[SF] Yui l Miyuki :: บังเอิญ :: SP.เรื่องหลัก+ชี้แจง 27/01/57

 

 

 

 

 

Intro.

 

 

 

 

 

เธอ เป็นคนเก่ง น่ารัก นิสัยดี มีอนาคตที่ดี ทุกคนในโรงเรียนรู้จักเธอ และเธอชอบยิ้ม

 

.

 

.

 

ฉัน เป็นนักเรียนธรรมดา หน้าตาธรรมดา การเรียนปานกลาง มีแค่บางคนในโรงเรียนที่รู้จักฉันและฉันชอบขมวดคิ้ว

 

.

 

.

 

.

 

มันคงจะเป็น ความบังเอิญ ที่ทำให้เราได้รู้จักกัน

 

 

YuiMiyuki : บังเอิญ : 1 2 3 4 End SP

 

OS OS2

 

 

 

 

ปล.มีคำหยาบเล็กน้อย

ไรเตอร์ talk. สวัสดีพี่น้องทุกคน ข้าพเจ้ากลับมาลงฟิคอีกครั้งหลังจากหายไปนาน มั้ง? ไม่มีอะไรมากแค่เห็นรูปสองคนนี้ก็เลยมโนแต่งมันซะเลย ตอนแรกมันควรจะเป็นวันช็อตแสนสั้นๆไปๆมาๆ กลายช็อตฟิคเฉย ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยเน้อ. คู่แปลกมั้ง ฮาา

จัดมา ปูเสื่อรอจ้า 

อ่านๆ เค้าชอบอ่านคู่แปลก-3-

 

ปลูกบ้านพร้อมจิบน้ำชารอ ข่มเม้นบน แอ้ก(me/โดนโบก) 555555

เราเป็นแฟนคลับลับๆคู่นี้ล่ะ 555
กางมุ้งรอจ่ะ

รอนะ 555

ปูเสื่อ ปักเต้นท์รอเจ้าค่าาาาา

รอๆๆ

โอ้ววว ปูเสือรออ่าน

รอว์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1.

 

 

 

 

กริ๊งงงงงงง

 

 

 

 

เสียงกริ่งเลิกเรียนของคาบนี้ดังขึ้น บรรดานักเรียนในห้องจึงลุกขึ้นทำความเคารพครูและรีบลงไปซื้อข้าวกลางวันกิน อย่างที่รู้ว่าการซื้อข้าวในโรงอาหารของนักเรียนตอนกลางวันนั้นมันคือ สงคราม ขนาดย่อมดีๆนั้นเอง ยกเว้นบางคนที่ทำข้าวกล่องมาจากบ้านเลยไม่ต้องลงไปแย่งชิงเหมือนคนอื่นเค้า

 

 

 

 

ปัง!!

 

 

 

 

เสียงตบโต๊ะดังขึ้น ทำให้ร่างที่ฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะนั้นยกหัวขึ้นมามองตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดเสียงดังออกมา หรี่ตามองคนตรงหน้าได้สักพัก มือก็เริ่มควานหาแว่นที่เหน็บไว้ในกระเป๋าเสื้อมาใส่ จากภาพเบลอๆเลยกลับมาชัดเจนอีกครั้งทำให้รู้ว่าใครเป็นคนขัดจังหวะการนอนของตนเอง

 

 

 

” เชี่ยเน่ ตบโต๊ะหาพระแสงอ่อ

 

 

 

แหม ไอ่คุณยุย แหกตาดูสิว่าคนอื่นเค้าหายไปหมดแล้ว มีมึงอ่ะหลับอยู่คนเดียวแล้วจะกินข้าวกับกูหรือจะกินคนเดียว

 

 

 

” ไปกินคนเดียว มึงไปเหอะ

 

 

 

เออๆ งั้นไปละ

 

 

 

 

ยามาโมโต้  ซายากะ หรือ ซายาเน่ กับ โยโกยาม่า ยุย ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยประถมจนปัจจุบัน ม.ปลาย อยู่โรงเรียนเดียวกัน นั่งข้างกันเลยกลายมาเป็นเพื่อนซี้กันโดยปริยาย ซายาเน่ เป็นเพื่อนคนเดียวที่ยุยสนิทด้วยมากที่สุดเพราะเจ้าตัวไม่ค่อยชอบเข้าหาเพื่อนใหม่ถึงตอนนี้จะมีกลุ่มพักเป็นเรื่องเป็นราวแต่เจ้าตัวก็ชอบโดดไปกินข้าวคนเดียวอยู่ดีบวกกับยุยรำคาญเวลาแฟนคลับเพื่อนซี้มันมาดักรอเลยขอมาคนเดียวดีกว่า เรียกได้ว่ายุยจะมาเข้ากลุ่มก็เฉพาะตอนทำงานกลุ่มเท่านั้นแหละ แตกต่างจากซายาเน่ที่เข้าหาคนเก่ง เล่นกีตาร์เป็นทำให้สาวๆชอบเยอะถึงจะเป็นโรงเรียนหญิงล้วนก็เถอะ

 

 

 

 

ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลุกขึ้นหยิบข้าวกล่องแล้วเดินไปที่ประจำของตัวเองด้วยความคุ้นเคยโดยไม่อาจรู้ได้เลยว่า วันนี้มันจะไม่เหมือนกับทุกๆวัน

