[Ficlet] ESCAPE (WMatsui)

**แรงบันดาลใจครึ่งหนึ่งของเรื่องจากเพลง Escape เนี่ยแหละครับ**

**เติบโตมากับหนังฮ่องกง ฟังเพลงนี้เลยนึกถึงแต่เรื่องแนวนี้หละครับ 555**

 

 

===========================

 

 

 

 

 

 

– ESCAPE –

 

 

 

 

 

         ท่ามกลางอากาศอบอ้าวในช่วงบ่ายของเดือนกรกฎาคม ฉันทำได้แค่เพียงขยับคอเสื้อของชุดนักเรียนไล่ความร้อนที่เกิดขึ้น นักเรียนหลายคนที่ไม่มีกิจกรรมหลังเลิกเรียนก็เริ่มทยอยเดินออกจากโรงเรียน ฉันเองก็เช่นกัน

 

 

ฉันเดินผ่านเพื่อนนักเรียน บ้างเดินกันเป็นกลุ่ม บ้างเดินกันเป็นคู่ แต่ฉัน….ต่างกับฉัน ที่เดินเพียงลำพัง

 

 

เอื้อมมือขึ้นขยับแว่นเลนส์หนาด้วยความเคยชิน ก่อนจะหยุดยืนที่ป้ายรถเมล์ จุดหมายปลายทางอยู่ที่โรงเรียนกวดวิชา พ่อแม่คาดหวังอยากให้ฉันสอบติดคณะแพทยศาสตร์ ความคาดหวังที่มันรัดแน่นจนอึดอัด ทุกอย่างถูกกำหนดเอาไว้เป็นขั้นเป็นตอน ตารางชีวิตที่มีแค่เรียน เรียน และก็เรียน

 

 

มันเป็นแบบนี้มาเป็นปี ๆ ชีวิตของฉันมีแค่โรงเรียน สถาบันกวดวิชาแห่งที่หนึ่ง สถาบันกวดวิชาแห่งที่สอง สาม สี่ ห้า… มากมายจนนับไม่ถ้วน ฉันไม่เคยมีโอกาสได้ไปเที่ยวไหนกับเพื่อน ๆ ไม่เคยแม้สักครั้ง พ่อกับแม่มักบอกว่าสิ่งที่เด็กวัยรุ่นทำกันสมัยนี้เป็นสิ่งไร้สาระ ไร้อนาคต สิ่งที่ฉันควรทำคือมุ่งไปยังเป้าหมายที่พ่อแม่วางไว้ให้ก็พอ

 

 

 

 

 

         หลังเลิกเรียนที่สถาบันกวดวิชา ระหว่างที่ฉันกำลังเดินไปที่ป้ายรถเมล์ ก็มีวัยรุ่นผู้ชายสองคนท่าทางไม่น่าไว้ใจเดินมาดักหน้า ฉันหยุดเดินและตั้งใจจะถอยหนี หากแต่กลับชนเข้ากลับร่างสูงใหญ่ของชายอีกคนที่ยืนทางด้านหลัง

 

 

        “นี่ น้องสาว สนใจไปเที่ยวกับพวกพี่มั้ย”

 

 

คำเชิญชวนอะไรกัน ฉันมองหน้าพวกเขาเลิกลัก พวกนั้นมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา

 

 

       “ช็อกในความหล่อของพวกพี่จนพูดไม่ออกเลยหรอ” ตามมาด้วยเสียงหัวเราะอีกระลอกใหญ่

 

 

ฉันพยายามจะเดินหนี แต่คนพวกนั้นไม่ยอมให้ฉันไป

 

 

       “จะรีบไปไหน เรายังไม่ทันได้คุยกันเลย”  ชายอีกคนจับข้อมือฉันไว้ ฉันรีบสะบัดออกด้วยความตกใจ

 

       “เอ๊ะ! หรือว่าจะชอบให้ใช้กำลัง เป็นพวกรักความรุนแรงก็ไม่บอก”

 

