[Fiction] COLOR|BLIND (Rena x Jurina x Mayu) Update: Three “Rena’s Side” (20/11/13)

 

A/N: เคยลงในtumblrค่ะ  เอามาลงที่นี่มีการแก้ไขและเพิ่มบางตอนค่ะ

 

 

Contents

one: Jurina’s side | two: Mayu’s side | three: Rena’s side | four: You&I | five: Final

 

One

 

 

 

 

 

                มัตสึอิ จูรินะ ตระหนักดีว่าไม่มีวิทยาศาสตร์แขนงไหนเคยระบุไว้ว่าการดื่มเหล้าจะช่วยลบทิ้งความทรงจำอันเลวร้ายอย่างน้อย ๆ มันก็ทำได้แค่ปิดสวิสซ์ความคิดถึงก็เท่านั้นเอง จะเรียกได้ว่าเป็นตลกร้ายก็ว่าได้ เพราะเดี๋ยวเมื่อหายสร่างความทุกข์ที่เคยหายไปชั่วขณะหนึ่งก็จะย้อนคืนกลับมาหาเราอยู่วันยังค่ำ  คล้ายกับการเหวี่ยงของโยโย่นั่นแหละ ถึงจะสามารถทิ้งระยะห่างกันได้แต่สุดท้ายก็สะท้อนคืนมาในอุ้งมือของเราอยู่ดี ดังนั้นแล้วไอ้เรื่องที่เธอเป็นคนก่อเธอเองก็ควรจะเป็นคนแก้เอง

 

 

 

                มายุกำลังจะแต่งงาน…จูรินะจ้องมองแก้วเหล้าในมือนิ่งขณะที่กำลังคิดถึงหญิงสาวผู้อันเป็นที่รักของเธอ  ตั้งแต่อาทิตย์แล้วกระมังที่เธอโดนบอกเลิก มิหนำซ้ำยังล่วงรู้อีกว่าสาวเจ้าที่บอกเลิกนั้นกำลังจะหนีไปแต่งงาน  น่าขัน…น่าสมเพชชะมัด เมื่อคิดเช่นนั้นก็รีบยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมด ความร้อนของน้ำสีอำพันนั้นกำลังแผดเผาในลำคอของเธอ  มันช่วยไม่ได้ที่จะเผลอสำลักออกมาเสียงดังจนใครต่อใครในร้านต้องหันมามองด้วยความสนใจ 

 

 

               

                “วันนี้ทำไมไม่มากับแฟนละคะ ?” เสียงหวานปริศนานั้นดังขึ้นมาจากทางด้านขวา  จูรินะรีบหันไปหาเจ้าของเสียงหวานนั้นพลางใช้สายตาคมที่เริ่มอ่อนล้ามองลอดผ่านกรอบแว่นหนาสีดำ  หญิงสาวปริศนาคนนั้นก้มหน้าลงมาหาเธอ กลิ่นน้ำหอมของหล่อนทำให้จูรินะถึงกลับเบ้หน้าหนี  หล่อนก้มหน้าลงมากระซิบข้างหูที่เริ่มร้อนผ่าวของจูรินะ “นี่ คุณจำฉันไม่ได้จริง ๆ เหรอคะ?”

 

 

 

                “ก็…ไม่ได้น่ะสิ” จูรินะตอบเสียงขุ่นแล้วรีบเบือนหน้าหนี …เสียเวลาชะมัด  “ขอโทษนะ แต่ว่าฉันอยากอยู่คนเดียวน่ะค่ะ รบกวนคุณช่วย…” จูรินะพูดแล้วหันมามองผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ที่กำลังยิ้มเล็กยิ้มน้อยให้เธอ  จู่ๆ เจ้าหล่อนก็เอื้อมมือเข้ามาใกล้บริเวณหน้าของจูรินะก่อนจะถือวิสาสะถอดกรอบแว่นหนาออกมา

 

 

                “เดี๋ยว!” จูรินะร้องเสียงแหลมเอื้อมมือเข้ามาคว้ามือบางนั้นไว้แน่น “เธอจะเอาแว่นฉันไปไหน ฉันมองไม่เห็น…

                “…ถึงยังไงคุณก็ไม่อยากเห็นฉันหรอกใช่ไหมละคะ?”