 

 

 

 

 

 

 

 

***************************************

 

 

 

 

 

 

 

สวนหลังโรงเรียน สถานที่ประจำที่ยุยมักมานั่งกินข้าวหรือมานั่งเล่นตอนเย็นในวันที่ไม่อยากกลับบ้าน เป็นที่ๆไม่ค่อยมีคนมาอาจจะเพราะมันดูไกลเกินไปกว่าที่จะมานั่งละมั้ง เมื่อขาก้าวถึงที่เป้าหมายกลับพบว่าเก้าอี้ใต้ต้นไม้ที่ปกติจะต้องว่างอยู่เสมอกลับมีใครบางคนนั่งอยู่ เป็นคนปกติคงหันหลังกลับไปหาที่อื่นนั่งแต่กับยุยคงไม่ได้ผล ขายาวๆก้าวเท้าไปยืนอยู่หน้าเป้าหมายที่นั่งอยู่ที่ประจำของตน

 

 

 

 

คนที่นั่งก้มหน้าจดงานอยู่พอรู้ว่ามีอะไรมาบังแสงตนจึงเงยหน้าขึ้นมามองก็พบกับคนที่ยืนถือกล่องข้าวมองมาทางตนเอง จึงขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยจนอีกฝ่ายพูดออก

 

 

 

 

” เธอนั่งที่ประจำฉันอยู่

 

 

 

 

คะ?

 

 

 

 

ก็บอกว่า เธอนั่งที่ประจำฉันอยู่ ไงเล่า

 

 

 

 

ยุยบอกพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยบอกความหงุดหงิดในใจ ตอนแรกที่คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมาเพียงแวบหนึ่งที่ยุยคิดว่า น่ารัก แต่พอเอามาหักล้างกับการที่มานั่งที่ประจำเค้ามันเลยกลายเป็นเฉยๆไปในที่สุด มันอาจจะไร้สาระที่ว่าทำไมต้องมาทวงที่นั่งด้วยแต่สำหรับยุยมันไม่ไร้สาระเพราะมันเป็นที่ที่สงบ คนไม่ค่อยรู้ว่ามีที่นี้อยู่และเค้าชอบมัน

 

 

 

 

อีกฝ่ายพอได้ยินแบบนั้นแทนที่จะโมโหหรือารมณ์เสียกลับยิ้มแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ  เป็นอีกครั้งที่ยุยคิดว่าคนตรงหน้านี้น่ารัก เพียงแค่แวบเดียวความคิดนั้นก็หายไป ยุยขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม นั่งก็ไม่ได้นั่ง ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เวลาพักก็จะหมด แถมมาเจอผู้หญิงคนนี้อีก อะไรมันจะแย่ขนาดนี้

 

 

 

 

 

มันน่าขำตรงไหน ฉันหิวจะแย่แล้ว

 

 

 

 

พึมพำเบาๆพลางเตรียมตัวหันหลังเดินกลับไป ไปหาที่ใหม่ดูจะมีความหวังมากกว่ามายืนเฉยๆตรงนี้แต่จังหวะที่หันกลับไปนั้นมือของอีกฝ่ายก็เอื้อมมาจับชายเสื้อของยุยไว้พลางออกแรงกระตุกให้ยุยนั้นหันกลับมา ยุยมองคนตรงหน้าอย่างงงๆ กำลังจะเอ่ยปากถามคนตรงหน้าก็พูดสวนมาเสียก่อน

 

 

 

 

” นั่งด้วยกันสิ จะรีบไปไหน

 

 

 

 

รีบไปจากเธอไงเล่า!  คิดอยู่ในใจพลางมองคนตรงหน้ายกของออกจากที่นั่งที่ตอนแรกเก้าอี้เต็มไปด้วยสิ่งของมากมายของเจ้าตัว จนตอนนี้มันสามารถนั่งได้ ยุยมองหน้าอีกฝ่ายก่อนบอก ‘ขอบคุณ เบาๆ อีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มรับและหันหน้าไปเขียนงานของตนต่อไปและเป็นอีกครั้งที่ยุยคิดว่ารอยยิ้มของผู้หญิงคนนี้ น่ารักมากจริงๆ

 

 

 

 

ยุยนั่งลงข้างๆอีกฝ่ายพลางเปิดข้าวกล่องของตนกินไปพลางและเหลือบตาแอบมองหน้าอีกคนไปพลาง  ผมของอีกฝ่ายตกลงมาบังด้านข้างจนหมดแต่ถึงจะเป็นแบบบนั้นยุยก็ยังคงคิดว่า ดูมีเสน่ห์ อยู่ดี  เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่าถูกมองจึงหันหน้ามามองแล้วยิ้ม  บางทียุยก็อดคิดไม่ได้ว่ามันเป็นนิสัยส่วนตัวของคนตรงหน้ารึเปล่าที่ชอบยิ้มไปทั่วคิดได้แบบนั้นยุยก็รีบหันหน้ากลับมาแล้วเอานิ้วเกาแก้มแก้เขินเบาๆ ที่โดนจับได้ว่าแอบมอง พลางเหลือบตามองอีกฝ่ายที่กำลังรวบผมที่ร่วงปิดด้านข้างไปทัดหูและมันทำให้ยุย อดหน้าแดง ไม่ได้จริงๆ

 

 

 

 

