[Fic Collection] OS : -空が泣き虫になったの日の物語- เรื่องเล่าของวันที่ท้องฟ้ากลายเป็นเด็กขี้แง 2016/02/17

NEW UPDATE

2015/05/17

 

 

-空が泣き虫になったの日の物語-
เรื่องเล่าของวันที่ท้องฟ้ากลายเป็นเด็กขี้แง

 

—————-

 

——-

Ongoing

Till the Last of Us 

——————————–

CONTENT

————

– One shot –

First time in twenty (Mayuki)

Winter Birthday (AyananMiki)

The place I never seen(Yuki)

Held me , In the midsummer’s night (AyananMiki)

 

– 狂気姫の思う  ความทรงจำของราชินีบ้าคลั่ง

 

-空が泣き虫になったの日の物語– เรื่องเล่าของวันที่ท้องฟ้ากลายเป็นเด็กขี้แง

 

————————–

– Shot Fiction –

「Keep… 」(RenaYuki)

Plan(Mayuki)
 

Short OS 柏木由紀 x 松井玲奈

(1) – その時以来、気づかないの? – 柏木由紀 x 松井玲奈

(2) – ずっと知っているから、大丈夫 – 柏木由紀 x 松井玲奈

(3) – ゆめだったら どうする? – 柏木由紀 x 松井玲奈

————————–

– Sequent Fiction –

Inexplicable Rival/Lover? (MaYuki+Rena)

Inside (Mayuki)

———————

แงงงงง คู่นี้น่ารักอีกแบ๊วววว >_<

กิรินก็น้าาา เค้าอ่านเธอออกหมดละ 55555

อ๊ายยยยยยยยยย น่ารักอ่าาาาา มายุตันเป็นผู้ใหญ่แล้วคุณแม่ก็ไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์สินะ //ผิด

ไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์ไปอีกคู่แล้ว หลังจากนี้จะทำอะไรกันก็ได้แล้วสินะมายูกิ ~

ขอโมเม้นดีๆแบบเยอะๆเลยนะ ~

ขอบคุณสำหรับวันช๊อตน่ารักๆแบบนี้นะครับ!

เมื่อย้วย20จะทำอะไรๆก็ไม่มีใครว่าแล้วสิน๊า~<3
จริงๆก็ไม่มีใครว่านะ5555//อะเร๊ะ
อรั๊ยยยยยยย ฟินนนน ชอบง่ะมุ้งมิ้งๆ >///<

 จะมุ้งมิ้งไปไหนเนี่ย ><

บร๊ะ!!!!

หลังจากนี้คงได้เห็นฉากสวีทคู่นี้มากขึ้นสินะ 555

แล้วของน้องจูละ #หื้มมม??

โอ้วว อ่านไปเลือดก็หยดติ๋งๆ หมดตัวล่ะ 55555 พี่กิรินไปสัญญาไว้เเต่ดันจำไม่ได้ซะงั้นน 

โอยย บรรยายไม่ถูกก 55555 

พี่กิรินคะ ลืมได้ไงกันเรื่องสำคัญเลยนะ 5555

อ่านชื่อหัวข้อมันชวนจิ้นไปไกลยันดาวเสาร์เลย ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ 

แอร๊ยย !! แม่ลูกคู่นี้น่ารักเกินไปแล้ว ><

ฟินเว่อออออออออออออออ

Winter Birthday

– Shinozaki Ayana x Nishino Miki –

 

 

‘ฉันอยากเป็นซานต้า… จะได้เข้าปล่องไฟไปหาเธอได้’

‘เธอชอบทำท่ารังเกียจฉัน แต่ก็เป็นประเภทเดียวกับเด็กประถม ที่ชอบแกล้งคนที่ชอบนั่นล่ะค่ะ’

‘ปากไม่ตรงกับใจก็แบบนี้ล่ะ แต่ก็น่ารักมากเลยนะคะ’

‘ของขวัญวันเกิดฉันปีนี้ ขอเป็นได้จับต้องเธอมากขึ้น คงจะมีความสุขมากเลยค่ะ’

‘ฉันชอบเธอที่สุดเลย’

 

“โกหกๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงสาวน้อยเดินปึงปัง เข้ามาในโรงละคร ด้วยสีหน้าที่ใครเห็นก็ต้องบอกว่าหงุดหงิดอยู่

“อ้าวมิกิ ยังไม่กลับอีกเหรอ?” เสียงใสที่คุ้นเคยถาม
โอคาดะ นานะ ผู้ที่แม้เลิกซ้อมแล้วก็จะอยู่ซ้อมจนดึกต่อตลอดเวลา ไม่ยอมกลับบ้าน เอ่ยถามเธอ

“เห็นไหมล่ะว่ายังอยู่ จะถามทำไม” ด้วยความหงุดหงิดเลยพูดตอบไปแบบไม่คิด

“มิกิ! พูดดีๆหน่อยสิ!” นานะเดินมาจับหน้าเธอแล้วจ้องมองด้วยสายตาดุ “นี่ฉันถามดีๆนะเป็นอะไร”

“เอ่อ… ขอโทษนะนานะจัง พอดีฉันลืมของเลยวนกลับมาเอาน่ะ” เมื่อโดนสายตาปรายของคนตรงหน้า ก็ต้องยอมสยบด้วยความเกรงใจทันที

“แล้วเป็นอะไรรึเปล่า? ทำไมดูอารมณ์ไม่ดีเลย” นานะย้ายมือจากใบหน้าเป็นที่ไหล่ แล้วตบด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ได้เป็นอะไร แค่หาไม่เจอก็เลยหงุดหงิด แต่ว่าจะช่างมันแล้วล่ะ” มิกิบอกปัด

“อ้าว ไม่ได้นะ ของสำคัญรึเปล่า บอกมาสิฉันจะได้ช่วยหา” นานะแสดงสีหน้าร้อนรน ตั้งใจจะช่วยจริงๆ

‘ของสำคัญรึเปล่าเหรอ…’

“ไม่หรอก ช่างเถอะ ฉันจะกลับแล้ว” มิกิเปลี่ยนสีหน้า พยายามบอกนานะว่าไม่เป็นไร แล้วก็ขอปลีกตัวออกมา

“ไม่ได้นะ! ของตัวเองต้องรักษาหน่อยสิ ลองไปดูในห้องแต่งตัวดูรึยัง?” นานะถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“โอเค โอเค ไปดูอีกทีก็ได้ ถ้าไม่เจอฉันว่าจะกลับแล้วล่ะ”

“ให้ฉันช่วยไหม?” ทำท่าว่าจะเดินตาม แต่อีกคนก็ยกมือมาห้ามไว้

“ไม่เป็นไร นานะซ้อมต่อไปเถอะ”

ฝีเท้าเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวด้านหลังเวที แต่ก็พบแค่ความว่างเปล่า

มิกิสอดส่องสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่พบกับสิ่งที่ต้องการ เลยตัดสินใจเดินกลับออกไปด้านหน้าโรงละคร ที่ซึ่งสมาชิกคนอื่นในทีมกำลังเตรียมตัวกลับอยู่