       “เห็นเขาว่ากันว่า พวกสาวแว่น มักจะเซ็กส์จัด เพราะเก็บกดที่เอาแต่เรียนอย่างเดียว” คำพูดน่ารังเกียจแบบนั้น คนพวกนี้ต้องการอะไรจากฉันกันแน่ ฉันรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ไม่แม้สักนิด

 

       “อย่างนี้มันก็ต้องลองพิสูจน์ดู”

 

 

ชายคนเดิมกับที่จับแขนฉันเมื่อครู่ ตรงเข้าจับแขนฉันอีก ฉันพยายามสะบัดออก แต่คราวนี้เขาใช้แรงที่มากกว่าเดิม

 

 

       “ปล่อยนะ” ฉันร้องออกมา และพยายามมองรอบ ๆ อยากจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ แต่ทุกคนที่ผ่านไปมา เหมือนไม่มีใครอยากเข้ามายุ่ง

 

       “ไปกับพวกพี่ดี ๆ ดีกว่าน้องสาว รับรองว่ามันสนุกกว่านั่งอ่านหนังสือเรียนน่าเบื่อ ๆ แน่นอน”

 

 

พวกคนหยาบคายพวกนี้ พยายามฉุดฉันไปที่รถของพวกมัน ฉันเองก็พยายามดิ้นรน จนกระเป๋านักเรียน และแว่นตาตกไปตามทาง

 

 

       “พวกแกทำอะไรกันอยู่น่ะ”

 

 

เสียงนั้น หยุดผู้ชายกลุ่มนั้นได้ชะงัก ฉันพยายามเพ่งมองเจ้าของเสียงผ่านสายตาที่สั้นเกือบ ๆ 500 ของฉัน ซึ่งภาพที่เห็น ไม่ชัดเอามาก ๆ รู้แค่ว่าเขาคนนั้นขี่มอเตอร์ไซค์ และจอดอยู่ข้างถนน

 

 

       “แล้วแกเกี่ยวอะไรด้วย” ชายคนหนึ่งถาม

 

       “ไม่เกี่ยวหรอก แค่พอดีช่วงนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดี กำลังอยากหาที่ระบาย”

 

 

เขาลงจากมอเตอร์ไซค์ ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เข้ามาต่อยหน้าคนที่จับฉันเต็มแรง ชายคนนั้นกระเด็นลงไปกองกับพื้น ฉันเป็นอิสระ แต่ยังไม่กล้าหนีไป หรือความจริงฉันอยากจะดูหน้าคนที่เข้ามาช่วยฉันชัด ๆ เสียก่อน

 

 

       “แก…” ชายคนที่โดนต่อยตั้งท่าจะลุกขึ้นไปเอาเรื่อง แต่เพื่อนเข้าไปห้ามไว้ “อะไรวะ”

 

       “คนของแก๊ง Rising sun อย่าเสี่ยงเลย ไปกันเถอะ”

 

 

พอรู้ว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร กลุ่มผู้ชายกลุ่มนั้นรีบวิ่งหายกันไปทันที

 

 

      “อะไรวะ ยังไม่ทันได้เริ่มเลย”   คนที่มาช่วยฉันพูดเสียงหงุดหงิด ก่อนจะหันมองมาทางฉัน แล้วเดินไปหยิบแว่นตามาให้   “ของเธอรึเปล่า”

 

 

ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะรับแว่นจากมือของเขามาสวม ทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจน ร่างสูงในชุดหนังแบบพวกนักดนตรีร็อค เขาใส่เสื้อยืดสกรีนลาย เสื้อแจ็คเกตหนังสีดำตอกหมุดเงินที่หัวไหล่เต็มไปหมด และเขา คนที่ช่วยฉันจากผู้ชายกลุ่มนั้น เขา… เป็นผู้หญิง

 

 