กริ๊งงงงงงง

 

 

 

 

เสียงกริ่งหมดเวลาพักดังขึ้นยุยกับอีกคนจึงรีบเก็บของของตัวเองเพื่อที่จะไปห้องเรียน ในขณะที่กำลังจะก้าวเท้าเพื่อเดินกลับห้องเรียนนั้นไม่รู้อะไรดลใจให้หันกลับมามองอีกคนที่กำลังเก็บของอยู่ กองหนังสือและเอกสารมากมายของอีกฝ่ายทำให้ยุยอดคิดไม่ได้ว่าตอนมาที่นี้อีกฝ่ายแบกมันมาได้ยังไง ความจริงยุยไม่ต้องสนใจอีกคนมากขนาดนั้นก็ได้แต่แค่คิดว่าแขนผอมๆนั้นจะต้องยกกองพวกนี้ อยู่ดีๆ ขามันก็ก้าวไปหาอีกคนโดยอัตโนมัติ

 

 

 

 

” ให้ช่วยมั้ย? “

 

 

 

 

อีกฝ่ายที่กำลังก้มเก็บของอยู่นั้นหันมามองหน้ายุยงงๆ สักพักเจ้าตัวก็ยิ้มออกมาพลางส่ายหน้าเบาๆเป็นเชิงปฏิเสธ

 

 

 

 

รบกวนเปล่าๆ ไม่เป็นไรฉันยกเองได้

 

 

 

 

อีกฝ่ายตอบกลับมาพลางเรียงเอกสารทับกันจนมันสูงซะยุยคิดว่าถึงยกได้ก็คงมองไม่เห็นทางแน่ๆ พลางบ่นพึมพำว่า ‘ตอนมาเอามาได้ยังกันคนที่ได้ยินก็เพียงแค่ยิ้มและหัวเราะเบาๆ จนยุยขมวดคิ้วทำหน้าไม่เข้าใจ

 

 

 

 

มันตลกตรงไหนกัน

 

 

 

เปล่าๆ รีบกลับเข้าห้องเรียนเถอะ เดี๋ยวครูจะว่า

 

 

 

ฉันจะช่วยเธอก่อน เธอยกไม่ไหวหรอกเยอะแบบนี้

 

 

 

ไม่เป็นไรหรอก รบกวนเปล่าๆ

 

 

 

” ฉันบอกว่าจะช่วยคือจะช่วยอย่าเถียงได้มั้ยเพราะยิ่งเถียงมันยิ่งเสียเวลาหยิบของแล้วเดินนำฉันไปได้แล้ว

 

 

 

 

ยุยแย่งกองหนังสือกับเอกสารส่วนใหญ่มาถือไว้โดยเหลือส่วนน้อยให้อีกคนถือเพราะยังไงซะคนที่เคยอยู่ชมรมยูโดคงจะมีแรงมากกว่าคนที่แขนผอมๆและตัวผอมๆแบบนั้นแน่นอน พลางส่งสายตาให้อีกฝ่ายเป็นนัยๆว่าให้รีบเดินนำไปได้แล้ว และแน่นอนว่ายุยคงคิดว่าอีกคนต้องแอบยิ้มแน่ๆ

 

 

 

ใช่ แล้วหล่อนก็ยิ้มจริงๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

*************************************

 

 

 

 

 

 

 

 

ม.ปลายปี 2 ห้อง A

 

.

 

.

 

.

 

 

 

ยุยเงยหน้ามองป้ายหน้าห้องสลับกับหน้าของอีกฝ่าย ห้องเอ ห้องของพวกเด็กเก่งและคงแก่เรียน ต่างจากเด็กห้องซีอย่างเค้าที่เป็นพวกธรรมดาการเรียนไม่ได้หรูหราแต่เรื่องใช้กำลังขอให้บอก

 

 

 

 

พอเปิดประตูห้องเข้าไป ห้องที่เคยเสียงดังกลับเงียบสนิทและทุกสายตาก็มองมาที่ยุยกับอีกคนที่นำเค้าเข้ามา ยุยเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเด็กห้องเอต้องจ้องเค้ามากขนาดนั้นทำหยั่งกับว่าไม่มีคนต่างห้องมาเข้าห้องนี้ซักร้อยปียังไงยังงั้น เลยกวาดสายตาใต้กรอบแว่นไปรอบๆพลางขมวดคิ้ว จนกระทั่งได้ยินเสียงดังขึ้น

 

 

 

 

ครูไม่เข้าหรอ

 

 

 

” อืม เห็นว่ามีประชุมด่วนกันคาบนี้เลยว่าง

 

 

 

 

ยุยเลยหันมามองอีกฝ่ายที่กำลังคุยกับเพื่อนที่นั่งหน้าห้อง เหมือนอีกคนจะรู้ว่ายุยจะบอกว่าอะไรเลยตอบกลับมาว่าให้ยุยเอาของไปว่างหลังห้อง ยุยพยักหน้าเบาๆแล้วรีบเดินเอาไปไว้หลังห้องเพราะเค้ารู้สึกอยากกลับไปนอนที่ห้องใจจะขาดเมื่อรู้ว่าคาบนี้ว่าง เมื่อว่างของเสร็จแล้วยุยกำลังจะออกจากห้องแต่มีเสียงเรียกไว้ก่อน

 

 

 

 

