(One Shot)PG-13★ 細雪! WMATSUI

(One Shot) PG-13
★ 細雪! WMATSUI

 

 

 

 

 

“จูรินะซัง วันนี้ไม่ไปดูเรนะซังหน่อยเหรอคะ?”

 

“ทำไมเหรอ?”

“เรนะซังป่วยนี่คะ”

“เรียวฮะตันน่ารักจังเลยน้า! แต่ชั้นว่าเค้าคงไม่อยากให้ชั้นไปหาหรอก”น้ำเสียงตอบที่ดูร่าเริงและกระตือรือร้นสุดๆ จูรินะเข้าไปเกาะไหล่สาวน้อยน่ารักที่เดินเข้ามาทักเธอ ก่อนเอาแก้มขาวๆเข้าไปถูไหล่รุ่นน้องจนคนถูกเกาะต้องเบือนหน้าหนีเพราะไม่สามารถมองหน้าจูรินะได้ตรงๆ

“ทำไมล่ะคะ?”เบือนหน้าไปอีกทางแต่ก็ยังตอบรุ่นพี่จอมขี้เล่นของเธอ เรียวฮะถามจูรินะอย่างสงสัย

“…”และไม่มีคำตอบใดๆตอบกลับมา นอกจากรอยยิ้มแสนหวานบนหน้าสวยเหมือนปกติ

เพราะเรื่องนี้ ต้องไม่มีใครรู้รึเปล่านะ? การมีความรักอะไรแบบนั้นน่ะ… ถึงทำให้เราสองคนเริ่มไม่ค่อยพูดกัน แม้ต่างฝ่ายจะเข้าใจความรู้สึกของอีกคนแล้วก็ตามแทนที่จะสามารถแสดงออกความต้องการและพูดทุกอย่างที่อยู่ในใจทั้งหมดออกมาได้ วันนี้มีงานที่ต้องออกไปพบปะกับผู้คน หรือจะเรียกง่ายๆที่รู้จักในชื่อ งานจับมือ คนมากหน้าหลายตาต่างพากันมาเพื่อส่งต่อความรู้สึกมากมาย กำลังใจ ความเป็นห่วงเป็นใย มันเป็นงานที่พวกเรามักจะได้รับแต่ความอบอุ่นเสมอๆ เป็นงานที่ไม่ว่ายังไงก็อยากจะเข้าร่วม หากไม่ติดงานหรือเป็นอะไรจริงๆ

แต่ในวันนี้ เรนะจัง…เธอป่วยเลยมาไม่ได้และชั้นมั่นใจว่าการปล่อยให้เธอพักผ่อนคนเดียวที่บ้าน น่าจะดีที่สุด

“จูรินะซังคะ?”

 

“อ๊ะ…โทษทีๆ ไปกันเถอะ”จูรินะว่าพลางรีบคว้าขวดน้ำบนโต๊ะและลุกเดินตามเด็กสาวออกไป เธอพยามแล้วที่จะไม่คิดเรื่องอะไรให้ตัวเองไม่สบายใจ เพราะวันนี้เธอต้องพยามมากกว่าทุกวัน พยามเพื่อในส่วนของเรนะ ระหว่างทางเดินกลับเช้าไปในจูรินะกำมือถือของตนแน่น เหมือนกำลังชั่งใจอะไรบางอย่างโดยที่ตนเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

“เรียวฮะตัน ชั้นขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะไว้เจอกันที่โต๊ะกินข้าวเลยแล้วกัน”พอตัดสินใจได้จูรินะรีบหันไปพูดกับเรียวฮะทันที รุ่นน้องสาวยังไม่ทันจะตอบอะไร จูรินะก็กึ่งเกินกึ่งวิ่งออกไปทางห้องน้ำด้านหลังซะแล้ว ถึงจะยัง งงๆ กับอาการของรุ่นพี่อย่างจูรินะ ถึงจะดูร่าเริงเหมือนปกติมันก็ดีอยู่หรอก แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกแปลกๆว่าจูรินะมีอะไรมากวนใจอยู่ตลอดเวลาพิกล

 

“เรียวฮะตัน~ อ่าวแล้วนั่นจูรินะวิ่งไปไหนน่ะ?”เสียงสาวอีกคนที่เดินสวนมาทางเรียวฮะดังขึ้น เธอมองไล่หลังคนที่กำลังเดินออกไปอีกด้านหนึ่ง แค่เพราะสังเกตุจากชุดดูก็รู้ว่าเป็นจูรินะ เรียวฮะยิ้มแห้งๆไปให้หล่อน
“บอกจะไปเข้าห้องน้ำน่ะค่ะมาซานะซัง”เธอตอบ เพราะการเป็นรุ่นน้องในกลุ่มรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์กันมามากมายบางครั้งก็ทำตัวไม่ค่อยถูกหรอกจะว่าไงดีล่ะ เรียกว่า เขิน คงจะเป็นคำที่เหมาะที่สุดละมั้ง

“….หื้อ? ชั้นว่าไม่ใช่นะ”คำพูดทิ้งท้ายของมาซานะทำเอาเรียวฮะเลิกคิ้วขึ้นมาขมวดกันเบาๆ

ที่มาซานะซังพูด…เธอตั้งใจจะหมายความว่ายังไงนะ?

;

;

;

;

;

;

;

;

;

;
 

เห้อ…ชั้นจะทำแบบนี้จริงๆเหรอ จูรินะที่เดินออกมาอยู่หน้าห้องน้ำแล้ว มือทั้งสองกุมโทรศัพท์ในมือไว้แน่นและได้แต่ยืนถอนหายใจแรงๆอยู่อย่างนั้น เธอมองไปยังเจ้าของที่อยู่ในมือ และตัดสินใจพิมพ์อะไรบางอย่างลงไป ก่อนจะส่ายหัวแรงๆและลบมันทิ้ง จนสุดท้ายก็จบลงด้วยการยืนหันหน้าเข้ากำแพงและเอาหัวโขกมันเบาๆสองสามที

นี่ชั้นเป็นอะไร? ..มันคงไม่รบกวนหรอกนะ ที่แย่กว่ากวน ชั้นไม่ได้เขินหรืออายหรอกที่ต้องทำอะไรแบบนี้ก่อน ถึงจะไม่ค่อยได้ทำก็เถอะ ปกติตอนโทรไปหามาริจังหรือเอเคบีซังก่อนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่นา! กับเรนะจัง..