                “ระ…เรื่องนั้น”

                “เรามาเล่นเกมถามตอบกันไหมละคะ”

                “เอาเถอะ จะเล่นอะไรก็เล่นเถอะ คุณ…แต่ถ้าเล่นแล้วกรุณาคืนแว่นให้ฉันด้วยนะคะ” จูรินะบอกแล้วใช้มือทั้งสองลูบหน้าลูบตาเรียกสติคืนมาแต่เห็นทีจะยากเพราะเธอเล่นดื่มเหล้าไปตั้งหลายแก้ว “เธอชื่ออะไรเหรอ?”

 

 

               

                “เรนะค่ะ” หล่อนตอบกลับอย่างทันที  จูรินะขมวดคิ้วนิ่วหน้ากับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยผงกหัวหนัก ๆ ลง “โอเค…เรนะซัง เธอมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า?”

 

 

                “เพราะว่าฉันอยากคุยกับคุณอีก ไม่ใช่ธุระอะไรที่นักหนาสาหัสสาการหรอกค่ะ”

                “เธอแน่ใจนะว่าเราเคยคุยกันมาก่อน?”

 

               

                “ฉันแน่ใจค่ะ” เรนะตอบ หล่อนยิ้มให้จูรินะที่กำลังพยายามปรือตามองหล่อนอยู่ พนันได้เลยว่าจูรินะไม่ได้ทันเห็นรอยยิ้มนี้แน่นอน  จูรินะก้มหน้าลงแล้วรีบเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง “ฉัน…คิดว่าฉันต้องกลับคอนโดแล้วละ ถ้าไม่รังเกียจจะไปด้วยกันก็ได้นะ

 

 

                ความมักง่ายฉาบฉวยเข้าครอบงำจูรินะไปชั่วขณะหนึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่เธอพาผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้หิ้วกลับคอนโดมาด้วยแล้วยังเป็นผู้หญิงที่เข้าหาเธอก่อนอีกด้วย  หากคิดแบบเห็นแก่ตัวเธอไม่ได้เป็นคนผิด นี่มันเป็นเรื่องความสมัครใจของคนสองคน จูรินะที่ไม่สวมแว่นกับสติสัมปะชัญญะที่ลางเลือน และแสงไฟสลัว ๆ จากโคมไฟ  เธอกำลังสร้างบทรักอยู่กับผู้หญิงที่หิ้วกลับมาจากไนท์คลับ หล่อนชื่อ เรนะ นั่นคือเรื่องทั้งหมดที่เธอทราบเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้

 

 

                รสจูบอันเฝื่อนฝาดยังติดแนบชิดอยู่ที่ริมฝีปากของจูรินะ กลิ่นหอมจากผิวกายสะอาดของเรนะทำให้จูรินะลืมเรื่องของมายุไปชั่วขณะ  ในเวลานี้ภายในดวงตาของจูรินะกลับเห็นแต่ภาพใบหน้าใครอีกคนที่เธอน่าจะรู้จัก  ทุกขั้นตอนนั้นถูกดำเนินไปอย่างเนิบนาบ แต่ก็ไม่ช้าทิ้งช่วงจนเกินไป

 

 

                เรนะร้องครางออกมาสุดเสียงแล้วรีบผวาเข้ากอดจูรินะตัวสั่นเทิ่มทันทีเมื่อหล่อนถึงฝั่งฝา

 

               

                แต่ทว่าความปรารถนาในตัวจูรินะยังไม่หมดลงเธอจึงสานสัมพันธ์กับเรนะใหม่อีกครั้ง และอีกครั้ง จนทั้งคู่ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย…

 

 

 

 

 

:::::::::

 

 

 

 

               

                เช้าวันต่อมาจูรินะตื่นนอนทั้งที่ยังรู้สึกปวดหัว  หญิงสาวอยู่ในสภาพเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าห่มผืนเดียวคลุมกายเท่านั้น  หญิงสาวใช้มือควานหาแว่นสายตาก่อนจะรีบสวมมันอย่างทันที  สิ่งแรกที่หญิงสาวมองหาคือผู้หญิงที่ ชื่อ เรนะ  แต่ทว่าเธอกลับพบแต่ความว่างเปล่า  จูรินะลุกจากเตียงเดินไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำที่วางพาดทิ้งไว้กับเก้าอี้มาสวมไว้อย่างลวก ๆ หญิงสาวยื่นคอออกไปนอกประตูห้องนอน  มองหาเงาของอีกคนแต่ก็พบแต่ความว่างเปล่าที่แสนเงียบสงบ