เดี๋ยวคะ !   …เธออยู่ห้องไหนหรอ

 

 

 

ห้องซี ทำไมอ่อ

 

 

 

 

ยุยขมวดคิ้ว ถ้าอีกฝ่ายชอบยิ้มเค้าก็คงเป็นพวกชอบขมวดคิ้วเป็นนิสัยละนะ  อีกฝ่ายยิ้มบางทียุยก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะยิ้มนั้นหรือเปล่าที่ทำให้เค้ายอมช่วยหล่อนยกของมาทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะช่วยใครแท้ๆ

 

 

 

 

ขอบคุณที่ช่วยยกของมานะ

 

 

 

อืม ไม่เป็นไร ถ้าเธอยกมาคนเดียวฉันว่าป่านนี้ก็ยังไม่ถึง

 

 

 

 

พูดจบยุยก็มองอีกฝ่ายงงๆ ที่อยู่ดีๆ ก็เดินเข้ามาใกล้กันซะจนยุยต้องถอยหลังไปเสียเอง แล้วก็รู้สึกได้ถึงมืออีกฝ่ายที่จับอยู่ตรงด้านข้างลำตัวโดยมีเสื้อคลุมของนักเรียนบังอยู่ก่อนที่จะ

 

 

 

 

 

โอ้ยยย !

 

 

 

 

เสียงร้องดังลั่นจนยุยเอามือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน คนในห้องเอมองมาทางทั้งคู่อย่างงงๆ ก่อนจะรีบหันกลับไปเพราะเจอสายตาพิฆาตจากทั้งยุยและอีกคน

 

 

 

 

ทำอะไรเนี่ย หยิกมาได้มันเจ็บนะ!

 

 

 

สำหรับที่ปากเสียเมื่อกี้ไงคะ

 

 

 

 

ยุยขมวดคิ้วมองหน้าอีกฝ่ายอย่างหงุดหงิดแต่แล้วหน้าผากยุยก็โดนนิ้วมืออีกฝ่ายจิ้มให้คิ้วที่แทบจะผูกกันเป็นปมคลายออก

 

 

 

 

อย่าทำแบบนั้นบ่อยสิ มันไม่ดีนะ

 

 

เธอก็อย่ายิ้มบ่อยมั้งสิ   มันก็เริ่มไม่ดีต่อฉันเหมือนกัน

 

 

 

 

อีกฝ่ายยิ้ม ยุยก็เลยขมวดคิ้วกลับบ้าง จนอีกคนหัวเราะและนั้นมันทำให้ยุย เผลอยิ้มตาม

 

 

 

 

ชื่ออะไร เธอหนะ

 

 

 

ไม่รู้จักฉันงั้นหรอ

 

 

 

ถามตลก ถ้ารู้จักจะถามทำไมเล่า

 

 

 

ก่อนถามชื่อคนอื่นก็บอกชื่อตัวเองมาก่อนสิแล้วก็เลิกทำหน้าเครียดซักทีสิ

 

 

 

งั้นก็เลิกเอามือมาจิ้มหน้าผากฉันได้แล้ว!

 

 

 

 

ยุยพูดพลางเอามือของตัวเองปัดมือของอีกฝ่ายที่จิ้มหน้าผากเค้าอยู่ออกออกก่อนทำหน้ายุ่งแล้วถอนหายใจออกมา

 

 

 

 

โยโกยาม่า ยุย ทีนี้ตาเธอแล้ว “

 

.

 

.

 

.

 

‘ วาตานาเบะ มิยูกิ ยินดีที่ได้รู้จักนะยุยจัง

 

 

 

 

นั้นแหละชื่อของเธอ ผู้หญิงที่ชอบยิ้มคนนั้น

 

 

ในตอนนั้นฉันไม่รู้หรอกว่าเธอเป็นคนดังในโรงเรียน แต่…มาคิดดูอีกทีเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วละ

 

 

 

 

Talk. ตอน 1 มาแล้วแบบงงๆ ตอนหน้าๆก็จะพยายามแต่งให้ยาวประมาณนี้เป็นการฝึกไปในตัว จบแน่นอนแต่แค่จะจบเมื่อไหร่แค่นั้น ฮาาา ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยเน้อ

คู่แปลก

อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ยุยมิ้ลกี้มันน่ารักเว่อร์!!!!!!!

นานๆจะได้อ่านแบบไทย ไม่ต้องดิ้นรนหาอ่านเวอร์ชั่นอังกฤษ (ซึ่งใช้เวลาสี่ชั่วโมงเศษๆในการแปลแต่ละตอน- -‘)

ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง(ก้มลงกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์)

 

ปล.แต่ขออย่างนึง ตอนจบขอสมหวังนะคุณคนเขียน

เห็นมีเฮียเน่ด้วยเลยชักหวั่นๆ-__-‘

 

ปล2.คุณคนเขียนคิดมากกับคำว่าคู่แปลกของเค้าป่ะเนี่ย55555

ถ้าคิดมากก็อย่าคิดมากเลยนะ เดี๋ยวหน้าแก่ (ไม่ใช่ละ)

ประเด็นคือสำหรับเราซึ่งเป็นแม่ยกคู่ที่ไม่ค่อยมีคนนิยม เจอคนอื่นเขาว่าจนชินชาแล้วง่ะ(ปาดน้ำตาแป๊บ)