วันนี้มีซุ้มดอกไม้ จัดสวยงามอยู่หน้าทางเข้า ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าแบบนี้หมายถึงมีการแสดงรอบวันเกิดของใครสักคน

มิกิเดินเข้าไปชะเง้อมองในกลุ่มคนนั้น ก็ยังไม่เจอสิ่งที่เธอตามหา

“นี่ มีใครเห็นอายะนันมั้ย?” มิกิเอ่ยถาม

“ชิโนซากิเหรอ? เมื่อครู่ยังเห็นมาถ่ายรูปอยู่เลย กลับไปแล้วมั้ง? วันนี้วันเกิดเค้าด้วยนี่” ซะโฮ หนึ่งในพี่ใหญ่ของทีมทำหน้าครุ่นคิดแล้วตอบกลับ

“อืม ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ” เมื่อได้ทราบคำตอบ มิกิจึงจำใจเดินไปหยิบเสื้อโค้ทและกระเป๋าที่วางกองไว้ ตอนนั่งรอใครบางคนซะนาน แต่ก็ไม่โผล่ออกมาสักที จนต้องเข้าไปเดินหาเมื่อครู่นั้น ขึ้นมาใส่

อากาศหนาวแบบยังคงมีหิมะกลางเดือนมกรา ทำให้ต้องระวังสุขภาพเป็นพิเศษ ทั้งเสื้อคลุม ผ้าพันคอ ถุงมือ และรองเท้าบู้ท ป้องกันความหนาวทำให้มิกิดูเหมือนตุ๊กตานุ่มๆตัวเล็กๆ

เด็กสาวตัดสินใจกลับ เดินไปยังลิฟท์ด้านหลังของโรงละคร ที่นำไปสู่ทางออกด้านหลังของตัวอาคาร

“คนโกหก” มิกิพูดออกมาลอยๆ เมื่อหยุดตรงหน้าประตูทางออก

สายตามองเห็นแต่หิมะขาวตามถนนและทางเดิน

อากาศที่หนาวจับใจทำให้เด็กสาวต้องกระชับเสื้อและยัดมือลงข้างในกระเป๋า

สาวน้อยสูดอากาศ กลั้นใจเดินออกจากตัวอาคารไป…

…ได้สามก้าวเท่านั้นก็มีเสียงหนึ่งทำลายความเงียบขึ้นมา

“ใครโกหกเหรอ?” เสียงที่ไม่ต้องหันไป ก็รับรู้ได้ว่ามาจากคนที่เธอเฝ้าตามหา

ฝีเท้าที่ชะงักไปครู่ ตัดสินใจเดินต่อโดยไม่สนใจหันไปเสวนาใดๆ

“มิกิ~” อายานะ กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมาเกาะแขนเด็กสาวไว้ ถึงแม้อีกคนจะอายุน้อยกว่า แต่ก็ตัวสูงกว่าเธอ

“อย่ามาจับ!” มิกิพูดพร้อมสะบัดแขนนั้นให้หลุดไป

“เอ๋~ โกรธอะไรฉันเหรอ?” ยังไม่ยอมแพ้ คว้าแขนมาไว้อีกรอบ

“ก็บอกว่าอย่ามาจับ!” คราวนี้สะบัดอย่างแรง และหันหน้ามาค้อนด้วยความโกรธ

ตาแดงๆนั้นทำให้เข้าใจได้ว่าเด็กน้อยคนนี้เกือบจะร้องไห้มาแล้ว

อายานะปล่อยมือคนตรงหน้า และตัดสินใจเดินตามไปเงียบๆ

จวนถึงแล้ว เส้นทางที่คุ้นเคย การเรียงตัวของบ้านและถนนที่คุ้นตา

ยอมรับว่าตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเด็กน้อยข้างหน้าจะเดินไปไหน

แต่หนทางที่เห็นนั้น มันคือทางไปบ้านของเธอเอง

“มาส่งฉันเหรอ?” อายานะเอ่ยถามทำลายความเงียบ แต่ก็มีเพียงความเงียบตอบกลับมา

‘ไปทำอะไรให้โกรธนะ’

สาวผู้รุ่นพี่ยืนหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง จนไม่ได้สังเกตว่าอีกคนหันกลับมามอง

รู้สึกตัวจากถุงมือเล็กๆ ที่เอื้อมมือมาจับมือเธอให้เดินต่อ

ทำให้อายานะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ

เธอเอื้อมมือไปถอดถุงมือนั้นออก พร้อมถอดถุงมือของตนเองเก็บเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ท

มิกิเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย

อายานะนำมือเปล่าเอื้อมไปเกาะกุมมือเล็กๆอีกข้างนั้น แล้วยัดลงไปในกระเป๋าเสื้อของมิกิ

“แบบนี้อุ่นกว่านะ” รอยยิ้มอ่อนโยนเผยออกมา

มิกิออกเดินนำต่อไปโดยไม่หันมามอง

มีเพียงความรู้สึกที่ฝ่ามือนั้น ที่รู้สึกได้ว่าบีบแรงขึ้นครู่หนึ่ง

อายานะลอบสังเกตใบหูของคนที่สูงกว่า ก็เห็นว่าขึ้นสีแดงอ่อนมาเล็กน้อย

สิ่งนั้นทำให้เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

ท่ามกลางถนนทางเดินสีขาวที่ทอดยาว ขาทั้งสองคู่ก็หยุดอยู่หน้าบ้านที่เคยแวะมาประจำ

แม้จะถึงที่หมาย ก็ยังไม่อยากปล่อยมืออุ่นที่ยังกุมกัน

“ถึงแล้วนะ” อายานะเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

“อื้อ”

“ตกลงมิกิงอนอะไรฉันเหรอ?” คนสงสัยหมุนตัวมาจ้องหน้าอีกคน ที่ซุกคอลงในผ้าพันคอตัวเองหลบสายตา

“มิกิ~” สาวร่างบางส่งเสียงอ้อนอีกที

“ก็อายะนันบอกว่า ชอบฉันที่สุด…”

“อื้ม”

“บอกว่าวันนี้อยากอยู่ด้วยกัน แต่อายะนันก็หายไปไม่รอ…”

“ฉันรออยู่ข้างล่างนี่ไง” คนถือศักดิ์อายุมากกว่ายิ้มอย่างอ่อนโยน

“อื้อ” มิกิยังคงหลบสายตาอยู่ ณ ใต้ผ้าพันคอ

เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นล่ะก็ชอบทำไม่ยอมรับ แต่พออยู่ด้วยกันสองคน รึอยู่มุมที่ไม่มีใครมองเห็น ก็เผลอปล่อยท่าทีนั้น เป็นตอบรับเบาๆทุกที

อายานะดึงมือมิกิออกมาจากกระเป๋า และหยิบถุงมือของเด็กน้อยที่เธอเก็บไว้มาใส่คืนให้

“ขอบคุณที่มาส่งนะ” รอยยิ้มที่บริสุทธิ์ที่ส่งมาทำให้แก้มของมิกิมีสีเลือดอีกครั้ง

“ความจริงฉันอายุมากกว่า น่าจะเป็นฝ่ายที่ต้องไปส่งเธอแท้ๆ” อายานะลูบหัวเด็กสาวอย่างเบามือ

