[Fiction] Operation J (Crime/Action/Sci-Fi : PG13) [Jurina X ….] EP:0 Prologue

EP 0 : Prologue

สิ่งเดียวที่ทำให้ภารกิจนี้แตกต่างจากงานปกติของเขาคือ คู่ต่อสู้นั้นไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา เมื่อ 13 ชั่วโมงก่อนหน้า เขาก็เผชิญหน้ากับพวกมัน แต่เพราะเป็นการต่อสู้ในระดับกองทัพในอีกฟากของโลก ทั้งจำนวนคนและอาวุธที่เยอะกว่า รวมทั้งสภาพแวดล้อมที่เป็นทุ่งหญ้าสะวันนาทำให้อะไรๆมันดูง่ายดาย สงครามย่อมๆในแอฟริกาใต้นั้นจบลงใน 15 นาที หลังจากนั้นเขาถูกเรียกมาประเทศญี่ปุ่น ประเทศบ้านเกิดที่เขาจากมาร่วม 10 ปีทันทีเพื่อปฏิบัติภารกิจคล้ายเดิม แต่เป็นในเมืองใหญ่ ผู้คนพลุกพล่าน ยกระดับความยากนี้เข้าไปอีกด้วยคำว่า “ปฏิบัติการลับ”

 

 

แต่คำว่า”ปฏิบัติการลับ”มันไม่มีความหมายเมื่อต้องมาคุมหน่วยจู่โจมพิเศษ หน่วยลักษณะนี้เหมือนกันทั่วโลกคือมีความมั่นใจในตัวเองสูงมากเกินไป หัวแข็ง ไม่รับคำสั่งจากคนนอก ยิ่งตัวเขาอ่อนกว่าคนทั้งทีมแล้วด้วย ทำให้ผลลัพธ์ออกมาตั้งแต่เริ่มต้นการจู่โจม การขัดคำสั่งผู้นำทีมส่งผลให้ลูกทีมก้าวไปสู่ความตายที่น่าสยดสยอง ซึ่งเขาเองก็แทบเอาชีวิตไม่รอด หลังจากความพยายามติดต่อลูกน้องในทีมไม่เป็นสำเร็จ เขาค่อยๆขยับตัวออกจากที่ซ่อน การจู่โจมล้มเหลว เขามั่นใจว่าเหลือตนเองเป็นผู้รวดชีวิตคนเดียวในทีม เขายกปืนกลเล็กขึ้นประทับ ถอดแม็กกาซีนเขย่าเบาๆเป็นการชั่งน้ำหนัก น่าจะยังเหลืออยู่ราวๆ 20 นัด กระสุนสำรองเกลี้ยง คลำหาปืนพกที่เอวก็ไม่มี คงหล่อไปที่ไหนซักแห่งตอนปะทะกับพวกมันซึ่งๆหน้า เสียงไซเรนดังแว่วใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาประเมินสถานการณ์น่าจะยังเหลือเวลาอยู่ราวๆ 5 นาทีก่อนที่จะมีการบุกของตำรวจ เขาเคลื่อนตัวไปอย่างเงียบเชียบด้วยความชำนาญผ่านคอกโต๊ะทำงานไปที่ประตูห้อง เปิดปิดอย่างแผ่วเบา กลิ่นคาวเลือดตลบอวลไปทั่ว เขาก้าวอย่างว่องไวเร่งความเร็วของตัวเองเพื่อไปที่ห้องเป้าหมาย ระหว่างทางต้องคอยก้าวข้ามกองเลือด ชิ้นส่วนร่างกาย ที่กระจัดกระจายไปทั่ว ผนังและฝ้าเพดานสีขาวบัดนี้ถูกตกแต่งด้วยสีแดงฉาน แต่ก็ใจชื้นขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นศพพวกมันจำนวนไม่น้อยเลย เขายิ้ม มีใครบางคนที่ก่อนตายฉลาดพอจะฉุกคิดขึ้นได้ว่าเวลาฆ่าคนให้ตายสนิทต้องจัดการที่หัว เขาเร่งความเร็วลัดเลาะไปตามโถงทางเดิน ระวังทุกหัวมุม ไม่นานนักก็ถึงห้องทำงานของท่านฑูต ประตูเปิดทิ้งไว้ ชายร่างยักษ์สูงเกินสองเมตรยืนหันหลังอยู่หลังโต๊ะทำงาน เขายกปืนเล็งไปที่หัวของมันก่อนลั่นไก