 

 

 

                คงจะกลับไปแล้วละมั้ง… จูรินะคิดแล้วเผลอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน  มันช่วยทำให้เธอรู้สึกดีไม่ใช่น้อยแต่ถึงอย่างนั้นทั้งเธอและเรนะคงไม่มีโอกาสพบกันเป็นอีกครั้งที่สองอย่างแน่นอน  จูรินะหันหน้ากลับเข้าไปในห้องนอนก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อพบว่าเรนะที่เธอคิดว่าน่าจะกลับไปนานแล้วยังอยู่ มิหนำซ้ำยังอยู่ในผ้าขนหนูสั้นกุดผืนเดียวอีกตะหาก

 

 

 

                “อรุณสวัสดิ์ค่ะ – จูรินะซัง”

 

               

                เมื่อพินิจพิจารณาใบหน้าของเรนะอย่างถี่ถ้วน จูรินะก็ถึงกลับอ้าปากค้างนิ่งด้วยความตกใจ จะว่าไปที่เรนะบอกว่ารู้จักเธอนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องโกหกอย่างแน่นอน เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อประมาณสองสามปีที่แล้วตอนเธออายุยี่สิบปีเธอได้ไปนัดบอดกับเพื่อน ๆ และที่นั่นทำให้เธอพบกับ มัตสึอิ เรนะ หญิงสาวจืดชืดแสนธรรมดาที่บังเอิญนามสกุลเดียวกันกับเธอ

 

 

                “เรนะ… ที่นัดบอด?”

                “ค่ะ” เรนะตอบแล้วยิ้มให้จูรินะ “…คุณจำได้แล้วเหรอคะ?”

                “เรนะซัง เรื่องเมื่อคืนนี้น่ะ”

                “ฉันเข้าใจค่ะ ที่มีอะไรกับฉันเนี่ยคุณเองในตอนนั้นก็จำฉันไม่ได้ด้วยใช่ไหมละคะ?”

 

 

                จูรินะผงกหัวตอบ   เธอพูดถูก ฉันจำอะไรไม่ได้จริง ๆ… จูรินะคิด  ในขณะเดียวกันนั้นเธอก็รู้สึกแสบท้องไม่ใช่น้อยดังนั้นการสนทนาจึงหยุดอยู่เพียงเท่านั้น คนผมสั้นกว่าเดินไปที่ห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็นออกควานหยิบขวดน้ำเย็นเจี๊ยบออกมาจากตู้เย็นก่อนจะยกขึ้นดื่มกรอกปากอย่างหิวกระหาย

 

 

                “แล้วเราจะพบกันอีกได้ไหมคะ?” เรนะโพล่งถามขึ้น หล่อนเดินกอดอกตามจูรินะมาอย่างติด ๆ จูรินะได้แต่ภาวนาให้ผ้าเช็ดตัวผืนนั้นที่กำลังห่อกายสาวเจ้าไม่หลุด เพราะทุกการขยับของเรนะนั้นมันทำให้จูรินะรู้สึกหายใจไม่สะดวก  หล่อนเคลื่อนกายเข้ามาเกือบจะประชิดติดกับลำตัวของจูรินะ “คราวนี้ขอแบบ…” ขณะที่เรนะกำลังพูดอยู่นั้นหล่อนก็เอื้อมมือมาสัมผัสกับมือเรียวของจูรินะที่กำลังบีบขวดน้ำเปล่า จูรินะหรี่ตามองมือของเรนะที่กำลังลูบสัมผัสอยู่บนหลังมือของเธอนิ่ง ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนจะจงใจยั่วยวน อันที่จริงหล่อนทำตั้งแต่เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวแล้ว “คงจะดีกว่านี้นะคะ ถ้าคุณไม่เมา…”

 

 