“…ไม่เห็นเกี่ยวเลย” มิกิกระซิบผ่านผ้าพันคอนั้น

“อะไรนะ?” เสียงค่อยเกินทำให้ได้ยินไม่ชัด

“ฉันบอกว่าอายุไม่เกี่ยวสักหน่อย! อย่ามาลูบหัวนะ!” มิกิก้าวถอยออกมา แล้วปัดมือที่ลูบอยู่ออก

“เลิกทำเหมือนฉันเป็นเด็กสักที!” ท่าทีก้าวร้าวขนาดไหน ก็ไม่ทำให้อีกคนโกรธเคือง

อายานะได้แต่หัวเราะกลับมาเบาๆด้วยความเอ็นดู

“ถ้างั้นฉันเข้าไปก่อนนะ ดึกแล้วรีบๆกลับล่ะ” เจ้าของบ้านเดินผ่านเข้ารั้วบ้านไป

“เดี๋ยว!” ในจังหวะที่จะไขประตูบ้าน เสียงเล็กๆเรียกรั้งเธอไว้ให้หยุดกระกระทำ

อายานะหันตามเสียงเรียกนั้น เห็นเด็กน้อยเดินตรงมาหา เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าด้านหนึ่งและหยิบกล่องของขวัญเล็กๆออกมา

“สะ-สุขสันต์วันเกิดนะ” มิกิพูดตะกุกตะกักด้วยท่าทีเขินอาย

ภาพที่เห็นนั้นมันน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง

“มิกิ…” อายานะ เอื้อมมือไป แต่แทนที่จะคว้าของขวัญ กลับคว้าข้อมือของรุ่นน้องดึงเข้ามากอดไว้

ผู้ถูกกอดรัดพยายามดันตัวออก แต่ก็ไม่เป็นผล

“อย่า-มา-กอด-ซี่” พูดด้วยความยากลำบาก แต่เพียงครู่เดียวนั้นก็คลายรัดออก

อายานะปล่อยอ้อมกอดออกมาเพื่อเปิดดูของขวัญนั้น

สายสร้อยคอสีเงิน ปรากฏออกมา สวยงาม

จี้เล็กๆรูปหัวใจเรียบๆ สังเกตเห็นว่ามีอะไรสลักอยู่ด้านหลัง ก็รีบพลิกมือไปดู

‘A . M’

รอยยิ้มแบบมีความสุขเผยออกมาจากสาวรุ่นพี่ กับหน้าบึ้งๆขึ้นสีแดงข่มความเขินของมิกิ ทำให้ที่ที่มีแต่หิมะปกคลุมตรงนั้น อบอุ่นขึ้นมาทันที

“กะ-กลับล่ะ” มิกิหันหลังเตรียมเดินหนีไป แต่ก็ถูกแรงกระแทกจากด้านหลังให้ล้มลง

ยังดีที่พื้นดินถูกปกคลุมด้วยหิมะหนา ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่ความเย็นที่ไม่ทันตั้งตัว ก็ทำให้เด็กน้อยรีบพลิกตัวขึ้นมา

“อายะนัน! บอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบ-” เมื่อสบเข้ากับสายตาที่เปี่ยมด้วยความหมายนั้น ทำให้เสียงถูกกลืนหายไป

สายตาที่อ่อนหวานและเซ็กซี่ของสาวรุ่นพี่ มองเธอหวานซึ้งแบบลึกในความหมาย

ไออุ่นจากลมหายใจ ของใบหน้าที่อยู่ห่างจากเธอแค่คืบ ทำให้หน้าชุ่มหิมะเมื่อครู่ ร้อนขึ้นมาอีกครั้ง

สายตาที่สบกันทำให้ทุกอย่างโดยรอบเสมือนหยุดนิ่ง

อย่างน้อยก็ลมหายใจของมิกิที่เผลอกลั้นใจไปนิดนึง

ฝ่ายที่ล้มทับอยู่บนตัวเธอ เริ่มขยับมือมากุมมือเอาไว้ ก่อนขยับตัวเพื่อเข้ามาปิดระยะห่างนั้น

ริมฝีบางนุ่ม เลื่อนเข้ามาประกบปากของเธอช้าๆ

ด้วยความตกใจ ทำให้เด็กสาวเบิกตาโพล่ง
แม้คนที่อยู่บนตัวเธอตอนนี้จะชอบมารุ่มร่าม เกาะแกะ ลวนลามเธอแค่ไหน แต่มากสุดก็แค่หอมแก้ม ไม่เคยทำอะไรเธอมากกว่านั้นแม้แต่ครั้งเดียว

คราวนี้ไม่ใช่แค่หน้าแต่เป็นทั้งตัวที่รู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ขยายไปทั่วร่าง …ความร้อนจากรอยประทับนั้น

เด็กสาวหลับตาลง ซึมซับสัมผัสที่อ่อนโยนนั้น เหมือนช่วงเวลารอบตัวหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ

ความรู้สึกโดนเลียริมฝีปาก ก่อนถอนจูบออกไป ทำให้จังหวะหัวใจมิกิกระตุก และกลับมาเดินอีกครั้ง

ลืมตาขึ้นมาพบหน้าของสาวสวยอีกคนยังคงจ้องมาทางเธอ น้ำหนักตัวที่กดลงมาบนหิมะ ไม่ได้ทำให้มิกิรู้สึกหนักเลยแม้แต่น้อย

“มิกิรู้ไหม ฉันพยายามอดทนอยู่นะ…” ฝ่ามือที่เคยอุ่นเมื่อครู่ตอนนี้เย็นเยียบ เอื้อมมือมาแปะหน้าเด็กสาวด้านล่างอย่างแผ่วเบา

“ที่ฉันทำเหมือนมิกิเป็นเด็ก เพราะฉันห้ามใจตัวเองอยู่…”

“มิกิน่ะ อายุสิบห้า อ่อนกว่าฉันตั้งสามปี…” มืออีกข้างหนึ่งที่ค้ำน้ำหนักอยู่สั่นเทาเล็กน้อย

“ปกติก็บอกว่าฉันน่ารำคาญ เกาะแกะ ชอบลวนลาม ฉันก็กลัวนะ กลัวว่าเธอจะเกลียดฉันจนหนีฉันไป”

“…อายะนัน”

“พอยอมห่างมาแบบวันนี้ เธอก็โกรธฉันอีก”

เด็กสาวด้านล่าง ดึงสาวร่างบางลงมากอดไว้ ความเย็นที่แผ่นหลังบัดนี้ได้ละลายไปพร้อมความอบอุ่นตรงหน้าแทนแล้ว

ยังไงก็ตาม ไม่ว่าความรู้สึกทางใจอุ่นแค่ไหน สายงานบันเทิงแบบพวกเธอสุขภาพกายก็ต้องมาก่อน

” อายะนัน ลุกเถอะ หลังฉันเปียกไปหมดแล้ว…”

รุ่นพี่สาวลุกขึ้นยืน และเอื้อมมือไปดึงตัวอีกคนให้ลุกขึ้นตาม

มิกิปัดหิมะที่ติดอยู่ออกจากเสื้อโค้ทเบาๆ พอเงยหน้ามาสบตากัน ก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่ใบหน้าอีกครั้ง

ความรู้สึกจากสัมผัสที่ริมฝีปากนั้นยังอยู่…

…แม้ อายานะจะบอกว่าเป็นฝ่ายอดทน แต่ถ้าเธออยากได้รับจูบอีกสักครั้งเอง คงไม่เป็นไรใช่ไหม?

