[SF] Because Of You – 09 – (JurinalYuki) 12/05/16 UP++

00

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     “จูรินะ ลูกจะนอนไปจนถึงพรุ่งนี้อีกทีเลยเหรอ”

 

 

     “อื้อ…”

 

 

      เสียงของแม่ดังขึ้นในเช้าวันจันทร์วันแรกของการเรียนหลังจากหยุดไป 2 วัน ทำไมวันหยุดมันไม่เยอะกว่านี้กันนะ อาทิตย์หนึ่งมี 7 วัน ก็วันหยุดซัก 4 เรียน 3 จูรินะเคยพูดเรื่องนี้กับเพื่อนตัวเอง แล้วก็โดนฝ่ามืองามๆ ตบเข้าฉาดหนึ่งแล้วก็ถูกบ่นประมาณว่า ถ้าอยากได้แบบนั้นก็ไม่ต้องไปเรียนเขาจึงยอมแพ้ไปในที่สุด

 

 

     “แหนะ ยังไม่ลุกอีก” เสียงของแม่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาจึงจำต้องกระโดดลงจากเตียงทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตื่นหรือยัง

 

 

      “ตื่นแล้วๆ เห็นไหมนี่ ยืนอยู่นี่” และช่วงที่เขาลุกขึ้นแม่ก็เปิดประตูเข้ามาพอดีจึงต้องรีบบอกไปเพื่อไม่ให้โดนด่า

 

 

      “ตื่นแล้วก็ลืมตาซะ ไปอาบน้ำอย่ามายืนหลับตรงนี้เกะกะ” แม่พูดพร้อมกับเดินไปเก็บที่นอนให้ เขาก็ทำได้แค่มองอย่างเซ็งๆ

 

 

      ทำไมขี้บ่นแบบนี้นะ แม่ใครเนี่ย

 

 

 

 

 

 

 

 

     “อรุณสวัสดิ์” จูรินะเอ่ยทักทายยามเช้าเป็นปกติของทุกวัน พ่อเขานั่งจิบกาแฟบนโต๊ะอย่างสบายอารมณ์โดยมีเจ้าหมาตัวเล็กสีขาวนอนอยู่บนตักอย่างสบาย หมาของเขาเป็นพันธุ์ปอมเมอเรเนียนตัวผู้เป็นหมาที่โคตรตัวเล็ก มันชื่อรัจจิ พ่อซื้อให้เขาเป็นของขวัญทั้งๆ ที่มันเป็นของเขาแต่พ่อกลับชอบเอามันไปไว้กับตัวตลอด

 

 

      “อรุณสวัสดิ์” พ่อเอ่ยตอบเขาแต่ตาดันมองแต่เจ้ารัจจิ

 

 

      โอ้ย หมั่นไส้

 

 

       “พ่อ เจ้ารัจจิมันเป็นของหนูนะ ตกลงซื้อให้หนูหรือซื้อให้ตัวเอง”

 

 

       “ซื้อให้ลูกไง”

 

 

       “ก็เอามาสิ”

 

 

       “จะเอามันไปเรียนด้วยหรือไง”

 

 

       “ชิ แล้วนี่มีใครเห็นรองเท้าหนูไหมเนี่ยยิ่งแพงๆ อยู่ด้วย” เรื่องรัจจิเอาไว้ก่อนตอนนี้ต้องหารองเท้าเตะฟุตบอลก่อน แล้วมันหายไปไหนเนี่ย หวังว่าคงไม่เผลอไปวางทิ้งไว้ที่ไหนหรอกนะ

 

 

       “จะรู้เหรอ นิสัยเก็บไม่เป็นที่เป็นทางน่ะเมื่อไหร่จะแก้” แม่บ่นอีกแล้ว

 

 

       เขาทำเป็นไม่สนใจแล้วตั้งใจหารองเท้าต่อไปแต่จู่ๆ ก็นึกได้

 

 

        “ชิบ….” ลืมไว้ที่โรงเรียน! โอ้ยยยตายหายไหมเนี่ย

 

 

