[OS] SEX Friend 1:45 AM RENA x JURINA (d a n s o)

SEX Friend 1:45 AM

RENA x JURINA (d a n s o)

5.. 4.. 3.. 2.. 1

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

          ในคืนวันศุกร์ที่กำลังเข้าสู่เช้าวันเสาร์ ประตูห้องของผมจะถูกเคาะเวลาเดิม ตีหนึ่งสี่สิบห้า จากเธอคนเดิม…

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

          ผมที่นั่งมองนาฬิกาข้อมือที่ใช้นับถอยหลังรอเธอ ถอนหายใจอยู่สองสามทีจนเสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง จังหวะเดิม แต่หนักขึ้น

          “ชักช้าจังเลยนะจุน~”

          “ไม่คิดว่ามันจะรบกวนการพักผ่อนของผมบ้างรึไงครับเรนะซัง”

          แล้วก็เป็นเช่นเดิม ผมประครองหญิงสาวรุ่นพี่ในออฟฟิศ ที่กำลังมึนเมาเข้าห้อง เท่าที่เคยไปดื่มกับเธอมา เธอเป็นคนที่คอแข็งพอสมควร เมาได้ขนาดนี้แสดงว่าดื่มหนักมาอีกแล้วแน่ๆ

          ผมวางเธอลงบนโซฟา ไม่รู้เธอจะสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากตรงที่เธอนั่งรึเปล่า ผมนั่งรอเธอตั้งนาน ถึงแม้ว่าจะง่วงแต่ผมก็รอเพราะรู้ว่ายังไงคืนนี้เธอก็จะมา

          “เมามาแทบทุกครั้งเลยนะครับ แบบนี้มันอันตรายนะ ถ้าใครลากคุณไปจะทำยังไง” ผมบ่นไปถอดรองเท้าคัทชูให้เธอไป แรกๆ ก็ไม่ชินหอกแต่ตอนนี้ผมชินซะแล้ว กับการนั่งคุกเข่าถอดรองเท้าให้ผู้หญิงเมาเนี่ย

          “งืมมม บ่นอีกแล้ว บ่นเหมือนเดิมเลยนะจุน” เธอปรือตามามองผม ตาที่หยาดเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ กับรอยยิ้มที่แสนยั่วยวน ผมอยากจะดึงเธอเข้ามากอดเสียตอนนี้เลย แต่ไม่เป็นไร อีกไม่ความปราถนาของผมและความปราถณาของเธอที่ไม่รู้ว่าเหมือนกันมากแค่น้อยแค่ไหนก็จะได้รับการตอบสนองในแบบเดียวกันแล้ว ขอเวลาให้ผมได้พูดคุยกับคนเมาคนนี้ต่ออีกสักหน่อย

          “จำได้ก็ทำตามด้วยสิครับ” ในที่สุดผมก็ถอดรองเท้าให้เธอเสร็จ ลุกไปรินน้ำใส่แก้วและส่งให้เธอ

          เธอรับแก้ว แต่ยังไม่ดื่มมัน ถือจ่ออยู่ที่ปากอยู่อย่างนั้น หรี่ตามองพร้อมยิ้มยกมุมปาก

          “เป็นห่วงหรอ?”

          “นิดหน่อยครับ ก็เรนะซังเป็นผู้หญนี่นา” ผมนั่งลงข้างเธอ โดยรักษาระยะห่างหนึ่งคนนั่งตรงกลาง แต่อีกไม่นานเราก็คงใกล้ชิดกัน ไม่ใช่ในห้องนี้ แต่เป็นอีกห้องหนึ่ง… ห้องนอนของผม

           “งือออ อยู่ด้วยกันสองคนแล้ว เรียกเรนะเถอะ”

          “…อืม เรนะ”

          พอผมพูดจบรุ่นพี่ขี้เมาก็วางแก้วน้ำที่ยังไม่ดื่มสักอึกลงบนโต๊ะรับแขก เสียงแก้วกระทบแก้วกระจกบนโต๊ะ รับแขกดังขึ้นเหมือนเป็นสัญญาณเปิดเกมของคืนนี้…

……..
….