                อัลเบิร์ท ไอนสไตน์เคยกล่าวไว้ว่า จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกว่ามีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหว ถ้าหากจูรินะไม่เริ่มทุกอย่างจะหยุดลงเพียงเท่านี้ ไอนสไตน์เคยเกล่าไว้ว่า ไม่หรอก วิธีนี้ไม่ได้ผลหรอก มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่จะมาอธิบายความสำคัญของปรากฎการณ์ทางชีววิทยาอย่าง “รักแรก” ด้วยหลักการของเคมี และฟิสิกส์?  จูรินะทราบดีว่านี่ไม่ใช่ความรู้สึกของรักแรกแน่นอน   หากแต่เป็นความรู้สึกตกหลุมรักเป็นครั้งแรกเสียมากกว่า  ต่อให้เธอจะเคยคบหากับมายุมาก็ตามแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอเป็นฝ่ายตกหลุมรักมายุเข้าเป็นคนแรก ทั้งคู่รักกันเพราะความผูกพันพอมารู้ตัวอีกทีก็รู้ว่ารักเข้าให้แล้ว ถามว่าตอนนี้เธอยังรักมายุอยู่ไหม?

 

 

                ใช่…จูรินะยังรักมายุอยู่หากแต่ว่าไม่ได้อยู่ในห้วงความรักกับมายุอีกแล้ว…

 

 

                จูรินะโน้มหน้าลงจูบเรนะอย่างไม่ลังเล  เธอปล่อยขวดน้ำเปล่าหลุดจากมือแล้วเลือกที่จะใช้มือทั้งสองประคองใบหน้าสวยของเรนะขณะที่ทั้งคู่กำลังแลกจูบกันในเช้าวันใหม่  เธอช้อนตัวของเรนะขึ้นด้วยสองมือยกกายบางของเจ้าหล่อนขึ้นมาเหนือของเคาน์เตอร์  เรนะหล่อนใช้แขนโอบรอบลำคอของจูรินะขณะที่ริมฝีปากของทั้งคู่นั้นยังไม่แยกออกจากกัน  เรนะยกขาทั้งสองขึ้นมาเกี่ยวพาดกับลำตัวของจูรินะไว้อย่างหลวม ๆ เมื่อหล่อนทำเช่นนั้นแล้วรอยแยกระหว่างผ้าขนหนูนั้นก็แยกออกจากกันมากว่าเดิม และมันช่วยไม่เลยที่จูรินะจะไม่มองโคนขาสวยนั้น…

 

 

                เราทำกันในห้องครัว ก็แค่นั้นแหละ

 

 

 

 

 

:::::::::

 

 

 

 

               

 

                วาตานาเบะ มายุ ไม่สามารถติดต่อกับจูรินะได้มาเป็นเดือนกว่าแล้วทั้งที่หล่อนคิดว่าจูรินะจะเข้าใจเธอแต่ดูเหมือนว่าจูรินจะไม่เข้าใจอะไรเธอเลย จูรินะยังคงเพิกเฉยต่อเธอทั้งทางโทรศัพท์ และเมล์  ด้วยความอึดอัดใจหล่อนจึงตัดสินใจไปพบจูรินะที่มหาวิทยาลัยโตเกียว  จูรินะเป็นอาจารย์ฟิสิกส์อยู่ที่นั่น

 

 

 

                “อย่างแรกเลยนะเรารู้ว่าบิ๊กแบงค์นั้นได้ให้พลังงาน นี่เป็นสิ่งที่เราทุกคนหยั่งรู้ เรารู้ว่าในทุกวันนี้เรามีอนุภาคพวกนี้อยู่ มีอะตอม มีอุณหภูมิพวกนี้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวงนี้เราได้จากการสังเกตการณ์ทั้งสิ้น”  มายุแฝงตัวมาพร้อมกับพวกนักศึกษาแล้วหล่อนก็เลือกนั่งอยู่แถวข้างหน้าในห้องสโลปใหญ่  หล่อนมองดูอดีตคนรักที่กำลังยืนอยู่หน้ากระดานใหญ่ที่เต็มไปด้วยสูตรฟิสิกส์ และตัวหนังสือหยึกยือ “คำถามแรก อะไรคือตัวกระตุ้น ยังมีจุดบางจุดที่นักดาราศาสตร์เองก็ไม่รู้ว่าควากซ์ชุดแรกนั้นเกิดจากอะไร?”

