว่าเป็นฝ่ายแกที่เป็นคนมาเหยียบหน้าเราถึงที่ แล้วอีกอย่างนะ แกควรจะถามตัวเองมากกว่าน่ะนะ ว่าเป็นฝ่ายฉันหรือฝ่ายแก ที่จะไม่รอดกลับไปฝ่ายหญิงตอกกับด้วยนํ้าเสียงเย็นยะเยือกจนเรนะนี่แหละเป็นฝ่ายกลัวเขาเอง

 

 

ปากดีมากไประวังศพไม่สวยนะจ๊ะ~” ชายหัวหน้าพูดด้วยรอยยิ้มกวนประสาท

 

 

ก็ยังดีกว่าแก…ที่อาจจะไม่มีศพให้ญาติพี่น้องแกเห็นอีกเลยหญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงแบบเดิม แต่ครั้งนี้ที่แปลกคือ เธอแสยะยิ้มเหยียดหยามออกมา เรนะที่แอบดูเหตุการณ์อยู่ก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ให้ตายเถอะ คนๆนี้ทำไมถึงได้ทำตัวหน้ากลัวขนาดนี้กัน!

 

 

หน๊อยยยยย! ถ้าทำได้มึงก็ลองดูไหมหล่ะ กูก็อยากเห็นความฝ่ายแพ้ของมึงอยู่พอดีชายหนุ่มเริ่มเพิ่มโทสะใส่ตัวจนมันเริ่มกลายเป็นก้อนปูดๆที่ข้างสมองของเขา เขากัดฟันกรอดพลางกำมือแน่น พอเดาออกเลยว่าเขากำลังสะกดอารมณ์ตัวเองมาแค่ไหน

 

 

โถ่…อนาถแทนแกเนาะ แหม่~ คำหยาบมันไม่ดีนะเด็กน้อย พ่อแม่ไม่เคยสั่งสอนหรือสั่งสอนแล้วแต่ลูกมันไม่จำหล่ะคะ? ” หญิงสาวพูดเสร็จก็ถุ้ยน้ำลายลงต่อหน้าชายคนนั้น ตามไปด้วยรอยยิ้มมุมปาก

 

 

เล่นพ่อแม่กูเหรอ ไอ้เวร!!!พูดจบชายคนนั้นก็ฟาดไม้เบสบอลเข้าที่หัวของหญิงสาวเต็มแรง เรนะที่เห็นเหตุการณ์อยู่ก็แทบกรีดร้องออกมาเป็นภาษามนุษย์ต่างดาว เห้ย!! ไอ้บ้า นั่นมันผู้หญิงนะเว้ย!!

หญิงสาวหัวหน้าแก๊งรีบหันกลับมาตั้งตัว ใบหน้าดูไม่ค่อยสะทกสะท้านกับเรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย เขาหันไปทางลูกน้อยที่อยู่ข้างขวามือ เป็นคนตัวเล็กผมยาวมัดโพนี่เทล ใบหน้าที่ดูอย่างกับไอดอลของเธอ ดูไม่ค่อยเข้ากันนักกับกลุ่มแบบนี้เสียเลย และศึกครั้งใหม่ก็ได้เริ่มขึ้น ต่างฝ่ายต่างกระโจนเข้าตะลุมบอนกันไม่ยั้ง ฝ่ายหัวหน้าก็ต่างหยิบอาวุธมาดวลกันตัวต่อตัว พวกลูกน้องกระจายกันมาทั่วทุกสารทิศ จนเรนะก็แอบกลัวว่าจะโดนพบเจอเข้าให้ เธอพยายามหลบชิดมุมกำแพงทันที ในใจภาวนาว่า อย่าเห็นเถอะ อย่าเห็นเถอะ ตามสัญชาตญาณ ร้านค้าและพวกที่ดื่มหนักแถวนั้น ก็รีบวิ่งกรูกันหนีออกไปคนละทิศคนละทาง ถึงจะแอบลึกแค่ไหนเรนะก็ยังเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ดี ทั้งหญิงสาวและชายหนุ่ม ก็ต่างต่อสู้กันไม่ยั้งมือ ฝ่ายหญิงสาวร่างสูงคนนั้นตั้งแต่ที่โดนชายหนุ่มผมน้ำตาลทองฟาดไม้เบสบอลเข้าเต็มหัวเลือดก็ไหลมาไม่หยุดไม่หย่อน แถมรอยแผลบริเวณใบหน้าก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่ต่อสู้กัน ฝั่งชายหนุ่มก็ไม่แพ้กัน ใบหน้าของเขาจากที่เรนะคิดว่าหล่อ ก็เริ่มปูดบวมและมีแผลตามสัดส่วน ร่างกายต่างคนต่างบอบช้ำไม่แพ้กัน

เรนะมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ได้ไม่นาน ก็รับรู้ถึงภัยอันตรายที่เธอไม่ได้สังเกต ชายหน้าตาอัปลักษณ์ตัวเท่ายักษ์แถมยังยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่เธอ เรนะมองชายคนๆนั้นตาไม่กระพริบ ก็แหงสิ เธอแทบช็อคเมื่อมีคนรู้ตัวว่าเธออยู่ตรงนี้

 

 

อ่าาาาา~ผู้หญิงนี่? พวกเดียวกับไอ้วิปริตพวกนั้นหรือเปล่า? ดูท่าแล้ว น่าจะเข้ากับไอ้พวกนั้นไม่ได้แหะชายหน้าอัปลักษณ์พูดก่อนจะไล่สายตาพินิจพิจารณาหญิงสาวตรงหน้า มันแสยะยิ้มออกมาด้วยท่าทางพึงพอใจ

 

 

เข้ากับไอ้พวกนั้นไม่ได้ แต่เข้ากับพวกเราได้นะ สนใจไหม?” ชายคนนั้นพูดจบก็เดินตรงดิ่งเข้ามาหาเรนะเรื่อยๆ เข้าที่มันหมายถึง เรนะคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ เธอรีบถอยหลังตามการก้าวเท้าของชายหน้าอัปลักษณ์ มันเริ่มยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจที่เห็นหญิงสาวกลัวอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่มันจะประชิดตัวเธอได้มากหรอก มันได้ไปทัวร์นรกชั่วคราวก่อนแล้วน่ะสิ ในเมื่อมันโดนใครคนหนึ่งฝาดไม้หน้าสามเข้าไปที่ท้ายทอยของมันเต็มแรงขนาดนั้น เรนะมองคนที่ล้มไปนอนกับพื้นอย่างอึ้งๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผู้กระทำ…หญิงสาวร่างสูงคนนั้น เขามองหน้าเธออยู่แว๊บหนึ่ง ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับชายหัวหน้าแก๊งคนนั้นต่อ

 

 

ผู้หญิงคนนั้นใครว้ะชายผมนํ้าตาลทองเริ่มเอ่ยทักเรนะ

 

 

ก็เป็นผู้หญิงไงว้ะเป็นหญิงสาวร่างสูงที่ตอบแทน เขาถุ้ยนํ้าลายที่ปนไปด้วยของเหลวสีแดงที่ไหลมาจากร่างกายออก

 

 

ใครถามมึงว้ะ!ชายผมน้ำตาลทองเลิกสนใจเรนะก่อนจะหันมาสนใจสาวร่างสูงที่เขาต่อสู้กับเธอยังไม่จบ

 

 

แกไม่ได้บอกด้วยซ้ำนี่ว่าแกถามฉัน หรือ หญิงสาวคนนั้นสาวร่างสูงชี้นิ้วมาเรนะ ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา

 

 

มันจะมากไปแล้วนะเว้ย!!โทสะเริ่มก่อตัวอีกครั้ง ชายผมน้ำตาลทองตั้งท่าจะฟาดไม้เบสบอลที่ตอนนี้เปื้อนไปด้วยของเหลวสีแดงสดอีกครั้ง แต่ไม่ทันที่ชายคนนั้นจะได้ฟาดหญิงสาวร่างสูงเป็นครั้งที่สองแน่นอน

 

 

เลิกเล่นสนุกสักที…คาซูโอะพูดจบ หญิงสาวร่างสูงก็ฟาดไม้หน้าสาม เข้าไปที่ก้านคอของชายที่เธอได้กล่าวชื่อของเขาออกมาว่า คาซูโอะและ ชายคนนั้นก็สลบไปตามแรงของไม้ที่ฟาดเข้าไปที่ก้านคอของเขา จนนอนจมกองทรายข้างๆลูกน้องหน้าตาอัปลักษณ์ของเขา

 

 