ตื๊ด

ตื๊ด

 

ตื๊ด

ตื๊ด

“เธอไม่รับโทรศัพท์”จูรินะบ่นพึนพำ ใจจริงก็ไม่อยากให้ปลายสายรับเท่าไหร่หรอกหากเธอกำลังนอนหรือพักผ่อนอยู่ แค่ความรู้สึกบางอย่างมันแทบจะล้นทะลักออกมาอยู่แล้ว ชั้นเป็นห่วงเธอนะเรนะจัง… อ่า มันเป็นความคิดที่จูรินะไม่ได้พูดออกไปก่อนจะกดตัดสาย เธอยิ้มน้อยๆอีกครั้งให้กับเจ้าโทรศัพท์มือถือก่อนจะถือมันไว้อย่างเดิมและเดินออกไปจากตรงนั้น

“เรนะจังว่าไงบ้างล่ะ?”เสียงของใครบางคนดังมาจากข้างหลังอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง จูรินะสะดุ้งตัวเบาๆก่อนหันกลับไปหาเจ้าของเสียงแสนคุ้นหูที่เธอรู้จักดึ จูรินะยิ้มกลับไปให้และเดินเข้ามากอดแขนคนที่พูดแน่น

“หื้อ อะไรมาซานะก็!”ว่าเสร็จก็เอาหน้าไปถูกับไหล่ของมาซานะ หล่อนมองคนที่กำลังทำท่าทางออดอ้อนตนเองอยู่ก่อนจะเอามือไปลูบหัวจูรินะเบาๆสองสามที เจ้าเด็กคนนี้ชอบเข้ามาอ้อนเธอแบบนี้เสมอ ถึงบางครั้งมันจะเยอะเกินไปแต่ก็ต้องยอมแพ้ทุกที จูรินะจริงๆแล้วยังไงก็ยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอเองก็คิดเสมอว่าเธอเองคงจะสามารถดูแลอะไรเจ้าเด็กแสบคนนี้ได้บ้างล่ะ

“แหม่..ทำเป็นไม่ชินนะ พวกชั้นรู้กันหมดนั่นแหละ”จะไม่ให้พูดได้ยังไงว่ามองไม่ออก ก็หน้าเจ้าตัวเล่นเป็นลูกหมาหน้าหงอยซะขนาดนี้ จูรินะได้ยินแบบนั้นก็เบะหน้าเล็กๆ

 

“ก็…สงสัยหลับอยู่น่ะ เรนะจังไม่ได้รับสาย”

“อ่าวเหรอแต่ชั้นเห็นไอริว่าเรนะจังยังตอบข้อความของไอริอยู่เลยนี่”มาซานะพูดเสียงเรียบ แต่เธอก็รีบเอามือมาปิดปากแทบไม่ทัน เธอพูดไปแล้ว จูรินะก็ไม่ใช่คนเก็บเรื่องอะไรมาคิดหรอกนะ ปต่ถ้าเป็นเรื่องเรนะ…เธอไม่แน่ใจเท่าไหร่กับการตัดสินใจเรื่องนี้ของเจ้าเด็กน้อยตรงหน้า

“…เหรอ”จูรินะตอบและหุบยิ้มลงเพราะคำบอกเล่าของมาซานะ

 

“อ่าว…อย่าคิดมากเลยน่าเรนะจังอาจจะหลับอยู่จริงๆแหละเนอะจูรินะ”

“อื้อ”ตอบไปทั้งๆที่รอยยิ้มกลับไม่ยอมปรากฏบนใบหน้าเหมือนอย่างเคย นี่ชั้นกังวลเรื่องเรนะจังมากไปหรือเปล่า?…เธออาจจะไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่คิดแต่ถึงอย่างนั้น ก็น่าจะรับสายเธอหน่อยทั้งๆที่ตอบข้อความของไอริได้ จูรินะที่ทำท่าว่ากำลังจะคิดอะไรต่อไปก็รีบหลับตาและส่ายหัวเรียกสติของตัวเอง ชั้นไม่ใช่เด็กแล้วนะ..จะให้มานั่งน้อยใจอะไรแบบนี้ได้ไง พอคิดได้แบบนั้นเธอก็พยามทำหน้ายิ้มไปให้มาซานะและพากันเดินออกไป

คำถามที่ว่า ทำไมเรนะถึงตอบข้อความของไอริแต่ไม่รับโทรศัพท์ของเธอ ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ความไม่สบายใจเหล่านั้นถึงจะลงน้อยลงเพราะผู้คนมากมายที่พากันมาให้กำลังใจเธอ แต่เหมือนความรู้สึกลึกๆแล้วเธอไม่อาจหยุดคิดเรื่องนี้ได้เลย หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง พวกเธอก้ได้เสร็จสิ้นการทำงานของวันนี้ จูรินะรีบเดินตรงเข้าไปหาไอริทันทีที่งานเลิก เธอแค่อยากจะถามดู ถามดูให้แน่ใจ

“ไอริ”

“อ้าว จูรินะมีอะไรเนี่ยรีบเดินมาเชียวนะ”คนตัวเล็กที่กำลังเก็บกระเป๋าเตรียมเดินออกไปหันมาตอบ ก็ดูปกติดีนี่นา?

“เธอได้คุยกับเรนะจังบ้างมั้ย”จูรินะไม่อ้อมค้อมถามอีกคนไปตรงๆในเรื่องที่เธออยากรู้ ไอริเลิกคิ้วขึ้นอย่าง งงๆกับคำถามของจูรินะ

“อ๋อ…เรนะจังเห็นว่าไปโรงพยาบาลมาแต่ได้ยาจากหมอมาแล้วนี่ ปานนี้คงทานยาแล้วหลับไปแล้วมั้ง เรนะจังไม่ได้บอกเธอเหรอ?”เธอตอบและถามจูรินะกลับด้วยความสงสัยถ้าเป็นเรื่องของเมมเบอร์คนอื่นๆละก็จูรินะต้องรู้เรื่องอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องของเรนะ ถึงเจ้าตัวจะไม่พูดถึงหรือแสดงอาการอะไรออกมา แต่มันก็มีอะไรบางอย่างที่คอยทำให้รู้ว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้มันไม่เหมือนคนอื่น มันเป็นอะไรที่ไม่จำเป็นต้องแสดงอะไรออกมา..

 

“เอ่อ เปล่าหรอก ชั้นแค่มาถามดูน่ะวันนี้ชั้นไม่ได้แตะโทรศัพท์เลย”จูรินะเริ่มพูดให้เรื่องที่เธอถามดูเป็นแค่เรื่องธรรมดา ยิ่งได้คำตอบแบบนั้นจากไอริแล้วก็ยิ่งน่าน้อยใจ หรือเพราะเธอทำตัวอะไรให้เรนะโกรธอีกหรือเปล่า? หล่อนถึงไม่ยอมติดต่อมาบ้างเลย

 

“เดี๋ยวก่อนกลับชั้นจะแวะไปหาเรนะจังที่บ้าน ไปด้วยกันเลยสิ”

 

“ไม่เป็นไร ชั้นคงยังไม่ไปหาน่ะ ยังไงก็บอกเรนะจังให้พักผ่อนเยอะๆล่ะ”เธอยิ้มอีกครั้ง ทุกครั้งที่รอยยิ้มของเธอสามารถกลบเกลื่อนได้ทุกความรู้สึก จูรินะรู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังบีบหัวใจของตนอยู่เป็นพักๆ มันอึดอัดจนอยากไปเจอเจ้าตัวให้รู้แล้วรู้รอดอยู่เหมือนกัน
 

“อื้อ ได้เลยของมันแน่อยู่แล้วแหละ ฮ่า ฮ่า!”ไอริหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เธอคงไม่ได้สังเกตุสีหน้าของจูรินะที่ยิ้มเฝื่อนๆ ไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรต่อไปดี อยากจะเรียกร้องความสนใจแบบเด็กๆ อยากทำตัวให้อีกคนเป็นห่วง อยากให้สนใเธอบ้าง อยากจะแกล้งโกรธอีกคนแล้วหายไปเลย แต่ก็ทำไม่ได้จริงๆ…
เพราะเราสองคนต่างรู้ดี ตารางงานที่แน่นเอี้ยด คงไม่สามารถเอาเวลาเหล่านั้นมานั่งทำเรื่องอะไรแบบนี้

