[Fic] Fragment of Love [SayaMilky WMatsui AtsuMina Etc.] [Update: Frag 4 MeruMio 25% (28/12/2013)]

ฟิคนี้เป็นฟิคที่ครั้งแรกมาเขียนสาวๆเป็นชายหนุ่มซะงั้น

แปลกดีสำหรับตัวเอง ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

 

ขอฝากฟิคนอร์มอลห่วยๆเรื่องนี้ด้วยก็แล้วกันนะคะ

งืมมมมมม ไปอ่านเถอะ ไม่มีอะไรละ ฮ่าๆๆๆๆๆ

 

 

 

====================================================================

 

 

::Fragment List::

 

::Intro First Fragment:: [SayaMilky]

::First Fragment::

::Intro Second Fragment:: [WMatsui]

::Second Fragment:: 

::Intro Third Fragment:: [MaYuki]

::Third Fragment::

::Intro Forth Fragment:: [MeruMio]

::The Forth Fragment::  [25%] [Now]

 

 

 

 

=================================================================================

 

ไม่ชอบก็กด X หรือ Alt+F4 ไปได้เลยนะคะ งุมๆ

อย่าดราม่าในทู้นี้ก็เป็นพอ อาจจะอัพช้าเพราะไรเตอร์ไปเรียน ไม่ว่างเขียน แต่จะพยายามมาอัพค่ะ งืมมมมม ตามนั้น

::Intro First Fragment::

 

 

ผมเป็นเพียงแค่ผู้ชายคนหนึ่ง ที่ชีวิตนี้ทั้งชีวิตวนเวียนอยู่กับเครื่องดนตรีสากล โดยเฉพาะเจ้ากีต้าร์โปร่งตัวนั้นที่กำลังตั้งอยู่หลังห้องซ้อมเหมือนปกติ

ทุกครั้งที่ผมทอดมองมัน มันเหมือนกับจะยั่วยวนผมให้เข้าไปจับต้อง ทำให้ผมอยากจะเข้าไปจับมันมาบรรเลงเป็นเสียงดนตรี ทุกครั้งที่ผมเศร้ามากแค่ไหน

ผมก็จะมองเจ้ากีต้าร์ตัวนั้น สักพักผมก็จะไปเล่นเป็นเพลงช้าๆ คลอให้อารมณ์เศร้าของผมค่อยๆไหลไปตามโน้ตเพลง

 

 

คุณคงคิดว่าผมบ้ารึเปล่า?

 

 

ผมคิดว่าผมคงจะบ้าไปแล้วจริงๆล่ะมั้ง

 

 

ยกเว้นคนๆหนึ่ง…

 

 

“เน่ๆ ซายะเน่ทำไมถึงชอบเล่นกีต้าร์ล่ะ”

 

 

ผมหันไปมองคนที่ถามเล็กน้อย เธอคนนี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นของผม และทุกครั้งที่ผมมาที่ห้องซ้อมเธอจะต้องติดสอยห้อยตามผมมาทุกครั้ง

พร้อมกับคำถามแปลกๆที่ช่างสงสัยเสียเหลือเกินราวกับเป็นเด็กน้อยอายุสองสามขวบ ทั้งที่ความจริงอายุของหล่อนก็ล่อเข้าไปเกือบจะเข้าเลขสองต้นๆแล้วด้วยซ้ำ

ผมทำหน้าเหนื่อยหน่ายใส่เล็กน้อยก่อนจะจับคอกีต้าร์แล้วส่งให้หญิงสาวข้างตัวผม เจ้าหล่อนก็เอียงคอมองราวกับตั้งคำถามกับผม

 

 

นี่ไม่เข้าใจกันเลยรึไงเนี่ย ยัยบื้อ….