หญิงสาวมองจ้องร่างที่หมดสติไปของชายทั้งสอง ก่อนจะหันมามองหน้าหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อตะกี้ด้วย เรนะมองจ้องหญิงสาวร่างสูงที่หันมามองเธอตาไม่กระพริบ ตอนนี้ร่างกายของเขาบอบช้ำไปทั้งตัว เลือดที่ไหลออกมาจากศรีษะไมหยุดไม่หย่อน จนใบหน้าข้างหนึ่งของเขา มีแต่ของเหลวสีแดงสดอยู่เต็มไปหมด เมื่อลูกน้องของฝ่ายชายหนุ่มเห็นว่า ผู้เป็นหัวหน้าได้พ่ายแพ้ให้กับอีกฝ่ายแล้ว ก็รีบยุติการต่อสู้กับอีกฝ่าย และรีบวิ่งหนีทันที มีเพียงบางคนที่แยกตัวออกมาลากตัวหัวหน้าและชายหน้าตาอัปลักษณ์ไปเท่านั้น เรนะตอนนี้เธอเริ่มสับสนปนไปด้วยความกลัว เมื่อกี้ห็นเขาบอกจะฆ่า แต่ทำไม…เขาไม่ฆ่า แล้ว…หลงจากนี้เขาจะทำอะไรกับเธอ…

 

 

เขามองจ้องใบหน้าของเรนะ ก่อนสายตาจะเลื่อนลงมาสังเกตแผนที่ที่มือของเรนะ ตอนนี้เธอกำมันแน่นจนมันเริ่มรวมตัวกันเป็นก้อน เขาดึงใบแผนที่จากมือของเรนะออกมาเล่นเอาเรนะสะดุ้งตัวแบบไม่ได้ตั้งตัว เขามองหน้าเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะคลี่ใบที่เป็นกลุ่มก้อนนั้นออกมา

 

 

จากตรงนี้ เดินไปทางแยกทางซ้าย ประมาณสัก50-100เมตร เลี้ยวขวา ก็ถึงหอพักที่เธอเขียนไว้แล้วหล่ะเรนะพยักหน้ารับรัวๆตกใจก็ตกใจสับสนอีกด้วยซํ้าไปเขาเป็นใครกันนะ? คิดได้แบบนั้นสายตาก็ดันไปสะดุดที่ป้ายชื่อที่ตรงกระเป๋าเสื้อของเขา มัตสึอิ จูรินะอย่างงั้นหรอ นั่นคือชื่อของเขาสินะ

 

 

ถ้าไปไม่ถูก ให้ลูกน้องฉันไปส่งก็ได้นะเขาพูดพลางเลิกคิ้วน้อยๆ ก่อนจะหันไปมองลูกน้องของตัวเอง

 

 

มะ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะแล้วเธอก็รีบหยิบกระเป๋าเดินทางของตัวเอง แล้วก็ปลีกตัวออกมาจากที่ตรงนั้นตามเส้นทางที่คนที่ชื่อ จูรินะ บอกทันที โดยไม่หันกลับไปมองเขาอีกเลย กลัว…กลัวว่าเขาจะจำหน้าเธอได้!

.

.

.

.

 

ก็อกๆๆ!! ยูกิรินนนนนน!! ยูกิรินอยู่ไหมว้ะ เห้ยยยยย!!เรนะเมื่อมาถึงหอพักที่จูรินะบอก ก็รีบตามหาห้องเพื่อนของเธอ ก่อนจะเคาะประตูเรียกด้วยท่าทางรุกรี้รุกรน

 

 

มาแล้วค่ะๆ ใครคะเนี่ยเพื่อนสาวของเรนะนาม คาชิวากิ ยูกิลุกออกมาจากเตียงด้วยท่าทางครึ่งหลับครึ่งตื่น อะไรกัน จะตี3อยู่แล้วมาปลุกอะไรตอนนี้ แถมเสียงดังไม่เกรงใจคนข้างห้องเลยแหะ

 

 

เรนะ! เร็วสิว้ะ ยูกิรินนนนน!ยูกิได้ยินชื่อคนที่เรียกเธอเท่านั้นแหละ อาการครึ่งหลับครึ่งตื่นก็หายไปทันทีทันใด

 

 

พรึ่บ! เห้ย!!เรนะยังไม่ทันได้ถามอะไรเลยด้วยซ้ำ อยู่ดีๆเรนะก็สลบล้มพับใส่ยูกิเฉย!! ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังมีแรงเรียกเธออยู่เลย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

TBC.

…………………………………………………………..

แง่มมมมมมมมมม~

คึกจริงไรจริง บอกว่าจะปล่อยทิ้งไว้ก็เหอะ แต่ดันกลัวสมองตันค่ะ!!