 

 

 

พลาดเป้า

 

 

ร่างยักษ์นั้นหันโยกหัวหลบราวกับรู้ถึงการมาของเขา พลันหันตัวกลับมาลั่นไกปืนพกใส่เสียงดังสนั่น 2 นัด จากเสียงเป็นปืนลูกโม่ขนาดใหญ่น่าจะเป็นปืนโคลท์ อนาคอนดา เป็นปืนที่ใช้งานยากเพราะขนาด น้ำหนักและแรงถีบ กระสุน.45วิถีกระสุนสังหารเข้าอกแน่นอนหากเขายังอยู่ที่เดิม เขาพุ่งตัวหลบเข้ามาในห้องหลังโซฟาเสียก่อน เมื่อได้จังหวะเขายกตัวขึ้นหันปืนไปทางเป้าหมายแต่ก็ต้องหลบอีกหนเพราะลูกปืนอีกสองนัดพุ่งตรงมาเข้าที่ผนังห้อง ตามมาด้วยเสียงเท้าหนักหน่วงเตะโซฟากระเด็น เขาพุ่งตัวถอยหลังลั่นไกที่เหลือจนหมดแม็กฯ แต่ก็ไร้ผลเมื่อมันใช้มือใหญ่ปัดปืนของเขา กระสุนทั้งหมดเข้าเพดาน เขาโดนเหวี่ยงไปอีกฟากของห้อง แต่ก็พลิกตัวกลับมายืนได้และพุ่งเข้าใส่ร่างยักษ์นั้นทันที แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างนั้นพุ่งออกจากห้องไปทางกระจกพร้อมกับ “ระฆังทองคำ” เป้าหมายของภารกิจซึ่งตอนนี้หลุดจากมือของชายร่างยักษ์ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศเช่นเดียวกับเขาและมัน
 

 

ทั้งสองฟัดเหวี่ยงกันกลางอากาศในเวลาไม่กี่วินาทีก่อนตกลงบนรถยนต์โตโยต้าพรีอุสสีเงิน โชคดีที่เขาอยู่ด้านบนในสภาพคร่อม ร่างนั้นเหวี่ยงหมัดเข้าที่ใบหน้าของเขา แรงหมัดพาทั้งร่างกระเด็นไปร่วงลงไปกลางถนนซึ่งตอนนี้โล่งจากการปิดถนนของตำรวจ ชายร่างยักษ์พุ่งลงจากหลังรถไปหยิบของบางอย่างในซากของระฆังทองคำที่แตกละเอียดก่อนออกวิ่งไปอีกด้านของตึก เขาวิ่งตามไป ความเจ็บปวดตามร่างกายหยุดเขาไม่ได้ แต่ทันทีที่เลี้ยวเข้า สถานการณ์นี้ก็แย่ลงกว่าเดิม

 

 

ถนนเส้นนี้เป็นถนนเล็กๆระหว่างตึก เดินรถทางเดียว ซึ่งทางออกคือจุดที่เขายืนอยู่ ห่างออกไป 500 เมตรเป็นทางเข้าและเป็นที่ตั้งของสถานีตำรวจโคจิมาชิ ซึ่งตอนนี้บนถนนฟากนั้นเต็มไปด้วยตำรวจพร้อมอาวุธและที่กั้นสำหรับปิดถนน ตรงกลางเป็นรถมินิบัสคันหนึ่งที่จอดนิ่งในแนวขวางกลางถนน ส่วนด้านหลังที่กำลังตามเขามาก็เป็นตำรวจพร้อมกับอาวุธสงครามครบมือเช่นกัน ตำรวจนายหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาเอาหูฟังบลูทูธกับปืนพกให้เขา เป็นปืนสไตเออร์ ของดีทีเดียว นึกว่าตำรวจญี่ปุ่นจะใช้ปืนลูกโม่สั้นเสียอีก

 

 

“มันเกิดอะไรขึ้น” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากหูฟังบลูทูธ แสดงว่าน่าจะมีการประสานงานกันเรียบร้อย

 

“พวกเราประมาท ลูกทีมญี่ปุ่นห่วย ก็เลยเป็นอย่างที่ท่านกำลังเห็นนี่แหละครับ” เขาตอบเสียงหอบ