 

 

“ก็ลองจับมันดูสิ แล้วมองดีๆ…”ผมตอบคำถามเธอแบบเบี่ยงๆไป ใครจะบอกตรงๆล่ะ

 

 

หญิงสาวข้างตัวผมรับกีต้าร์ตัวโปรดของผมไปแล้วเอาไปนั่งพินิจพิเคราะห์เล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองผมแล้วเอียงคอราวกับจะตั้งคำถามกับผมอีกแล้ว

โอ๊ยยยยยยย… ผมอยากจะเป็นบ้ากับยัยคนบ้าแกล้งใสซื่อคนนี้จริงๆเลย ทั้งๆที่เธอก็ชอบแกล้งคน ปั่นหัวไปมาราวกับปีศาจอยู่ทุกวัน

ปีศาจที่ทำให้หัวใจของผมปั่นป่วนทุกครั้งที่เอียงคอทำตาใสซื่อใส่ผม ดวงตาแป๋วนั้นกำลังจะฆ่าผมทางอ้อม ยัยนั่นจะรู้ตัวไหมนะว่าผมชอบเธออยู่…

 

 

 

 

 

 

 

จะรู้ตัวไหมนะ มิ้ลกี้….

 

 

 

 

 

TBC

 

 

 

======================================================================

 

งืมมมมมม คงจะเดาได้ว่าคู่แรกคือคู่ไหน ฮ่าๆๆๆๆ จะพยายามให้หวานครัช

เน่คลุง อ๊ายยย!!

เน่~~~ ~ เหยดดด เน่มิลลลลลลลลล!!!!!!  ( ͡° ͜ʖ ͡°)

คู่แรกซายะมิลสินะ >w<

//ปูเสื่อรอ

ซายะมิลกี้คู่แรก >< ตั้งโต๊ะจิบชารอ

มาแบบหล่อเลย เน่คุง ติดตามๆ ชอบๆ

เน่คลุ๊งงงงงงงงงงงง!!!!รักคนแกล้งบ้าจนบ้าไปแล้วสินะ

จะรออ่านต่อเน่อ!!! ^エ^)

กีต้าร์กับเน่นี่เข้ากันดีจริงๆ

นายคางยื่นโดนป่วนหัวใจตั้งแต่ต้นเรื่องเลย

::First Fragment::

 

 

 

 

ผมคือยามาโมโตะ ซายากะ ผมเป็นนักดนตรีในวงหลักของโรงเรียน ผมเป็นมือกีต้าร์ที่เก่งไม่เป็นสองรองใคร ผมมีเพื่อนอยู่อีกสามคนที่อยู่ในวงเดียวกัน

ยามาดะ นานะไอ้ลุงเพี้ยนที่ปล่อยมุกแป้กๆเป็นมือเบส โองาซาวาระ มายุหรือม่าจุงเป็นมือกลอง ความตลกของเขาทำให้สาวๆชอบและหลงใหลได้ไม่ยาก คอนโด รีนะหรือรี่คุง เป็นมือคีย์บอร์ด

รอยยิ้มของเขาก็ทำให้สาวๆหลงเป็นแถบ และสุดท้ายก็คือผมยามาโมโตะ ซายากะเป็นมือกีต้าร์ควบตำแหน่งนักร้องของวงไปด้วย ด้วยเสียงของผม ผมจะมอบความสุขให้ทุกคน ผมไม่ได้โม้นะ…

แต่ผมมีสาวๆมาชอบเพียบเลยล่ะ

 

 

แต่ก็นะ… ผมเป็นคนขี้อาย เลยไม่ค่อยมีใครเห็นผมเท่าไหร่ยกเว้นงานโรงเรียนที่ผมขึ้นเล่น

 

 

วันนี้ก็เหมือนเดิม ผมอยู่ในห้องซ้อมพร้อมกับเพื่อนป่วนๆสามคนเหมือนเดิม

 

 

“โฮ่ย!ลุง เอาของกินมาแบ่งบ้างดิ”ม่าจุงเดินเข้าไปแย่งตะเกียบของลุงนานะมาแล้วจิ้มเอาไส้กรอกวักเข้าปากเสียเฉย ตาลุงที่มองเหตุการณ์ที่รวดเร็วนั่นโดยที่เขาทำอะไรไม่ได้สักแอะ