          ยามเช้ามาถึง ผมลืมตาตื่นแล้ว นอนตะแคงมองออกไปข้างนอกเตียง มองดูท้องฟ้ายามเช้าผ่านกระจกหน้าต่างบานใหญ่ในห้องนอน เธอคงเปิดม่านเอาไว้ให้ ผมนอนอยู่อย่างนั้นครุ่นคิดถึงสิ่งที่เราทำ ทบทวนความสัมพันธ์ของเรา ว่ามันจะมีทางเป็นไปได้มากกว่า เซ็กส์เฟรนด์ รึเปล่า

          ผมหันตะแคงกลับมา ภาวนาให้เธอยังนอนอยู่ แต่ก็ไม่เคยอยู่ เหลือทิ้งไว้เพียงความเย็นบนผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่ บ่อยครั้งที่ผมถามเธอ เราทำแบบนี้กันทำไม เธอบอกแต่เพียงว่า เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ จุนไม่ชอบรึไง น้ำเสียงเธอเจือความหงุดหงิด แล้วผมก็ไม่กล้าถามเธออีกเลยเพราะผมกลัว… กลัวว่าเธอว่าเธอจะไม่มาหาผมอีก เป็นแบบนั้นผมคงแย่

เพราะผมรักเธอ

………………..

          เราไม่ได้เป็นอะไรกันมากไปกว่าเพื่อนร่วมงานในบริษัทขายประกัน มัตสึอิ เรนะ ผู้ทำงานตำแหน่งเดียวกันแต่ประสบการณ์มากกว่าและอายุมากกว่าผมถึงสี่ปี เธอเป็นรุ่นพี่ที่คอยช่วยแนะนำสิ่งต่างๆ ให้ผมในฐานะรุ่นพี่คนหนึ่งเท่านั้น

          “นี่รายชื่อลูกค้าเดือนนี้นะ มัตสึอิคุง”

          “ครับ”

          เธอเอาแฟ้มใส่เอกสารมาให้ผมแล้วก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของเธอตามเดิม โต๊ะเธออยู่อีกฝั่งของทางเดินเลยโต๊ะผมไปสองโต๊ะเท่านั้น ผมมองเห็นเธอ เห็นแผ่นหลังที่แบกรับความภูมิใจและความชื่นชมของทุกคน ไม่แปลกอะไร ก็เธอเป็นพนักงานตัวอย่างเลยนี่นา แต่จะมีสักกี่คนนะที่ได้เห็นแผ่นหลังตอนเปลือยเปล่าของเธอ…นอกจากผม

          ผมลุกไปชงกาแฟในห้องพักผนังงาน ผมชอบห้องนี้นะ เป็นห้องแคบๆ มีเคาน์เตอร์ที่วางตระกร้าใส่ซองกาแฟ น้ำตาล และครีมเทียม มีเครื่องต้มน้ำร้องอีกหนึ่งเครื่อง ในสุดของห้องมีโต๊ะเล็กๆ พร้อมเก้าอี้สองตัว ตอนเห็นครั้งแรกผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นห้องพักผนังงานตรงไหน แม้แต่ตอนนี้ก็ไม่คิด

          เครื่องต้มน้ำร้อนต้องใช้เวลาสักหน่อยกว่าน้ำจะเดือด ผมจึงเปิดต้มน้ำก่อน จากนั้นจึงค่อยฉีกซองกาแฟใส่ถ้วยกระดาษใช้แล้วทิ้ง

          “ชงให้ฉันบ้างสิ”

          เสียงกระซิบจากด้านหลังทำผมสะดุ้ง รุ่นพี่มัตสึอินั่นเอง เธอแค่ยิ้มคล้ายจะหัวเราะแต่ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาเลย เธอเดินมายืนข้างผม หยิบถ้วยกระดาษ ฉีกซองใส่กาแฟ ตามด้วยน้ำตาลหนึ่งอีกครึ่งซอง

          ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่ว่าเธอเห็นผมเดินมาในห้องนี้เลยเดินตามเข้ามา ทางเข้ามันเป็นมุมอับสายตาแถมในห้องนี้ก็เป็นเหมือนซอยตัน ใครแอบทำอะไรก็ไม่มีใครรู้นอกเสียจากเดินเข้ามาเจอ

          “…มาเงียบๆ แบบนี้ผมตกใจนะครับ”

          “ไม่ชอบรึไง ความตื่นเต้นน่ะ” ยังกวนผมด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเหมือนเคย

          “ไม่ชอบครับ แต่ถ้าเป็นรุ่นพี่มัตสึอิล่ะก็ ผม..”