        คิดได้แค่นั้นก็ใส่รองเท้าผ้าใบติดเกียร์วิ่งทันที

 

 

        ข้าวไม่กงไม่กินมันละรองเท้าสำคัญกว่าหายขึ้นมามีตายแน่นอน

 

 

        “ไม่ทานข้าวหรือไง นี่!!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

       มาถึงแล้วโรงเรียน เงียบเหงามากอาจเพราะมันยังเช้าเลยไม่มีใครมาหรือมาแล้วแต่อยู่บนห้องอันนี้ก็ไม่รู้นะ สิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้คือรองเท้า

นี่ลืมไว้ตรงไหนเนี่ยในโรงยิมก็ไม่มี ขอบสนามถ้าอยู่สนามเขาต้องตายแน่เพราะตอนนี้เขาไม่เจออะไรเลย โดนขโมยหรือหมาคาบไป

 

 

       ในขณะที่กำลังกระวนกระวายอยู่นั้นสายตาก็มองไปเห็นหญิงสาวผิวขาวคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงใต้ร่มไม้ข้างสนามตรงม้าหินอ่อน ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาคือ คนหรือผีแต่ผีที่ไหนจะออกมาตั้งแต่เช้าขนาดนี้

 

 

       อย่านะเว้ยคนยิ่งกลัวๆ อยู่ด้วย

 

 

        จูรินะอยากจะเดินเข้าไปถามเธอว่าพอจะเห็นรองเท้าเขาแถวๆ นี้บ้างไหมแต่ก็ไม่กล้า

 

 

       แต่…เพื่อรองเท้าเอาวะ

 

 

       จูรินะพยายามเดินเข้าไปหาเธอที่กำลังนั่งหันหลังให้เหลืออีกแค่ไม่กี่เมตรก็จะถึงแล้ว….

 

 

       “เฮ้ยจู”

 

 

       “หวา”

 

 

       เสียงทักพร้อมกับน้ำหนักที่ถาโถมเข้ามาหาเขาทำให้เขาทั้งตกใจทั้งเสียหลักเกือบล้ม

 

 

        “อะไรของแกเนี่ยมายุ ตกใจนะเนี่ย” จูรินะหันไปโวยวายให้เพื่อตัวแสบที่กำลังหัวเราะคิกคักพอเป็นพิธีแล้วหันกลับไปมองที่ที่ผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่

 

 

        “เอ๊ะ…” เธอหายไปแล้ว

 

 

        เขามองซ้ายมองขวาหันมองจนรอบๆ ก็ไม่ปรากฏเห็นวี่แววของเธอ จู่ๆ ก็ขนลุกขึ้นมาซะงั้น

 

 

        “เป็นไรวะ”

 

 

        “เมื่อกี้แกเห็นผู้หญิงที่นั่งตรงม้าหินอ่อนนั่นป่ะ” ถามเผื่อมันจะเห็นแต่กลับได้รับคำตอบกลับมาเป็นการส่ายหัว

 

 

         ตกลงนั่นผีใช่ไหม?

 

 

         “ทำไม?”

 

 

         “ไม่มีไรหรอก ว่าแต่แกเห็นรองเท้าฉันบ้างป่ะ ที่บ้าน ที่โรงยิม ข้างสนามก็ไม่เห็นอ่ะ”

 

 

         “นี่ไง” มายุเอ่ยพร้อมกับโชว์รองเท้าสตั๊ดสีเขียวอ่อนลายสีแสดยี่ห่อไนกี้ขึ้นมา

 

 

         “แกเจอที่ไหนอ่ะ” จูรินะรีบคว้ามันมากอดไว้ทันที

 

 

         “ข้างๆ กองขี้หมาตรงสนามอ่ะ”

 

 

         “ห๊ะ” แทบจะโยนทิ้ง

 

 

         “ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่น เห็นมันวางอยู่ข้างประตูฟุตบอลอ่ะเลยเก็บไว้” มายุหัวเราะจนตัวโยน ก่อนจะตอบ

 

 

         “เกือบโยนลูกรักทิ้งแล้วไหมล่ะ แต่ขอบใจนะ”