ผมนั่งกลั้นขำคิกพอๆกับรี่คุงที่นั่งกลั้นขำพอๆกับผมจะเป็นจะตาย

 

 

“ไอ้บ้า! ไหงมาแย่งกันหน้าด้านๆแบบนี้วะ เอาไข่ม้วนแกมากินเลยไอ้ม่า”ว่าแล้วลุงก็ซัดไข่ม้วนในกล่องข้าวของม่าจุงไปกินเป็นการเอาคืน ม่าจุงทำหน้าเหลอหลาก่อนจะเกิดสงครามแย่งข้าวกันเกิดขึ้น

ผมกับรี่คุงหันมาหัวเราะให้กันเล็กน้อยแล้วนั่งกินข้าวต่อไปอย่างมีความสุข ดีแล้วล่ะครับ… จะได้ไม่ต้องมาแย่งข้าวของผม ฮ่าๆๆๆ

 

 

ก๊อกๆ

 

 

สงครามหยุดลง ข้าวที่ผมกำลังจะตักเข้าปากชะงัก รี่คุงขานรับเสียงเคาะประตูก่อนจะเดินไปเปิดประตู พอเปิดประตูเท่านั้นแหละ ทุกสายตาก็จับจ้องมามองผมอย่างรวดเร็ว

โดยเฉพาะไอ้ลุงกับไอ้ม่าที่หันมามองผมพร้อมกับส่งสายตาล้อเลียนมาแบบเต็มแม็กซ์ ผมหันไปมองพวกมันตาดุๆก่อนจะเงยหน้ามองคนมาใหม่ที่ยืนอยู่เหนือหัวผม

เอ่อ…. แบบนั้นเอากระโปรงครอบหัวผมเลยเถอะ ถ้าจะใกล้ขนาดนี้ล่ะก็นะ

 

 

“ซายะเน่มากับฉันหน่อยสิ”

 

 

ห๊ะ…. ไม่ทันที่ผมจะได้รับคำตอบอะไรจากการที่หน้าเหวอๆของผมส่งคำถามไป เจ้าหล่อนก็คว้าข้อมือผมแล้วก็ลากออกไปแล้ว โฮ่ยๆๆๆ เดี๋ยวสิมิ้ลกี้

ถ้าผมสะดุดหัวทิ่มคอหักขึ้นมาแล้วใครจะเล่นกีต้าร์ ใครจะร้องนำ ใครจะทำให้สาวละลายเพราะเสียงผมล่ะคร๊าบบบบบ (ไม่ค่อยเลยนะไอ้เน่)

 

 

  ‘ห้องเรียนแห่งหนึ่ง

 

 

ผมเดินโดนลากมาตามหลังมิ้ลกี้แบบงงๆ ตกลงเธอจะพาผมไปไหนล่ะเนี่ย ผมโดนลากถูลู่ถูกังมาจนถึงห้องเรียน 3-A ซึ่งเป็นห้องเรียนของผมกับมิ้ลกี้ ผมมองป้านหน้าห้องงงๆ มิ้ลกี้จะพาผมมาที่นี่ทำไม?

ผมยังไงก็ไม่เข้าใจเลย ป่านนี้ไอ้สามคนนั้น ไม่สิๆ ยกเว้นรี่คุง ไอ้สองคนนั้นคงจะนินทาผมสนุกปากไปแล้วแน่ๆ กลับไปก็คงโดนถามเป็นร้อยคำถามชัวร์ ผมไม่เคยทึกทักอะไรผิดหรอก

ประจำแหละไอ้พวกนี้

 

 

“เดี๋ยวสิมิ้ลกี้! จะลากฉันไปไหนเนี่ย?”ผมถามอีกครั้งเป็นรอบที่ร้อย แต่หญิงสาวกลับไม่ตอบอยู่ดีๆหล่อนก็จับผมหันหน้าไปในห้องแล้วยันผมให้เข้าไป

ผมเซแถ่ดๆตามแรงยันก่อนจะหันมามองก็เห็นมิ้ลกี้ล็อคประตูห้องเรียนแล้ว….