เด็กสาวที่สูงกว่าหันหน้าไปทางอื่น แต่เอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของร่างบางให้เข้ามาใกล้

ร่างบางสงสัยในท่าทีนั้น แต่ลอบเห็นใบหูที่แดงก่ำนั้นก็พอจะเข้าใจ

เธอหัวเราะคิกเบาๆ แล้วเขย่งตัวจุมพิตริมฝีปากนั้นอย่างอ่อนโยน

คราวนี้ เป็นจูบสั้นๆเหมือนนกที่บินผ่านหน้าใบ

แต่พลังของมันก็ไม่ได้ลดลง

“มิกิ… คืนนี้ค้างที่นี่เถอะ” อายานะเอ่ยขอ

เด็กสาวหน้าแดง ได้แต่กระชับมือที่จับแขนเสื้ออยู่ให้แน่นขึ้น

“ดึกป่านนี้แล้ว ตัวก็เปียกอีก เดี๋ยวจะป่วยเอาเสียก่อน” รอยยิ้มเอกลักษณ์ ยิ้มด้วยความเป็นห่วง

“จะได้ฉลองวันเกิดฉันด้วยไง นะ?”

“…อื้ม” มิกิตอบในลำคอ แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้อายานะยิ้มออกมาอย่างสบายใจ

เธอเดินไปจูงมือเด็กน้อยที่ยังคงหน้าแดงไม่ขยับไปไหน ให้เดินตามเธอไปยังประตูบ้านอันแสนอบอุ่น

โดยที่คืนนี้ คงมีไออุ่นจากคนข้างกาย ทำให้บ้านหลังนี้อบอุ่นยิ่งกว่าเดิมแน่นอน

 

 

ใครเคยอ่านแล้ว ขออภัยนะคะ

ย้ายมาจากกระทู้แยกค่า เอามารวมที่เดียวจะได้ไม่วุ่นวาย

ฮาาาา

เอ๊ะ นี่มันฟิค A.M. หนิ อ่านมาครึ่งหนึ่งเพิ่งนึกออกว่าเคยอ่านแล้ว 555
ยังไงก็ยังฟินนน

ปล.อยากขอบพระคุณท่านอย่างสูงสำหรับซัพท่านชายเบ้ในแฟนเพจของท่าน กราบงามๆ 3 ครั้ง ><

สนับสนุนดันเด็กใหม่จ้า!!!

“ฉันอยากไปเห็น มุมมองที่ฉันไม่เคยเห็นค่ะ”

มันเป็นสิ่งที่ฉันพูดหาเสียงไว้… โพสข้อความลงบล็อกไว้…

และก็เฝ้ารอคอยให้มันเป็นจริง

ในที่สุดวันนี้ก็วนมาถึง

วันตัดสิน สิ่งที่ฉันได้พูดไป

กว่าสามชั่วโมง ท่ามกลางฝนที่เทลงมาไม่พักตั้งแต่ช่วงสาย

ชื่อของฉันถูกเรียกออกมา ในตำแหน่งที่สาม

จากสมาชิกทั้งหมดแปดสิบคน

ฉันได้อันดับที่สาม

ฉันบอกสุนทรพจน์ว่าฉันดีใจที่ได้อันดับขนาดนี้

ที่ยังคงรักษาอันดับไว้ได้

เหล่าผู้คนที่สนับสนุนฉันอาจจะเสียใจที่ไม่สามารถผลักดันฉันไปให้สูงกว่านี้

แท้จริงแล้วแค่นี้ฉันก็ดีใจมากแล้ว

ฉันนั่งลุ้นอันดับที่จะถูกเรียกชื่อต่อจากฉัน
ภวานาจากหัวใจ

“อันดับที่สอง H…”

หัวใจฉันพองโต
ฉันมองหน้าเธอคนนั้น
สีหน้าที่ตื่นตกใจไม่แพ้กัน
เมื่ออันดับสองพูดสุนทรพจน์ของตัวเองจบลง

ก็ถึงคราวอันดับที่หนึ่ง
อันดับของเธอ

เธอร้องไห้ เดินขึ้นมารับถ้วยรางวัล
ใส่ผ้าคลุมสีแดงสดงดงาม

เธอเดินขึ้นไปนั่งอยู่ด้านบนเหนือผู้ใด

‘ฉันอยากเห็นสิ่งที่ฉันไม่เคยเห็น’

ฉันไม่เคยพูดว่าอยากได้ที่หนึ่ง

แม้ว่าเพื่อนๆคนอื่น อยากจะคะยั้นคะยอให้ฉันพูดมัน

ฉันก็ไม่เคยพูดไป

เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ

…เธอประกาศว่าอยากได้ที่หนึ่ง

อยากเป็นที่หนึ่ง

อยากเป็นคนที่ทุกคนยอมรับ

หากฉันบอกว่าอยากเป็นที่หนึ่งเช่นกัน

มันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอก

ฉันไม่อยากให้เธอกังวลมากขึ้น

ฉันไม่อยากเป็นคู่แข่งของเธอ

…สิ่งที่ฉันไม่เคยเห็น
คือภาพเธอที่ถือถ้วยรางวัลในตำแหน่งที่เธอต้องการ

และในวันนี้… ฉันก็ได้รับมันแล้ว

ภาพคนที่ฉันรักที่สุด
ได้รับสิ่งที่เธอเฝ้ารอมาถึงหกปีสักที

“วาตานาเบะ มายุ”

เรื่องสั้นแบบวูบเดียว มโนขั้นสุด
ขออภัย แฟนๆพี่กิรินด้วยนะคะ orz’

มโนจากงานเลือกตั้ง ที่พี่กิรินลุ้นมาก ตอนประกาศที่สอง และยิ้มร่าเริงกับอันดับตัวเอง

พอมายุขึ้นรับ เดินขึ้น ก็คอยดู แถมยิ้มแบบ ฟินมากๆ

ในที่สุดก็มีเซ็นเตอร์เลือดแท้จากทีม B มั่งสักที T_T

สัมภาษณ์ท้ายรายการ ก็ยังบอกเลยว่า “ถึงฉันจะพูดอยากไปเห็นจุดที่ไม่เคยเห็นก็เถอะ แต่ได้ขนาดนี้ฉันก็ดีใจมากแล้วจริงๆ”

