[One Shot] Happy New Year

สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคนนน

ตบตีกับคอมอยู่นานเลย ในที่สุดคอมก็ใช้ได้แล้ว T____T

 

เลทมาตั้ง 6 วัน แต่ก็นะ มาช้ายังดีกว่าไม่มาเนอะคะ 😀

 

 

 

 

 

 

            ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ วาตานาเบะ มิยูกิก็อยากจะย้อนกลับไป เธอเงยหน้ามองแผ่นหลังของคนที่อยู่ข้างหน้าอย่างงอน ๆ ว่ากันตามตรงแล้ว คนที่ควรโกรธน่าจะเป็นเธอมากกว่านะ ไม่ใช่เขา แต่ถึงอย่างนั้น ลึก ๆ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองผิดอยู่ดีนั่นแหละ

 

 

            หัวหน้าห้องห้อง 3 น่าจูบเนอะ

 

 

            เธอพูดออกไปแบบนั้น เพื่อต้องการจะให้เพื่อนรักชิมาซากิ ฮารุกะเปลี่ยนเป้าหมายจากยามาโมโตะ ซายากะไปเป็นโยโกยามะ ยุยหัวหน้าห้อง 3 แทน ทว่าซายากะดันมาได้ยินพอดิบพอดี มิยูกิอยากจะตีปากตัวเองเสียตรงนั้น แต่ยังไม่ทันอธิบายอะไร ซายากะก็เดินกลับห้องตัวเองไปแล้ว

 

 

            บ้านของพวกเธอทั้งคู่อยู่ทางเดียวกัน จะบอกว่าทางเดียวกันมันก็ไม่ถูก เพราะบ้านของพวกเราอยู่ข้างกันเลยไง! ที่รู้จักและสนิทกับซายากะ ก็เป็นเพราะพ่อแม่ของพวกเรารู้จักกัน มิยูกิรู้สึกขอบคุณจริง ๆ เพราะถ้าพ่อแม่ของพวกเราไม่รู้จักกัน ซายากะคงไม่มีวันยอมคุยกันเธอแน่ ๆ และเธอมั่นใจว่าที่ซายากะมีปฏิกิริยาแบบนี้ มันต้องเป็นเพราะเขาชอบเธอ ยิ่งท่าทางแปลก ๆ เวลาเธอขยับตัวเข้าไปใกล้หรือเวลาเธออ้อน รีแอคชั่นน่ารัก ๆ นั้นมันยิ่งทำให้มิยูกิมั่นใจ

 

 

            ทว่ามั่นใจเรื่องนั้นในตอนนี้ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะซายากะยังโกรธเธออยู่ มิยูกิถอนหายใจแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า ซายากะไม่เคยโกรธเธอมาก่อน มีแต่เธอนั่นแหละที่เป็นฝ่ายงอนเขาจนซายากะมาตามง้อทุกครั้งไป ในสถานการณ์แบบนี้ เธอจะง้ออีกฝ่ายยังไงดีนะ?

 

 

            “?” มิยูกิหยุดเดินเมื่ออยู่ ๆ ซายากะที่เดินนำอยู่ด้านหน้าก็มาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ คนผมสั้นไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่ถอดเสื้อโค้ทแขนยาวที่สวมอยู่ให้คนผมยาวสีน้ำตาลอ่อนใส่ แล้วแย่งผ้าพันคอของอีกฝ่ายมาใส่แทน แต่พอเห็นมิยูกิทำหน้างง เจ้าของเสื้อแขนยาวก็ถอนหายใจ

 

 

            “อากาศเริ่มหนาวแล้ว คุณน้าก็บอกอยู่เธอเป็นหวัดง่าย ไม่ดูแลตัวเองหน่อยหรือไง” ซายากะบ่นพึมพำ “ใส่เสื้อโค้ทมันอุ่นกว่าผ้าพันคอนะ” ซายากะพูดแล้วเดินนำไป มิยูกิมองตามคนผมสั้นที่เดินนำหน้าไปพร้อมผ้าพันคอของเธอ แล้วจึงก้มของตัวเองพร้อมเสื้อโค้ทของเขา

 

 

            โธ่… ซายากะก็เป็นซะอย่างนี้ ใจดีใส่กันอยู่เรื่อย ทำไมคน ๆ นี้ถึงขยันทำให้ฉันหลงเขามากกว่าเดิมกันนะ?