 

 

จะทำอะไรโผ้มมมมมมมมม!!

 

 

“นี่ซายะเน่… ทำไมนายถึงหลบหน้าฉันจัง”เสียงของมิ้ลกี้มันดูจริงจังเสียจนผมต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ตายละ…มิ้ลกี้จริงจังแบบนี้

ผมว่าผมคงต้องโดนอะไรสักอย่างแน่ๆ ชักจะเริ่มหลอนซะแล้วสิ ผมพยายามมองไปทางอื่นกลบเกลื่อน เอ่อ… ผมไม่ได้ตั้งใจหลบหน้านะ แค่…มองหน้าไม่ไหวแค่นั้นเองคร๊าบบบบบ

ก็คุณเธอเล่นชอบทำหน้าน่ารักๆบาดใจผมมาซะทุกครั้งเลย หัวใจผมก็วายกันพอดีสิ

 

 

“เปล่าสักหน่อย! แค่ซ้อมหนักเพิ่มขึ้นเท่านั้นแหละ”แน่นอนว่าผมโกหกทั้งเพ

 

 

มิ้ลกี้มองหน้าผม เอียงคอทำตาแป๋วตั้งคำถามกับผมอีกครั้ง โว๊ยยยยยย เลิกตั้งคำถามด้วยท่าทางแบบนั้นจะได้ไหมเนี่ยยัยบ๊องเอ๊ย เธอรู้ไหมว่ามันทำให้ชายหนุ่มอย่างผมมันทนไม่ได้นะเฮ้ย!

ผมรีบเบือนหน้าหลบแล้วเดินเลี่ยงไปนั่งบนโต๊ะตัวที่ติดริมหน้าต่างหลังห้องทันที ถ้าผมยังขืนอยู่ตรงนั้นอีกสักนิด ผมคงได้ตบะแตกก่อนแน่ๆ ยัยงี่เง่านั่นไม่รู้เลยหรอว่าผมชอบเธออยู่

แล้วยังมาแกล้งแบบนี้อีก…. ผมชักอยากจะตายขึ้นมาดื้อๆแล้วสิ

 

 

“ทำไมล่ะซายะเน่…หรือว่านายจะเกลียดฉัน?”มิ้ลกี้อยู่ดีๆก็เปลี่ยนไปพูดเสียงสั่นๆ ผมหันขวับแทบจะทันที

 

 

“อ๊ะ… เปล่านะๆ ฉันไม่ได้เกลียดมิ้ลกี้สักหน่อย…”

 

 

“แล้วนายจะหลบหน้าฉันทำไม?”

 

 

มิ้ลกี้มองหน้าผม น้ำตาที่คลอตรงหน่วยตานั่นค่อยๆไหลลงมาอาบแก้มช้าๆ ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บจี๊ดในอก ผมกำลังทำให้มิ้ลกี้ร้องไห้…. ผมรีบลุกไปหาคนที่กำลังร้องไห้ทันที

จับไหล่แล้วเริ่มปลอบ ผมเป็นคนที่ปลอบคนไม่เก่งเท่าไหร่ แต่กลับผู้หญิงคนนี้ต่อให้ผมรู้ตัวว่าปลอบคนไม่เก่ง แต่ผมก็อยากจะปลอบ ความจริงผมอยากจะดึงตัวเธอเข้ามากอดเสียด้วยซ้ำไป

แต่ด้วยความที่คำว่าเพื่อนมันค้ำคอผมอยู่… ผมเลยทำแบบนั้นไม่ได้….

 

 

หมับ!!!