ก็เลยรีบแต่งก่อนสมองจะตัน

ไปแย้ว บ๊ายบายยยยยยยยยย~

เปิดมาก็นองเลือดเลย

เป็นการเปิดเรื่องที่มหากาพย์มากอ่ะ55
เฮียแรงหายไปไหนแล้วววว!! หรือว่าเรียกกิรินจนหมดแรง(?) 555

โชกเลือดเลย น้องจูมามาเดียวพี่ทำแผลให้นะ//โดนเรนะตบ
เรนะที่สลบเพราะเจอความหล่อของน้องจูใช่มั้ยล่ะ

จริงๆแล้วเฮียจะรีบไปหลีเด็ก ไม่ใช่กลัวว่าจูจะจำหน้าได้หรอกค่ะ //โดนตบ

หือออ เปิดมาก็ตะลุมบอนกันละ หลังจากนี้ไม่สงครามรึ

ส่วนเรื่องเกียร์ เห็นเพื่อนชายบอกว่า แค่เกียร์ติดเนคไท ยังยากเลย

เฮียแบตหมดแล้วค่าาาาา~

ยูกิตกใจตาย…โดนปลุกแล้วยังเปิดประตูมาเจอเรนะเป็นล้มพับใส่อีก

จูรินะนี้โหดตลอด

เปิดมาก็ฉะกันเบยยย อื้อหือ รอติดตามฮะ

เปิดมาก็มีเรื่องกันซะละ

ทะเลาะกันแย่งพี่เระสินะ # ผิด

แหม่….จูน่าจะเดินไปส่งด้วยนะ5555
ปล.เฮียคำพูดนี่ก็เถื่อนใช่ย่อยนะ ดีละจะได้เข้ากับจูได้5555

#รักไรท์จัง //เกี่ยวมั้ย?

กำลังอยากอ่านฟิคนองเลือดพอดีเลย =w= (?) //ไม่ใช่ล่ะ

*แก้คำผิดเรียบร้อยค่ะ

-2-

 

History

 

 

 

 

 

นี่ แกนั่งตรงนี้ก่อนนะเรนะ หายใจเข้าออกช้าๆนะหลังจากที่เรนะเป็นลมล้มพับไป ยูกิก็รีบลากตัวสาวร่างบางเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนที่อีกคนจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ ยูกิลากเรนะขึ้นมานั่งบนโซฟาในห้องพักของเธอ เธอรีบวิ่งไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลใกล้ๆแล้วก็หยิบยาดมออกมาให้อีกคนผ่อนคลาย

 

 

ซืดดดดด~ อ่าาาาาาาาา~ เห้อออออ~ เกือบตายแล้วไหมหล่ะเรนะพูดออกมากับตัวเองเบาๆ มือก็พลันไปจับมือที่ยูกิเอายาดมวนไปรอบจมูกของเธออยู่

 

 

ดีขึ้นแล้วใช่ไหม? ถ้าดีขึ้นแล้ว พอคุยกันได้ยัง?” ยูกิปล่อยให้เรนะถือยาดมเอาเอง ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลงข้างๆหญิงสาว

 

 

อื้มเรนะตอบรับในลำคอเบาๆ

 

 

ไปเจอเรื่องอะไรมาอีกหล่ะเนี่ย เวลาป่านนี้แกไปทำอะไรมา? แล้วทำไมถึงดูทุกข์ร้อนแบบนั้น? ใครมันทำอะไรแกหรือเปล่า? หรือว่าแกโดนคนตามฆ่า? เห้ย! ใครว้ะ!!ยูกิยิงคำถามรัวจนเรนะหัวหมุนติ้วคล้ายจะเป็นลมอีกครั้ง

 

 

เดี๋ยวๆๆๆ เว้ย! ยูกิริน!! หยุดก่อนเลยเงียบๆ!!!เเรนะรีบเอามือปิดปากยูกิไว้ไม่ให้ถามต่อ แหม่ ขืนปล่อยให้ยูกิถามเธอรัวๆแบบนี้ มีหวังเธอได้ประสาทแตกตายก่อนเป็นแน่ ยูกิพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่เรนะจะยอมปล่อยมือออก เธอถอนหายใจออกมา และก็เริ่มอธิบายเรื่องที่เธอเห็นให้ยูกิฟัง

 

 

คือ…แกเรื่ิงมันเป็นแบบนี้เว้ย…

 

.

 

.

 

.