โฮฮฮฮฮ

เราก็อยากให้ยูกิรินอยู่ในจุดที่เราไม่เคยเห็นเหมือนกันนะ

 

ดู AKB48 มานานก็รู้สึกผูกพัน อยากผลักดันให้คนที่เรารักอยู่จุดที่สูงที่สุดคะ

 

โหววววววว สุดยอดพลังมโนมากค่ะ 55555

แต่ก็จริงแหละค่ะ กิรินยิ้มเหมือนลูกรับปริญญา 5555555

ส่วนเราก็นั่งฟินอยู่หน้าคอม >////<

อ่านแล้วน้ำตาจะไหล ดีใจด้วยนะมายุจังในที่สุดก็ถึงฝันแล้ววว T^T
ดีใจสุดๆกับการที่มายุได้ที่ 1 ไม่ใช่แค่ท่านมโนเราก็มโน
แต่อย่าที่ท่านบอก….
อัตสึโกะ เซนเตอร์เลือดแท้ทีม A
ยูโกะ เซนเตอร์เลือดแท้ทีม K
มายุ เซนเตอร์เลือดแท้ทีม B
(ถึงจะโดนย้ายไปทีม A แต่ขอคิดออริทีมแล้วกันเนอะ)
ในที่สุดก็ได้ T^T
ส่วนศรีจริงๆก็อยู่ทีม B เป็นทีมแรกแต่ก็คือตัวแทนฮากาตะอยู่ดี

ขอบคุณสำหรับฟิค ซึ้งสุดๆ ขุ่นแม่ผู้รักลูกสาวยอมเสียสละไม่เอาที่ 1 !? แต่กิรินดูเป็นแบ็คอัพชั้นยอดของมายุจริงๆ รักมายูกิ >////< !!!!

โธ่…. นางเอกฝุดๆวากิซัง T////T

จริงๆเราว่ายูกิคงดีใจมาก 

แม้เราจะเชื่อว่าลึกๆแล้วยูกิคงอยากได้ที่หนึ่งเหมือนกัน

แต่เพราะว่าเป็นมายุ คนที่ยูกิรับรู้มาเสมอว่านี่คือสิ่งที่มายุต้องการ

เหมือนเมื่อปีที่มายุได้ที่ 2 แล้วยูกิได้ที่ 3

เราว่าอารมณ์ยูกิคงแบบอยากให้ตัวเองได้ที่ดีขึ้น แต่ก็ดีใจที่เป็นมายุ

อันนี้ความมโนล้วนๆส่วนตัว เพราะเราเป็นโอชิออริทีมบี (ซินดี้ทีมบี)

ซึ่งซัชชี่เองก็เป็น 1 ในนั้น ไม่ว่าใครได้ก็ฟินค่ะ 

แต่ก็ดีใจมากที่มายุได้ ในที่สุด face ของออริทีมบีก็ประกาศศักดา !!! 

(เว่ออีกละ)

– Held me , In the midsummer’s night –

Kimi ni Tsuite / Dakishimeraretara
(Ayanan x Miki)

 

 

(โปรดเปิดสองเพลงนี้ประกอบ สีนํ้าเงินกับสีชมพู คือประโยคที่ยกมาจากเพลง)

—–

 

 

 

– ชิโนซากิ อายานะ Side –

หน้าร้อนที่แสนอบอ้าว ช่วงกลางปี ในจังหวัดที่ห่างไกลจากเมืองหลวง
ไร้เงาตึกสูงเสียดฟ้าให้ลดทอนแสงแดด
เมืองเล็กๆที่มีแต่ธรรมชาติมากกว่าอาคารสถาน

ยิ่งตอนพักกลางวันนั้นยิ่งร้อนยิ่งกว่าอะไร
เด็กมหาวิทยาลัยที่เพิ่งเลิกคลาส เดินกันขวักไขว่ เต็มสถานที่
พักเที่ยงแล้วก็คงไม่พ้นโรงอาหาร
ผู้คนแน่นขนัด ค่อยๆเคลื่อนตัวหาหนทางของตนเอง

ในจำนวนนั้น มีฉัน ชิโนซากิ อายานะ ที่กำลังไล่สายตาหาใครบางคน
ไม่นานก็สะดุดตากับคนที่กำลังตามหา บริเวณประจำที่คนๆนั้นจะมานั่งอยู่ทุกวัน

“มิกี่~” ฉันพุ่งตรงปรี่เข้าไป กอดเด็กสาวมัธยมปลายที่นั่งทานข้าวอยู่ในโรงอาหาร กับกลุ่มเพื่อนของเธอ

เนื่องจากประหยัดพื้นที่ของเมือง มหาวิทยาลัยประจำจังหวัดนี้ จึงมีแผนกมัธยม จนถึงปริญญาอยู่ในรั้วเดียวกัน
โรงอาหารขนาดใหญ่จึงใช้ร่วมกันไปโดยปริยาย
“วันนี้กลับบ้านด้วยกันนะ?” คำถามที่เอ่ยถามไป
“ร้อนน่ะ อย่าเข้ามากอดสิ” เด็กสาวที่อายุน้อยกว่าฉันสามปี สะบัดมือขึ้นเพื่อดันร่างออกไปจากการรัดกุม
หน้าตารังเกียจที่แสดงออกอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ฉันคลายอ้อมกอดนั้น ย้ายมือไปเกาะที่แขนของอีกคนแทน
“วันหยุดพรุ่งนี้มีเทศกาลดอกไม้ไฟด้วยนี่ ไปกันไหม?”
“ไม่เอาร้อน” มิกิพยายามพลิกแขนให้หลุด
“แล้วกลับบ้านด้วยกันไหม?”
“ไม่เอา วันนี้ฉันจะไปกับเพื่อน” ฉันยิ้มอ่อนแรงกับคำตอบนั้น ก็รู้อยู่แล้วว่าจะตอบว่าอะไร

เอาเถอะ ไม่เป็นไร
บ้านมิกินั้นเป็นเรียวคังขนาดใหญ่ที่อยู่ปลายเนินที่เงียบสงบอีกฟากหนึ่งของตัวเมือง
ซึ่งบ้านฉันก็อยู่ใกล้ๆนั้น
ช่วงที่ยังอยู่มัธยมด้วยกัน ก็เลยเดินกลับบ้านด้วยกันทุกวัน
พอฉันย้ายขึ้นมาเรียนมหาลัย และมิกิขึ้นมัธยมปลาย
เหมือนมีกำแพงล่องหนมาเริ่มสร้างระยะทางระหว่างเรา

“เถอะน่า นะ” ฉันอ้อนโดยไม่แคร์สายตาขำๆของเพื่อนๆเธอ
เหตุการณ์ปกติทุกวัน ที่ฉันทำเป็นประจำ แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธทุกที
“อายะนัน อย่ามาตื้อสิ” มิกิพูดเสียงรำคาญ ดึงมือออกแล้วตั้งหน้าตั้งตาจัดการอาหารตรงหน้าของเธอต่อ