เรนะจัง…เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว

พอไอริคุยกับจูรินะเสร็จทั้งสองก็แยกย้ายกันไป ตลอดการเดินทาง จูรินะนั่งเหม่อออกไปนอกกระจกรถตู้คันโต เกล็ดหิมะสีขาวค่อยๆร่วงลงมา ตามถนน ฮีทเตอร์ในรถยังคงทำงานต่ออย่างแข็งขัน แข่งกับอากาศหนาวที่กำลงลดอุณภูมิลงเรื่อยๆข้างนอก

“นั่งไม่พูดไม่จาเลยนะ เป็นอะไรรึเปล่า วันนี้มานอนห้องชั้นมั้ย?”กัปตันทีมคนเก่งที่นั่งอยู่ข้างๆจูรินะ เอามือมาตีไหล่ของเธอเบาๆแทนการสะกิด จูรินะหันมาทำหน้าทะเล้นแทนคำตอบอีกตามนิสัยประจำ
“ไม่ล่ะ วันนี้ชั้นขอกลับบ้านดีกว่ายูกะจัง..คิดถึงชั้นเหรอ”ไม่วายทำปากยื่นส่งจูบไปให้ ยูกะหัวเราะอย่างหมั่นไส้ วันนี้จูรินะดูเงียบๆ ทุกครั้งถ้าจูรินะนั่งข้างเธอแบบนี้ เจ้าเด็กตัวแสบคงได้หาเรื่องมาคุยและแหย่เธอเล่นเป็นเรื่องสนุก วันนี้กลับนั่งมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ทั้งๆที่ตอนที่อยู่ในงานก็ยังดูท่าทางร่าเริงและสบายดีอยู่แท้ๆ ยูกะมองไปรอบๆก็เห็นมือของจูรินะกำลังจับอะไรบางอย่าง นิ้วสวยลูกคลำของสิ่งนั้นไปมา …สร้อยข้อมือ

 

“ยี้ ใช่เรื่องของชั้นเหรอ? เรื่องเรนะจังอีกล่ะสิแหม่..”

 

“เปล่านี่”บทสนทนาแสนสั้น ที่เธอพยามตัดบทมัน เธอยังไม่อยากตอบเรื่องของบุคคลในบทสนาสักเท่าไหร่ เธอเหนื่อย และกังวลใจคงเป็นเพราะพักผ่อนน้อยหรือใช้สมองเยอะเกินไปรึเปล่านะ มันถึงได้เหนื่อยขนาดนี้ จูรินะพยามข่มตาให้หลับหลังจากที่นั่งคิดเรื่องอะไรเรื่อยเปื่อยไปสักพัก ก่อนที่รถตู้จะพาเธอไปส่งถึงบ้าน ยูกะเหลือบมองจูรินะที่นั่งอยู่ข้างหล่อนเป็นพักๆ ยังไงเธอก็ยังเป็นห่วงจูรินะมากอยู่ดี ถึงแม้เจ้าตัวจะบอกว่าไม่เป็นอะไรก็ตาม

;

;

;

;

;

;

;

;

;

;
 

“มีอะไรโทรหาชั้นนะ!”ยูกะเปิดกระจกรถตูออกมาโบกมือให้จูรินะที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน เกล็ยดหิมะเล็กๆยังคงตกลงมาประปรายจากฟ้ามืด เธอมองกลับไปที่กัปตันทีม และอมยิ้มแก้มป่องส่งไปให้

 

“รู้แล้วน่า! บ๊ายบาย” ตอบเสียงร่าเริงเพราะกลัวคนที่เหลือจะไม่สบายใจ วันนี้มันแย่จริงๆที่เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ได้ดั่งใจเลย รู้สึกทุกอย่างมันยากที่จะควบคุมและพลุ่งพล่านไปหมด จูรินะเดินเข้าไปในบ้านและรีบถอดรองเท้า เหวี่ยงกระเป๋าไว้ตรงโซฟาตัวใหญ่ พ่อกับแม่ของเธอกำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ที่โต๊ะ เธอกล่าวทักทายและเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม

“พ่อกับแม่ทานข้าวจะเสร็จแล้วนะ ลูกจะทานอะไรอีกมั้ย?”เสียงคุณแม่เรียกให้เจ้าเด็กน้อยโผล่หัวขึ้นมาจากตู้เย็น

“หนูทานมาแล้วค่ะ วันนี้อยากรีบขึ้นไปพักค่ะแม่”เธอตอบ

“งั้นแม่ไม่เก็บอะไรไว้นะลูก”

“ค่า” พอเจ้าเด็กน้อยจัดการธุระของตนเสร็จก็รีบวิ่งขึ้นห้องไปทันที

จูรินะทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงนอนบนเตียงของตน สายตาจ้องมองไปยังเพดานมือข้างหนึ่งก็พันละวันควานหาเจ้าโทรศัพท์มือถือ เธอหยิบมันขึ้นมาเลื่อนดูสักพัก และก็ต้องถอนหายใจออกมา

วันนี้เรนะไม่อัพบลอค เธอจ้องมองดูโทรศัพท์มือถืออยู่นานสองนานเช่นเดิม นิ้วบางเลื่อนลงไปยังเมนูต่างๆภายในโทรศัพท์ แม้แต่ทวิตเตอร์ที่เธอถามจากเมมเบอร์คนอื่นๆดู ก็เหมือนจะไม่มีอะไรจากเรนะเลย จูรินะมักจะเข้ามาดูบ้างเป็นบางครั้งก็จริงเพราะส่วนใหญ่เธอไม่ค่อยได้เข้ามาเล่นพวกโซเชียลเน็ตเวิร์กสักเท่าไหร่ แต่มันก็ต้องมีบ้างที่จะต้องเปิดเข้ามาดูเรื่องของคนที่เธอเองให้ชื่อว่าคนสำคัญ พักนี้ปกติแล้วทุกวันเรนะต้องเข้ามาอัพเรื่องแกงกะหรี่ พอนึกถึงจูรนะก็หลุดหัวเราะคิกคักออกมาอยู่คนเดียว ทั้งแกงกะหรี่และขนมหวานนั่นแหละ อัพถี่สุดๆเลย เรนะให้ความสำคัญกับงานของเธอเสมอ

สิ่งที่ชั้นทำได้งั้นเหรอ? ชั้นเองก็ไม่ค่อยได้อัพเท่าไหร่…งั้นวันนี้….เผื่อเรนะจังด้วยก็แล้วกัน

เธอยิ้ม จูรินะนั่งกดตัวอักษรต่างๆอยู่สักพัก และกดเลือกภาพอีกสักสองสามภาพ และตามด้วยการอัพมันลงไปบนบลอคของเธอเอง ข้อความยาวๆทั้งหมดล้วนเกี่ยวกับ แกงกะหรี่ และ ขนมหวาน หวังว่าเรนะจังจะเห็นมันบ้างนะ…พอทำธุระบนโทรศัพท์ของตนเสร็จจูรินะก็เดินทอดน่องหายตัวเข้าไปในห้องน้ำ เวลาที่ควรจะผ่อนคลายสำหรับงานในวันพรุ่งนี้ อาบน้ำเสร็จก็อยากจะรีบเข้านอนไวไว เธอค่อยถอดเสื้อผ้าออกและโยนมันไว้ในตะกร้าใกล้ๆ ถอดต่างหู และ สร้อยข้อมือเว้นเล็กออกไปวางไว้บนอ่างล้างหน้า