 

 

            มิยูกิอยากให้ซายากะเลิกใจดีกับเธอสักที สิ่งที่เธออยากได้ไม่ใช่ความใจดีของเขาหรอก

 

 

            …แต่เป็นจูบของเขาต่างหากล่ะ

 

 

 

            ..

 

 

 

            “ซายากะจัง น้าฝากดูแลมิยูกิด้วยนะ” พ่อแม่ของเธอและมิยูกิมีแผนจะไปเคาท์ดาวน์ด้วยกัน ส่วนลูก ๆ ทั้งสองอย่างพวกเธอนั้นไม่ได้ร่วมทริปไปด้วย เนื่องจากเหตุผลเดียวคือใกล้จะสอบแล้ว มิยูกิหัวเสียพอดูผิดกับซายากะที่ดูเหมือนจะไม่อะไรนัก เธอพยักหน้ารับกับคำขอร้องของแม่มิยูกิ

 

 

            “คืนนี้นอนที่นี่ก็ได้นะลูก หนูอยู่บ้านคนเดียวแล้วแม่เป็นห่วง อยู่กับมิยุจัง เวลามีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยกันได้ นะ” ซายากะอยากจะบอกแม่ของตัวเองจริง ๆ ว่าคนที่น่าเป็นห่วงน่ะมันมิยูกิต่างหากไม่ใช่เธอ แต่เพราะไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดเธอเลยพยักหน้ารับไปทั้งอย่างนั้น แล้วเดินกลับบ้านของตัวเองไปหยิบข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นมา

 

 

            พอเห็นว่าซายากะเอาของใช้มาเรียบร้อยหมดแล้ว ผู้ใหญ่ทั้ง 4 ใช้เวลาอีกสักพักล่ำลาลูกสาวของตน ก่อนจะออกจากบ้านไปโดยมีซายากะยืนกอดอกมองรถวิ่งไปจนลับตา แล้วเดินเข้าบ้านมา แล้วเจ้าตัวก็ชะงักกับกลิ่นประหลาด ๆ ซายากะไม่รอช้าล็อคบ้านแล้ววิ่งไปยังห้องครัวทันที

 

 

            “นั่น… อะไร…” ซายากะถามอย่างหวั่น ๆ เมื่อเห็นมิยูกิพยายามทำอะไรสักอย่าง พอเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะร้องไห้ ซายากะก็ไปปิดเตาที่กำลังต้มซุปจนเดือด แล้วมาดูอาการลูกเจ้าของบ้านแทน “มีดบาดหรอ? ทำอะไรของเธอเนี่ย”

 

 

            “ก็มัน…” แล้วคำพูดของมิยูกิก็กลืนหายลงไปในคอทันทีเมื่อซายากะใช้ปากห้ามเลือดให้เธอ “เอ่อ… ซายากะจัง… ตรงนั้นก็มีก็อกน้ำอยู่นะ” พอได้ยินมิยูกิว่ามางั้น ซายากะก็ชะงักแทบจะในทันที

 

 

            “งั้น… งั้น งั้นเธอไปล้างแผลซะ เดี๋ยวฉันไปเอายามาทำแผลให้” พูดจบเจ้าตัวก็ฟิ้วออกจากห้องครัวไปอย่างรวดเร็ว มิยูกิมองอีกฝ่ายแล้วยิ้มออกมาบาง ๆ ใจดีด้วยอีกแล้วนะ เธอนั่งรอซายากะไม่นานนัก คนผมสั้นก็โผล่ออกมาพร้อมกล่องยา ซายากะนั่งยอง ๆ บนพื้น ก่อนจะลงมือทำแผลให้กับมิยูกิ

 

 

            ลูกสาวเจ้าของบ้านมองคนผมสั้นแล้วยิ้มอยู่คนเดียว ซายากะชอบทำหน้าเฉย ๆ เวลาอยู่ด้วยกัน แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอเขาจะออกอาการแทบจะในทันที จริง ๆ ตอนแรกเธอก็ไม่รู้หรอก แต่เพราะอาการบางอย่างของซายากะที่เกิดขึ้นเวลาอยู่ด้วยกันกับเธอมันขัดกับตัวตนปกติของซายากะเอามาก ๆ เธอถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกอะไรกับเธออยู่

 

 

            “เธออยู่นี่นะ เดี๋ยวมื้อเย็นฉันทำให้เอง อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย” ซายากะนั่งลงบนพื้น เขายิ้มให้แล้วมองหน้าเธอ

 

 

            มิยูกินั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ซายากะจังก็รู้ไม่ใช่หรอว่าฉันชอบให้ซายากะจังทำอะไร” พอได้ยินคำตอบแบบนั้น ซายากะก็หลุดขำออกมาจนมิยูกิแปลกใจ พอเห็นมิยูกิทำหน้างง ซายากะเลยหยุดขำ

 

 

            “เปล่าหรอก ไม่มีอะไร เดี๋ยวเสร็จแล้วบอกนะ

 

 

 

            ..