          “อ้ะ น้ำเดือดแล้ว”

          แกล้งเฉไฉรึเปล่าผมไม่รู้หรอก เธอใช้ต้นแขนดันตัวผมที่ยืนอยู่ข้างๆ ออกห่างจากจุดหน้าเครื่องต้มน้ำร้อน กดน้ำที่ผมเป็นคนกดต้มใส่ถ้วยกระดาษหน้าตาเฉย แซงนี่หว่า

          “นี่ รุ่นพี่ครับ” ในที่ทำงานผมเรียกเธอแบบนั้น “เย็นนี้เราไปกินข้าวกันเถอะ”

            “เรียบร้อยแล้ว มัตสึอิคุง เชิญเลยค่ะ” ด้วยความที่นามสกุลเหมือนกันเธอจึงเรียกนามสกุลของผมแล้วลงท้ายด้วยคุง แทนที่จะเรียกชื่อผมห้วนๆ เหมือนตอนที่เราอยู่ด้วยกันสองต่อสองที่คอนโดของผม

          “เรนะ”

          ผมเรียกเธอที่กำลังจะเดินออกไป ไม่แน่ใจว่าจะเรียกทำไม มันก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ ชวนเธอทีไรก็โดนปฏิเสธตลอด นอกเสียจากจะไปกันหลายๆ คน

          “อย่าเรียกชื่อฉันในที่แบบนี้ แล้วเย็นนี้ฉันมีนัดกับแฟนแล้วด้วย”

          มันเป็นคำตอบที่ทำผมอึ้งค้างไปหลายนาที เธอมีแฟนแล้ว? แล้วมายุ่งกับผมทำไม!? อยากจะรู้จริงๆ ว่าผมมีสิทธิ์จะเรียกร้องอะไรได้มั้ย สิทธิ์ของ เซ็กส์เฟรนด์ จะใช้ได้รึเปล่านะ? แต่เรื่องส่วนตัวเขาห้ามก้าวก่ายกันนี่นา เฮ้อ เอาซะกาแฟถ้วยนั้นขมชนิดที่เติมน้ำตาลไปเท่าไหร่ก็ไม่หายขม บ้าจริง

          เวลาเลิกงานมาถึงแต่งานผมยังค้างอยู่ แล้วดูท่าคนที่บอกว่ามีนัดกับแฟนก็ยังมีงานค้างอยู่เช่นกัน คนอื่นๆ ก้ถยอยกลับออกไปกันหมดแล้ว เหลือแต่ผมและพนักงานดีเด่นคนนั้น

          “มีนัด…ไม่ใช่หรอครับ”

          ผมถามจากด้านหลัง เห็นเธอหยุดชะงักนิดหน่อยก่อนที่แขนเธอจะขยับพิมพ์งานต่อไป

          “งานยังไม่เสร็จนี่”

          “นึกว่าจะไม่ตอบซะแล้ว” ค่อยยังชั่ว ถึงจะไม่หันมาตอบแต่ก็ยังดี

          “ให้ผมทำแทนก็ได้นะครับ ผมยินดี”

          เธอหันมามองผม คิ้วเธอนี่บมวดกันเป็นปมเลยทีเดียว พอผมขำออกมานิดๆ เธอก็เลิกคิ้วขึ้นทั้งอย่างนั้น น่ารักซะไม่มี เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ชูขึ้นระดับอกและชี้ไปที่มัน เหมือนจะบอกให้ผมหยิบออกมาตามเธอ

“หมายความว่ายังไงที่จะทำแทน”

“หมายความตามที่พูดนั่นแหละครับ”

“ไม่โกรธฉันรึไง ที่มีแฟนแล้วก็ยังมายุ่งกับเธอโดยไม่บอกเธอก่อน”

“โกรธสิ”

          ใช่ผมโกรธ ตั้งแต่งานสังสรรค์เมื่อสามเดือนก่อน รุ่นพี่ที่น่าจะโบกมือลากันแล้วกลับมาเคาะประตูห้องผม ไม่พูดไม่จา แล้วความสัมพันธ์แบบนี้ของเราก็เริ่มต้นขึ้นโดยไม่บอกเหตุผลใดๆ เลยแล้วผมก็ดันยอมเธออีก การที่มารู้ว่านอกจากผมแล้วยังมีคนที่สามรถทำเรื่องแบบนั้นให้เธอได้ ได้เห็นแผ่นหลังของเธอ ได้ยินเสียงอันสั่นเครือเพราะความสุขเธอ ได้ดูแลเธอ ผมก็หึงน่ะสิ แต่ก็…

          “แต่ผมรักคุณเกินกว่าที่จะโกรธลง” และผมก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะโกรธคุณ

           ประโยคสุดท้ายผมพูดมันออกมากลางที่ทำงานซึ่งมีเพียงเราสองคนนั่งอยู่ สบตากัน ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายหลบสายตาผมไป เซฟงานใส่ไดฟ์ ปิดเครื่อง หยิบกระเป๋า แล้วเดินออกไป