 

 

ผมตัวชาวาบแทบจะทันที มิ้ลกี้อยู่ดีๆก็พุ่งเข้ามากอดผม แถมยังกอดแน่นกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก ผมก้มมองคนที่ตัวเตี้ยกว่าผมเล็กน้อยก่อนจะกอดตอบหลวมๆ

ผมอยากจะกอดแน่นๆให้สมกับความอยากของผม แต่…คำว่าเพื่อนมันก็ยังคงตีรวนในสมองของผมไม่หยุดหย่อน เลยทำให้ผมได้แค่กอดเธอหลวมๆเท่านั้น…

ไหล่ที่สั่นสะท้านในอ้อมกอดผมนั้นไหวรุนแรง เธอคงร้องไห้หนักมากแน่นๆเลยสินะ ผม….. ปวดใจเหลือเกิน…

 

 

“ฮึก….. ฮึก….”

 

 

“มิ้ลกี้….”ผมเรียกชื่อเธอ หล่อนหยุดสะอื้นก่อนจะเงยหน้ามาสบตากับผม ดวงตาของเธอนั้นแดงก่ำ จมูกรั้นๆเล็กๆนั่นแดงระเรื่อ น้ำตาที่ไหลออกมาจากหน่วยตานั้นเริ่มแห้งกรัง

ผมจับรูปหน้าเธอไว้แล้วเอานิ้วโป้งทั้งสองข้างเกลี่ยน้ำตาของเธอออก มิ้ลกี้มองหน้ามองนิ่ง ผมก็มองหน้าเธอเหมือนกัน ไม่รู้ว่ามีแรงอะไรมาฉุดรั้งคอผมหรือใบหน้าผมไว้หรือเปล่า

ผมรู้แค่ว่าผมอยากจะเข้าไปใกล้มากกว่านี้…

 

 

“ซายะเน่….?”

 

 

ผมแทบไม่ได้ยินเสียงเรียกของเธอ แต่ผมรับรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆที่อยู่ใกล้กับใบหน้าของผม ผมไม่รู้ว่าเวลาจะไหลเร็วแค่ไหน แต่ผมรู้แค่ว่าคนตรงหน้านั้นน่ารักจนผมสรรหาคำมาบรรยายไม่ถูก

ริมฝีปากของผมรับรู้ถึงความนุ่มนิ่มของริมฝีปากคนตรงหน้า เธอไม่ขัดขืน คงจะอึ้งอยู่กระมัง ผมใช้ลิ้นเล็มเลาะริมฝีปากของมิ้ลกี้เล็กน้อยก่อนจะผละออก

รสหวานของลิปกรอสหรือจากริมฝีปากเธอนั้นยังติดอยู่ที่ปลายลิ้นของผม มิ้ลกี้หน้าแดงเล็กๆ ผมรู้สึกเหมือนหัวใจของผมมันเต้นแรงจนแทบจะทะลักออกมาจากอก ผมเบือนหน้าหนีเล็กน้อย

 

 

“…..ทำแบบนั้นทำไม?”มิ้ลกี้ถามผมเสียงนิ่ง

 

 

“………….”ผมไม่ได้ตอบอะไร ผมเอาแต่ก้มหน้านิ่ง ผมว่าคงได้โดนเธอตบหน้าหันแน่ๆ ผมหลับตา รอสิ่งที่จะกระทบเข้าใบหน้าของผม แต่สิ่งที่ผมคิด….กลับไม่ถูกเหมือนที่คิดเสมอไป… หรอกนะ

 

 

“อื๋อ!!?

 

 

ผมลืมตาแทบจะทันทีก็เห็นมิ้ลกี้นั้นอยู่ตรงหน้าผม ริมฝีปากของผมถูกมิ้ลกี้ประกบปิดด้วยริมฝีปากของเธอเอง ผมอึ้ง สมองผมไม่ทำงาน หัวใจผมหยุดเต้นไปเสี้ยววินาที

ริมฝีปากของเธอนุ่มนิ่มมากจนผมนึกว่าผมกำลังกินมาชเมโลว์อยู่ ผมค่อยๆหลับตาลงแล้วโอบเอวเธอมาแนบชิด ลิ้นซนๆของเธอกำลังแกล้งเล็มริมฝีปากผมทำผมสั่นสะท้าน

หัวใจของผมกลับมาเต้นรัวเร็วเมื่อเธอถอนริมฝีปากออกไป ผมยืนหน้าแดง… เธอเลียปากตัวเองเล็กน้อย