 

 

 

            หลักจากที่มิยูกิฟาดข้าวหน้าเนื้อของโปรดตัวเองที่ซายากะทำให้ไปจนหมด ทั้งคู่ต่างอาบน้ำกันเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ก็เลยเข้าช่วงที่มิยูกินั่งเคร่งเครียดกับบทเรียนที่ซายากะจัดมาติวให้เธอ ถ้าเทียบกัน ซายากะหัวดีกว่าเธอ… เยอะมาก

 

 

            “ไม่ต้องมาทำหน้าอ้อนฉันเลย ทำไป มีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง” ซายากะไม่ได้ละสายตาจากหนังสือวิทยาศาสตร์ในมือ เธอรู้สึกได้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายมองอ้อนให้ช่วยอยู่ เพราะงั้นจะมองหน้าไม่ได้ ไม่งั้นมีหวังเธอใจอ่อนให้กับมิยูกิอีกแหง ๆ

 

           

            “ก็มันไม่เข้าใจนี่

 

 

            “ตรงไหนไม่เข้าใจก็เว้นไว้ เดี๋ยวฉันไปสอนให้” พอได้ยินแบบนั้น มิยูกิก็วางดินสอ แล้วทิ้งตัวลงนอนบนพื้นมันที พอหางตาเห็นว่าอีกคนเปลี่ยนท่านั่งไปจากเดิม ซายากะก็ละสายตาจากหนังสือในมือ แล้วเงยหน้ามองมิยูกิที่นอนแผ่หลาอยู่บนพื้นห้อง “แล้วนั้นลงไปนอนทำไม”

 

 

            “ก็ซายากะบอกตรงไหนไม่เข้าใจให้เว้นไว้

 

 

            “แล้ว?

 

 

            “ก็เลยเว้นไว้ไง… ทั้งหมดเลย…”

 

 

            “…” ซายากะถอนหายใจมาอีกรอบ ก่อนเดินลงมานั่งข้าง ๆ กับมิยูกิที่นอนอยู่ หยิบแว่นของตัวเองแล้วหยิบดินสอและกระดาษมา มิยูกิพอเห็นอย่างนั้นเลยลุกขึ้นมานั่งเพื่อฟังคนผมสั้นสอนคณิตศาสตร์ที่เธอไม่เข้าใจมันเลยแม้แต่นิดเดียว

 

 

            นานทีเดียวกว่าบทเรียนกับซายากะจะจบ เธอเริ่มเรียนกันตั้งแต่สองทุ่ม ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว และมันก็จบพอดี ซายากะลุกขึ้นยืน มิยูกิเองก็เช่นกัน เพราะนั่งท่าเดิมมานานเธอเลยปวดขาเอามาก ๆ เลยมานอนลงบนเตียง ลังเลอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจเรียกอีกฝ่าย ซายากะหันมามองงง ๆ มิยูกินั่งบนเตียงแล้วตบที่ว่างข้าง ๆ ตนให้ซายากะมานั่ง ตอนแรกเจ้าตัวทำท่าเหมือนจะไม่ยอม แต่พอเห็นมิยูกิทำแก้มป่อง ซายากะก็ถอนหายใจออกมา ถอดแว่นตั้งไว้บนโต๊ะแล้วเดินมานั่งข้าง ๆ มิยูกิ

 

 

            “นี่… ซายากะจัง

 

           

            “อือฮึ

 

           

            “เรารู้จักกันนานขนาดไหนแล้ว

 

           

            “ก็นานแล้วนะ

 

           

            “แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยเนอะที่ได้เคาท์ดาวน์ด้วยกันแบบนี้ มุมตรงนี้มองเห็นพลุด้วยนะ” มิยูกิบอกแล้วทำท่าจะเปิดหน้าต่าง ทว่าโดนซายากะจับแขนเธอเอาไว้เป็นเชิงห้าม มิยูกิหันมามองงง ๆ

 

 