 

 

         “เออ หัดเก็บให้มันเป็นที่เป็นทางหน่อยหายมาไม่รับผิดชอบนะเว้ย” นั่นบ่นจนได้ บ่นเหมือนแม่ซะด้วย

 

 

         “ค่ะ ท่านมายุ”

 

 

         “รู้ข่าวป่ะ เห็นว่าจะมีครูใหม่มาวันนี้อ่ะ”

 

 

         “หึ ไม่อ่ะ” เขาไม่ได้สนใจอะไรแบบนั้นหรอก สิ่งที่เขาสนคือกีฬา เรื่องครูมาใหม่หรืออะไรใครที่ไหนเขาไม่ค่อยจะสนใจหรอก

 

 

         “แกเลิกวุ่นวายกะอิรองเท้าสุดแสบตาของแกก่อนได้ป่ะ อ๊ะ คนนั้นไง” ใครอะไรคนไหน แต่ว่าเมื่อกี้มายุบังอาจมาว่ารองเท้ามหาเทพของเขาได้ไงไม่เข้าใจจูเลย ชิ

 

 

         “อะไร?”

 

 

         “ครูใหม่ เป็นผู้หญิงซะด้วย” เห็นมายุมันงึมงำๆ อยู่ก็เลยมองด้วยซะหน่อย แต่ว่าเขากลับรู้สึกคุ้นๆ เหมือนจะเคยเห็นที่ไหน ผู้หญิงที่มายุบอกว่าเป็นครูใหม่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงตำแหน่งที่พวกจูรินะยืนอยู่แล้วเขาก็นึกได้พอดี

 

 

         “ผี!!

 

 

         “หา?” มายุหันมาอุทานเบาๆ ส่วนผู้หญิงคนนั้นถึงกับหยุดยืนอยู่ต่อหน้าจูรินะ แถมจ้องหน้าเขาเขม็งอีกต่างหาก

 

 

         “เธอว่าอะไรผีๆ มัตสึอิซัง” ครูมินามิชะโงกหน้าออกมาจากด้านหลังของเธอคนนั้นพลางถาม

 

 

         “เอ่อ นี่ไงคะ” จูรินะตอบพลางชี้ไปที่ผู้หญิงคนนั้นอย่างเกร็งๆ

 

 

         “ผี?” เธอเอ่ยทวนคำพูดจูรินะด้วยใบหน้าตกใจ “นี่ฉันหน้าโทรมขนาดนั้นเลยเหรอ?” แล้วเธอก็ยกมือขึ้นมาแตะๆ ที่ใบหน้าตัวเองพร้อมบ่นเบาๆ

 

 

         “ผีเผอที่ไหน นี่คนจ้ะมัตสึอิซัง แต่ว่านะ พอดีเลยที่พวกเธอเดินมา ครูเขากำลังจะไปห้องเธอพอดีช่วยพาไปหน่อยละกันนะ” ครูมินามิมอบหมายงานให้เสร็จก็ย้ายร่างเล็กๆ นั่นหายไปทันที

 

 

         เร็วชะมัด

 

 

        “เอ่อ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่หนูเข้าใจผิดนึกว่า ครูเป็นผี แหะๆ” จูรินะเอ่ยขอโทษหญิงสาวพลางขำเบาๆ

 

 

         หญิงสาวจึงเลิกกระวนกระวายกับใบหน้าตัวเองเพื่อมองจูรินะแล้วตอบ

 

 

         “อ่อ ไม่เป็นไรจ้ะ ว่าแต่เราจะไปกันหรือยัง?” เธอเอ่ยด้วยท่าทางสดใสเหมือนวัยรุ่น

 

 

         “งั้น…ไปกันค่ะ” แล้วจูรินะก็เดินนำไปอย่างรวดเร็วจนคนอีกสองคนต้องรีบเดินตาม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

        พอไปถึงห้องเรียนจูรินะกับมายุก็เดินเลยไปเข้าประตูหลัง ให้ครูคนใหม่เข้าประตูหน้าไป

 

 