ฉันยอมแพ้นั่งเท้าคางจ้องมองมิกิอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เงยหน้าขึ้นมาสบตา
“ไม่ไปหาอะไรกินรึไง นั่งมองแบบนี้มันหยะแหยงนะ” คำพูดร้ายๆที่ออกมาจากปาก แค่ฟังแล้วก็รู้ว่าไม่ได้มีเจตนาว่าจริงจัง
“ฉันมีคลาสอีกทีตอนบ่าย เหลือเวลาตั้งเยอะ แต่เดี๋ยวมิกิก็เข้าเรียนแล้วนี่ ขอนั่งดูมิกิจังให้นานๆดีกว่า” ฉันยิ้มตอบแบบร่าเริง
“…โรคจิต” มิกิสบถพูดออกมา ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันระคายอะไร

…เวลาแห่งความสุข (ของฉัน) ผ่านไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงเพื่อนในกลุ่มมหาลัยเดินมาทักทาย ฉันจึงยอมหันเหความสนใจเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนมหาลัย
“อายานะ! วันนี้ไปคาราโอเกะกันมั้ย?” สาวคนหนึ่งในกลุ่มทัก
“เห~ อีกแล้วเหรอ” ฉันตอบไป “คราวก่อนเพิ่งนัดกันไปเองนี่”
“แต่คราวนั้นเธอไม่ยอมไปด้วย ไม่มีหนุ่มๆมาให้ดูเลย”
“เอ๋~ ไม่เห็นเกี่ยวเลย”

“ไปเถอะน่า เธอเซ็กซี่ที่สุดนี่ ไปแล้วล่อหนุ่มห้องข้างๆได้ตั้งเยอะ ห้ามปฏิเสธอีกนะ!”
…แต่ฉันไม่ชอบสายตาแทะโลมพวกนั้นนี่นา

เหล่ไปมองคนที่นั่งทานข้าวอยู่เมื่อครู่ บัดนี้วางช้อนแล้วหันมาจับจ้องฉันตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
ยังไงวันนี้ก็ว่างนี่นะ
“เฮ่อ… ก็ได้ ก็ได้” ฉันดันตัวลุกขึ้น ว่าจะเดินตามเพื่อนไป
แต่แล้วก็รู้สึกสัมผัสจากชายเสื้อ

“ถะ…ถ้าไม่ไป จะยอมกลับบ้านเป็นเพื่อนด้วยก็ได้” มิกิดึงเสื้อฉันไว้
สายตาที่มองมาแบบเอาแต่ใจนั่น
มันทำให้ฉันอยากแกล้งซะจริง
” แย่จัง ฉันรับนัดเพื่อนไปแล้วน่ะมิกิจัง ขอโทษด้วยนะ”
แล้วปลดมืออุ่นๆนั่น ให้ปล่อยจากชายเสื้อไป
ฉันลุกขึ้นออกจากโต๊ะ หันเดินไปตามกลุ่มเพื่อนที่มาเรียก
มีเสียงเดินตามมา ดึงข้อมือฉันไว้
“ถ้าอย่างนั้น ฉันไปด้วย” สายตาดุจ้องเขม็ง

ริมฝีปากที่อยู่ๆก็ผุดยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาเอง…
“เอาสิ”

…………

– นิชิโนะ มิกิ Side –

เสียงดนตรีดังออกจากลำโพงกระหึ่ม
เสียงตะโกนร้องเพลงที่ถูกขับออกจากไมค์

มันช่างระคายหูเหลือเกิน

รอยยิ้มนั่นก็เหมือนกัน
ยิ้มหว่านเสน่ห์กับคนอื่นไปทั่ว
โดยไม่แคร์สายตาใคร

“สั่งน้ำอะไรไหมครับ คุณอายานะ”
กลุ่มหนุ่มหล่อจากห้องคาราโอเกะข้างๆที่เคาะประตูขอเข้ามาร่วมด้วย ตามที่คาดหวัง

น่ารำคาญจริงๆ

“เอ…ฉันเอาอะไรก็ได้ค่ะ” สาวผู้มีไฝเสน่ห์ใต้ริมฝีปาก ยกนิ้วแตะริมฝีปากนั้นด้วยท่าทางครุ่นคิด
แล้วตอบคำถามด้วยคำตอบมหาชนของหญิงสาวทั่วไป
ท่าทางนั้น ทำให้ฉันเผลอพ่นลมหายใจออกมา
“คาลพิสแลคโตะโซดา กับน้ำเปล่าแก้วนึง” ฉันพูดแทรกออกไป โดยไม่มองหน้าผู้ชายพวกนั้น
อายะนันยิ้มแหยๆพยักหน้าว่าเอาแค่เท่าที่ฉันพูด แล้วก็หันไปสนใจอย่างอื่นต่อ


…เธอก็รู้ดี ว่าฉันหลงรักใคร…
…เรื่องที่เธอนั้นชอบดื่มชามากกว่าดื่มกาแฟ
…เรื่องเธอที่เล็มปลายผมออกไปหน่อยหนึ่ง
…เรื่องที่เธอชอบเล่นพิลาทีส

“อายะนัน ร้องเพลงอะไรดีครับ?”
“No Sleeves , Relax” ฉันพูดตอบแทนอีกครั้ง
คราวนี้ได้รับสายตาเหมือนขัดคอกลับมา จากผู้ชายพวกนั้น
อายะนันเอื้อมมือมาแตะขาฉันเบาๆ
“เพลงนั้นล่ะค่ะ ฉันชอบนักร้องนำมากเลย” รอยยิ้มหวานตอบกลับไป และรับไมค์ที่ส่งมา


…เธอไม่ชอบหนังสยองขวัญ
…นักร้องคนโปรดของเธอคือ นอร์ร่าโจน
…มีโลกส่วนตัวสูง โลกกรุ๊ปบี
…เพียงไม่กี่ปีที่ได้พบกัน
…เห็นตอนเธอไม่แต่งหน้าแล้วด้วยซ้ำ
…ทำไมฉันถึง
…รู้เรื่องราวของเธอมากมายขนาดนี้นะ

เสียงไพเราะกับมุกตลกที่ทำให้ทั้งห้องบรรยากาศดี
แก้วต่างๆที่แห้งขอด ทุกอย่างเข้าสู่ความเนือยและอีกไม่นานก็คงจะจบลง
ลองขอตัวแวะออกไปดูข้างนอก พบว่าฟ้ามืดมากแล้ว
สำหรับเด็กมัธยมปลายปีหนึ่งอย่างเราก็ควรได้เวลากลับสักที

ฉันเดินกลับเข้าไปในห้อง อีกครั้ง พบว่าผู้ชายที่มาร่วมด้วย สั่งเครื่องดื่มมาเพิ่ม
ของที่ผสมแอลกอฮอล์ทั้งหลาย
และแก้วที่เคยเป็นนมเปรี้ยวโซดานั้น ก็ถูกเติมด้วยของเหลวสีทองอ่อน
ซึ่งสาวมหาลัยเพื่อนใกล้บ้านของเธอ กำลังดื่มอึกเข้าไปตามเสียงเชียร์