           อย่างน้อยก็ถือว่าผมได้พูดสิ่งที่อยากพูดล่ะนะ ละเมิดกฏก็ช่างมันสิ

…………………

          วันต่อมาเธอมาทำงานตามปกติ แต่ท่ีแปลกไปก็คือมีพลาสเตอร์ยาติดอยู่ที่หางคิ้วข้างหนึ่ง หน้าตาดูไม่สดใสเหมือนทุกที ผมรอโอกาสที่จะเข้าไปทักแล้วถามถึงแผลนั่นถึงแม้เธอจะบอกคนอื่นๆ ไปว่าหัวกระแทกขอบตู้เก็บของในครัวก็เถอะ ผมวางใจไม่ลงหรอก ไอ้หมอนั่นมันต้องทำอะไรเธอแน่ๆ

“ตรงหางคิ้วไปโดนอะไรมาครับ”

           ผมรอไม่ไหวจึงเลือกที่จะส่งข้อความออกไปแทน

“ชนขอบตู้ไง”

“ผมไม่เชื่อ แฟนคุณทำอะไรคุณรึเปล่า”

          เธออ่านแต่ไม่ตอบผมเลย… ทำไมกันล่ะ เรนะ แต่วันนี้วันศุกร์เดี๋ยวเธอก็มาหาผมเหมือนเคย ไว้ค่อยถามเอาอีกทีตอนนั้นก็ได้ ว่าแต่… ผมไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหนกันนะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

           เวลาเดิมเป๊ะ ผมรีบลุกไปเปิดประตู วันนี้ไม่เมามากแต่กลิ่นแอลกอฮอล์ก็ยังคลุ้งอยู่ ผมเบี่ยงตัวหลบให้เธอเดินเข้ามา ไปรินน้ำใส่แก้วมาเธอเหมือนเคย นั่งลงข้างเธอ มองใบหน้าเรียบนิ่งที่แดงก่ำเพราะฤทธิ์เหล้า มองไล่ขึ้นไปจนถึงหางคิ้วนั่น

          “บอกผมมาเถอะ เขาทำอะไรคุณรึเปล่า”

          “อืม แผลนี่น่ะเขาทำ เขาผลักฉัน ปัดป่ายความหวังดีของฉัน เมื่อวานเป็นวันครบรอบของเรา ฉันกลับบ้านไปช้า แค่ไม่กี่นาทีเอง…”

          “เรนะ”

          ผมเรียกให้เธอหันมาแต่เธอก็เอาแต่จ้องมองแก้วน้ำบนโต๊ะรับแขก สายตาเธอดูเจ็บปวด เธอคงรักเขามากสินะ ผมจับมือเธอ ฝ่ามือที่เคยลูบไล้ไปตามลำตัวและทั่วแผ่นหลังของผม ผมรักมือนี้และรักเจ้าของมือนี้ เกินกว่าที่จะทนเห็นเธอเจ็บปวดกับผู้ชายที่ทำร้ายร่างกายเธอ

          “ผมไม่โกรธที่คุณปิดบังผมเรื่องนี้ แต่ผมจะโกรธก็ตรงที่คุณยอมให้เขาทำร้ายคุณ”

          “ช่างเขาเถอะ ฉันอยากจะลืมเรื่องของเขาไปสักพัก”

          แล้วเธอก็ยอมสบตามองผม ใช้ฝ่ามือที่ผมหลงรักสัมผัสอกของผม ลูบไล่ขึ้นมาถึงคอ โอบรอบคอของผม ดึงผมเข้าไปหาเธอ หาริมฝีปากบาง และหลังจากนั้นก็เป็นทีของผม ผมค่อยๆ ผลักเธอนอนราบไปกับโซฟา ปากของเราไม่ยอมผละออกจากกัน เคล้นคลึงกันอยู่แบบนั้นสักพัก

           “จุน..” เสียงเธอแหบพล่าราวกับกำลังเจ็บปวดจากภายในหรือบางทีผมก็ควรจะเกลียดตัวเองที่ทำให้คุณเจ็บด้วยเหมือนกันนะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าคุณมีคนที่คบหาดูใจอยู่แล้ว ผมควรจะหยุดตรงนี้ แค่นี้ แบบนั้นมันจะดีรึเปล่า?

           “หยุดทำไมคะ”

           “ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำแบบนี้กับคุณต่อไปได้มั้ย”

          เธอนิ่ง… จ้องมองตาผมจากเบื้องล่าง

 

          “ที่ผ่านมาเราก็ทำกันได้ มันต่างกันตรงไหน จุนไม่ต้องการฉัน เกลียดฉันแล้วอย่างนั้นหรอ?”