 

 

 

                “อย่างที่สอง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ก่อนหน้าบิ๊กแบ๊ง… เวลาที่เท่ากับศูนย์แล้วมีบิ๊กแบงค์เกิดขึ้นที่ยูนิเวิรด์…” ดูเหมือนว่าจูรินะจะรู้ตัวเสียแล้วว่ามายุกำลังนั่งอยู่ในห้องสโลปนี้ด้วย จูรินะหันไปสบตากับมายุอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกระแอมขึ้นเสียงดังแล้วแสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น “ดังนั้นแล้วการที่จะมาอธิบายว่าเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น จึงได้มีการพูดถึงมัลติเวิรด์… เอ่อ…ก็คือว่ามันจะเกิดบิ๊กแบงค์ขึ้นได้นั้นแสดงว่ามันต้องมีอะไรเกิดก่อนหน้านั้น หรือ มันอาจจะมีที่อื่นอีกก็ได้ แต่เราแค่ไม่รู้ เพราะว่ามันคือเอกภพอื่น ถ้าๆ คุ้นกันก็คือ จักรวาลคู่ขนาน คือในขณะที่เราใช้ชีวิตในปัจจุบันกันอยู่ อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างด้วยฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์ที่เรารู้จักมัน ในเอกภพอื่นนั้นที่อยู่คู่ขนานกับเรา เราไม่สามารถสัมผัสมันได้ เพราะว่าคำว่าแสงของเขา และของเราไม่เหมือนกัน”

 

 

 

                “เพราะฉะนั้นแล้วในจุดของยูนิเวิรด์ กับ มัลติเวิรด์เป็นอะไรที่วิทยาศาสตร์เองก็อธิบายไม่ได้แต่ศาสนากำลังอธิบาย มันจึงเป็นข้อถกเถียงกันระหว่างวิทยาศาสตร์ และปรัชญา…” จูรินะพูดแล้วมองไปรอบ ๆ ห้อง “เอาละ…วันนี้พอแค่นี้ก่อนละกัน…”

 

 

 

                มายุรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินอ้อมโต๊ะไปหาจูรินะที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บหนังสือใส่กระเป๋า “เดี๋ยวนี้ไม่ใส่แว่นแล้วเหรอ? จำแทบไม่ได้เลยนะ…จูรินะ” จูรินะหลุบตาหนีมายุอย่างจงใจ เอ่ยถามเจ้าหล่อนออกไปเสียงสั่น “เธอมีธุระอะไรกับฉัน?”

 

 

 

                “ฉันคิดว่าเราจะยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่ซะอีก” มายุพูด

 

 

               

                จูรินะเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องหน้ามายุเขม็ง “ฉันก็อยากเป็นเพื่อนกับเธอนะ มายุ…แต่ว่าเมื่อคิดถึงสิ่งที่เราเคยทำมาด้วยกันแล้วมันทำให้ฉันเศร้า ฉันคิดว่าบางทีถ้าเธอไปจากชีวิตฉันเลยถึงฉันจะเศร้าแต่ฉันก็จะไม่เจ็บปวดอะไรทั้งสิ้น”

 

 

                “ขี้ขลาด…”

                “…บางทีฉันอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้”

 

 

                “ไม่ใช่เพราะว่ากำลังมีคนอื่นอยู่เหรอ?” มายุถามแล้วยิ้มแห้ง ๆ ให้จูรินะที่กำลังทำหน้าแปลกใจ “ถ้าอย่างนั้นข่าวลือก็คงจะจริงสินะ ที่ได้ยินมาก็คงไม่มีอะไรผิดพลาดเลยสินะ”

 

 

 

                “ใช่แล้วละ…ฉันกำลังคบกับคนอื่นอยู่” จูรินะตอบเสียงเรียบแล้วหันไปมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ตาไม่กระพริบ  เรนะเดินกอดหนังสือเข้ามาหาทั้งคู่อย่างไม่เขินอายก่อนที่จะหล่อนจะถูกจูรินะเกี่ยวมือมากุมไว้แนบแน่นต่อหน้าตามายุ “นี่มัตสึอิ เรนะ คนที่ฉันกำลังคบอยู่ด้วย”