            “ถ้าจะเปิด ไปหาเสื้อมาใส่อีกชั้นก่อน ดึกแล้วอากาศหนาว” พูดจบซายากะก็ปล่อยมือของมิยูกิ เจ้าของห้อมยิ้มออกมาบาง ๆ แล้วลุกไปหยิบเสื้อมาใส่อีกชั้น พอซายากะเห็นอย่างนั้นเลยเปิดหน้าต่างขึ้น “หวา… เย็นจัง”

 

 

            “เอาเสื้ออีกตัวมั้ย” มิยูกิถาม ทว่าซายากะส่ายหน้า เธอก็นั่งลงข้าง ๆ “อีกกี่นาทีถึงจะปีใหม่หรอ”

 

 

            “อีก 10 นาทีน่ะ ถ้าง่วงก็นอนก่อนได้นะ” ซายากะหันมายิ้มให้… อีกแล้ว นี่เธอจะหายโกรธฉันหรือยังนะ ควรถามไปมั้ย หรือฉันควร…

 

 

            “นี่…” ระหว่างที่เงียบกันอยู่นาน ซายากะก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น “โยโกยามะ ยุย…”

 

 

            “อ่ะ?

 

 

            “เธอชอบ… โยโกยามะ ยุยงั้นหรอ” เพราะตอนนี้เป็นตอนกลางคืน แถมตอนนี้ทั่วทั้งห้องก็มืดหมดแล้ว เพราะเธออยากมองพลุให้ชัด ๆ ถึงได้ปิดไฟทั้งหมด มิยูกิยิ้มออก เธอพยายามมองหน้าคนข้าง ๆ ว่าเขาทำหน้าแบบไหน แต่น่าเสียดายที่มองยังไงก็มองไม่เห็น

 

 

            “ทำไมถึงถามล่ะ

 

 

            “ก็เรารู้จักกันมานานใช่มั้ยล่ะ ถ้าเธอมีคนที่ชอบทั้งที ฉันในฐานะคนที่รู้จักมานานแล้วก็เป็นคนที่คุณน้าไว้ใจด้วย ก็ต้องดูไว้ว่าคนที่เธอชอบเป็นยังไง เขาผ่านมั้ย” ซายากะร่ายยาว มิยูกินึกดีใจที่มืดไปทั้งห้องแบบนี้ ไม่งั้นซายากะต้องหันมาเจอเธอยิ้มจนตาปิดแล้วแน่ ๆ “ทำไมเงียบล่ะ เธอชอบโยโกยามะมากจนไม่รู้จะบอกว่าชอบตรงไหนเลยหรอ…”

 

 

            พอเห็นอีกฝ่ายเริ่มทำเสียงน้อยใจ มิยูกิเริ่มใจไม่ดี “เดี๋ยวก่อนซายากะจัง คือไม่ใช่…” อย่างนั้น มิยูกิหันมาเตรียมจะอธิบาย ทว่าซายากะเองก็หันมาเช่นกัน และเธอก็ได้รับสิ่งที่เธอหวังมาตลอด… ซายากะจู่โจมเธอด้วยความเร็ว ระยะห่างของพวกเราทั้งสองคนหายไปเมื่อซายากะดันเธอลงนอนบนเตียงทั้ง ๆ ที่ริมฝีปากของเรายังประกบกันอยู่ มิยูกิอึ้ง เธอเบิกตากว้างกับสิ่งที่ซายากะทำ

 

 

            และก็เป็นเวลาเดียวกับที่พลุถูกจุดขึ้น เป็นสัญญาณว่าเข้าสู่ปีใหม่แล้ว

 

 

            ต้องขอบคุณที่พลุจุดขึ้นมาได้ทันเวลาพอดี เธอเลยเห็นว่าหน้าซายากะตอนนี้มันแดงลามจนไปถึงใบหูแล้ว ทว่าซายากะก็ยังคงเป็นซายากะ แม้เขาจะเป็นฝ่ายเริ่มจูบเธอก่อน แต่ดูซายากะจะยังคงเขิน ๆ อยู่ พออีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะผละออก มิยูกิเลยรีบโอบรอบคอของอีกคนเอาไว้ แล้วบดเบียดริมฝีปากของตนเข้าหาคนที่อยู่ด้านบนของตนเอง เธออาศัยจังหวะที่ซายากะตกใจแทรกลิ้นเข้าไป ซายากะเกร็งกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้รับ แล้วหลังจากนั้นก็เป็นมิยูกิเองที่ถูกซายากะรุกจนแทบจะหลอบละลายเป็นเนื้อเดียวไปกับเตียง

 

 