นี่ไงล่ะ แค่ปล่อยช่องว่าครู่เดียวก็ได้เรื่อง

ฉันตรงเข้าไปดึงแก้วนั้น วางลงบนโต๊ะ หยิบกระเป๋าวางเงินค่าเครื่องดื่มกับค่าห้องให้พอส่วนของสองคน
แล้วดึงข้อมือลากเธอออกมา โดยไม่สนใจสายตาของกลุ่มคนที่ยังเหลืออยู่
“กลับได้แล้ว อายะนัน”


…ไม่เข้าใจว่าทำไม
…เธอถึงได้เข้ามาอยู่ในห้วงความคิดฉันนัก
…ลองคิดดู อาจจะเป็นตั้งแต่วันนั้นที่เราพบกัน
…ฉันก็เริ่ม
…ที่จะหลงรักเธอข้างเดียว

“ฉันออกไปข้างนอกแป๊บเดียว ดื่มไปกี่แก้วแล้ว”
ถามด้วยน้ำเสียงเข้ม กับคนร่างบางที่เดินตามมาอย่างโซเซ
มือก็กุมข้อมือนั้นไว้ กันสะดุดล้มลงไป

“สามมั้ง” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มนั้นอีกแล้ว
ยิ้มมีเลศนัย เหมือนคิดอะไร

“เฮอะ ทำอะไรไม่เข้าท่า อายะนันเนี่ย” ฉันพูดบอกปัดไป

“มิกิจังเป็นห่วงฉันเหรอ?”
จู่ๆถามอะไรออกมานะ

“…เปล่า”
และก็ปฏิเสธเสียงหัวใจตัวเองอีกครั้ง

“ขอบคุณนะ”
คำพูดเหมือนรู้ทัน
และฉันก็รู้ว่าเธอรู้ทัน


…เพราะว่าฉันรู้จักเธอมากกว่าใคร
…ฉันรู้นิสัยของเธอทั้งหมด
…เพราะว่าฉันนั้นเผลอรักเธอสุดหัวใจ

……….
 

– ชิโนซากิ อายานะ Side –

ตื่นมาแบบมึนหัว
พบภาพทิวทัศน์ที่คุ้นเคย
ห้องตบแต่งสไตล์ญี่ปุ่น
หน้าต่างม่านไม้ ระเบียงที่เปิดออกไปเจอภูเขาสีเขียวสบายตา
เพียงแต่นี่ไม่ใช่ห้องเล็กๆของตนเอง
“กว่าจะตื่นเนอะ” เสียงเล็กๆดังขึ้นมา “นอนยาวจนบ่ายแล้ว”
“ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” ฉันถามเด็กสาวที่นั่งอยู่บนโซฟาไม้ ที่กำลังเปิดหนังสือการ์ตูนอ่านเล่นฆ่าเวลา
ยกมือขึ้นมานวดขมับที่ยังปวดตุ้บจากผลงานเมื่อวาน
“เมาขนาดนั้น พากลับบ้านไป คุณน้าได้ดุฉันพอดี ฉันโทรบอกคุณน้าให้แล้วล่ะ”
“คุณแม่เหรอ? ขอบคุณนะมิกิจัง”

“อื้อ ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำสิ เลือกชุดยูกาตะสักชุดในตู้ก็ได้”

 

“ยูกาตะ?”

“…จะไปงานเทศกาลไม่ใช่เหรอ อีกเดียวก็เย็นแล้วจะได้เตรียมไว้ให้เลย”
ฉันยิ้มให้กับความอ่อนโยนนั้น
นานๆทีถึงจะแสดงให้เห็น

“ไหนบอกจะไม่ไป?” ฉันดันตัวขึ้นมาจากที่นอน แล้วพูดแหย่ไป
“เงียบน่า แค่นั่งว่างจนเบื่อแล้วเท่านั้นเอง” มิกิปิดหนังสือ แล้วหันหน้าแดงๆไปทางอื่น
เป็นนิสัยปากไม่ตรงกับใจที่น่ารักเหลือเกิน
ฉันฉวยโอกาสที่มิกิไม่ทันได้ระวังนั้น โฉบเอาจูบหวานๆไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่มิกิจะหันมาโวยวาย ก็รีบวิ่งหนีออกจากห้องไป

เราไม่เคยยอมรับแบบชัดเจนว่าเราเป็นอะไรกัน
แต่ฉันมั่นใจว่าสิ่งที่มิกิแสดงออกมานั้น เดาไม่ยาก
และฉันก็มั่นใจในหัวใจตนเองเช่นกัน

ทุกครั้งที่ทำหน้าแหยง
แต่เมื่อลับสายตาก็จะแอบยิ้มบางๆ
แม้จะพูดจาโวยวาย
แต่ที่จริงแล้วก็ดีใจ

ฉันอาบน้ำเสร็จ เปลี่ยนชุดลำลอง แล้วก็ไปทานข้าวที่มิกิบอกให้พนักงานเตรียมไว้ให้
เตรียมพร้อมให้ทุกอย่าง
รู้นิสัยใจคอฉันทุกเรื่อง
อะไรที่ฉันชอบทาน
อะไรที่ฉันไม่ชอบทาน
ยิ่งชัดเจนว่า มิกิรู้สึกเช่นไร
ความใส่ใจแสดงออกมามากมายเหลือเกิน


…แค่เพียงได้มองเธอ
…ก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาทันที

ล่วงเลยมาถึงตอนเย็น
ฟ้าเริ่มมืด กับเสียงกลองของงานเทศกาลที่กำลังเริ่ม
ฉันเลือกชุดยูกาตาจากในตู้ลายต่างๆออกมา แล้วบรรจงแต่งมัน


…ฉันเปลี่ยนชุดด้วยนะวันนี้
…เป็นชุดที่ฉันชอบที่สุด
…เพราะเมื่อเธอปลดมันออกมาเมื่อไร ฉันจะกลายเป็นผีเสื้อที่งดงาม
…จะกางปีกโบยบินออกไป

แต่ที่จริงก็แค่ ใส่คลุมชุดไปรเวทของเมื่อวาน ที่มิกิเอาไปฝากซักจนแห้งแล้วเท่านั้น

ระหว่างที่กำลังลอง ก็หันซ้ายหัวขวา เรียกให้ลูกเจ้าของเรียวกังนั้นดู

มิกิได้แต่ยิ้มบางๆบนโซฟาไม้นั้น
ไม่มีคำพูดใดๆออกมา


…ทำไมถึงถึงมองฉันด้วยรอยยิ้มหวานขนาดนั้นล่ะ?
…ทำไมเธอถึงไม่พูดอะไรสักคำ

“มิกิจัง…?” ฉันเอ่ยเรียกเพื่อถามความเห็น
แต่เสียงนั้นเหมือนจะไปไม่ถึง
ฉันก้าวไปใกล้มากขึ้น ค่อยๆปลดยูกาตะที่ลองสวมออกให้ลู่ลงไปกับพื้นช้าๆ
ท่าทางนั้น ทำให้มิกิยิ่งตกอยู่ในภวังค์