 

 

 

                “บก. นิตยสารแฟชันคนดังคนนั้นนี่เอง” มายุเบ้ปากบอกเสียงรำคาญใจ หล่อนเชิดหน้าขึ้นมองทั้งคู่ด้วยความรู้สึกอิจฉา เรนะยกยิ้มให้มายุ “สวัสดีค่ะ วาตานาเบะซัง นี่ก็ใกล้จะถึงวันแต่งกับคาชิวางิซังแล้วนี่คะ อ๋อ…คาชิวางิซังเป็นเพื่อนฉันเองแหละค่ะ ที่จริงเราเองก็ไปเคยเดทด้วยกันอยู่ค่ะแต่คาชิวางิซังน่ะเค้าห่วยแตกมากเลยเวลาอยู่บนเตียงน่ะ”

 

 

 

                “เรนะ…” จูรินะหันไปปราม มายุจ้องหน้าเรนะอย่างโมโหเดือดดาลหน้าของหล่อนเป็นสีแดงก่ำท่าทางคงจะโกรธไม่ใช่น้อยแต่ก่อนที่มายุจะอ้าปากเถียงได้เรนะก็รีบกอดแขนจูรินะแล้ววางศีรษะลงบนไหล่ของคนตัวสูงกว่านิดหนึ่ง “ถ้าเรื่องบนเตียงแล้วละก็จูรินะเก่งกว่าเห็นๆเลยค่ะ…. วาตานาเบะซังเนี่ย พลาดแล้วละค่ะ

 

 

 

                “ฉันขอตัวนะคะ” มายุรีบพูดตัดบทเสียดื้อ ๆ ก่อนรีบเดินหันหลังจากไปโดยไม่หันมามองทั้งคู่อีก  จูรินะรีบแกะมือของเรนะออกจากแขนของตนอย่างไม่พอใจ  คนผมสั้นหันไปหาคนที่กำลังหน้าเฉไฉไม่รู้เรื่องรู้ราว “เรนะ เธอไม่ควรพูดแบบนั้นกับมายุนะ”

 

 

 

                “โอเค! ครั้งต่อไปฉันจะไม่พูดแล้วละค่ะ พอดี…วันนี้มันอดไม่ได้จริง ๆ

                จูรินะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  หญิงสาวนึกโกรธคนตรงหน้าได้ไม่นานจริง ๆ พอเห็นว่าอีกฝ่ายอ้อนใส่เข้าให้ก็ต้องตายจนกับลูกไม้เดิม ๆ ทุกที   ตั้งแต่วันนั้นที่ทั้งคู่มีอะไรกันเรนะก็ขอเธอเป็นแฟนเธอตอบตกลงแบบไม่คิด แล้วนี่มันก็จวนเจียนจะครบหนึ่งเดือนแล้วที่ทั้งคู่ไปมาหาสู่กันแบบนี้  เรนะยื่นหน้าเข้ามาใกล้จูรินะถลึงตาใส่ “แหนะ…ทำหน้าแบบนี้แสดงว่ามีเยื่อใยกับแฟนเก่าใช่ไหมละคะ วาตานาเบะซังก็น่ารักอยู่นะคะแต่ว่าหล่อนดูเห็นแก่ตัวยังไงก็ไม่รู้ เพราะแทนที่จะอยู่กับคาชิวางิซังแท้ ๆ กลับมาหาคุณถึงที่นี่”

 

 

 

                “เพราะฉันบอก รปภ. ไม่ให้มายุขึ้นไปบนห้องฉันน่ะสิ” จูรินะให้เหตุผลก่อนจะฉุกคิดถึงเรื่องที่เรนะพูดกับมายุขึ้นมาได้ หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นสูงมองเรนะไม่วางตา “เธอเคยนอนกับคาชิวางิซังจริงๆเหรอ?”

 

 

 

                “คุณหึงเหรอคะ?”