 

….ดำเนินการตามสมควรได้เลย” เสียงในหูฟังเงียบไปพักหนึ่งก่อนออกคำสั่ง

 

“ครับ”

 

 

สายตัดไป เขามองประเมินสถานที่ ตลอดความยาวถนนเป็นตึกทั้งหมดทั้งสองฝั่ง เหตุการณ์จี้ตัวประกันเกิดในพื้นที่ปิด ไร้มุมยิงจากพลซุ่มยิงดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีสไนเปอร์ ทำได้ดีสุดแค่ส่งทีมจู่โจมไปอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้และชัดเจนที่สุดซึ่งจากภาพเบื้องหน้านับว่าเขาต้องให้คะแนนเต็มกับหน่วยจู่โจมของตำรวจญี่ปุ่น พวกเขาแยกเป็นคู่ๆและอยู่ห่างจากรถบัสในระยะไม่เกิน 10 เมตร โดยซุ่มอยู่ข้างรถที่จอดอยู่ริมถนน ทั้ง 4 คู่ทำเหมือนกัน แต่คนละมุม 4 มุมหน้าหลัง ทั้งหมดเล็งปืนเข้าไปที่ร่างใหญ่ในรถ

 

 

“มีตัวประกันกี่คนบนรถคันนั้น”

 

“เด็กผู้หญิง 16 คน ผู้ใหญ่ 4 ครับ”

 

“อย่าเพิ่งทำอะไรเด็ดขาด…ทุกคนด้วยห้ามทำอะไรนอกเหนือจากคำสั่งของผม”  

 

 

นายตำรวจคนนั้นพยักหน้าก่อนจะออกคำสั่งผ่านทางวิทยุ

 

เขาเช็คกระสุนก่อนเก็บปืนพลางยกมือสองข้างขึ้น ค่อยๆเดินเข้าไปหารถมินิบัส ร่างใหญ่นั้นเดินไหวๆอยู่ในรถและร่างทั้ง 20 ที่กำลังแสดงอาการหวาดกลัวแตกต่างกันไป ชายร่างยักษ์หยุดนิ่งเมื่อเห็นเขาก่อนจะลั่นไกพุ่งผ่านกระจกออกมาหนึ่งนัด ทุกคนหมอบ เสียงกรี๊ดดังออกมาจากรถผ่านประตูที่เปิดค้างไว้

 

 

“เฮ้ย หยุดนะโว้ย ปล่อยเด็กๆออกมาซะ นี่น่ะเรอะนักรบแห่งราชันย์ดวงอาทิตย์ ทำอะไรไร้เกียรติเป็นบ้า”

 

 

ถ้ามีคนเยอรมันอยู่ตรงนี้คงต้องขำกับสำเนียงภาษาเยอรมันของเขาแน่ ร่างนั้นเคลื่อนไหวอีก มันต้อนตัวประกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ไปอยู่ที่เบาะหลังท้ายรถ  ชี้ปืนไปทางตัวประกันหันหน้ามาทางเขา แต่ก็ยังคงนิ่ง เท่าที่นับดูปืนมันน่าจะยังเหลืออยู่นัดเดียว เขาขยับเดินเข้าไปใกล้ขึ้นอีกจนเหลือระยะห่างแค่ 5 เมตร เขาพุ่งเข้าชาร์จได้สบายๆในพริบตา แต่ก็ชะงักเมื่อมันยิงมาอีกหน มันต้องการอะไรกันแน่ เขามองรอบๆ พลางไตร่ตรองความคิด ทุกหนที่ผ่านมาพวกมันฆ่าไม่เลือกไม่เคยปราณี แต่ทำไมยังต้องมีตัวประกัน?

 

 

 

 

ตัวประกัน? กลางเมือง? ตำรวจ?….ตำรวจ!!

 

แย่แล้ว….มันจะลั่นระฆัง  

 

 

 

 

“ผู้การครับ มันกำลังจะลั่นระฆัง!สั่งเจ้าหน้าที่ทุกนายถอนกำลัง!”

“บ้าฉิบ!  คุณ…”

 

“บ้าเอ้ย! ไม่ทันแล้ว!”