คู่นี้แปลกดี ไม่เคยเจอ
เรื่องน่ารักมากเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้ ( ง• ̀ω•́ )ง

คู่แปลกสุดๆ แต่น่ารักสุดๆ โอ๊ย เขิล ยัยมิลค์ยิ้มไรนักหนา 
ยุยคือน่ารักมากอ่ะ 

เป็นกำลังใจให้ค่า 

 

ยุยมิลกี้ล่ะ~~~~!! คู่ที่หายากที่สุดในรอบ 10 ปี(เวอร์)

ยุยกับมิลกี้เล่นกันมุ้งมิ้งมากกกกกกกกกกกกกกกก#ฟินค่ะ

ตอนที่เห็นแต่ชื่อเรื่องนึกว่าจะมาแบบคู่ซายะมิลกี้แล้วยุยเป็น กขค.

แต่ว่า…ก็ต้องอ่านต่อไปว่ายุยจะสมหวังกะมิลกี้หรือว่ายุยจะเป็น กขค. จริงๆ

รออ่านตอนต่ออยู่ครัช สู้ๆ

อะ เฮื้อออออ ตาย นอนฟินตายอย่างสงบ

คู่นี้มันมุ้งมิ้ง บุ้งบิ้ง กุ๊งกิ๊ง งุ้งงิ้งมากอ่ะ อร๊ายยยยย เขิลแปป

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ =w=

โอ๊ะ ยุยมิลกี้ เคมีเข้ากันสุดๆ >.< อ่านแล้วฟินนนน
จะมีซายาเน่มาแจมด้วยหรือเปล่าน๊า 

อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ยุยมิ้ลกี้มันน่ารักเว่อร์!!!!!!!

นานๆจะได้อ่านแบบไทย ไม่ต้องดิ้นรนหาอ่านเวอร์ชั่นอังกฤษ (ซึ่งใช้เวลาสี่ชั่วโมงเศษๆในการแปลแต่ละตอน- -‘)

ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง(ก้มลงกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์)

 

ปล.แต่ขออย่างนึง ตอนจบขอสมหวังนะคุณคนเขียน

เห็นมีเฮียเน่ด้วยเลยชักหวั่นๆ-__-‘

 

ปล2.คุณคนเขียนคิดมากกับคำว่าคู่แปลกของเค้าป่ะเนี่ย55555

ถ้าคิดมากก็อย่าคิดมากเลยนะ เดี๋ยวหน้าแก่ (ไม่ใช่ละ)

ประเด็นคือสำหรับเราซึ่งเป็นแม่ยกคู่ที่ไม่ค่อยมีคนนิยม เจอคนอื่นเขาว่าจนชินชาแล้วง่ะ(ปาดน้ำตาแป๊บ)

อุ้ย น่าอ่านอ่ะ ติดตามๆ -..-

2.

 

 

 

บังเอิญแน่ๆ  

 

 

 

ดวงตาภายใต้กรอบแว่นของยุยจ้องมองไปยังคนคุ้นหน้าที่ยืนกดมือถืออยู่ในมุมหนึ่งของรถไฟ ยุยจำได้ว่าเป็นเพื่อนใหม่ที่แนะนำตัวเองว่าชื่อ มิยูกิ

 

 

 

เพื่อนใหม่ที่แสนจะยิ้มง่ายคนนั้น

 

 

 

มองได้สักพักก็ละสายตาจากคนตรงหน้าหันมามองวิวข้างทางในขณะที่รถไฟกำลังแล่นผ่านเส้นทางเดิม แม้จะเห็นอยู่ทุกวันแต่ก็ยังคงให้ความรู้สึกผ่อนคลายเสมอโดยเฉพาะในตอนเย็นที่รถไฟเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังกลับบ้าน ยุยยิ้มน้อยๆให้กับวิวตรงหน้าก่อนที่จะหันกลับมามองที่ตำแหน่งเดิมที่มีอีกคนยืนอยู่แต่ก็พบกับความว่างเปล่า ยุยถอนหายใจและยิ้มให้ตัวเองอีกครั้งพลางคิดไปว่าบางทีเพื่อนใหม่คนนี้ก็เข้ามาอยู่ในความคิดของเค้ามากเกินไป

 

 

 

บางทีอาจจะลงไปแล้วละมั้ง ’ 

 

 

 

คิดได้แบบนั้นก็ก้มหน้ากดมือถือของตน ก่อนที่จะรู้สึกถึงแรงสะกิดจากด้านหลังจึงละสายตาจากหน้าจอแล้วหันหลังกลับไปดูก็พบกับคนที่คิดว่าน่าจะลงจากรถไฟไปแล้ว

 

 

 

 ไงเจอกันอีกแล้วนะ ยุยจัง

 

.

 

.

 

.

 

.