จริง ๆ พอดูแบบนี้เขาเองก็ไม่ต่างจากพวกผู้ชายกลุ่มนั้นเลย ท่าทางเหมือนพวกแก๊งซิ่ง พวกนักเลงอันธพาล ดีหน่อยก็เพียงแค่มาช่วยเธอไว้ เขาเดินไปหยิบกระเป๋านักเรียน ก่อนจะส่งมันให้ฉัน และเดินกลับไปที่มอเตอร์ไซค์ หลังเสื้อแจ็คเกตเขา มีสัญลักษณ์รูปพระอาทิตย์และตัวอักษรที่อ่านได้ว่า Rising sun

 

 

        “เอ่อ เดี๋ยวก่อนค่ะ”   ฉันเรียกเขาเอาไว้ ถึงเขาจะดูไม่น่าไว้ใจซักเท่าไหร่ ยังไงคงต้องขอบคุณเขาที่ช่วยฉันเอาไว้    “ขอบคุณนะค่ะ”

 

        “หืม”   เขาทำหน้าสงสัย

 

        “ที่ช่วยฉันไว้”

 

        “ช่วย…ถ้าหมายถึงที่ฉันต่อยไอ้หมอนั่นล่ะก็ ฉันไม่ได้ช่วยเธอหรอกนะ แค่อยากมีเรื่องแก้เบื่อเฉย ๆ”   เขาตอบพร้อมรอยยิ้มที่อธิบายไม่ถูก

 

        “แต่ยังไง ก็ขอบคุณมากนะคะ”

 

 

เขาขมวดคิ้วแล้วเดินกลับมาหาฉัน ฉันถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เมื่อรู้สึกว่าเขาเดินเข้ามาใกล้มากเกินไปหน่อย

 

 

        “อยากจะขอบคุณฉันขนาดนั้นเลยหรอ”   เขาก้มหน้ามองหน้าฉัน ก่อนจะถอดแว่นฉันออก ฉันพยายามคว้า แต่ไม่ทัน    “ถ้าอยากจะขอบคุณฉันนัก นอนกับฉันสักคืนสิ”

 

 

ฉันทำหน้าประหลาดใจกับคำพูดของเขา ก่อนจะถอยตัวออกห่างเขามากขึ้นไปอีก ฉันไม่รู้แล้วว่าตอนนี้เขาทำหน้ายังไง แต่ฉันได้ยินเสียงเขาหัวเราะ สรุปแล้วเขาเป็นคนยังไงกันแน่

 

 

                “ช่างมันเถอะ”   

 

 

เขาเป็นฝ่ายพูดออกมาอีกครั้ง แล้วสวมแว่นคืนให้ฉัน ก่อนที่จะเดินไปที่มอเตอร์ไซค์

 

 

                “บ้านอยู่ไหนล่ะ ฉันไปส่งมั้ย”    เขาหันกลับมาถาม แต่ฉัน…ยังคงเงียบ    “ไม่พาไปทำมิดีมิร้ายหรอก ไปมั้ย”

 

                “เอ่อ…”

 

                “ไม่เป็นไร อยากกลับคนเดียวก็เชิญ เกิดอะไรขึ้นมาอีก ก็ดูแลตัวเองดี ๆ แล้วกัน”

 

 

คำพูดเชิงขู่ของเขาทำให้ฉันเริ่มกลัวขึ้นมา เขาสวมหมวกกันน็อค แล้วสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ ฉันหันมองซ้ายขวา ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาเขา

 

 

                “บ้านฉันอยู่ที่…”    ฉันบอกกับเขาอย่างรวดเร็ว เขาถอดหมวกกันน็อคออก ยิ้มที่มุมปาก และส่งหมวกกันน็อคให้ฉัน ฉันสวมมันและยืนมองมอเตอร์ไซค์ของเขา เกิดมาก็ไม่เคยต้นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์มาก่อน

 

                “ขึ้นสิ”

 

 

ฉันตัดสินใจซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของเขา พอเขาเร่งเครื่องออกไป ฉันถึงกับต้องกอดเอวเขาเอาไว้แน่น กลัวว่าจะตก ฉันได้ยินเสียงเขาหัวเราะออกมาอีกครั้ง ก่อนจะขี่ช้าลง