          “ไม่มีทาง ผมเคยบอกคุณแล้วว่าผมรักคุณ”

          “พิสูจน์สิ พิสูจน์คำนั้นในคืนนี้อีกครั้งหนึ่งเถอะนะ”

          เธอไม่รอให้ผมได้พูดอะไรต่อ ดึงตัวผมลงไปหาเธออีกครั้ง ดึงผมไปหาความลับภายใต้รอยจูบของเธอ เรื่องราวในชีวิตเธอผมไม่รู้อะไรเลย แม้แต่ที่อยู่ผมก็ไม่รู้ แต่ว่า อีกครั้งหนึ่ง งั้นหรอ มันคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายหรอกนะ

          มือผมลูบไล้ไปตามเรียวขาของเธอ ลูบขึ้นมาอย่างไม่สนใจอะไร ดันกระโปรงเธอขึ้นไป ฝ่ามือของผมที่เริ่มร้อนสัมผัสกับต้นขาเนียนของเธอ มือของเราต่างทำหน้าที่ของมันจนกระทั่ง…

          เมื่อเธอเริ่มรุกล้ำเข้ามาภายในเสื้อเชิ้ตสีเรียบของผม สัมผัสจากหน้าท้องอ้อมไปหาแผ่นหลัง และเริ่มที่สอดมือเข้าไปในกางเกงนอนของผม นั่นแหละจริงทำให้ผมรู้สึกตัว นึกอะไรได้บางอย่างขึ้นมาได้

          “….” ผมดันตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเธอที่กำลังเคลิบเคลิ้มยังตกใจ

          “คราวนี้มีอะไรอีกล่ะคะ”

          “…..ถุงยางผมหมด”

          เธอหัวเราะออกกมานิดหน่อย ก่อนจะใช้มือขึ้นมาตบหัวผมเบาๆ สองทีคล้ายโอ๋เด็ก ขยี้ผมหน้าที่ไม่ได้เซทนั่นอีกต่างหาก แล้วก็วางมันอยู่อย่างนั้น

          “ครั้งเดียวเองไม่เป็นไรหรอก” ยิ้มแรกของวันปรากฏขึ้นบนหน้าที่แสนเศร้าของเธอ ผมทั้งดีใจและเจ็บปวดใจในคราเดียวเลย

           “เรนะแน่ใจนะ”

          “อื้ม”

          เราจูบกันอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง ผมจูบด้วยความรัก ความเป็นห่วงและความคิดถึง แล้วคุณล่ะเรนะ ตอนจูบผมคุณรู้สึกยังไงและคิดอะไรอยู่กันนะ

อา… นี่ผมชักจะเมาเพราะกลิ่นเหล้าจากในโพรงปากของคุณซะแล้วสิ

……….
…..

เช้าวันเสาร์

ม่านไม่ได้ถูกเปิดเหมือนอย่างเคย ผมจึงรีบผลิกตัวกลับมาหวังว่าจะเจอคนนอนอยู่ข้างๆ

          “อรุณสวัสดิ์” เธอนอนตะแคงหันมาทางผม ไม่รู้ว่าตื่นนานรึยัง

          “อื้ม อรุณสวัสดิ์” ดีใจจังที่คุณยังอยู่

          “นึกว่าคุณจะไปซะแล้ว”

          “ตอนนี้ยัง” เธอยิ้มบางๆ ตาฉายแววเศร้าอีกครั้ง ไม่ชอบเลยที่เห็นคุณเศร้าแบบนี้ ยอมเห็นคุณเมาหัวราน้ำซะยังจะดีกว่า

          “หมายความว่ายังไง”

          “ฉันว่า…ให้นี่มันเป็นครั้งสุดท้ายของเราดีกว่านะ”

นี่สินะเหตุผลที่คุณยังนอนอยู่ตรงนี้ เพื่อที่จะยกเลิกความสัมพันธ์ของเรา ผมเงียบก็จริง แต่ในหัวมันกำลังครุ่นคิดหาคำพูดต่างๆ นานา ที่จะรั้งเธอไว้ให้อยู่กับผมต่อ ผมยอมเป็นแค่เพื่อนคลายเหงาก็ได้ ขอแค่เธอไม่ทิ้งผมไป

ความรักนี่มันช่างน่ากลัวจริงๆ มันทำให้ผู้ชายอกสามศอกอย่างผมยอมให้กับผู้หญิงตัวบางๆ ที่กำลังนอนส่งยิ้มปนความทุกข์มาให้

          “สงสัยมาตลอดสินะว่าทำไมต้องเป็นช่วงคืนวันศุกร์”

           “….”