 

เอ๋!! ไม่เห็นได้ยินข่าวอะไรเลยนี่!!ยูกิอุทานออกมาหลังจากที่เรนะเล่าจบอย่างระเอียดยิบให้เธอฟัง

 

 

ข่าว? ข่าวอะไร?” เรนะเองก็อดที่จะสงสัยและอยากรู้อยากเห็นไม่ได้

 

 

คืองี้เว้ย เรนะ ฉันจะเล่าอะไรเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ให้ฟังก็แล้วกันยูกิทำทีเริ่มอธิบายซึ่งเรนะเองก็ตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ

 

 

มหาลัยนี้ชื่อว่า มหาลัย มาซาโกะ เป็นมหาลัยแบบไหนแกก็รู้ใช่ไหมหล่ะเรนะพยักหน้ารับน้อยๆ ทำไมเธอจะไม่รู้หล่ะ มหาวิทยาลัยที่เธอกำลังจะย้ายไปเข้าเรียนเป็นไงมาไง เรนะย้ายเข้ามาวิทยาลัยแห่งนี้คั่นกลางระหว่างระยะเวลาของปี1ข้ามไปปี2 พอย้ายมาก็ต้องมาเรียนปี2นี่เลย และยังโชคดีที่เธอมียูกิอยู่ด้วย ยูกิเป็นเพื่อนของเธอตั้งแต่สมัยอนุบาล โตมาด้วยกันจนยูกิย้ายมาอยู่โตเกียวตอนปี1 เธอก็เหงามาทั้งปีเลยหล่ะ แต่เพราะการเข้าสังคมไม่เก่งของเรนะ ทำให้การอยู่ในสังคมร่วมกับคนอื่นไม่ค่อยดีนัก เรนะเลยคิดแผนจะมาเรียนกับยูกิที่นี่ และเธอก็ได้มาจนได้ แผนที่เธอสามารถกล่อมพ่อกับแม่ให้มาถึงโตเกียวแห่งนี้ได้

 

 

เรื่องในวงในที่นี่ค่อนข้างเยอะเลยแหละ เริ่มตั้งแต่เรื่องที่แกเจอก่อนเลย คนๆนั้น…มัตสึอิ จูรินะที่แกหมายถึงน่ะ เขาเป็นแยงกี้ที่มีกลุ่มใหญ่โตแถมจำกัดไว้ว่าเป็นแยงกี้หญิงสาวด้วยนะ ประวัติของมัตสึอิ จูรินะที่เคยได้ยินมาจากหลายๆคน ดูเหมือนเขาจะเป็นลูกคนใหญ่คนโตแต่เพราะอะไรทำให้เขาเป็นแบบนั้นฉันก็ไม่รู้ ตอนนี่เขาเป็นนักศึกษาปี1สอบเข้ามาเรียนได้สองสามวันก็ก่อเรื่องชกอาจารย์เข้าให้แล้ว แต่ยังดีที่รอดมาได้เพราะเรื่องเป็นลูกคนใหญ่คนโต อาทิตย์ต่อมาก็ไปมีเรื่องกับชาวบ้านแถวมหาลัยอีกแต่รอดมาได้เพราะแบบเดิม หลังจากนั้นก็มีเรื่องเกิดขึ้นทุกวี่ทุกวันไม่เว้นแต่ละวันเลยหล่ะ ตอนนี้เขาก็มีแก๊งเป็นของตัวเองแล้วด้วย ชื่อแก๊งของเขา คือ ‘paradise’ “

 

 

สวรรค์?” เรนะเอ่ยแทรก ยูกิพยักหน้ารับก่อนที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดต่อ

 

 

ยังไม่มีใครรู้หรอกว่าพวกเขาตั้งชื่อแบบนี้เพราะเหตุผลอะไร แต่แก๊งนี้จำนวนคนก็ไม่ใช่น้อยๆอยู่เหมือนกันนะ การคุมลูกน้องเลยต้องมีผู้ช่วยน่ะ

 

 

ผู้ช่วย?” เรนะถามเสียงสงสัย

 

 

อืม ใช่ ผู้ช่วย…มีอยู่สองคน จะเรียกว่ามือขวากับมือซ้ายของเขาก็ได้นะ มือขวา…วาตานาเบะ มายุเธออาจเคยเห็นเขามาก่อนหรือเปล่า?” ยูกิเอ่ยถาม

อืม…เคยสิเรนะนึกย้อนไปตอนนั้น ตอนที่เขาโดนชายคนนั้น ที่ชื่อ…คาซูโอะ ตีเข้าที่หัว แล้วเขาก็หันไปพูดกับคนที่ยืนอยู่ข้างขวามือของเขา ผู้หญิงหน้าตาน่ารักๆคนนั้น ชื่อ วาตานาเบะ มายุ สินะ

 

 