 

 

เท่าที่จำได้ตั้งแต่เรียนที่โรงเรียนนี้ ไป – กลับด้วยรถไฟทุกวัน ลงป้ายเดิมทุกวัน ถึงจะไม่ค่อยใส่ใจกับสิ่งรอบตัวแต่เค้าก็พอจะรู้ว่ามีรุ่นพี่ รุ่นน้องหรือเพื่อนคนไหนอยู่แถวบ้านหรือลงป้ายเดียวกับเค้าบ้าง แต่เท่าที่ยุยจำได้ ไม่มีมิยูกิอยู่ในนั้น ยุยคิดพลางขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยระหว่างทางที่เดินกลับบ้านโดยมีอีกคนเดินมาด้วยกัน

 

 

 

ยุยจังอยู่แถวนี้งั้นหรอ    มิยูกิเอ่ยถามขึ้นระหว่างทาง ยุยส่งเสียงตอบรับในลำคอเบาๆ เหลือบตามองอีกฝ่ายก่อนที่จะหยุดเดินทำให้อีกคนต้องหยุดตาม

 

 

 

เรียกฉันว่า ยุย เหมือนคนอื่นเถอะเรียก ยุยจัง มันแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้    ยุยพูดขึ้นพลางสบตาของอีกฝ่าย อีกคนเพียงแค่ยิ้มและหัวเราะอย่างที่เจ้าตัวชอบทำก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ยุยรู้สึกแปลกใจ

 

 

 

ก็…ฉันไม่อยากเรียกเหมือนคนอื่นนี้

 

 

 

พูดจบมิยูกิก็เดินออกไป ทิ้งยุยที่กำลังประมวลผลกับคำพูดของอีกคนไว้แบบนั้น หมายความว่ายังไง?  แต่กว่ายุยจะตั้งสติแล้วเดินตามอีกฝ่ายไปนั้น หล่อนก็หายไปจากตรงนั้นแล้ว

 

.

 

.

 

.

 

.

 

ยุยเดินกลับมาถึงบ้านของตน ควานหากุญแจบ้านในกระเป๋าตาก็เหลือบไปเห็นบ้านข้างๆ ที่กำลังขนของย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ เมื่อหากุญแจเจอยุยก็ละสายตาจากบ้านข้างๆ หันมาเปิดประตูและเดินเข้าบ้านของตนไป

 

 

 

กลับมาแล้วค่า ~ “

 

 

ยุยจังมาแล้วหรอ ดีเลยแม่ว่าจะออกไปช่วยข้างบ้านขนของไปด้วยกันเลยมาๆ

 

 

อะไรนะแม่ พึ่งกลับมาเองนะ

 

 

อย่าบ่นไปเหมือนคนแก่หน่อยเลยเจ้ายุย พ่อเองก็ต้องออกไปช่วยด้วยเหมือนกันนั้นแหละ

 

 

 

ยุยถอนหายใจ ก่อนจะขอตัวขึ้นไปเก็บของและเปลี่ยนชุดบนห้องหลังจากโดนพ่อและแม่ขอร้องแกมบังคับให้ไปช่วยขนของให้บ้านข้างๆ ที่ย้ายมาอยู่วันนี้ ยุยหันไปมองเจ้า บิสุ เจ้าแมวสัตว์เลี้ยงแสนรักของยุยที่กำลังเดินนวยนายมาทางตนก่อนจะนั่งลงและจ้องนายของมันตาแป๋ว

 

 

 

เกิดเป็นแกถ้าจะดีเนอะวันๆ ไม่ต้องทำอะไร นั่งๆ นอนๆ

 

 

 

ยุยบ่นกับบิสุ เหมือนมันจะเข้าใจสิ่งที่ยุยพูดจึงลุกขึ้นเดินไปที่ที่นอนของมันก่อนจะหาวแล้วล้มตัวลงนอน เปิดตามองเจ้านายมันอีกครั้งก่อนจะหลับตาลงแล้วนอนอยู่แบบนั้น ทิ้งให้ยุยจ้องมองมันด้วยสายตาที่หมั่นไส้ปนอิจฉา

 

 

 

ชิ ไอ้แมวขี้เกียจ

 

.

 

.

 

.

 

.

 

ยุยวางกล่องอันสุดท้ายลงบนพื้นพลางหันหน้าไปหาเจ้าของบ้านที่กำลังพูดขอบคุณกับพ่อและแม่ของเค้าอยู่ เท่าที่จำได้ดูเหมือนว่าเจ้าของบ้านคนใหม่นี้จะแนะตัวเองว่า โคจิม่า ฮารุนะ ยุยจับใจความได้ว่าหล่อนย้ายมาอยู่ที่นี้กับน้องสาวอีกคนหนึ่งที่กำลังเรียนอยู่ม.ปลาย สรุปบ้านนี้มีแค่ผู้หญิงสองคนสินะยุยคิดระหว่างที่กำลังนั่งฟังพ่อแม่และฮารุนะซังคุยกัน

 

 

 

หลังจากคุยกันมายาวนานพ่อกับแม่เลยตัดสินใจชวนฮารุนะซังและน้องสาวของหล่อนไปกินข้าวเย็นที่บ้านโดยให้เหตุผลว่า พึ่งย้ายมาวันแรกบ้านยังไม่ได้จัด กินข้าวไม่สะดวกหรอกไปกินบ้านน้าดีกว่า ฮารุนะซังที่ตอนแรกปฏิเสธพอได้ยินก็หันไปดูสภาพรอบๆ บ้านก่อนจะหันมาสบตากับยุย ยุยจึงยิ้มรับนิดๆ ก่อนส่งสายตาประมาณว่า ยอมแพ้เถอะ นั้นแหละถึงได้ข้อตกลงในที่สุด

 

 

 