          “แทบทุกวันแฟนของฉันเขาจะออกไปผลาญเงินเล่น ส่วนใหญ่จะเป็นเงินในส่วนที่ฉันหามาได้ จะมีก็วันศุกร์นี่แหละที่มันจะหายหัวไปเลย กลับมาอีกทีไม่ค่ำๆ วันเสาร์ ก็วันอาทิตย์ เมื่อก่อนเขาก็ดีอยู่หรอกแต่มันเริ่มออกลายก็หลังจาก…เฮ้อ ฉันที่อยู่ห้องไปก็ฟุ้งซ่านเปล่าๆ เลยมักจะออกไปดื่มคนเดียวที่ร้านประจำ ไม่ไกลจากคอนโดของเธอนี่แหละ” ผมพอจะนึกออกว่าร้านไหน แต่ไม่คิดว่าเธอจะไปที่นั่นแทบทุกสัปดาห์

           อยู่ๆ เธอก็ตอบข้อข้องใจของผมออกมาแทบจะทั้งหมด ตอนนี้ผมเข้าใจที่เป็นแบบนี้ก็เพราะแล้วว่าเธอกำลังคบกับผู้ชายเฮงซวยคนหนึ่ง แต่ที่ไม่เข้าใจเลยก็คือ “ทำไมคุณไม่เลิกกับเขาซะ”

          “ขอโทษนะ ที่ฉันมานอนกับเธอเหมือนเห็นเธอเป็นที่ระบายอารมณ์ ระบายความใคร่ เห็นห้องเธอเป็นที่พักให้สางเมาก่อนกลับคอนโดของตัวเอง ฉันขอโทษจริงๆ นะ”

เหมือนเธอจะไม่ได้สนใจคำถามของผม เธอได้แต่พ้นคำขอโทษและคำสารภาพออกมา ยอมรับนะว่าผมเจ็บ ที่ผมมีค่ากับเธอแค่นั้น มันดูน้อยกว่าที่ผมคิดไว้หน่อยเดียวเอง แต่ผมก็หวังไว้สูงว่ามันจะอีกอย่าง

           ผมใช้มือเกลี่ยผมเธอที่ปรกหน้าขึ้นถัดหู มองใบหน้ายามเช้าของเธอที่ไม่ได้สดใสนัก นิ้วของผมเฉียดโดนพลาสเตอร์ยาที่หางคิ้วของเธอ เฉียดโดนดวงใจผมไป เห็นเธอเจ็บตัวเพราะคนแย่ๆ ที่เธอเลือกนี่มัน…

          “เรนะ คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยนะ ทำไมถึงยังคบกับเขาอยู่ ผมไม่ได้ยุให้พวกคุณแตกแยกแต่ที่ฟังมาเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร”

          “ที่ทำกับเธอแบบนี้ ฉันเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะ จุน” เธอย้อนแยงผม โดยใช้ตัวเธอมาเปรียบ มันไม่เหมือนกันนะ มันเพราะผมรักคุณต่างหาก

           “คุณคงรักเขามาก…” แล้วผมก็ผลิกตัวแหงนหน้ามองเพดาน กลัวว่าน้ำตามันจะไหลหากนอนตะแคงตอนพูดคำนั้นจบ

          “มันซับซ้อนกว่านั้น…” อะไรกันที่ซับซ้อน เธอเขยิบตัวเข้ามาใกล้ผม โอบกอดผมภายใต้ผ้าห่มที่ปกปิดเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของเราทั้งสอง วางใบหน้าไว้บนไหล่ของผม

          “ต่อไปนี้จะเป็นความลับอย่างสุดท้ายที่ฉันจะบอก ต่อจากนี้ไม่ว่าจะหลังฉันพูดจบ ลุกออกจากเตียง หรืออกจากห้องไปแล้ว หากจุนจะเกลียด ฉันเข้าใจ”

          “หึ นี่คุณพูดเอาซะผมกลัวแล้วนะ”

          “เขาไม่ใช่แค่แฟนแต่เขาเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฏหมายของฉัน”

          รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงมากลางอกของผมในห้องนี้เลย ตอนนี้ผมชาไปหมด ชา…ไปถึงปลายเท้า นี่หัวใจผมยังเต้นอยู่มั้ยเนี่ย รู้อย่างงี้ผมน่าจะทำประกันชีวิตกับบริษัทของตัวเองไว้สักหน่อยแฮะ นึกให้ขำยังไงตอนนี้มันก็ขำไม่ออกแล้ว ที่ออกมาก็คงมีแต่น้ำตาของผมนี่แหละ

เธอใช้นิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้ผม โดยที่ไม่รู้เลยว่าความอ่อนโยนของเธอมันยิ่งทำให้ผมเจ็บปวดเป็นเท่าตัว ผมรักทุกความอ่อนโยน ทุกการสัมผัส ทุกคำพูด ทุกการกระทำของเธอ และพอคิดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ ใกล้ชิดกันแบบนี้แล้ว….