 

 

 

 

                ไม่นานเขาก็มาส่งฉันถึงหน้าบ้าน ฉันถอดหมวกส่งคืนให้กับเขา เขารับไปและมองเข้าไปในบ้านของฉัน ก่อนจะสวมหมวกกันน็อค

 

 

                “ฉันชื่อเรนะ มัตสึอิ เรนะ”

 

                “แล้วมาบอกฉันทำไม”    เขาทำหน้าประหลาด ก่อนจะยิ้มออกมาที่มุมปาก

 

                “เธอชื่ออะไร”    ฉันตอบเขาเป็นคำถาม

 

                “อะไรของเธอกันนะ”    เขามองฉันด้วยใบหน้าสงสัย    “จูรินะ เรียกฉันว่าจูรินะก็พอ”

 

                “เดี๋ยวก่อน”    ฉันเรียกเขาก่อนที่เขาจะขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป    “แลกเมลกันได้มั้ย”

 

                “หืม”

 

เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน แต่ก็ยอมแลกเมลกับฉัน บางที… ฉันมองเขาที่ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปแล้ว ที่ฉันอยากรู้จักกับเขา เขา…ที่เหมือนกับพวกนักเลงหัวไม้ ทำตัวนอกกฎนอกกรอบ เพราะตัวฉันเองก็อยากจะหนีออกจากชีวิตที่ถูกตีกรอบเอาไว้ตลอดเวลาก็ได้

 

 

 

 

 

……………………….

 

 

 

 

 

 

 

 

                วันต่อมา ฉันเมลไปหาเขา บอกชื่อโรงเรียน และบอกว่าถ้าเขาไม่ติดธุระอะไร ฉันอยากจะเจอเขาหลังเลิกเรียน ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะมาหาฉันจริง ๆ รึเปล่า แต่พอตอนเลิกเรียน ฉันเห็นเขายืนพิงมอเตอร์ไซค์อยู่ที่ประตูทางเข้า ฉันก็ยิ้มออกมา

 

 

                “จูรินะ”   ฉันเดินไปหาเขาพร้อมเรียกชื่อ

 

                “ทำไมอยากเจอฉัน”    เขาถามพร้อมใบหน้าสงสัย

 

                “ฉัน…เบื่อน่ะ”

 

                “เบื่อ”   เขาขมวดคิ้วแล้วมองหน้าฉัน   “เบื่ออะไรของเธอ”

 

                “เบื่อก็คือเบื่อ แล้วปกติเธอทำอะไรตอนเบื่อหรอ”

 

                “นอนกับผู้หญิงสักคน”    คำตอบแบบนี้อีกตามเคย ฉันทำหน้ามุ่ยกับคำตอบของเขา เขายิ้มออกมานิด ๆ    “หรือไม่ก็ขี่รถไปเรื่อย ๆ”

 

                “งั้นพาฉันไปด้วยสิ”   อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้านั่งไปกับเขา แล้วฉันจะหายเบื่อบ้างรึเปล่า

 

                “ตอนนี้ฉันไม่ได้เบื่อสักหน่อย”    จูรินะปฏิเสธ

 

                “แต่ฉันเบื่อนี่ พาฉันไปหน่อย…นะ”

 

                “ประหลาดคน”

 

 

เขาทำหน้าแปลก ๆ แต่ก็ยอมส่งหมวกกันน็อคให้ฉัน ก่อนที่จะขึ้นคร่อมมอร์เตอร์ไซค์ของเขา ย้ำว่าคร่อม!!! หลายคนที่เดินออกจากโรงเรียนมองฉันเป็นตาเดียว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่ฉันไม่สนหรอก

 

 

 

 

 

 