…เธอรีรออะไรอยู่กันนะ?
…เพียงแค่ลุกขึ้นยืน แล้วยื่นมือออกมาหากัน มันจะดีกว่าแท้ๆ

ฉันแตะไหล่ของมิกิ ดันมันให้ถอยไปติดโซฟา
แล้วยกตัวขึ้นไปวางตัวลงบนตักของมิกิ
ฉันที่นั่งคร่อมอยู่ ทำให้โซฟาอ่อนยวบลงไปตามน้ำหนักของสองคน


…คืนหน้าร้อน ที่เต็มไปด้วยไออุ่นแห่งรัก
…รอยจูบเมื่อตอนกลางวันนั้นยังตราตรึงอยู่ ณ ริมฝีปากฉัน

มิกิเงยหน้าขึ้นสบตา ซึ่งฉันก็ตอบรับมันด้วยการก้มลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากหวาน
มิกิตอบรับจูบแผ่วเบา
แต่แค่นั้น มันไม่พอหรอก
ฉันถอนจูบออกมาช้าๆ และจงใจยั่วด้วยการเลียริมฝีปากของฝ่ายตรงข้าม
ฉันแน่ใจว่ามันทำให้รู้สึกดี เพราะสายตาของเธอมองมาอย่างโหยหา
ฉันจึงโน้มไปเลียที่มุมริมฝีปากอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

มันคงเป็นความรู้สึกจูบ ที่ไม่ใช่จูบ
เป็นการยั่วให้จูบ แล้วก็หนีไป

ท่าทางมันจะได้ผล
สองมือที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวเฉยๆ เริ่มรุกล้ำเข้ามากอดเกี่ยวเอวบางของฉัน เหนี่ยวเอาไว้ไม่ให้หนีไปได้
ไออุ่นจากอ้อมกอดของมิกิ และแรงเหนี่ยวที่มากขึ้น
ทำให้ฉันร้อนรุ่มสุดหัวใจ
มิกิรั้งตัวฉันลงไป คราวนี้เป็นฝ่ายที่เริ่มจูบเอง
…รอยจูบที่หนักหน่วง เริ่มทำให้ฉันอ่อนแรง
เข่าที่เคยคร่อมค้ำอยู่ บัดนี้ก็หมดแรงทรุดลง
กลายเป็นฉันวางตัวแนบกับร่างกายของมิกิเต็มๆ
แม้อายุน้อยกว่า แต่ลักษณะร่างกายที่สูงกว่า ทำให้เธอมีแรงพอที่จะรั้งตัวฉันไว้ไม่ให้ตกลงไป

“มะ…มิกิ…” เสียงอ่อนระทวยที่หลุดลอดออกมาตามลำคอ ทำให้มิกิสะดุ้ง
“อะ อายะนัน…” เด็กน้อยเรียกสติกลับมาเหมือนดั่งที่เคยเป็น
หน้าแดงๆนั่นบอกให้รู้ เพิ่งรู้ตัวว่าหลงไปตามอารมณ์แบบไม่ตั้งใจ
“…ฉัน…เอ่อ…” น้ำเสียงเลิกลั่ก ท่าทางกังวลทำให้ฉัน รีบยกนิ้วเรียวไปปิดริมฝีปากนั้นก่อนที่จะได้พูดอะไร
หารู้ไม่ว่านั่นคือกับดักที่ฉันวางไว้
เพราะงั้นเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ฉันก็ต้องบุกขั้นสุดท้าย

“…ฉันรู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไร …และฉันก็รู้ว่ามิกิรู้สึกยังไง…”

ซบหน้าลงที่ข้างไหล่ของมิกิ แล้วเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย
ให้ลมหายใจอุ่นๆและริมฝีปากอยู่ตรงใบหูของมิกิพอดี
ก่อนจะพูดเปิดฉากด้วยเสียงสั่นๆว่า
“มิกิ…ฉัน…ไม่อยากทนแล้วนะ…”


…หากเธอกอดฉันไว้
…ฉันอาจจะร้อนแรงไหม้ไป
…กลายเป็นเถ้าถ่าน
…ถึงจะเป็นอย่างนั้น
…ฉันก็ไม่เสียใจ

แม้ยังคงนิ่งอยู่ แก้มใสของมิกิเริ่มขึ้นสีแดงหนักขึ้น ท่าทางกำลังอึ้งกับคำพูดของฉัน
เสียงหัวใจที่ดังก้องออกมา จนฉันได้ยินก็ทำให้รู้ว่า กำลังตื่นเต้นเหมือนกัน

“ทุกอย่างของฉัน…ฉันให้เธอ เพราะงั้น…” ฉันบุกด้วยคำพูดอีกครั้ง ให้เด็กขี้กลัวตรงหน้ามีความกล้าขึ้นมา

“…จัดการ…ฉันเถอะ”


…ฉันยินดีที่จะสลายไปเพราะอ้อมกอดของเธอ
…ดีกว่าให้กลายเป็นตัวอะไร
…ที่เธอไม่คิดจะเหลียวแลมัน

ประโยคนั้นทำให้สองมือของมิกิเริ่มลุกล้ำ
ค่อยๆเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาว
เสียงรูดลงของซิบกระโปรงยิ่งทำให้หวั่นไหว
ฉันดันร่างที่ซบอยู่ออกมาจูบมิกิด้วยความอ่อนหวานอีกครั้ง
เสื้อผ้าที่แม้จะปลดออกแต่ก็ยังอยู่ให้รุ่มร่าม
อาจจะเป็นความชอบของมิกิที่ไม่ยอมดึงออกทั้งหมด รึเพราะความเขินอายจนเกินไป
ซึ่งฉันก็ไม่มีปัญหาเรื่องนั้น
ฉันว่ามันเซ็กซี่ดี
มือขวาของคนอยู่ข้างล่างรุกล้ำเข้าไปใต้กระโปรงที่หลุดอออก
ส่วนมือซ้ายก็ประคองร่างฉันไว้
อ้อมกอดมือเดียวที่วนไปด้านหลัง ควานหาตะขอบราเซียสีดำแล้วปลดมันออกให้รุมร่ามกว่าเดิม
มืออุ่นๆที่สัมผัสพื้นที่พิเศษด้านล่างทำฉันเผลอร้องออกมา


…แม้ฉันจะไม่ได้เห็นดอกไม้ไฟบนฟากฟ้า
…แต่ฉันก็ได้ยินเสียงมัน
…ปลุกหัวใจของฉัน
…ให้หลงรักเธอทุกส่วนไป

เสียงนั้นเหมือนเป็นระฆังสัญญาณให้เพลงเสน่ห์หาดำเนินไป
โดยมีความรักเป็นผู้บรรเลง

ครั้งแรกของเรา เกิดขึ้นในห้องนั้น บนโซฟาแบบญี่ปุ่นนั่น
คืนวันหน้าร้อน ที่ยากจะลืมเลือน
 
 
—————————–

-/////////- มิกิ…แจ่มมากลูก//ใครลูกแก