เธอจะใส่มันนอกเวลางานด้วยมั้ย? เรนะจัง เพราะสายตาที่ไปหยุดจับจ้องอยู่กับสร้อยข้อมือสวยที่ตนถอดวางไว้ กลายเป็นไม่ว่าจะทำอะไรก็เอาแตนึกถึงหน้าสาวสวยคนป่วยไปซะหมด จูรินะเงยหน้าขึ้นมองเงาตัวเองในกระจก

“…”เธอเดินลงไปแช่น้ำในอ่าง และหวังว่าหากการพักผ่อนในวันนี้หมดลง พรุ่งนี้เช้าทุกอย่างคงจะกลับมาเหมือนเดิม ทั้งสภาพร่างกายและสภาพจิตใจของเธอ ถ้าพรุ่งนี้เรนะจังหายดี..มันคงเป็นข่าวดีเรื่องหนึ่งสำหรับเธอ
จูรินะแช่น้ำอยู่อย่างนั้นเกือบชั่วโมง ก่อนเธอจะลุกออกมาเช็ดตัวสวมเสื้อผ้าเตรียมจะเข้านอน นี่ก็ห้าทุ่มครึ่งเข้าไปแล้ว คุณพ่อคุณแม่ของเธอก็คงเข้าห้องเตรียมตัวเข้านอนกันหมด เธอเดินมานั่งบนเตียงพร้อมคว้าตุ๊กตาแสนรักมากอดไว้แน่น เจ้าบราวน์ มาม่า มันเป็นตุ๊กตาที่ให้ความอุ่นใจกับเธอ โทรศัพท์มือถือเครื่องสวยถูกวางไว้ที่หัวเตียง เธอเสียบปลั๊กเพื่อชาร์ตแบตมันไว้

ครืด

ครืด

ครืด

ครืด

“ใครส่งอะไรมาตอนนี้เนี่ย?”

 

「ชั้นอยู่หน้าบ้านเธอ จูรินะเธอยู่ไหน?」

กระพริบตาถี่ๆแถบไม่เชื่อสายตาตัวเอง จูรินะรีบพุ่งตัวลงไปยังชั้นล่างของบ้านและกระชากประตูออกทันทีที่ไปถึง รถตู้สีดำจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามหน้าประตูบ้านของเธอ โดยมีร่างบางของใครบางคนค่อยๆลงมายืนอยู่ข้างรถ เรนะ… จูรินะรีบวิ่งออกจากบ้านไปทั้งชุดนอนและเท้าเปล่า อย่าถามเลยว่าเธอตกใจไหม ดูจากทั้งหมดที่หล่อนทำลงไปแล้ว หล่อนคงตกใจมากแน่ๆ

“…….”ลมหายใจของจูรินะพ่นออกมาเป็นควันขาวๆ เรนะกำลังเดินออกมาจากรถตู้คันนั้น

“ขอบคุณนะคะคุณผู้จัดการ”หล่อนหันไปผงกหัวให้กับคนที่นั่งอยู่ตรงด้านฝั่งคนขับ เรนะกระชับเสื้อกันหนาวตัวหนาและผ้าพันคอผืนโต เธอเดินตรงเข้ามาหาจูรินะที่ยืนอยู่หน้าบ้านด้วยสภาพที่ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่

“….”เจ้าเด็กน้อยพูดอะไรไม่ออก เธอเอื้อมมือออกไปคว้าชายแขนเสื้อกันหนาวแสนหนาของเรนะก่อนจะพาหล่อนเดินเข้าไปในบ้าน เมื่อครู่ที่เธอออกไปข้างนอกด้วยสภาพแบบนั้น ถึงหิมะจะตก พายุจะเข้าหรือฟ้าจะผ่า จูรินะคงไม่สะทกสะท้านอะไร เธอกำลังช็อค.. หัวใจเต้นแรงด้วยความประหลาดใจ เมื่อพาสาวร่างบางผู้มาเยือนเข้ามาในบ้านแล้ว จูรินะก็จัดแจงให้หล่อนนั่งรออยู่ที่โซฟาา

ส่วนตัวเธอเองเดินเข้าไปต้มเครื่องดืมให้สาวเจ้าในห้องครัว

“แค่ก…แค่ก…..”เสียงไอค่อกแค่กขาดๆหายๆมาเป็นระยะ จูรินะชำเลืองมองเรนะจากในห้องครัวอยู่เรื่อยๆ เธอค่อยๆรินเครื่องดื่มร้อนๆลงในแก้ว ก่อนจะเดินถือมันออกมาวางให้คนที่นั่งรออยู่ เรนะหยิบมันขึ้นมาเป่าและดื่มช้าๆ ไม่มีคำพูดอะไรระหว่างทั้งสองคน จูรินะยังคงยืนมองดูเรนะที่นั่งดื่มเครื่องดื่มที่เธอเป็นคนทำให้อยู่กับที่ ไม่ไปไหน

“เธอมาทำอะไรเนี่ย เรนะจัง นี่มันรายการอะไรรึเปล่า ก็ไม่เห็นมีกล้องซ่อนนี่นา?”คนเริ่มบทสนทนาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจูรินะ เธอมองหน้าเรนะเขม็ง ควันขาวๆที่ลอยออกมาจากแถ้วใบสวยถูกเปาออกเบาๆ

“…….”เรนะไม่ได้ตอบอะไรเธอนั่งดื่มเครื่องดื่มเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่จูรินะพูด

 

“เรนะจังเธอจะไม่พูดอะไรหน่อยเลยเหรอ?”

 

“…….”ยังคงไม่มีคำตอบใดๆจากเรนะ จูรินะส่ายหัวน้อยๆ เมื่อเห็นหล่อนวางแก้วลงเธอก็เดินเข้าไปเก็บแก้วใบนั้นไปล้าง และพาเรนะขึ้นไปบนห้องนอนของเธอ นี่มันเริ่มจะดึกมากแล้วหรืออะไร? พ่อแม่ของเธออาจจะหลับไปแล้ว ไม่มีใครสักคนเปิดประตูออกมาถามไถ่เหตุการณ์ ถ้าเป็นไปได้ตอนนี้อยากให้ใครสักคนออกมาถามเธอมากๆ เข้ามาขั้นสถานการณ์แสนอึดอัดนี้ที ทำไมเรนะจังถึงมาเธอ? และไม่พูดอะไรกับเธอเลยสักคำ

ทั้งสองเดินเข้ามาในห้อง เรนะเดินเข้าไปโดยมีจูรินะพูดไล่หลังว่าให้เธอนอนบนเตียง ส่วนจูรินะเดินไปหยิบฟูกปูที่นอกจากในตู้

เธอให้เรนะนอนบนเตียงของเธอและเธอเองก็นอนบนฟูก เธอค่อยๆนำมันมาปูลงที่พื้นข้างๆ เรนะไม่ได้พูดอะไรกับเธอ ไม่มีแม้แต่คำถามหรือคำตอบ มีแต่เสียงไอบ้างเป็นบางครั้ง ตัวเธอเองก็ยังตกใจอยู่ที่ทำไมอยู่ดีๆเรนะถึงได้โผล่มาหาเธอถึงที่บ้าน ในคืนที่อากาศหนาวและหิมะตกแบบนี้ สำหรับคนที่เวลาป่วยแล้วร่างกายจะอ่อนแอลงเรื่อยๆแบบเรนะ ภูมิแพ้ในร่างกายของเธอมันไม่ค่อยดีและจะมีปัญหาทุกครั้งที่อากาศเริ่มเปลี่ยนกับการที่หล่อนพักผ่อนน้อยอีกด้วย

“ไอริไปหาเธอที่บ้านนี่นาวันนี้..เป็นไงบ้างล่ะ?”