        “จู ทำไมแกต้องรีบเดินขนาดนั้นด้วยเนี่ย มีไรป่ะวะ?” มายุถามด้วยความเป็นห่วง

 

 

        “ฉันรู้สึกกลัวว่ะ”

 

 

        “กลัว? นี่แกกลัวครูคนนี้อ่ะนะ แกคิดว่าเขาเป็นผีจริงอ่ะ”

 

 

        “ไม่ใช่เว้ย ฉันไม่คิดว่าเขาเป็นผีแต่ฉันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้”

 

 

        “เอาล่ะค่ะนักเรียน วันนี้เป็นวันแรกของครูและครูก็เป็นที่ปรึกษาคนใหม่ของห้องพวกเธอ ครูชื่อคาชิวากิ ยูกิ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” เสียงของครูสาวที่ชื่อยูกิเอ่ยขึ้น จูรินะกับมายุจึงเลิกคุยกันแล้วมองไปที่เธอ

 

 

         “ยินดีที่รู้จักค่า/ครับ” พอสิ้นเสียงเธอนักเรียนทั้งห้องก็ตอบอย่างแข็งขันแม้กระทั่งมายุ แต่จูรินะกลับนั่งเงียบกริบ

 

 

         “วันนี้ครูจะสอบนะคะ”

 

 

         “เอ๋” จูรินะอุทานออกมาเบาๆ

 

 

         “วิชาภาษาอังกฤษ” ยูกิเอ่ย

 

       

         นั่นไง ว่าแล้วเชียวมิน่ารู้สึกแปลกๆ ถึงพลังงานบางอย่าง เป็นครูภาษาอังกฤษนี่เอง

 

 

         “ฉันเกลียดวิชาภาษาอังกฤษ” จูรินะขมวดคิ้วพลางบ่นเบาๆ แล้วหันไปหามายุที่ทำหน้าระรื่น “เฮ้ย มายุแกจะมีความสุขไปไหน นี่วันแรกนะเว้ยดันให้สอบซะงั้น”

 

 

          “สอบๆ ไปเหอะน่าแกก็บ่นไป ก็แค่สอบก่อนเรียนเอง”

 

 

          “ครูเก็บคะแนนตัวนี้ด้วยนะคะ ตั้งใจด้วยล่ะ” ยูกิว่าพลางเดินแจกข้อสอบไปเรื่อยๆ จนมาถึงจูรินะ พอเธอก้มลงมองเขาเขาก็เบือนหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์ ยูกิรู้แน่แท้เลยว่าเด็กคนนี้ไม่ชอบเธอแน่ๆ แต่เธอก็ไม่สนใจ

 

 

         ทั้งๆ ที่เธอต่างหากที่ควรจะไม่ชอบเขา ที่เขาบังอาจมาว่าเธอเป็นผี ถึงจะขอโทษก็เถอะ แต่เป็นครูนี่นะก็เลยคิดเล็กคิดน้อยเรื่องแบบนี้ไม่ได้

 

 

         “ตั้งใจด้วยนะคะ” ยูกิยิ้มให้จูรินะอย่างจริงใจแต่เขาก็ไม่สนใจมันซักนิด ยูกิจึงเดินจากไป เมื่อแจกเสร็จแล้วยูกิก็สั่งให้ทุกคนทำข้อสอบทันที

 

 

         จูรินะเอาแต่นั่งเคาะปากกาเล่นโดยไม่สนใจจริงๆ จังๆ ซึ่งนั่นก็อยู่ในสายตาของยูกิตลอด เธอสังเกตและวิเคราะห์ภาพรวมของจูรินะออกมาอย่างคร่าวๆ ไว้ก่อน แต่ยังไม่สรุปเพราะยังไม่รู้ว่าเขาเป็นแบบไหน จะเป็นเด็กมีปัญหาของชั้นเรียนหรือเปล่า

 

 

         พอหมดคาบทุกคนก็ส่งกระดาษคำตอบหมดทุกคนแม้กระทั่งจูรินะที่ทำเสร็จใน 5 นาทีสุดท้าย

 

 

         มั่วแน่ๆ

 

 