ผมแทบจะขาดใจตายไปเสียตรงนั้นเลย

**********

คือ อยากแต่งดันโซ อยากใช้คำว่า ผม นี่คือเหตุผลหลัก ฮ่าๆๆๆ

ที่จริงมันมีตอนต่อนั่นแหละ แต่ไม่รู้ว่าจะลงต่อตอนไหนดี ลวบสฟ. ก็ยังไม่จบ

ก็เลยใส่ไปว่าเป็น os ไปก่อน เพราะคิดว่าจบแบบนี้ก็ได้อยู่

อ่านแล้วรู้สึกตะหงิดๆ แปลกๆ ก็ขออภัยด้วยนะคะออกแนวด้นสด ปิ๊งตอนเดินลู่ขณะฟัง one more night ของ maroon5

โอ้ววว ฟิคนี้มัน…นี่สินะโลกของผู้ใหญ่ เรายังไม่เข้าใจเท่าไหร่ขออนุญาตเก็บความรู้ไว้แต่งฟิคตัวเองในโอกาสหน้านะคะ อิอิ//กราบงามๆ 

เจอคำว่าสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายเข้าไปนี่รู้สึกเหมือนโดนต่อยที่ท้อง จุกเลย ถ้าหย่าก็ต้องมีเรื่องของข้อตกลงที่ทำไว้ตอนจะจดทะเบียนมากมายสินะ

คือแบบอ่านแล้วพยายามคิดหาทางออกต่างๆนานา ว่าเรนะจะทำยังไงดีถึงจะได้รักกับจุน พอเลื่อนอ่านลงมาอีกนิด อ่าวจบ…

งือออออ แบบนี้จุนก็จบแบบปวดใจปวดตับปวดไส้ปวดพุงเลยสิ น่าสงสาร

แต่ตอนรอเรนะมาหา นั่งรอ เอาน้ำให้ คุกเข่าถอดรองเท้าให้ จุนคุงนี่แลอบอุ่นละมุนละไมละม่อมมาก ><

 

ปล. เห็นฟิคนี้เลยนึกได้รีบไปใส่คำว่าดันโซในฟิคตัวเองอย่างไว

ปล.2 มีความชอบฟิคท่านมาก เกิดปีเดียวกะเราแท้ๆ(แอบส่องมา555) แต่แต่งฟิคได้เข้มข้นถูกใจเรามาก ถูกใจยิ่งกว่าฟิคตัวเอง ฮา ไว้มีโอกาสจะไปตามอ่าน ลวสฟ. นะคะ ^^

ปล.3 เราชอบเพลง One more night มาก อยู่โรงเรียนนี่ร้องโคฟกะเพื่อนอย่างมันส์555

ปล.4 ขออภัยที่เม้นยาวนะคะ อิอิ

ชอบชื่อฟิค55555น้องจูเป็นได้แค่เพื่อนนอนหรอ เรนะเธอมันใจร้าย ได้กับน้องไม่ใส่ถุงเดี๋ยวก็ป่องจนได้หรอก แต่เราเชื่อในความเป็นความสุภาพบุรุษของน้องนะคะ ยังไงน้องก็ต้องรับผิดชอบนังเร555555

อ่านจบแล้วคิดเหมือนกันเลยว่า เอ่อ…อ่า… นี่สินะ โลกของผู้ใหญ่ ;_______;

โลกนี้มันโหดร้ายจริงๆ

ความสัมพันธ์ลับๆที่ซับซ้อนแบบนี้ เพลียใจจังค่ะ
ควรจะสงสารใครดี อิจุนเหรอ หรือเรนะ เฮ้อ…….
แต่ก็นะถ้า ผช มัน here ขนาดนั้นทำไมไม่เลิกๆไปค่ะ
เผื่อชีวิตจะแฮปปี้เอนบ้าง ง่อววววววววววววววววววว
ตอนแรกอ่านชื่อเรื่องเรานึกว่าจะมาแนวเอโร่ยๆแน่เลย
แต่ผิดคาดแฮ่ะ เราชอบนะไม่ได้ขายฉากอย่างว่ามาก
จุดเด่นอยู่ที่ความอึดอัดที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ชั่ววูบระหว่างคน 2 คน
พอรู้ว่าที่เรนะเป็นแบบนี้ เพราะอะไรเราก็เกลียดไม่ลงแฮะ