“…..”หล่อนยังคงไม่ยอมพูดกับจูรินะ เธอเคลื่อนตัวไปอยู่ข้างใต้ผ้าห่มและหันหลังออกมาให้
“ชั้นปิดไฟละนะเรนะจัง”เมื่อเห็นว่าเรนะไม่ยอมพูดอะไรอยู่ดีเธอก็เดินไปปิดสวิทต์ไฟที่ข้างประตูห้องก่อนเดินกลับมายืนอยู่ข้างเตียง

“หลับไปแล้วเหรอ?”จูรินะถามก่อนชะโงกหน้าไปดูคนที่นอนขดตัวใต้ผ้าห่มผืนหน้าบนเตียง เจ้าเด็กน้อยค่อยๆเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเรนะเบาๆเพื่อให้แน่ใจ มืออีกข้างก็จับหน้าผากของตนไว้ ตัวไม่ร้อน…เป็นภูมิแพ้นี่เข้าจะตัวร้อนกันด้วยรึเปล่านะ?

“เธอ….”

 

“?” เสียงแผ่วเบาที่แทบจะฟังไม่ออกว่าอะไรของเรนะผลุดออกมาจากใต้ผ้าห่ม จูรินะเลิกคิ้วขึ้นก่อนนั่งลงบนเตียงเพื่อฟังอีกคนพูดชัดๆ เธอเอนตัวลงนอนข้างๆเรนะ แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใต้ผ้าห่มด้วย กลิ้งตัวเข้าไปใกล้คนที่นอนหันหลังอยู่

“ชั้นเห็นเธอโทรมานี่นาวันนี้” เรนะพูด คราวนี้จูรินะได้ยินเสียงหล่อนชัดแจ๋ว

“อ๋อ…แค่อยากเรียกร้องความสนใจน่ะ ฮ่า ฮ่า!”

“เหรอ?”

 

“โกรธเหรอเรนะจัง”

“…..”

 

“เรนะจัง…ถ้าชั้นจะเรียกร้องความสนใจจากเธอชั้นไม่ทำแค่นี้หรอกนะ”

 

“……”

 

“ชั้นอยากจะทำอะไรตั้งหลายอย่าง อยากจะโกรธ อยากจะทำตัวเป็นเด็กมากๆ แต่ชั้นก็ไม่กล้า”

“……”
 

“แค่นี้เธอก็มีเรื่องให้คิดตั้งมากมายแล้ว…งานของเธอ…..”

 

“แล้วทำไมเธอไม่มาเยี่ยมชั้นล่ะ….”

 

“…..”พูดไม่ออก จูรินะกำลังจะพูดเถียงอีกคนออกไปแต่กลับพูดไม่ออก คำพูดของเรนะทำเธอแปลกใจ เรนะยังคงนอนหันหลังให้เธออยู่ จูรินะขยับตัวเข้าไปใกล้หล่อนอีกนิด ค่อยๆวาดวงแขนไปโอบลงที่เอวบางเบาๆ แต่เรนะก็ยังไม่ยอมหันหน้ามาหาเธออยู่ดี หัวใจเธอเริ่มเต้นแรงเมื่อเธอเริ่มจะเข้าใจคำพูดเมื่อกี๊ มันช่างเป็นความรู้สึกที่แปลก นับวันยิ่งได้สัมผัสความรู้สึกเหล่านี้ก็ยากที่จะถอนตัวออกมา

“ทำไมเธอถึงไม่มา…”เรนะพูดอีกครั้งด่วยน้ำเสียงแผ่ว

 

“ชั้นน้อยใจที่เธอไม่รับโทรศัพท์ชั้น แต่ตอบข้อความไอริและอีกอย่าง..ชั้นรู้ว่าเธอต้องการพักผ่อนจริงๆ”มันนานมากแค่ไหนแล้วนะที่พวกเราถึงไม่ต้องพูดจาอะไรกันมากมายก็สามารถรับรู้ความคิดของอีกฝ่ายได้ ถึงจะไม่ทั้งหมดก็เถอะ แต่ถ้าเป็นเรื่องพวกนี้ละก็เธอมั่นใจว่าสิ่งที่เธอคิดว่าอีกคนต้องการอะไรมันง่ายกว่าเรื่องของหัวใจอยู่แล้ว

“ถ้าเธอเข้าใจแบบนั้นจะมาน้อยใจอะไรชั้นล่ะ”

 

“….ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน ชั้นยังเด็กอยู่จริงๆนั่นแหละ”

 

“….”เรนะไม่ได้ตอบอะไรจูรินะอีกแล้ว หล่อนค่อยๆพลิกตัวหันหน้ากลับมาหาจูรินะที่นอนอยู่ข้างๆเธอ ไม่มีคำพูดจากทั้งสองคน จากแสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่าง ทำให้เรนะมองเห็นเรียวหน้าใสของจูรินะอย่างถนัดตา เธอจ้องเข้าไปในนัยน์ตากลมคู่นั้นนิ่ง มันสะท้อนภาพของเธอชัดเจน มีคำพูดมากมายที่เธออยากจะพูดกับจูรินะ แต่เธอเองก็ยังเป็นเรนะคนเดิม ที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนก่อนดี หรือ อีกทางหนึ่งคือไม่ต้องพูดมันออกมาเสียเลยจะดีกว่า

“เราไม่ได้มองหน้ากันตรงๆแบบนี้นานแล้วเนอะ”

“อื้อ…..”เรนะตอบจูรินะด้วยน้ำเสียงลอยๆ เธอกำลังให้ความสนใจกับอะไรบางอย่าง เพราะปกติเธอทั้งสองมักจะยืนอยู่ข้างกัน ไม่ใช่ตรงกันข้ามแบบนี้ บางครั้งจูรินะอาจจะยืนอยู่ข้างหน้าเธอบ้าง เธออาจจะยืนอยู่ข้างหน้าจูรินะบ้างก็ตามที แต่สิ่งหนึ่งที่เราทั้งสองคนทำเหมือนๆกัน… เรามักจะเฝ้ามองแผ่นหลังของคนที่อยู่ตรงหน้านั้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตัวเธอเองหรือจูรินะ เธอจะคอยเฝ้ามองแผ่นหลังนี้ต่อไปเรื่อยๆไม่ว่าในตำแหน่งไหน ฐานะอะไร เราสองคนเติบโตมาด้วยกัน ผ่านอะไรมาด้วยกัน มันเป็นยิ่งกว่าคำพูด การเฝ้ามองจึงกลายเป็นสิ่งที่เธอทำมาเสมอถึงเมื่อก่อนจะไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังเฝ้ามองอะไรอยู่กันแน่ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าสิ่งที่เธอคอยเฝ้ามองมาอยู่ตลอดนั้นคืออะไร