                เขาขี่รถพาฉันลัดเลาะไปตามท้องถนน ฉันรับรู้ถึงลมเย็น ๆ ที่ปะทะเข้ากับความแรงของมอเตอร์ไซค์ ก่อนจะยันตัวกับที่วางขาแล้วยืนขึ้น เอามือทั้งสองข้างเท้าไหล่ของเขาเอาไว้ เขาหันมองฉันนิดหนึ่ง ส่ายศีรษะ แล้วก็ขี่รถไปต่อ ฉันหลับตานิ่งก่อนจะค่อย ๆ กางมือออกช้า ๆ รู้สึก…อิสระ เหมือนบินอยู่กลางอากาศ

 

 

                “เดี๋ยวก็ได้หัวทิ่ม”   เขาพูด ฉันลืมตามองแล้วหัวเราะสนุก  

 

                “ประหลาดคน”

 

 

เขาพูดคำนั้นออกมาอีกครั้ง แต่ฉันไม่ได้สนใจ ฉันยังยืนอยู่แบบนั้น แล้วมองซ้ายมองขวา รับรู้ถึงลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านใบหน้า รับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปจากชีวิต

 

 

 

………………………

 

 

 

 

 

 

 

 

                หลายวันที่ฉันไปไหนมาไหนกับเขา และเลือกที่จะโดดเรียนพิเศษโดยไม่ให้ที่บ้านรู้ และวันนี้เขาขี่รถพาฉันมาที่ทะเล ก่อนจะจอดรถที่สันเขื่อน ฉันสูดหายใจเอาไอทะเลเข้าเต็มปอด ไม่บ่อยที่ฉันจะได้ออกไปไหนมาไหนแบบนี้ ปกติก็อยู่แต่กับโรงเรียน สถาบันกวดวิชา และบ้านก็เท่านั้น

 

 

เขาเอนตัวพิงขอบสันเขื่อน และจุดบุหรี่สูบ ฉันหันมองดูท่าทางสบาย ๆ ของเขา และยิ้มออกมา

 

 

                “ขอลองหน่อยได้มั้ย”   ฉันถาม เขาขยับมือที่คีบบุหรี่อยู่เป็นเชิงถามว่า ที่ฉันอยากลองคือไอ้บุหรี่นี่หรอ ซึ่งฉันพยักหน้ารับ เขาก็เลยส่งมันให้กับฉัน

 

 

ฉันลองสูดมันเข้าไป ก่อนจะกลืนควันบาง ๆ เข้าไปในปอด…แล้วพ่นส่วนที่เหลือออกมา น่าแปลกที่ฉันไม่ไอเหมือนอย่างที่ฉันเคยเห็นตามหนัง หรือการ์ตูน การลองสูบบุหรี่ครั้งแรกมันต้องสำลักควันไม่ใช่หรอ แต่นี่ฉันไม่เป็น

 

 

                “มันดียังไงหรอ ทำไมคนถึงชอบสูบกัน”    ฉันมองบุหรี่ที่อยู่ในมือ ยังไม่ค้นพบความรู้สึกที่ทำให้สบายใจจากการสูบบุหรี่อย่างที่หลายคนเป็น

 

                “เวลาสูบบุหรี่น่ะ มันก็คิดถึงแต่เรื่องบุหรี่ ว่าเมื่อไหร่จะหมดมวน แล้วพอมองดูควันลอยไปลอยมา ก็เลิกคิดเรื่องอื่นไปเอง”    เขาตอบคำถามฉัน

 

                “เธอนี่ดีเนอะ มีชีวิตอิสระดี”

 

                “เธอไม่งั้นหรอ”   เขาหันมาถาม และดึงบุหรี่คืนไป ก่อนจะอัดมันเข้าเต็มปอด และพ่นควันออกมา ท่าทางของเขาดูน่าหลงใหลชะมัด ฉันหลงใหลในความอิสระของเขา

 

 

ก่อนที่ฉันจะส่ายศีรษะเพื่อตอบคำถามของเขา เขาดูดบุหรี่อีกครั้ง ก่อนจะทิ้งมันลงพื้น และหันมาถอดแว่นตาของฉันออก

 

 