            “ซ— ซายากะจัง ห… หายใจไม่ทันแล้ว…” มิยูกิบอกเสียงเบาเมื่อทั้งคู่ผละออกจากกัน ทว่าพอเธอเห็นซายากะหอบหายใจ เธอดันออกแรงดันซายากะให้นอนราบไปกับเตียง แล้วกดจูบลงไปอีกรอบ ครั้งนี้ซายากะดูผ่อนคลายมากกว่าเดิม และสำหรับมิยูกิ เธออยากจะละลายลงมันเดียวนี้เลย

 

 

            “ไหนบอกหายใจไม่ทันไง อะไรของเธอเนี่ย” ซายากะถามงง ๆ เมื่อมิยูกิทิ้งตัวลงนอนกอดตัวซายากะแน่น คนโดนทับยกมือขึ้นลูบศีรษะของคนที่นอนทับตัวเองอยู่ ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนมือมากอดมิยูกิเอาไว้

 

 

            “ซายากะจังต่างหาก อยู่ ๆ มาจูบฉันทำไม

 

 

            “นั่นสินะ เพราะรู้ว่าถ้าฉันไม่ทำ… มิยูกิก็คงจะทำล่ะมั้ง” และก็เป็นอีกครั้งที่มิยูกิยิ้มจนตาปิด เพราะเธอตั้งใจอย่างนั้นจริง ๆ ถ้าซายากะไม่เป็นฝ่ายเริ่มจูบเธอก่อนล่ะนะ “กำลังคิดอยู่ล่ะสิว่าฉันโกรธเธอรึเปล่า”

 

 

            “รู้ด้วยหรอ” มิยูกิยันแขนขึ้นกับเตียง แล้วมองหน้าซายากะ ซายากะยิ้มไม่พูดอะไร แล้วยกมือขึ้นเกลี่ยผลที่ปรกหน้ามิยูกิออก ซายากะก็คอยจัดผมให้เธอออกบ่อย แต่ทำไมพอมาตอนนี้อยู่ ๆ ก็เขินขึ้นมาเฉยเลยล่ะเนี่ย แต่ประโยคถัดมาของซายากะก็ทำให้มิยูกิเขินกนักกว่าเดิม

 

 

            “รู้สิ ก็มองอยู่ตลอดนี่” ซายากะยิ้มให้อีกครั้ง ช่างเป็นรอยยิ้มที่สดใสเหมือนเด็กจริง ๆ เห็นที่ไรก็ทำให้ใจเธอชุ่มชื้นได้จริง ๆ เลย เธอหลงรักรอยยิ้ม… หลงรักคนตรงหน้านี้ “สวัสดีปีใหม่นะ มิยูกิ”

 

 

            “สวัสดีปีใหม่นะ

 

 

            “แล้วก็… มาอยู่เคาท์ดาวน์ด้วยกันเรื่อย ๆ แบบนี้นะ

 

 

            “พูดตรง ๆ ไม่ได้หรอซายากะจัง มาถึงขั้นนี้แล้วอ่ะ

 

 

            “ก็ถ้าเธอรู้ความหมายอยู่แล้ว จะถามอีกทำไม” ซายากะหันหน้าหนี มิยูกิรู้ดีว่าซายากะกำลังเขิน เธอเลยทิ้งตัวลงนอนทับอีกคน กอดอีกฝ่ายไว้แน่น แล้วแนบหูเข้าที่อกของซายากะ เสียงหัวใจของอีกฝ่ายเต้นระรัวจนมิยูกิอดยิ้มไม่ได้

 

 

            “เขินหรอ

 

 

            “เปล่านี่ ไม่ได้เขิน” ซายากะเถียง เอาเถอะ โกหกไปก็เท่านั้นแหละ

 

 

            “แล้วสรุปจะอยู่เคาท์ดาวน์ด้วยกันมั้ย

 

 

            “อือ

 

 

__________________________________________________________

 

ซายะมิลกี้มันก็อย่างนี้ละน้า มึน ๆ งง ๆ อึน ๆ 555555555555

หวังว่าปีนี้จะมีอะไรมาให้ตื้นตันใจนะคะ T________________T

อัพshortfic แล้วก็อย่าลืมของเก่าด้วยนะจ๊ะ ///หลบ

จูบข้ามปี><
อ่านแล้วเขิน

เนื้อเรื่องน่ารักมาก ขอบคุณไรเตอร์

โว้ยยยยยยยยยยยย เขิน อยากเป็นมิยูกิ TT^TT

>///< ซายากะคนซึน