“เรนะจัง…”

“เธอรู้ใช่มั้ยว่าเธอไม่จำเป็นต้องพูด”เรนะว่า เธอรู้ว่าเจ้าเด็กน้อยคนนี้กำลังจะพูดอะไร และเธอเองก็กลัวที่จะได้ยินมัน กลัวตัวเองจะรู้สึกอ่อนแอจริงๆหากมีใครสักคนทำเหมือนเธอเป็นคนน่าเป็นห่วง ยิ่งเป็นจูรินะด้วยแล้วมันคงจะเป็นคำพูด ที่มีพลังมหาศาลกับตัวของเธอ

“แต่ชั้นก็ยังอยากพูดอยู่ดีนี่นา”จูรินะเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้เรนะช้าๆ เธอกดริมฝีปากลงบนจมูกของหล่อนอย่างทนุถนอมก่อนเลื่อนลงมาขโมยหอมเบาๆจากริมฝีปากสวยของเจ้าหล่อน เรนะขมวดคิ้วและทำตาดุๆตอบกลับให้เจ้าเด็กน้อยยิ้มแห้งๆไปให้เป็นการทิ้งท้าย

 

“เธอมันโดนตามใจจนเคยตัว….ดื้อจริงๆเลยนะ ให้ตายสิ”

“เรนะจังก็ตามใจชั้นบ้างสิ!”

 

“ไม่”

 

“ชั้นเป็นห่วงเธอนะเรนะจัง และชั้นก็คิดถึงเธอมากๆเลยด้วย”

 

“รู้แล้ว…..”เรนะพูดปัดๆก่อนหลบตาจูรินะ แก้มอมชมพูของเธอค่อยๆกลายเป็นสีแดงเลือดที่ค่อยๆไหลสูบฉีดเร็วขึ้นเพราะหัวใจของเธอที่เต้นรัวด้วยคำพูดของเจ้าเด็กน้อยตรงหน้า เธอไม่ได้อยากให้จูรินะพูดมันออกมาเพราะมันจะทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นคำที่เธออยากได้ยินจากปากของจูรินะมากที่สุดอยู่ดี มันอาจจะไม่ได้หมายถึงว่าเธออ่อนแอ พอฟังคำนั้นจริงๆแล้ว.. มันอบอุ่น
“ตารางงานเธอมันแน่นมากจริงๆ ชั้นไม่รู้ว่าควรพูดอะไร…แต่ชั้นเป็นห่วงเธอจริงๆนะ”เสียงหวานของจูรินะถึงมันจะเบาจนเกือบเป็นเสียงกระซิบแต่มันกลับดังซ่านอยู่ในทุกโสตประสาทของเรนะ ยิ่งได้ยินสิ่งที่จูรินะพูดเรนะก็บีบมือจูรินะเข้าให้แรงๆ อยากให้รับรู้ว่าความรู้สึกเหล่านั้นมันส่งผ่านมาถึงเธอนะ พอคิดๆดูแล้ว เหมือนตัวเธอเองก็เคยเป็นแบบนี้ ตอนนี้งาน จังเคนผลออกมาว่า จูรินะจะได้เป็นเซ็นเตอร์ของอัลบั้มต่อไป มิเนกิชิซังก็ถามเธอว่า คิดยังไงกับการที่จูรินะได้เป็นเซ็นเตอร์?

คำตอบของเธอก็ไม่ต่างกับจูรินะในตอนนี้เลย…

“เราสองคนนี่เหมือนกันจริงๆนะ”อยู่ดีๆเรนะก็พูดขึ้นมาลอยๆ จูรินะเขยิบตัวเข้ามานอนใกล้หล่อนอีกนิดทำตาปริบๆอยู่ข้างๆ

“เหมือนกันเหรอ?”จูรินะถาม เรนะกลอกนัยน์ตาไปมา และไม่ได้พูดอะไร

 

“เปล่าหรอก…คราวหลังถ้ามีอะไรแล้วชั้นไม่รับโทรศัพท์เธอก็ส่งข้อความมาสิ”

“ชั้นกลัวมันรบกวนเธอนี่นา”

“การที่เธอไม่ส่งมามันรบกวนชั้นมากกว่าอีกนะ”เจ้าเด็กน้อยคนนี้มัวแต่กลัวเธอจริงๆ หรือเธอจำทำตัวเย็นชาเกินไปเวลาอยู่กับจูรินะ? คิดไปคิดมาเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว ขืนทำอะไรมากไปจูรินะก็ได้ตามติดเธอแจ ยังไม่นับความเหลิงที่จะตามมา นิสัยที่เหมือนลูกหมาขี้อ้อนติดเจ้าของใครๆอยู่ใกล้ก็ต้องเอ็นดูกันทั้งนั้น เมมเบอร์ทุกคนถึงได้พากันตามใจเธอไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้น เธออยากจะ พิเศษ กว่านั้นและจูรินะน่าจะรู้ดีว่าอยู่กับเธอแล้ว เธอไม่มีทางตามใจอะไรง่ายๆแน่

 

“หื้อ? ชั้นไม่เข้าใจที่เธอพูดอ่ะ เรนะจัง”

 

“รีบนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เธอก็ตื่นไปทำงานไม่ไหวหรอก”

“เธอเองก็มีทำงานตอนเย็นเหมือนกันนี่นา”

“จำได้ด้วยเหรอ?”

 

“ก็ชั้นถามจาก ผู้จัดการมาเมื่อตอนกลางวันน่ะสิ”

 

“…เห้อ นอนกันเถอะ ชั้นปวดหัวแล้ว หนาวด้วย”เรนะพูดตัดบทสนทนาก่อนจูรินะจะชวนเธอคุยอะไรยืนยาวไปกว่านี้ อากาศหนาวๆค่อยๆทำให้จูรินะเอาผ้าห่มไปคลุมปลายเท้าของตนไว้ เรนะเหลือบมองการกระทำนั้น และยกผ้าห่มขึ้น

“โอเค! ชั้นนอนบนนี้กับเธอได้ใช่มั้ย?”เพราะเรนะถกผ้าห่มขึ้น จูรินะรีบเงยหน้าขึ้นถามเจ้าหล่อนด้วยอาการดี๊ด๊าสุดๆ เป็นอย่างที่เรนะคิด..เด็กน้อยคนนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยเวลาอยู่กับเธอ มันยังมีกลิ่นอายอะไรบางอย่างเหมือนเดิมเสมอ ไม่ว่าจะความรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ ความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือ รู้สึกไว้วางใจ จูรินะทำให้เธอรู้สึกว่าสามารถพึ่งพาได้เสมอ ถึงจะเอาแต่ใจเป็นเด็กๆ ก็ไม่เคยทำให้เธอต้องมานั่งปวดหัวเรื่องอะไรจริงๆจังๆสักครั้ง

เรนะนอนหันหลังให้จูรินะ

 