                “เธอไม่ใส่แว่นแล้วน่ารักกว่านะ”    อยู่ดี  ๆ เขาก็พูดแบบนั้นกับฉัน

 

                “แต่ฉันมองไม่อะไรไม่ค่อยเห็นนะ”   ฉันพยายามคว้าแว่นคืน

 

                “อยากเป็นอิสระไม่ใช่หรอ ลองทำอะไรที่แปลกไปจากเดิมหน่อยมั้ยล่ะ”

 

                “ยังไง”   ฉันถามไม่เข้าใจ

 

                “เธอรีบกลับบ้านรึเปล่า”

 

 

ฉันเงียบอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจส่ายศีรษะ บอกให้เขารู้ว่าฉันไม่ได้รีบกลับบ้าน แม้พ่อกับแม่จะไม่ได้คิดแบบเดียวกันฉันก็ตาม

 

 

                “งั้น…”

 

 

เขาฉุดมือฉันกลับไปที่มอเตอร์ไซค์ และพาฉันเข้าไปในโลกอีกโลกที่ฉัน…ไม่เคยรู้จัก

 

 

 

 

 

                คอนแทกเลนส์ที่ฉันไม่เคยใส่ ชุดเดรสสั้นที่ฉันไม่เคยสวม สถานที่หลาย ๆ สถานที่ที่ฉันไม่เคยไป และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ฉันไม่เคยดื่ม

 

 

เขาพาฉันไปทำแทบทุกอย่าง ก่อนหน้าเขาพาฉันไปลองชุดที่ฉันสวมอยู่ แล้วพาฉันหนีออกจากร้านนั้นโดยไม่จ่ายเงิน หลังจากหนีมาได้ ฉันกลับรู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก ฉันกับเขาหัวเราะกับใบหน้าเหวอ ๆ ของพนักงานขายอยู่หลายนาที กว่าจะหยุดหัวเราะได้

 

 

และตอนนี้ฉันอยู่ในผับกับเขา พร้อม ๆ กับเพื่อนเขาหลายคน เสียงดนตรี เสียงหัวเราะ การเต้นที่แทบไม่สนใจจังหวะของเพลง ทุก ๆ อย่างต่างจากโลกที่ฉันเคยอยู่โดยสิ้นเชิง

 

 

ควันบุหรี่ลอยอบอวลอยู่ในร้าน ตาฉันเริ่มพร่าแม้จะใส่คอนแทคเลนส์ อาจเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายขนานที่ฉันดื่มเข้าไป แต่ฉันกลับมีความสุขมากกว่าครั้งไหน ๆ จูรินะเต้นอยู่ข้าง ๆ กับฉัน ก่อนจะจุดบุหรี่ขึ้นสูบ

 

 

                “ขอฉันสูบบ้างสิ”   ฉันกระซิบบอกเขาที่ข้างหู

 

 

จูรินะยิ้มแล้วสูบบุหรี่จนสุดปลายมวน แล้วพ่นควันออกมาใส่หน้าของฉัน ฉันตัดสินใจดึงเขาเข้ามาหา ก่อนจะประกบริมฝีปากของฉัน เข้ากับริมฝีปากของเขา รับรู้ถึงควันบุหรี่ที่อยู่ในปาก แต่หลังจากนั้น มันกลายเป็นลิ้นของเขาที่แทรกผ่านเข้ามาในโพรงปากของฉัน

 

 

เขาจับใบหน้าของฉันด้วยมือทั้งสองข้าง และบดเบียดริมฝีปากเข้าหาอย่างตั้งใจ มันเป็นความรู้สึกที่ฉันไม่สามารถควบคุมมันเอาไว้ได้ ฉันวาดแขนกอดรอบคอของเขา และจูบกับเขาอยู่แบบนั้น โดยไม่สนใจทุกสิ่งที่อย่างที่อยู่รอบตัว

 

 