อ่า~ คนนั้นแหละ เขาอยู่ปี1เป็นเพื่อนกับจูรินะ เป็นลูกคุณหนูนะจะบอกให้แถมยังเป็นคนที่ฉลาดสุดๆอีกด้วย สอบกลางภาคที่ผ่านมาคะแนนก็ปาไปเต็มทุกวืชาขนาดนั้น เรื่องการรักษาก็เก่งเป็นอันดับหนึ่งเลย ได้ยินแว่วๆมาว่าพ่อของเขาเป็นคุณหมอใหญ่ที่โรงพยาบาลชื่อดังด้วย จูรินะก็เลยให้เขามาเป็นฝ่ายดูแลรักษาลูกน้องที่บาดเจ็บ ส่วนอีกคนหนึ่ง มือซ้ายของเขา โอชิมะ ยูโกะผู้หญิงตัวเล็กๆผมยาวหน่อยอะเรนะลองนึกย้อนไป โอชิมะ ยูโกะ…เหมือนเธอจะเห็นเขาตอนที่เริ่มบุกใส่ฝ่ายตรงข้ามหล่ะนะ

 

 

รายนั้นตอนนี้อยู่ปี3 แล้วหล่ะ เห็นบอกว่าพ่อของเขาเป็นมาเฟีย! แถมแก๊งใหญ่อีกต่างหากได้ยินคำว่ามาเฟียเท่านั้นหล่ะ เรนะถึงกับขนลุกซู่ แก๊งนี้ไม่มีใครธรรมดาเลยสักคนงั้นหรอ!!

 

 

อ่า~ เห็นบอกว่ารายนั้นเป็นพวกคอยคุมลูกน้องหล่ะนะ มีความป็นผู้นำสูงเลยหล่ะ แต่ก็ไม่เทียบจูรินะอยู่ดี อ้อ อีกอย่างนึงนะ จูรินะจริงๆมีน้อยสาวต่างมารดาด้วย เห็นบอกชื่อ โยโกยามะ ยุย อะไรนั่นแหละ ฝ่ายน้องน่าจะใช้นามสกุลแม่ แล้วก็ยังเด็กอยู่ด้วยนะ

 

 

กี่ขวบ?” เรนะถาม

 

 

13น่ะเท่าฮิจิรินเลย แต่ถึงจะ13ก็เถอะนะ เด็กคนนั้นรับงานหนักกว่าอายุเสียอีก เป็นคนที่คอยช่วยเหลือและคอยอยู่ข้างๆจูรินะมาตลอดๆ ถึงจะเป็นน้องสาวต่างมารดา แต่ก็เหมือนกับน้องสาวแท้ๆของจูรินะเลยก็ว่าได้ เพราะว่ามีหลายคนเล่ากันมาอีกว่า พี่น้องสองคนนี้มักจะไปเที่ยวด้วยกันเสมอเลยในวันหยุดต่างๆ ยังมีคนแอบเห็นรอยยิ้มที่ซ่อนอยู่ในใบหน้าคมของจูรินะเวลาอยู่กับยุยด้วยนะ เหมือนจะมีแค่น้องสาวของเขาที่สามารถเห็นรอยยิ้มนั้นได้คนเดียว…เรนะพยักหน้ารับน้อยๆ คนชื่อ จูรินะคนนั้น จริงๆแล้วเขาเป็นคนยังไงกันนะ…คำถามมากมายค่อยๆประทุออกมาเต็มสมอง เรนะสะบัดหัวไปมา ก่อนจะข้ามไปถามเรื่องอื่นแทนกลัวว่าถ้าคิดมากกว่านี้สมองอาจระเบิดออกมาได้เป็นแน่

 

 

แล้ว…ฮิจิรินหล่ะ?” ฮิจิรินที่เรนะหมายถึงคือ ทานิกาวะ ฮิจิริ ญาติของยูกิที่มาเรียนโตเกียวด้วยกัน เธอเป็นเด็กที่ดูเรียบร้อยและเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย ความน่ารักนี่อย่าให้พูดถึงเลย ยิ่งเวลายิ้มนี่ใครเห็นก็ทนไม่ไหวด้วยซ้ำ อายุก็รุ่นราวคราวเดียวกับน้องสาวของจูรินะเลยด้วย เมื่อก่อนตอนเรนะกับยูกิอายุได้ประมาณ12ขวบ ฮิจิริก็อายุได้ประมาณ3ขวบได้ เพราะตอนนั้น ตอนที่ยูกิยังอยู่ต่างจังหวัด ยังไม่เข้ามาในโตเกียว ตอนนั้น ช่วงเทศกาลฮิจิริก็จะกลับมาเยี่ยมบ้านกับพ่อแม่ของเธอเสมอ ช่วงเวลานั้น ก็เลยมีเรนะ ยูกิ แล้วก็ฮิจิริในวัย3ขวบ ที่มักจะมาวิ่งเล่นด้วยกัน จนสนิทสนมกันแบบสุดขั้ว