 

 

“ฉันรู้น่ะ…ว่าซายะเน่ก็ชอบฉัน”

 

 

What the FUCK!!! ผมยืนเอ๋อนิ่งไปแทบจะทันทีที่ได้ยิน เหมือนมีค้อนปอนด์ตกลงมาใส่หัวผมอย่างจัง ผมไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรออกมา แต่มันก็แทงกลางใจผมเข้าอย่างจังเลยแหละ

มิ้ลกี้ก็ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าผม ผมรู้สึกเหมือนใบหน้าของผมถูกสุมด้วยกองไฟขนาดย่อมๆ ผมหลบตาเธอไปทางอื่น กระแอมไอทั้งๆที่คอผมก็ไม่มีเสลดแต่อย่างใด

ยัยตัวร้ายที่เพิ่งดึงผมเข้าไปจูบแล้วพ่นคำพูดที่เป็นคำในใจของผมออกมาก็ยังคงยิ้มอยู่แบบนั้น

 

 

“รู้….ตั้งแต่ตอนไหน?”ผมพยายามจะเค้นเสียงของตัวเองพูดออกไป

 

 

มิ้ลกี้ทำหน้านึกเล็กน้อย แล้วยิ้มให้ผมอีกครั้ง “ก็ทุกครั้งที่ซายะเน่มองฉันไง ซายะเน่มองฉันเหมือนกับว่าไม่ใช่เพื่อน ฉันรู้สึกได้เลยไม่พูด รอให้ซายะเน่ออกอาการก่อนถึงจะพูดน่ะ”

 

 

สมเป็นยัยตัวร้ายจริงๆเลยนะ วารุกี้เอ๊ยยยยยยย….

 

 

“…. ถ้ารู้แล้วแบบนั้นมิ้ลกี้จะตอบฉันว่าอะไรล่ะ? จะเป็นเพื่อนกันต่อไปก็ได้นะ….”ในเมื่อรู้แบบนี้แล้วผมก็เหลือแค่ต้องรอคำตอบจากมิ้ลกี้เท่านั้น โอเคหรือไม่…. ผมว่าไม่แน่ๆ

 

 

“ไม่รู้จริงๆหรอซายะเน่… นี่บื้อหรือคางยื่นกันแน่เนี่ย”

 

 

“ฉันไม่ได้บื้อนะ แล้วไหงอยู่ดีๆมาเล่นเรื่องคางยื่นได้วะเนี่ย!?”ผมช็อคไปแปปหนึ่งที่อยู่ดีๆเจ้าหล่อนก็มาเล่นมุกซะเฉย มิ้ลกี้หัวเราะเล็กน้อยก่อนจะโน้มคอผมลงไปใกล้ๆหน้าของเธอ

ผมรั้งคอตัวเองขืนไว้แทบจะไม่ทัน ถ้าผมขืนคอตัวเองไม่ทัน มีหวังผมคงได้จูบกับมิ้ลกี้อีกแน่ๆ มิ้ลกี้ยิ้มจนตาหยีก่อนจะโน้มผมลงมาแตะกับหน้าผากของเธอ ในหัวของผมมีแต่เสียงตึกตัก

ตึกตักจากเจ้าก้อนเนื้อในช่องอกกำลังบีบคลายรุนแรง

 

 

“ถ้าไม่รักจริงๆ…ฉันคงไม่ปล่อยให้นายจูบฉันแบบนั้นหรอก ตาคนติงต๊อง”มิ้ลกี้ตอบ

 

 

เอ๊ะ…. เอาจริงดิ? ล้อเล่นป่ะ คิดได้ดังนั้นผมก็หยิกแก้มตัวเองทันที โอ๊ย! ไม่ใช่ความฝันนี่หว่า ผมยิ้มกว้างขึ้นมาทันทีที่รู้ว่านั่นไม่ใช่ความฝัน