ยกเว้นก็แต่…โทรศัพท์ที่สั่นอยู่ที่โต๊ะ ฉันผละออกมาจากรอยจูบ หันไปที่โต๊ะ จูรินะเลื่อนมือมากอดเอวฉันไว้หลวม ๆ และมองจ้องใบหน้าของฉัน ฉันหันไปคว้าโทรศัพท์ ที่บ้านโทรมา… แน่นอนว่าเวลานี้ มันเลยเวลาที่ฉันควรกลับบ้านนานแล้ว และสิ่งที่ฉันจะทำ…

 

 

ฉันตัดสินใจกดปิดเครื่อง และวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม

 

 

                “เด็กไม่ดี”    เขากระซิบบอกกับฉันที่ข้างหู

 

                “ก็เพราะเธอนั่นแหละ ทำให้ฉันเป็นแบบนี้”

 

                “เธอทำของเธอเองต่างหาก”

 

 

เขาพูดและดึงฉันเข้าไปจูบอีกครั้ง จูบนี้มันเจือไปด้วยความรู้สึกที่มากกว่าครั้งก่อนหน้า มันร้อนระอุ จนฉันอยากจะถอดเสื้อผ้าทิ้งไปซะ ถ้าไม่ติดที่ว่า… ยังอยู่ในร้านเหล้าน่ะนะ

 

 

                “นี่…”    ฉันผละออกจากรอยจูบของเขาอีกครั้ง เพื่อจะถามคำถามบางอย่างกับเขา

 

                “หืม”

 

                “คืนนี้ฉันไปนอนที่ห้องของเธอได้มั้ย”

 

                “ได้แน่นอน”   เขาตอบรับง่าย ๆ

 

                “งั้น ไปกันเลยมั้ย”

 

 

เขาไม่ตอบคำถาม นอกจากฉุดฉันออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว และขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปเร็วยิ่งกว่า ฉันกอดเอวเขาไว้แน่น แนบหน้าลงกับแผ่นหลังที่ฉันรู้สึกไว้วางใจ

 

 

 

…………………………..

 

 

 

 

                ทุกอย่างในค่ำคืนนั้น เกิดขึ้น และจบลงด้วยความรู้สึกเกินกว่าที่ฉันจะคาดคิดได้ แม้จะเป็นความรู้สึกที่ฉันไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่มันก็เต็มไปด้วยความสุข

 

 

ฉันมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ฉัน ก่อนที่ฉันจะยิ้มออกมา ชีวิตในกรอบที่แสนน่าเบื่อ ในที่สุดฉันก็หนีออกมาจนได้ พร้อม ๆ กับชีวิตที่ฉันอยากจะเริ่มต้นใหม่กับ…เขา

 

 

                “นี่…”    ฉันเรียกจูรินะ และเขาก็ลืมตาขึ้นมองฉัน

 

                “ว่าไง”

 

                “ฉันอยู่กับเธอตลอดไปเลยได้มั้ย”

 

                “เธอจะทนอยู่กับฉันได้หรอ”

 

                “ถ้าเธอไม่บังคับฉันไปเรียนพิเศษ ฉันคิดว่าฉันน่าจะอยู่กับเธอได้นะ”

 

                เขาหัวเราะในคอ ก่อนจะขยี้หัวฉันเบา ๆ   “ประหลาดคน”

 

 

เขาบอกและดึงฉันเข้าไปกอด ฉันเองก็กอดเขาเอาไว้แน่น ไม่ว่าต่อจากนี้จะมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น ฉันจะไม่เสียใจ จะไม่เสียใจเป็นอันขาด เพราะนี่คือเส้นทางที่ฉัน…ตัดสินใจเลือกเอง

 

 

………………………

 

 

END

ตอนดูคำแปลเพลงนี้ครั้งแรก
คิดเลยว่า นี่มันพล็อตฟิคจูเรนะปะ
อายุห่างกัน หนีตามงี้5555555
ไม่คิดว่าจะมีคนแต่งจริงๆ ดีจัยย ><

 เคลิ้มตอนจบแหะ!

หวาาาาา เยี่ยมเลยครัชท่านนนนน

กรี๊ดดดดดดดดดดดด !!