          ความคิดแรกของยูกิผุดขึ้นมาทันที

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

        “ฉันไม่ชอบเลยอ่ะ” จูรินะบ่นกับมายุหลังจากเดินออกจากห้องเรียนเพื่อไปยังโรงอาหารในเวลาพักเที่ยง

 

 

        “แกไม่ชอบครูหรือไม่ชอบรายวิชา”

 

 

         “ฉันไม่ได้รังเกียจครูนะเว้ยแต่ฉันอคติวิชาอ่ะ เลยพลอยทำให้ไม่อยากจะมองหน้าครูไปด้วยซะงั้น” จูรินะเดินบ่นไปจนตลอดทางให้มายุต้องส่ายหัวกับความขี้บ่น

 

 

         “แต่ว่าครูเขาก็สวยนะ” จู่ๆ มายุก็เปิดประเด็นขึ้นมา จูรินะชะงักไปก่อนจะหันไปมองหน้ามายุอย่างจับผิด

 

 

         “แกชอบเหรอ อ่ะๆ”

 

 

         “เปล่า ก็แค่บอกว่าสวยนี่จำเป็นต้องชอบเหรอ?”

 

 

         “ก็ไม่รู้สินะ” จูรินะยักไหล่ไม่ใส่ใจแล้วเดินนำไป แต่เดินไปยังไม่ถึงไหนก็มีเสียงหวานๆ ของหญิงสาวเรียกเขา

 

 

         “มัตสึอิซัง” จูรินะหยุดเดินพร้อมกลับหันไปมองประตูห้องที่เปิดออกพร้อมกับร่างของครูสาวที่เขาไม่อยากจะคุยด้วยมากที่สุด แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

 

 

         “มีอะไรเหรอคะ?” เขาตอบด้วยใบหน้านิ่งๆ

 

 

        “ครูมีเรื่องจะคุยกับเธอน่ะ ช่วยเข้ามาในนี้ซักครู่ได้ไหม?” ยูกิถามเด็กสาวแล้วมองไปยังมายุเหมือนเป็นการขออนุญาต มายุสบตากับจูรินะที่มองมาที่เธอก่อนจะเอ่ยขึ้น

 

 

       “งั้นเดี๋ยวฉันไปรอที่ข้างสนามฟุตบอลละกัน” มายุบอกกับจูรินะก่อนจะหันไปก้มหัวให้ยูกิแล้วเดินออกไป

 

 

        เมื่อมายุเดินหายลับไปแล้วจูรินะจึงจำใจหันกลับมาหายูกิ ยูกิจึงเปิดประตูออกพร้อมหลีกทางให้จูรินะเข้ามา เขาก็เดินเข้าไปอย่างเซ็งๆ

 

 

        จูรินะเดินเข้าไปภายในห้องก็ต้องทำหน้างงเพราะภายในห้องนั้นมีครูอีกคนนั่งอยู่ด้วย ครูอิตาโนะ โทโมมิ ครูภาษาอังกฤษคนก่อนที่ตอนนี้ได้ย้ายไปสอนโรงเรียนแถวบ้านตัวเอง ยูกิจึงได้มาดำรงตำแหน่งแทน

 

 

        “ครูโทโมมิ?” จูรินะเอ่ยเสียงแผ่ว โทโมมิยิ้มให้บางๆ พลางเอ่ยให้จูรินะนั่ง

 

 

        “นั่งก่อนสิ”

 

 

         จูรินะนั่งลงอย่างเชื่องช้าบนเก้าอี้ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ แล้วยูกิก็เดินไปนั่งข้างๆ โทโทมิ จูรินะเอาแต่มองหน้าของครูสาวสองคนไปมาด้วยคิ้วที่ขมวดจนแทบจะเป็นปม โทโมมิย่อมรู้ดีว่าจูรินะเป็นคนยังไงเธอจึงพูดเรื่องที่พาเขามาที่นี่

 

 

          “เธอคงไม่รู้ว่าทำไมครูถึงเรียกเธอมา ถึงครูจะไม่ได้เป็นครูที่นี่แล้วแต่ครูก็เคยอยู่ที่นี่แล้วยังเคยเป็นครูของเธอ เธอพอจะรู้ปัญหาของตัวเองไหมจูรินะ” โทโมมิถามลองเชิงเขา จูรินะถอนหายใจออกมาทันทีที่รู้จุดประสงค์ของครูทั้งสอง

 

 

        “รู้ค่ะ..”