หลังจากนัดเวลากับฮารุนะซังเสร็จเลยขอตัวกลับมาเตรียมข้าวเย็นที่บ้าน เมื่อมาถึงพ่อกับแม่ก็เข้าครัวเริ่มทำอาหารในขณะที่ยุยนั่งดูทีวีที่โซฟา จู่ๆ เจ้าบิสุก็กระโดขึ้นมาบนตักของยุยและล้มตัวนอนลง ยุยมองมันขำๆ ก่อนจะเอามือลูบหัวมัน พลางหันไปดูทีวีอีกครั้งก่อนที่จะรู้สึกถึงความเหนื่อล้าที่เข้าจู่โจมเลยผล็อยหลับไปพร้อมๆ กับเจ้าบิสุ

 

 

 

เสียงกดกริ่งหน้าบ้านทำให้ยุยสะดุ้งตัวตื่นขึ้นพร้อมกับเจ้าบิสุที่นอนอยู่บนตัก ยุยอุ้มมันวางไว้ข้างๆ ก่อนที่จะได้ยินเสียงแม่บอกว่าให้ไปเปิดประตูบ้าน ยุยมองดูนาฬิกาที่บอกเวลาว่าประมาณ 6 โมงก่อนที่เจ้าตัวจะสะบัดหน้าไล่ความง่วงแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตูหน้าบ้าน

 

 

 

เมื่อเดินไปหน้าบ้านก็พบกับฮารุนะซังที่ยืนรออยู่ ยุยเปิดประตูบ้านให้ฮารุนะก่อนจะบอกให้หล่อนเข้าไปในบ้าน ก่อนมองไปรอบๆ แล้วขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย ไหนน้องสาวอีกคนละ และเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจเลยชิ่งพูดออกมาว่าน้องสาวของตนนั้นกำลังเปลี่ยนชุดอยู่ที่บ้านกำลังจะมา ยุยพยักหน้ารับรู้ก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายเข้าบ้านไปและอาสารอน้องสาวของฮารุนะซังแทน

 

 

 

ยุยขมวดคิ้วระหว่างที่นั่งรอคนข้างบ้าน พลางกระชับเสื้อคลุมของตนเมื่อโดนลมหนาวจู่โจม ก้มหน้าลงมองบิสุและบ่นกับมันเบาๆ

 

 

 

 ช้าชะมัดเลยเนอะ บิสุ

 

 

 

 เมี๊ยว ~ “

 

 

 

ยุยยิ้มพลางเอาเท้าเขี่ยเจ้าแมวอ้วนเบาๆ และในตอนนั้นเองที่เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ยุยละสายตาจากบิสุก่อนจะหันไปมองแขกผู้มาใหม่ที่คาดว่าน่าจะเป็นน้องสาวของฮารุนะซัง และวินาทีที่ยุยได้สบตากับคนตรงหน้า ยุยขมวดคิ้วขึ้น

 

 

 

บ้าน่า บังเอิญไปแล้วมั้ง

 

.

 

.

 

.

 

วาตานาเบะ มิยูกิมาทำอะไรที่นี้

 

 

 

 

 

****************************************

 

 

 

 

 

เสียงพูดคุยบ่นโต๊ะอาหารดังขึ้นไม่หยุดตั้งแต่มิยูกิเดินเข้ามาแนะนำตัวเองในบ้าน พ่อกับแม่ดูจะถูกใจสองพี่น้องข้างบ้านที่ย้ายมาเอามากๆ หลังจากซักถามชีวประวัติและความสงสัยเรื่องนามสกุลของพี่น้องคู่นี้ว่าทำไมถึงแตกต่างกัน จนสุดท้ายก็ได้คำตอบมาว่าฮารุนะซังใช้นามสกุลพ่อส่วนมิยูกิใช้นามสกุลแม่ ยุยนั่งก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานให้หมดโดยที่หูเองก็ยังฟังบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร

 

 

 

“ ยุยจัง วันหลังก็ไปโรงเรียนกับมิยูกิจังสิลูก

 

 

 

ยุยเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแม่ของตัว พลางหันไปสบตากับเจ้าของชื่อ มิยูกิขยับยิ้มขึ้นบางๆ ก่อนที่จะหันมาสบตากับยุยและนั้นทำให้ยุยต้องเบือนหน้าหนีอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้

 

 

 

…บางทีคงต้องยอมรับว่ารอยยิ้มนั้นมีอิทธิพลกับเค้าจริงๆ

 

 

 

“ ขอฉันเรียกว่า ยุยจัง มั้งได้มั้ยคะ? “

 

 

 

เสียงของมิยูกิดังขึ้น ยุยหันไปมองหน้าอีกฝ่ายก่อนละสายตาหันไปมองรอบๆ โต๊ะดูเหมือนว่าทุกคนกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่ยุยจะพูดออกมาซะเต็มประดา ยุยหันไปมองหน้าของมิยูกิอีกครั้งก่อนจะเห็นเจ้าตัวยิ้มแบบที่ชอบทำประจำ ความจริงแล้วยุยอยากจะตอบว่า ไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าคำพูดในตอนเย็นของอีกฝ่ายที่ลืมไปแล้ว อยู่ดีๆ ก็กลับมาชัดเจนในความทรงจำอีกครั้ง

.

 

.

 

.

 

ก็…ฉันไม่อยากเรียกเหมือนคนอื่นนี้

.

 

.

 

.