คิดว่าจูมันจะใจแตกที่ไหนได้เป็นขุ่นเรนะ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด  ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆนะคะ

ขอบคุนสำหรับฟิคก่อนนอน(?)ค่ะ >< ยังไม่ได้ดูเนื้อเพลงเลย แต่แบบอร้างงงงงงงง >//<

คห.บนคิดเหมือนกันเลยค่ะ นึกว่าจูจะเป็นฝ่ายใจแตกหนีตามเค้าซะอีก 5555

เพลงนี้แหละจูเรนะ ไม่มีคู่ไหนเหมาะสมเท่าคู่นี้อีกละ อายุห่างกันขนาดนี้… หึๆ #กองอวย

แอร๊ยยยยย เด็กจูแม๊นแมนนนนนนน
เรนะเลยใจแตกไปกับจูมัน โอ้ยยยยยยย ฟิน~

อินเลย

อื้ม!! ร้อง อื้ม! เลยแบบนี้ เคี๊ยกกกกกกกกกกกก

ฟินพะย่ะค่ะ ไปละ ไปนอนฝันดีต่อ #ห๊ะ? นี่9โมงกว่าแล้วนะเฟ้ย!

ตอนแรกนึกว่าเรนะเป็นคนเข้ามาช่วยน้องจูซะอีก

   “ถ้าเธอไม่บังคับฉันไปเรียนพิเศษ ฉันคิดว่าฉันน่าจะอยู่กับเธอได้นะ”

แอบฮาประโยคนี้

เด็กดีกลับใจ

อั้ยย่ะ><

อั๊ยย๊ะะ !!!! อินกับเนื้อเพลง 

เอ๊ยย เนื้อเรื่องเเล้วละเค่อะะ – ///-

อิ อิ

พ่อแม่ เรนะคงเงิบมาอ่ะ  

สุดยอดจริง เรนะเด็จมากค่ะ

อัลไลเนี้ยนึกว่าเป็นไอ้จูที่กลายเป็นสาวใจแตกหนีตามผู้ชาย

ที่ไหนได้ เป็นเรนะซะงั้น!! O_o!!

 

แต่งได้ดีมากค่ะ ฟินมากเลยกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด >/////////////////<

ฟินนนนนนน เปิดเพลงEscepaไปด้วยมันเขากันมาาากกกกกกกจริงงๆๆ

ปล.เพื่อนบอกให้ลอง

ขอบคุนไรเตอร์มากกกกก 

ฟินนนนจนจบ  

โอ้วเรนะใจแตกหนีตามจู..เลือกได้ยอดเยี่ยม <3//ไหงงั้นละ55555

ฟินมากค่ะ ชอบฮ่าๆๆ

เรนะเด็กใจแตก ตอนแรกนึกว่าจูจะหนีตามเรนะ กลายเป็นเรนะหนีตามจูซะงั้น อ้วนแว่นแต่งเพลงนี้เพื่อนดับเบิ้ลมัตซุยป่ะ wwwww

ช่างเป็นการหนีที่…เจ๋งมากเรนะ//อึ้งนิดๆ

ครั้งแรกที่เห็นเพลงก็คิดอยู่ว่าจะมีคนจับมาแต่งฟิคหรือวาดเป็นเบิ้ลอิรึเปล่า…มีจริงๆด้วย!!!= []=)!!!//ดิ้นๆดีใจ

เด็กเรียนใจแตกที่หนีไปกับนักเลง…แหล่ม…ท่านพ่อท่านแม่ว่าไงบ้างคะ!!!!!#ผิด

ชอบจังแหะ ขอบคุณที่แต่งค่ะไรท์!!!>w<)!!

เยี่ยมเบยลุง =w=)b

 

เรนะตามจูไปเบยยยย!!! #ตอนแรกฟังเพลงนี้คิดว่าจูเป็นเด็กมัธยมแล้วหนีตามเรนะแฮะ ฟหกดเ้่าสวง <3