ปล. นอกจาก one more night แล้ว เราว่าเพลง feelings ก็โอเคนะ 55 ถ้าในกรณีที่อิจุนหัดเห็นแก่ตัวหน่อย แบบแย่งเรนะมางี้  
      อีกนิ๊ดดดดด ถ้ามีตอนต่อก็ดีนะคะ>>โดนน้องตบ

ว้าว! เห็นชื่อเรื่องก็ร้องว้าวแต่พอเปิดอ่านจนจบร้องว้าวววววววยาวๆ 55555
ความรู้สึกหลังอ่านจบคือสงสารและหมดหวังแทนเจ้าจุนยังไงไม่รู้สิ
เรนะเหมือนจะรักสามีไม่ก็ผูกพัน หรือไม่ก็มีเหตุผลที่ทำให้เลิกไม่ได้
คนมาทีหลังและไม่รู้เรื่องอะไรก็น่าสงสารไป จุนเอ้ย… ซดน้ำใบบัวบกนะลูก
แต่เรนะเองก็ไม่ใช่ว่าไม่น่าสงสาร น่าสงสารมากกว่าจุนด้วยซ้ำที่ผูกมัดตัวเองกับสามีแบบนั้นไปแล้ว

ไอครั้งเดียวนั่นขอให้มันป่องทีเถอะ น้องจูจะได้มีกำลังใจแย่งมา
แต่ก็นะการหย่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ บางทีอาจจะยากและคิดหนักมากกว่าตอนแต่งด้วยมั้ง
ยิ่งถ้าเรนะซังมีลูกอยู่แล้วด้วยนี่ยิ่งลำบากใจกันเข้าไปใหญ่ อึดอัดกันหมดสองสามสี่คน
โลกของคนสามคนเป็นอะไรที่เข้าถึงยากจริงๆ

อ่านแล้วเข้าใจโดยทันทีว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง เพราะเคยโดนลักษณะทำนองนี้มาเหมือนกัน

โอ้ววว ฟิคนี้มัน…นี่สินะโลกของผู้ใหญ่ เรายังไม่เข้าใจเท่าไหร่ขออนุญาตเก็บความรู้ไว้แต่งฟิคตัวเองในโอกาสหน้านะคะ อิอิ//กราบงามๆ 

เจอคำว่าสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายเข้าไปนี่รู้สึกเหมือนโดนต่อยที่ท้อง จุกเลย ถ้าหย่าก็ต้องมีเรื่องของข้อตกลงที่ทำไว้ตอนจะจดทะเบียนมากมายสินะ

คือแบบอ่านแล้วพยายามคิดหาทางออกต่างๆนานา ว่าเรนะจะทำยังไงดีถึงจะได้รักกับจุน พอเลื่อนอ่านลงมาอีกนิด อ่าวจบ…

งือออออ แบบนี้จุนก็จบแบบปวดใจปวดตับปวดไส้ปวดพุงเลยสิ น่าสงสาร

แต่ตอนรอเรนะมาหา นั่งรอ เอาน้ำให้ คุกเข่าถอดรองเท้าให้ จุนคุงนี่แลอบอุ่นละมุนละไมละม่อมมาก ><

 

ปล. เห็นฟิคนี้เลยนึกได้รีบไปใส่คำว่าดันโซในฟิคตัวเองอย่างไว

ปล.2 มีความชอบฟิคท่านมาก เกิดปีเดียวกะเราแท้ๆ(แอบส่องมา555) แต่แต่งฟิคได้เข้มข้นถูกใจเรามาก ถูกใจยิ่งกว่าฟิคตัวเอง ฮา ไว้มีโอกาสจะไปตามอ่าน ลวสฟ. นะคะ ^^

ปล.3 เราชอบเพลง One more night มาก อยู่โรงเรียนนี่ร้องโคฟกะเพื่อนอย่างมันส์555

ปล.4 ขออภัยที่เม้นยาวนะคะ อิอิ

อ่านจบอารมณ์แบบ อุส่าห์เอาไฟฉายมาทำไมไม่ได้ใช้ 5555

แต่ไม่เป็นไร น้องจูช่างน่าสงสารโดน ผญ หลอกให้ฟันแล้วก็จากไป //มามะ อกพี่ว่างซบได้นะ