 

 

เขาไม่รอฟังคำสั่งอีกฝ่าย ยินดีเสี่ยงแม้มีโอกาสเพียงเล็กน้อย ในพริบตาเขายกปืนขึ้นลั่นไก ยิงสองนัดอย่างรวดเร็วตามวิธีแบบดับเบิ้ลแท็บ ทะลุกระจกในนัดแรก นัดต่อมาเข้าด้ามปืนในมือของมัน ปืนในมือร่วงทันที เขาอาศัยจังหวะนี้พุ่งเข้าไปในรถ เขาออกแรงทั้งหมดที่มีรัดร่างใหญ่โตของมันโถมไปที่หน้ารถ ถึงจะไม่มากนัก แต่พอเปิดทางลงให้ตัวประกัน ปืนของเขาตกกระเด็นไป

 

 

 

“ไป!”

 

 

เขาตะโกนลั่นรถ ตัวประกันทุกคนกรูกันลงจากรถอย่างแตกตื่น แต่เด็กผู้หญิงที่รั้งท้ายนั้นช่างโชคร้าย เพราะเขาทานแรงร่างยักษ์นี้ไม่ไหว มันหลุดพันธนาการ แรงมหาศาลทำให้ร่างเขากระเด็นไปชนเด็กผู้หญิงคนนั้น หัวเธอกระแทกเสาฟุบลงที่เบาะหลังแต่ยังอยู่ในแนวกึ่งกลางทางเดิน เขาตั้งหลักได้พลันหยิบมีดเคบาร์ที่เอวพุ่งไปปักเข้าที่เท้าและที่ท้องของมันอย่างรวดเร็ว มันร้องคำรามลั่น เซถอยหลังทรุดลงเล็กน้อย เปิดจังหวะให้เขาเข้าไปหาเด็กผู้หญิงที่นอนสลบอยู่บนเบาะ หวังจะพาร่างนี้หลบเข้าไปหลังเบาะไม่ควรอยู่ในระยะการต่อสู้

 

 

 

“จูรินะ!

 

“รีบไปก่อนเถอะเรนะจัง!…..

 

 

 

เสียงเด็กสาวคนหนึ่งตะโกนที่นอกรถ แต่ตัวของเธอเองถูกลากออกห่างไปยังรถตำรวจที่กำลังเตรียมอพยบออกจากบริเวณ เขาหันกลับมาแต่ก็สายไปเสียแล้ว มันคว้าปืนของเขาที่กระเด็นไปขึ้นมายิง เขาโดดหลบเข้าไประหว่างเบาะโดยอัตโนมัติ กระสุนพุ่งเข้าไปที่ร่างเด็กสาวทั้งสองนัดเข้าที่ช่องท้องด้านซ้าย  เขาพุ่งตัวออกมาทันทีหลังหมดชุดยิง ใช้มือซ้ายค้ำเบาะเหวี่ยงตัวขึ้นเตะปืนออกจากมือของมัน ใช้มีดปัดเข้าที่หน้าอกขวา มันคำรามลั่นดังกว่าเดิม พร้อมกับชกเข้าที่หน้าของเขา กระเด็นตามแรงเหวี่ยงไปทับร่างของเด็กสาว มันดึงมีดออกจากอกแล้วพุ่งเข้ามาหา เขากระโดดใช้มือทั้งสองข้างจับราวข้างบนเหวี่ยงขาเตะเสยเข้าปลายคางเข้าไปเต็มที่ แรงพอที่จะทำให้มันหงายหลัง เขาทิ้งตัวลง เตะซ้ำเข้าที่หน้ามันอีกหน ตามด้วยการเสียบมีดเคบาร์เข้าไปที่ขมับของมันจนมิดด้าม

 

 

 

ปิ๊ป….ปิ๊ป…..

 

 

 

เสียงไม่พึงประสงค์จากก้อนกลมๆขนาดเท่าลูกปิงปองที่ร่วงมาจากมือของมันดังถี่ขึ้นเรื่อยๆและค่อยๆเปล่งแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

 

 

 

“ให้ตายสิวะ!

 

การกระทำครั้งสุดท้ายของเขาที่หวังว่าจะลดแรงระเบิดของมันได้คือกลืนมันเข้าท้อง

คนร้ายอึดมากโจมตีเท่าไรก็ไม่สลบ -0-
ตายกันเกลื่อนตั้งแต่ต้นเรื่องเลยค่ะ