มิ้ลกี้ยิ้มให้ผมก่อนจะปล่อยให้ผมจับเธออุ้มแล้วเหวี่ยงไปมาเบาๆ ดีใจที่สุดเลย สำเร็จแล้ว นึกว่าผมจะโดนตบแล้วเลิกเป็นเพื่อนแล้วซะอีก ที่ไหนได้ กลับได้รู้คำตอบที่ผมต้องการ

แถมมาแบบเดียวกับผมด้วย ผมหัวเราะลั่นพอๆกับมิ้ลกี้ที่หัวเราะเสียงหวานคลอไปกับเสียงของผม วันนี้คงเป็นวันที่ผมโชคดีที่สุดในโลก และก็ต้องขอบคุณพระเจ้า…

 

 

 

 

 

 

 

 

ที่ทำให้มิ้ลกี้…. เป็นของผม!

 

 

 

Fin!

TBC Second Fragment

 

 

===============================================================================================================

 

จบแล้วค่าาาาา กับชิ้นส่วนแรกของความรัก ซายะเน่กับมิ้ลกี้ โอ้เย่!!!

มีคำหยาบโผล่มาคำนึงแหะ แต่ก็นะ…. คำนี้มันหาอะไรมาพูดไม่ได้นอกจากคำนี้แล้วจริงๆ

ลองมาเดากันดีกว่านะว่าชิ้นส่วนต่อไปจะเป็นของใคร คิกๆๆๆๆๆ

 

อ้อ….. ลืมไปเลยว่า ชิ้นส่วนนี้เน่เป็นแนวโรแมนซ์รึเปล่าเนี่ย ฮ่ะๆๆๆๆๆๆ

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ จะจบหรือไม่ มีภาคต่อรึเปล่า… ดูก่อนว่ามีคนตามเยอะไหม เหอๆๆๆๆ

กลับมาต่อไวๆนะ. ชื้นส่วนต่อไป

#เลือดกำดาวทะลัก ( ͡° ͜ʖ ͡°)

หวานเบาๆ(เบาเร๊อะ??)

แต่ความฟินเต็มลิมิต

ชิ้นส่วนต่อไปจะเป็นใครกัน หนุ่มๆ(??)ใน 48 กรุ๊ปมีเยอะจนเลือกไม่ถูกเลย

::Intro Second Fragment::

 

 

 

ผมไม่รู้ว่าผมนั่งจมอยู่กับกองเอกสารมานานแค่ไหนแล้ว แต่เท่าที่ผมรู้คือผมเป็นผู้บริหารของมัตสึอิคอป

บริษัทยักษ์ใหญ่ที่คุมเรื่องการขนส่งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ ผมนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะนี่มานานกี่ชั่วโมงแล้วก็ไม่รู้ ผมยกมือขึ้นเสยผมที่ปรกหน้าของตัวเองเล็กน้อยแล้วนั่งทำงานต่อ

ปากกาในมือของผมกำลังเขียนรายงานเพื่อจะส่งไปให้กับพ่อของผมที่กำลังไปท่องเที่ยวต่างประเทศ สวีตกับแม่คนใหม่ของผมที่มีลูกติดด้วย นึกถึงแล้วผมก็อดยิ้มให้กับน้องสาวต่างมารดาของผมไม่ได้

 

 

กริ๊ง!!! แกร๊ก!

 

 

“ครับ มัตสึอิครับ…”

 

 

ไอ้ลูกชาย เป็นไงบ้างที่บริษัท ราบรื่นดีรึเปล่าพ่อโทรมานี่เอง เสียงแฮปปี้แบบนี้ท่าทางจะมีความสุขมากๆเลยสินะครับเนี่ยคุณพ่อ

แหม…ก็เล่นปล่อยให้ลูกชายอย่างผมนั่งทำงานหัวโด่อยู่ที่บริษัทโดยที่ตัวเองไปเที่ยวฮันนี่มูนกับแม่เลี้ยงซะเฉย ปกติพวกเราจะต่อต้านแม่เลี้ยงใช่ไหม

ผมไม่ล่ะ อายุอานามก็จะปาไปเกือบ 25 แล้วยังจะทำตัวเป็นเด็กๆก็ใช่เรื่องที่ไหน

 

 

“ที่บริษัทราบรื่นดีครับ มีคนลงทุนกับบริษัทเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ”

 

 

แล้วแกดูแลน้องสาวแกดีรึเปล่า หืม?