“…..”เมื่อเห็นว่าเรนะไม่ตอบ จูรินะรีบมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มทันที เอามือของเธอไปวางไว้ตำแหน่งเดิมที่ตอนแรกมันเกาไว้แต่อยู่ข้างนอกผ้าห่ม คราวนี้มันเป็นสัมผัสที่ชัดเจน เธอกดเรียวมือนั้นลงเอวบางของเรนะ ซุกหน้าลงกับแผ่นหลังขาวๆที่โผล่ออกมานอกเสื้อกระชับร่างบางให้เข้ามาใกล้ตัวของเธอ จูรินะได้ยินเสียงหายใจของเรนะชัดๆ ไม่ว่าครั้งไหนๆที่เข้าใกล้ผู้หญิงคนนี้ร่างกายมันปั่นป่วน อยากจะเข้าไปอยู่ใกล้ๆ อยากจะอยู่ข้างๆ เรนะนอนอยู่แบบนั้นโดยไม่ได้ว่าอะไรจูรินะสักคำ เจ้าเด็กน้อยที่ข่มตาหลับไม่ลง เริ่มเอามือจากเอวของเรนะไปสะกิดแขนหล่อนสองสามที

 

“สร้อยข้อมือน่ะ เธอใส่มันนอกเวลางานบ้างมั้ยเรนะจัง?”

 

“อะไรเหรอ?”

 

“ชั้นแค่อยากรู้น่ะ มันเอ่อ….จะเด็กไปมั้ยอ่ะ? ชั้นอยากรู้จริงๆนะ”

“เด็กสิ ยัยบ้า…นอนได้แล้ว”

 

“โอ๊ทส์!”ไม่พ้นต้องโดนดุ เสียงดุๆของเรนะที่ไล่เธอไปนอนนี่มันช่าง…จะว่ายังไงดีล่ะ เพราะเจ้าเด็กน้อยกลัวเรนะจะไม่ให้นอนด้วยมากเสียยิ่งกว่าอะไรจึงได้ทำตัวว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ จูรินะนอนกอดเรนะไว้อย่างนั้นทั้งคืน เป็นค่ำคืนแสนหนาวเหน็บที่แสนอบอุ่น พวกเธอสองคนไม่ได้ใกล้ชิดกันแบบนี้ ไม่ได้อยู่ใกล้กันแบบนี้ มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ แต่ไม่ว่ายังไงใครจะเติบโตไปมากแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิม เรายังคงยืนอยู่ข้างๆกันเสมอ

;

;

;

;

;

;

;

;

;

;

 

ติ๊ด

ติ๊ด

ติ๊ด

เป็นเรื่องน่าแปลกแต่เช้าที่จูรินะตื่นขึ้นมาก่อนเรนะ เธอจงใจตั้งนาฬิกาปลุกของตัวเองให้ดังก่อนของเรนะเพื่อจะได้ลุกขึ้นมาปิดมัน อย่างน้อยขอเธออยู่ต่อกับเรนะในตอนเช้าวันนี้อีกสักนิดก็ยังดี แต่เมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยจะหลับเลย คาใจกับสิ่งที่เรนะไม่ยอมตอบเธอมาตรงๆ ปกติก็เห็นตอบเธอเกือบจะทุกเรื่องนะ แต่อาจจะเป็นเพราะคำถามของเธอมันเด็กจริงๆนั่นแหละ แต่มีเด็กสาวที่ไหนบ้างล่ะ ไม่อยากรู้ว่าของขวัญที่ตนให้ไปมันถูกใช้ไปบ้างไหมน่ะ

“อือ…มานัตสึ…..”เหมือนเสียงละเมอของเรนะจะทำลายบรรยกาศดีๆที่จูรินะอยากจะเก็บไว้ในตอนเช้าเสียไม่เป็นท่า จูรินะย่นคิ้วน้อยๆก่อนยืดตัวขึ้นบิดขี้เกียจ ลุกออกจากเตียงเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ชั้นก็ชอบมานัตสึนะแต่..มานัตสึอีกแล้วเหรอ..เห้อ ชั้นก็น่ารักนะเรนะจัง”จูรินะทำหน้ามุ่ยบ่นอุบอิบอยู่กับตัวเอง

เธอเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำเพราะกลัวตัวเองจะเดินกลับไปนอนต่อ

แต่พอเธอเดินกลับมาที่เตียงก็ต้องพบกับท่านอนสุดประหลาดของสาวคนสวยที่ยังไม่ตื่น หมอนตุ๊กตาแสนรักของเธออย่าง บราวน์ มาม่า ถูกปัดตกลงมาบนฟูกที่เมื่อคืนธอเอามาปูไว้พื้น จูรินะถอนหายใจก่อนจะเดินเข้ามาเก็บมันกลับไปไว้บนเตียงอย่างเดิม สายตาเธอก็สะดุดเข้าให้กับแสงสะท้อนประหลาดบางอย่าง เรนะจังใส่แหวนด้วยเหรอไงนะ?คิดดังนั้นเธอก็จับมือคนที่หลับอยู่ขึ้นมาดู

สร้อยข้อมือสีทองเส้นเล็กที่แสนจะคุ้นตาถูกห้อนอยู่บนข้อมือบางนั้น…

จูรินะยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปากของตนไว้เพราะกลัวจะส่งเสียงอะไรแปลกๆออกไป รับรู้ได้ถึงความรูสึกที่ว่าหัวใจพองโต มันเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกดีมากมายกับภาพตรงหน้า ถึงเจ้าตัวจะไม่ยอมพูดอะไรกับเธอออกมาง่ายๆก็จริง แต่การกระทำของเรนะมันกลับบอกเธอได้มากกว่าอะไรทั้งสิ้น เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงออกแต่คนที่คอยเป็นห่วงและใส่ใจเธออยู่เสมอๆโดยที่ไม่ต้องรับรู้หรือพูดอะไร ก็เรนะนี่แหละ

“เธอจะฆ่าชั้นเหรอไง เรนะจัง”น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจ เรียวหน้าขาวใสของเจ้าเด็กน้อยค่อยๆกลายเป็นสีแดงด้วยความเขิน อยากจะตะโกนให้โลกรู้ว่า ผู้หญิงคนนี้ใส่สร้อยข้อมือของเธอ จูรินะจรดริมฝีปากของตนลงไปที่สร้อยข้อมือเส้นนั้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะวางมือของเรนะกลับไปที่เดิม
เธอค่อยๆก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อจะมองหน้าของเรนะชัดๆ เรนะดูท่าจะเหนื่อยมากจริงๆปกติเธอไม่ใช่คนหลับลึกแบบนี้ ขยับตัวนิดเดียวหล่อนก็ตื่นได้ทันที แต่นี่เล่นหลับไม่รู้เรื่องเลย

คงเป็นเพราะยาที่กินเข้าไปกับอาการป่วยรึเปล่านะ…

แสดงว่าจะไม่ตื่นขึ้นมาง่ายๆสินะ? คิดไปอมยิ้มไป รอดยิ้มแสนเจ้าเล่ห์เหยียดยาวอยู่บนหน้าของจูรินะ เธอเลื่อนตัวขึ้นไปให้แขนทั้งสองข้างคร่อมตัวของเรนะไว้ กลิ่นหอมอ่อนมาจากผมของเรนะเพราะว่าเป็นเด็กผู้หญิงถึงได้ตัวหอมน่ารักแบบนี้ รอยยิ้มกว้างยังไม่หายไปจากใบหน้าของจูรินะ เธอเดินฮัมเพลงออกไปจากห้อง ต้องออกไปบอกคุณพ่อคุณแม่ของเธอเรื่องเรนะและออกไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเพื่อเข้ามาปลุกหล่อน