 

สุดท้ายก็ต้องทำใจยอมรับว่าตัวเองสู้รอยยิ้มนั้นไม่ได้ คล้ายๆ มีเวทมนต์ บางทีถ้าหล่อนยิ้มแล้วสั่งให้คนอื่นไปทำอะไรทุกคนก็คงทำและยุยคิดว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนตอนนี้

 

 

 

อืม จะเรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ   ยุยตอบแล้วรีบลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารไป

 

 

 

ยุยนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านกับบิสุที่นอนให้ยุยเกาพุงของมันอยู่ ก่อนจะรู้สึกว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ข้างๆ เมื่อหันไปก็พบกับมิยูกิที่กำลังนั่งลงข้างตน

 

 

 

น่ารักจังเลย มันชื่ออะไรหรอ

 

 

 

มิยูกิพูดขณะที่อุ้มตัวเจ้าแมวอ้วนบิสุไปนั่งที่ตักของตนแทนและดูเหมือนมันจะชอบมากเสียด้วย แค่แวบหนึ่งเท่านั้นแหละที่ยุยอยากเป็นบิสุตะหงิดๆ แค่แวบเดียวจริงๆ ชิ ไอ้แมวทรยศ

 

 

 

มันชื่อ บิสุ  ยุยตอบ

.

 

.

 

เธอจะมาเล่นกับมันที่บ้านก็ได้นะ

 

 

 

ยุยพูดในขณะที่สายตามองไปที่เจ้าแมวบนตักของอีกคน มิยูกิมองหน้าอีกฝ่ายอย่างแปลกใจก่อนจะยิ้มน้อยๆ แล้วหันหน้าไปมองบิสุพลางลูบหัวมันไปเรื่อยๆ เสียงครางของเจ้าแมวดังขึ้นเหมือนจะบอกว่า มันพอใจมาเลยนะ ทำให้คนสองคนมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

 

 

 

ไอ้แมวขี้เกียจ “  ยุยว่าพลางเอานิ้วจิ้มท้องมันก่อนจะโดนอีกคนตีมือแล้วส่งสายตาดุๆ ให้ ยุยนั่งลูบมือตัวเองที่โดนอีกคนตีแล้วบ่นพึมพำเบาๆ จนอีกคนเห็นแล้วก็อดหัวเราะปนสงสารไม่ได้พลางยื่นมือมาลูบหน้ายุยเบาๆ ทำให้ยุยหันหน้ามามองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ

 

 

 

ยุยจังเองก็อยากโดนฉันลูบหัวเหมือนบิสุใช่มั้ยละ

 

 

 

ใช่ที่ไหนเล่ายัยบ้า! “  ยุยว่าพลางปัดมือของอีกฝ่ายออกจากแก้มของตน ยุยขมวดคิ้วขึ้นแล้วนึกในใจ วันนี้สองครั้งแล้วนะที่อีกคนเอามือมาแตะหน้าของตน

 

 

 

เมี๊ยว ~

 

 

 

“ เห็นมั้ย บิสุมันยังเห็นด้วยเลย “  มิยูกิพูดอย่างขำๆ พลางเอามือลูบหัวบิสุต่อไป ปล่อยให้ยุยนึกสาปแช่งเจ้าแมวอยู่ในใจ

 

 

 

“ มิยูกิ กลับบ้านกันเถอะ “  เสียงของฮารุนะดังขึ้น ทำให้ยุยและมิยูกิที่นั่งอยู่ต้องลุกขึ้นยืน ยุยรับเจ้าบิสุมาจากอีกฝ่ายก่อนหันไปโค้งให้ฮารุนะ

 

 

 

“ แล้วพรุ่งนี้เช้าเจอกันนะ…ยุยจัง

 

 

 

ยุยมองตามอีกฝ่ายไปก่อนจะเอามือของตนมาแตะที่แก้มที่ตำแหน่งเดียวกันกับที่มือของมิยูกิเคยแตะ ถึงแม้มิยูกิจะไม่ได้อยู่ตรงหน้าแล้วแต่ยุยรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่หลงเหลืออยู่และดูเหมือนว่า

 

 

.

 

.

 

.

 

 

บางอย่างที่อีกฝ่ายทิ้งไว้จะเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของยุย

 

 

 

 

Talk. ตอนสองมาแบบง่วงๆ ดูเหมือนก็มีคนแอบซุ่มชอบคู่นี้แฮะ พึ่งสังเกตอย่างจริงจังว่ายุยสูงกว่าและตัวใหญ่กว่า 2 คู่หูนัมบะเยอะเลย ยังไงก็ตามเจอกันตอนหน้าเน้อครัชช        

บังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิต ป่ะคะเนี่ย ฮิ้ววววว

ว่าแต่เรื่องนี้มันจะมีพลิคล็อคในตอนท้ายป่ะเนี่ย

เราเล็งเห็นมือที่สามสองคนแล้ว…ตอนแรกก็เฮียเน่ ตอนสองก็น้องบิสุ(แมวจ่ะแมว ไม่ใช่คน- -‘)

55555 แต่มันเป็นไปได้นา บางทีคุณคนเขียนอาจจะจิ้นยุยบิสุเงียบๆในใจเหมือนเราก็เป็นได้ :3

 

ปล.ยุยไม่ได้สูงหรอก สองคู่หูนับะเตี้ยต่างหาก 555555