 

 

ผมเงียบไปในทันทีที่คุณพ่อถาม ในหัวของผมก็ผุดภาพของเด็กสาวที่ผมต้องทำใจเรียกว่าน้องสาว รอยยิ้มของเด็กคนนั้น ทรวดทรง รูปร่าง หน้าตา

รึ๋ย!!! เลิกคิดได้แล้วไอ้งั่ง เดี๋ยวก็โดนหาว่าเป็นไอ้หนุ่มโลลิพรากผู้เยาว์หรอก ผมสะบัดหน้าแรงๆไล่ภาพในหัวของผมออก

 

 

“ผมดูแลอย่างดีครับ บอกแม่เลี้ยงแทนผมให้ด้วยก็แล้วกันนะคุณพ่อ ผมทำงานต่อล่ะ”

 

 

ผมวางสายก่อนจะโยนโทรศัพท์ไปอีกทาง ปากกาในมือของผมก็ยังคงจรดกับกระดาษต่อไปเรื่อยๆ ผมได้ยินเสียงประตู

ผมเงยหน้ามองก็เห็นชายหนุ่มในชุดสูทอีกคนที่ยืนรอผมอยู่ที่หน้าประตู ผมวางปากกาของผมลงกับโต๊ะก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาใส่ในกระเป๋าเสื้อสูทของผม

เอาล่ะ… มันมาแล้วสินะ ชีวิตประจำวันตอนเย็นของผม ผมมองนาฬิกา สี่โมงแล้วงั้นหรอ ถึงเวลาไปรับแล้วสินะเนี่ย เอาเถอะ…..

 

 

 

“นายน้อยครับ ถึงเวลาไปรับคุณหนูจูรินะแล้วนะครับ”

 

 

 

 

TBC

 

 

 

======================================================================================

 

ผ่าง!!! Intro ของชิ้นส่วนที่สองมาแล้ว ฮี่ๆๆๆๆ

คงจะเดาได้เนอะว่าเป็นคู่ไหน

ไว้เจอกันในตัวเต็มของFragmentที่สองนะคะ #เผ่น

ช่วงตอบคอมเม้นค่ะ

 

 

กลับมาต่อไวๆนะ. ชื้นส่วนต่อไป

ตอนแรกที่บอกแค่ว่า”มัตสึอิ” นึกว่าจะเป็น”จูรินะ” แต่ว่า…”เฮียเรนะ”เรอะ!!!

แต่ว่าพ่อแม่ตระกูลมัตสึอิ…”ผัวเมียสุขสันต์เรอะ!!”

โอ้ว!!!! ไหงเป็นเรนะละเนี่ยนึกว่าจูรินะ
สลับร่างกันรึป่าว?มันเป็นอะไรที่…

โอ้ เยสสสสสส

ในที่สุดก็มีฟิคที่เรนะซังเป็นผู้ชาย(หรือแมนๆ)

แอบคิดมานานว่าเรนะซังดูเป็นตาลุงหื่นเหมือนยูโกะเลย

แต่ดูหื่นกันคนละแบบ //โดนโอชิเรนะตบ

เฮียเรนะ ยอมรับตัวเองเถอะเฮียว่าตัวเองเป็นโลลิค่อน // เจอเฮียถีบ แอร๊ย

อ่านตอนแรกนึกว่าเด็กจู แต่พอเจอประโยค  เดี๋ยวก็โดนหาว่าเป็นไอ้หนุ่มโลลิพรากผู้เยาว์หรอก

เลยเก็ต 555+ // ทำร้ายโอชิตัวเองน่าดูเลยฉัน

 

ไรเตอร์สู้ๆค่า เป็นกำลังใจให้ ^^

เฮียรุก o.O!