ครืด

 

 

 

 

 

 

 

 

ครืด

 

 

 

 

 

ครืด

 

 

 

「เรนะจัง เรนะจัง ! ชั้นตอบข้อความเธอตอนนี้เธอจะโกรธมั้ยนะ
จูรินะแค่โทรไปจะถามเธอว่าเป็นยังไง…จูรินะไม่ได้เป็นอะไรหรอกนะ
ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้รู้รึเปล่า หายเร็วๆล่ะ! จาก มาซานะ 」

 

 

————————————————-OWARI———————————————————-

 

จริงเท็จยังไงจินตนาการเองล้วนๆค่ะ 5555
พี่เรนะกับน้องจูชอบนิ่งใส่กันดีนัก เชอะะะะ 
เก๊าหายไปนานเลย ( T w T  )/ 

PV ตัวใหม่ออกมาปุ๊บ! เขียนปั๊บ! คิดถึงจริงๆนะหนูจู 

แต่งออกมาเพราะความอะไรดีละ 
เพราะเพลงด้วยแหละ? เป็นอาการอยากทำตัวเป็นเด็ก น่ารักๆ
ช่วงนี้เห็นแต่ ฟิคแฟนตาซีซึ่งมันส์มาก \( ^ q ^ )/

เลยเอาแนวกุ๊กกิ๊กๆมาลงบ้างค่ะ
ในเรื่องสรุปแล้วที่พี่เรนะมาหาน้องจู
ก็เพราะน้องจูโทรไปแต่พี่เรนะไม่ได้รับนี่แล 

ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ ขอบคุณค่าาาาาาาา 
 

 

 

 

 

 

.

กรี๊ดดดดดดดดด น่ารักมาก
อินกับสถานการณ์จริงเลย >W<
ขอบคุณที่แต่งคู่นี้ให้อ่านแบบไม่ดราม่า
กรี๊ดๆๆ

ถึงกับจิกหมอนตบเตียงเลยทีเดียว

น่ารักอ่า~~~  นานๆจะเห็นเบิ้ลอิหวานๆกันซักที

(ปกติมีแต่ดราม่าน้ำตาเล็ดกระซวกซะตับไตไส้พุงพังหมด)

ME/น้ำตาไหลพรากกกก ด้วยความซาบซึ้ง T T

เยี่ยมยอด!! อ่านแล้วอินไปด้วยเลย โฮ้ววว

เด็กคิดมาก กับผู้ใหญ่คิดเยอะ 555

ตอนน้องจูเห็นสร้อยข้อมือนี่น่ารักดีครับ น่ารัก ๆๆๆ

ขอบคุณนะครับ กับนิยายกุ๊กกิ๊ก ต้อนรับวันฝนตก //เกี่ยว???

ไม่เม้นอะไรมาก

เพราะเขินจนคิดอะไรไม่ออก //เอ็งไปเขินอะไรกับเค้าล่ะเนี่ย!!!

GJไรท์เตอร์!!!อินสุดๆไปเลยนะฟิคนี้

จูก็คิดมากเกินไป…แต่นิสัยลูกหมานี่แก้ไม่ได้สินะ(ฮา)

เรนะจังนี่…เป็นผู้ใหญ่ที่…#ไร้คำบรรรยายไม่ขอกล่าวอะไรมากกว่านี้

กราบไรท์เตอร์รัวๆ…ฟิคนี้ไม่มาม่าแถมใสซะ>w<)

เรนะ ผู้ใหญ่ที่ออกแนวซึน

อ่านแล้วฟินเบาๆ ฮาาา

———————————

ลองอ่านเรื่องฟิคยาวเรื่องใหม่ เราว่าสนุกดีนะ

=w=

ถึงกับอมยิ้มเลยทีเดียว ♥

วันนี้อากาศหนาว เข้าถึงบรรยากาศในฟิคดีแท้

…….(- -?)

 

สองคนนี้ก็ยังเป็นคู่นิ่งเงียบ แต่ดังลับหลังเช่นเคย

 

/ช่วงนี้ก็เงียบหายไปอีกแล้ว;w;

โอ๊ย น่ารักอ่ะคูนี้ ฟินแป๊บ

กรุบกริบอย่างแรง อ่านแล้วเขิน 55+

 

ขอบคุณที่เขียนมาให้อ่านนะคะ ^^

โอ้ยยยยยยยยยย

ซึนอ่ะค่ะเรนะะะ ว้ายยยยยยยยยยยยยยยยย

มาดื้อๆแล้วไม่พูดอะไร อย่างกับพระเอกเกาหลี 5555555

ดีใจมากค่ะ ที่ได้อ่านเรื่องนี้ ><

ฟินนนสุดๆ 55555

ขอมอบตำแหน่ง MVP ประจำวันช็อทนี้ให้ มาซานะ ค่ะ \0/

WMatsui น่ารักกกกก > <

 

ชอบจังเลยค่ะ ฟิคฟีลกู๊ด ไม่ดราม่าแบบนี้  -w-

อ่านจบฟินสุดๆค่ะ ^_^
ขอบคุณมากค่ะ
มานัตสึ Good Job! หนูลืมตอบข้อความทำให้เจ้ฟินเลย 555
จะว่าไปสงสัยเฮียแอบซึนไม่ยอมถามจูทางข้อความตรงๆซินะ หุหุ
ซิงใหม่น้องจูชื่อยาวเฟื้อยจนข้าน้อยจำชื่อไม่ได้ 55
ขอบคุณไรท์อีกที เรื่องฟิคเก่าๆจะตามไปอ่านนะคะ (ยังไม่ได้อ่านหลายเรื่องเลย 555 ขอบคุณมากค่ะ)

โอ้โห…. เข้าสถานการณ์จริงจังเลยค่ะะะะ นิ่งใส่กันเหลือเกิน เย็นชาเหลือเกิน ; ^ ; ฮือออออออ แต่ว่าอ่านแล้วอบอุ่นยังไงไม่รู้ค่ะ มีหลายความรู้สึกมากเลย มันเหมือนจะเหงา เหมือนจะอึดอัด แต่ก็มีความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอย่างที่บอกปกคลุมอยู่ #อื้อหือใช้คำ 5555555 สรุปเลยคือน่ารักมากค่าาา พี่เรนะซึ้นซึน น้องจูก็เด็กๆๆๆ แต่งานนี้มอบดาวให้มาซานะนะคะ เง้อออ หลับฝันดีแน่เลยยยยยย ♥ ฮี่ๆๆๆๆ

*ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆ นะค้า*
/ปูเสื่อรอเรื่องต่อไป

ฟิคน่ารักมากค่ะะะะะะะะ

เอาความเมินมาทำให้เป็นความฟิน =w=

น่ารัดอ่ะ  อารมณ์แบบว่า รักนะแต่ไม่พูด

อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่น จริงๆ

ความซึน พาฟิน >w<

น่ารัก (≧∇≦)