 

 

 

อ้อ ฮิจิรินหรอ วันนี้เห็นบอกทำรายงานบ้านเพื่อนนะ บอกว่าจะกลับดึก แต่ป่านนี้ ตี3มันไม่เรียกว่าดึกแล้วเจ้าหล่อนยังไม่กลับมาเลยยูกิทำหน้ามุ่ย น้องสาวจอมขยันปล่อยให้พี่อยู่คนเดียวตลอดๆ

 

 

ตึ้งงงงงง ตึงงงงง กลับมาแล้วค่ะ~” ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะยิ้มกริ่ม ตายยากชะมัดเด็กคนนี้เนี่ย ยูกิลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องให้เด็กอีกคนที่เพิ่งกลับมา

 

 

อ่า~ ยูกิริน ขอโทษที่กลับมาซะดึกขนาดนี้นะคะฮิจิริก้มหัวให้ยูกิเป็นการขอโทษ

 

 

มีแขกหรอคะ?…ว่าแต่ทำไมถึงมีแขกตอนเวลาป่านนี้หล่ะ?” เพราะความที่อดสงสัยไม่ได้ ฮิจิริเลยชะโงกหน้าไปดูแขกที่เธอเห็นเพียงเงาร่างของคนๆนั้นเมื่อครู่

 

 

อ๊ะ! เรนะจัง!!พอเห็นหน้าของสาวอีกคนเท่านั้นแหละ ฮิจิริก็รีบวิ่งเข้าไปโผกอดเพื่อนสนิทของพี่สาวทันที เรนะยิ้มบางๆก่อนจะอ้าแขนรับน้องสาวของเพื่อนสนิท

 

 

คิดถึงจังเลยยยยยยยยยยย~” ฮิจิริพูดก่อนจะกอดเรนะแน่นกว่าเดิม

 

 

ไม่ได้เจอกันแค่ปีเดียวสูงขึ้นตั้งเยอะเลยนะเราเนี่ยเรนะว่าพลางลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ

 

 

ความโลลิค่อนของแกก็ยังไม่หายนี่เรนะยูกิที่ยืนมองอยู่ก็อดที่จะแอบแซวไม่ได้

 

 

แกก็เรนะมองค้อนน้อยๆ

 

 

ฮ่าๆๆล้อเล่นๆ เดี๋ยวแกไปพักก่อนเหอะ ในห้องนอนมีเตียงสองชั้นเป็นของฉันกับฮิจิริน เดี๋ยวให้ฮิจิรินลงมานอนกับฉันก่อนแล้วค่อยว่ากันเรื่องที่พักของแกในวันพรุ่งนี้นะ อ้อ อย่าลืมเตรียมชุดนักศึกษาหล่ะ พรุ่งนี้แกต้องเริ่มเข้าเรียนแล้วด้วยเรนะพยักหน้ารับ ก่อนจะยิ้มให้ยูกิบางๆ แล้วเดินเข้าห้องไปตามคำบอกของยูกิ

 

.

 

.

 

.

 

เช้าวันต่อมา ยูกิเป็นฝ่ายตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าพร้อมกันกับฮิจิริ มีเพียงเรนะที่ตื่นหลังจากสองคนทำอาหารเช้าให้เสร็จสรรพ เธอก็ออกมานั่งที่โต๊ะทานอาหารเล็กๆที่ห้องนั่งเล่นของยูกิ

 

 

เดี๋ยวนี้ไม่ยักรู้ว่าแกขี้เซายูกิว่าพลางวางถ้วยอาหารเช้าที่เป็นวาฟเฟิลสีสวยราดไปด้วยคาราเมลเยิ้มๆแล้วตกแต่งด้วยผลไม้ตระกูลเบอรี่ทั้งหลาย

 

 

เปล่าหรอก…ฉันก็แค่รู้สึกเหนื่อยเรนะตอบทั้งๆที่ยังมีอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ก็แหงน่ะสิ จะไม่ให้เหนื่อยได้ไง เมื่อวานนี้เจอเรื่องหนักขนาดนั้นแถมเดินทางไกลอีก

 

 