 

 

        “วันนี้ครูคาชิวากิได้ให้พวกเธอสอบก่อนเรียนสินะ…เธอรู้ไหมคะแนนเธอเป็นไง?” จูรินะเงยหน้าขึ้นมาสบตาโทโมมิ “มันเหมือนเดิม เหมือนที่เธอเคยทำให้ครูเป๊ะเลย คะแนนไม่มีขาดเธอทำได้แต่ก็ไม่เคยได้เต็มหรือเกินครึ่งซักครั้ง”

 

 

        “…………” จูรินะเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา เขาไม่อยากมีปัญหากับโทโมมิแต่ถ้าเป็นยูกิก็ไม่แน่

 

 

        “ไหนเธอบอกจะปรับปรุงตัว ครูไม่ได้อยากจะมาจ้ำจี้จ้ำไชเธอหรอกนะ แต่คะแนนพวกนี้มันก็มีผลกับเธอหากเธอติดศูนย์ติดรอวิชานี้แล้วเธอไม่สามารถแก้มันได้เธออาจจะไม่จบ”

 

 

        “ครูเรียกฉันมาเพื่อบ่นให้หนูเรื่องนี้เหรอคะ ครูมาไกลจากบ้านเกิดเพื่อจะมาบอกหนูแค่นี้เหรอ?” จูรินะพูดขึ้นมาด้วยแววตาเรียบนิ่ง เขาไม่ชอบเลยที่มาบอกให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ ถึงมันจะเป็นความห่วงใยก็เถอะมันต้องมีทางแก้สิ เขาไม่ได้โง่ซักหน่อยแค่ไม่ชอบวิชาภาษาอังกฤษวิชาเดียวที่เหลือเขาก็ทำได้หมด

 

 

        โทโมมิถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะเอ่ยเข้าประเด็นที่ว่าทำไมเธอต้องมาถึงนี่ด้วยตัวเอง

 

 

        “ที่ครูมาจากบ้านตั้งไกลครูไม่ได้มาแค่บ่นให้เธอแต่ครูจะบอกว่าต่อจากนี้ไป ครูคาชิวากิจะเป็นคนติวให้เธอตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”

 

 

        “หา!!” จูรินะอุทานออกมาเสียงดัง ยูกิมองหน้าเขาพลางขมวดคิ้ว ได้แค่คิดในใจว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงไม่ชอบภาษาอังกฤษขนาดนี้กัน

 

 

        “ไม่ต้องห่วงนะเพราะเรื่องนี้ผอ.เป็นคนอนุมัติเองจ้ะ” โทโมมิยิ้มจนเห็นเขี้ยว จูรินะยังคงช็อคอ้าปากค้าง

 

 

        งั้นแสดงต่อจากนี้เวลาว่างทั้งหมดของเขาจะต้องเอามาทุ่มเรียนพิเศษงั้นเหรอ เวลาที่เขาเอาไปเล่นกีฬามันก็จะไม่มีเหรอ

 

 

        ไม่นะ

 

 

         “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ มัตสึอิซัง” ยูกิพูดพลางยิ้มหวานให้เขา แต่สำหรับเขามันไม่ใช่ยิ้มหวานซักนิด มันเหมือนรอยยิ้มอาบยาพิษชัดๆ ไม่ใช่แค่รอยยิ้มสิ แต่ครูเอกนี้เป็นยาพิษทั้งร่างเลยต่างหาก

 

 

         ฉันเกลียดวิชานี้!!!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

TBC.

 

………………………………………………………….

 

ตอนแรกแบบงงๆ 

 

ขอบคุณคำปรึกษาดีๆ จากพี่ N.Sorsors นะคะ ^_^

 

Spoiler