อ่าห๊ะ~ งั้นทานซะ ฝีมือฉันกับฮิจิรินเลยนะจะบอกยูกิยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเรนะ และวางจานวาฟเฟิลอีกจานลง ตามมาด้วยฮิจิริที่จัดการเก็บกวาดห้องครัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

 

เอ๋~ จริงดิ! แกทำเองจริงดิ!!เรนะก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่หรอกที่ยูกิจะทำอาหารได้หน้าตาดูดีขนาดนี้

 

 

เปล่าหรอก~ ฮิจิรินทำเองหมดเลย ฮ่าๆๆเรนะเบ๊ะปากใส่ยูกิ แหม่ ทีงี้มาทำเอาดีเข้าตัว แล้วเด็กอีกคนก็ไม่ขัดด้วยนะ เห็นเอาแต่เงียบมาแต่เช้าแล้ว นิสัยพูดน้อยก็ไม่หายไปเลยสินะ เรนะเลิกสนใจสองพี่น้อง ก่อนจะหันมาสนใจวาฟเฟิลตรงหน้าแทน เธอค่อยๆใช้มีดเล็กๆตัดวาฟเฟิลให้พอดีคำ ก่อนจะยัดมันเข้าปากโดยมีสองพี่น้องนั่งลุ้นตาปริบๆ

 

 

อร่อยพอพูดออกมาเท่านั้นแหละ แลดูสองพี่น้องดีใจกันสุดๆ โดยเฉพาะคนพี่ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

 

 

ฮิจิริน ไปเรียนทำอาหารมาเหรอ?” เรนะถามขณะที่ต่างคนต่างก็เริ่มลงมือกับจานอาหารตรงหน้า

 

 

เปล่าหรอกค่ะ เห็นพี่ยูกิพยายามทำตั้งนาน แต่ก็ไม่เคยออกมาดูดีเลย หนูก็เลยคิดว่า อยากจะทำให้พี่ยูกิดู กลัวเสียของไปมากกว่านี้ ก็เลยใส่ตามอารมณ์ของตัวเองทั้งหมดเลยค่ะฮิจิริตอบด้วยใบหน้าใสซื่อของเด็กน้อย

 

 

พยายามจะทำแต่ก็ทำไม่ได้ เห้อออ~ อนาถใจเรนะพ่นลมหายใจออกมา เหนื่อยใจกับเพื่อนคนนี้จริงๆ 1ปีก็ยังไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

 

 

อะไรของแกย๊ะ!! รีบๆกินรีบๆไป!!ยูกิส่งสายตาอาฆาตใส่เรนะ ก็มันทำได้แค่นั้นจริงๆนี่นา! เรนะจ้องหน้ายูกิ ใบหน้าบ่งบอกว่ากำลังกลั้นหัวเราะมากแค่ไหน

 

 

ดูทำหน้าเข้า ทำหน้างี้ไม่หัวเราะออกมาเลยเล่า!!ยูกิพูดจบเท่านั้นแหละ เรนะก็หัวเราะออกมาดังลั่น ตามมาด้วยเสียงหัวเราของฮิจิริอีกที

 

 

ประชดเว้ย!!เอ้า! เห้ย! ฮิจิริน!! นี่แกอยู่ข้างเรนะมันเรอะ!!ยูกิทำหน้ามุ่ย

 

 

เปล่าๆ ไม่ใช่นะยูกิริน ฮ่าๆๆ หน้าพี่มัน ฮ่า ๆๆๆฮิจิริหัวเราะจนต้องเอามือกุมท้อง ไม่ต่างจากเรนะเท่าไหร่นัก

 

 

หน้าฉันมันทำไม! ห๊ะ!! เรนะ ไหนแกบอกมาสิเห้ยยยยยยยยแล้วยูกิก็กระโจนเข้ามาเขย่าคอเสื้อเรนะรัวๆเพื่อจะเค้นหาความจริง ทำให้ในเวลาเช้า มีเพียงแค่เสียงหัวเราะของเด็กสาวทั้ง3คนดังลั่นหอพักจนคนอื่นที่อยู่ต่างห้องตะโกนด่าเป็นแถว..

 

 

 

 

 

 

 

 

TBC.

…………………………………………………………..

อ่าาาาาาาาาาาาาา~ ไว้จะมาแก้คำผิดอีกทีนคะ~ //ตอนนี้คำไม่ค่อยสวยด้วย ตอนหน้าไว้แก้ตัวค่ะ ถถ

มีเวลาแค่นี้ ต้องไปแล้ว~ บ๊ายบาย~