 

 

 

                “นิดนึงแต่…ตามหลักดาราศาสตร์แล้วน่ะ หากเธอมองขึ้นไปบนฟ้าทุกที่นั้นล้วนเป็นอดีตเหมือนกันหมด ไม่มีจุดใดพิเศษกว่ากันทั้งนั้น… ดังนั้นแล้วเรื่องของคาชิวางิซังน่ะไม่ได้พิเศษอะไรเลยแล้วก็ไม่สงผลต่อฉันหรอกนะ” จูรินะตอบแล้วยิ้มให้เรนะ  เรนะหัวเราะเบา ๆ อย่างนึกขัน “โอเค ๆ …ฉันไม่เคยมีอะไรกับคาชิวางิซังหรอกค่ะ ที่พูดออกไปเพราะหมั่นไส้วาตานาเบะซังเท่านั้นเองแหละค่ะ หวังว่าหล่อนคงเลิกยุ่งกับคุณถาวรเลยนะคะ

 

 

 

กรี๊ดดด เอามารีใหม่ ><

โอ้วววววว รออ่านต่อไป ><

จำได้ๆ แต่จะรออ่านค่ะ

อ่านเจอเรนะเคยได้กับยูกิแล้ววถึงกับสะดุ้ง

แต่พอต่อมาบอกว่าไม่จริงเเล้วโล่งอก555

จะเป็นไงต่อรอติดตามนะคะ><

โอ้ววววววววววว รออ่านตอนต่อไปคะ

รออ่านอยู่จ้า เฮียนี่รุนแรงจังเลยน้าาา เหอะๆ
มายุกิ จะเป็นยังไงบ้างเนี่ยยยย 

ยังจำเรื่องนี้ได้อยู่

แต่อ่านกี่รอบก็ไม่เคยเข้าใจที่จูจังอธิบายในห้องเรียนเลย ฮ่าๆ

ตอนแรกจำไม่ค่อยได้ว่าเคยอ่าน

พออ่านลงมาตรงที่ เรนะนางแรงเวอร์

จำได้เลยอ่ะ 555+

 

รอติดตามค่ะ

อุ้ย แรงนะคะ 555555

โว้วๆ เรนะเปิดตัวซะแรงเชียว 😀 😀

ยูกิรินโดนพาดพิง5555555 5

เรนะแวร๊งงงงงงง ง แต่ชอบเรนะแบบนี้อะ =//////=
เดี๋ยวนี้บนเตียงหรือระเบียงมันธรรมดา
เปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นในครัวก็โอเคนะคะแหม่สองมัตสึอิ=.,=

รอตอนต่อไปค่า…

สงครามฝีปากน่ากลัวหลาย… (= =”)

น่ารักจังเลยค่ะ เห็นคุณเรนะบอกเรื่องบนเตียงน้องจูเก่ง

 

 

ก็อยากจะลองมั่ง ><

 

มามะน้องจูวววว *ตบเตียง*

ชอบอ่านแบบนี้ ไม่ชอบนางเอกใสๆ ชอบเรื่องที่นางเอกแรว๊งงง -3-

 

ปล.พี่รินของอิชั้นโดนพาดพิง(ในแง่ไม่ดีด้วยนะ) 55555 น่าฉงฉาน

 

ปล2.จริงๆแล้วจูจะควบสองก็ได้นะลูก เอาย้วยไปด้วย เดี๋ยวอิชั้นจัดการพี่รินเอง(ทำม้ายยยย)

 

 

 

Two

Note: PG-15

 

 

 

 

                ชีวิตหลังเลิกรากับมายุแล้วจะบอกว่าดีมันก็ไม่ใช่เสียหมด   ในชีวิตคู่ของจูรินะกับเรนะนั้นต่อให้ทั้งคู่จะเข้ากันได้ดีแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องที่ทำให้ระหองระแหงกันเลย  จูรินะเป็นประเภทที่ไม่ชอบสังสรรค์แต่เรนะเป็นประเภทตรงกันข้ามทุกอย่างกับเธอเกือบจะทุกประการ   ดูเหมือนเรนะจะออกงานไปกับพวกเพื่อนพ้องของเธอในทุกอาทิตย์ และยิ่งเร็ว ๆ นี้ทั้งคู่มีเรื่องขุ่นเคืองใจกันนิดหน่อย เหตุเกิดเพราะว่าเรนะอยากให้จูรินะไปร่วมงานปิดเล่มนิตยสารประจำเดือนนี้แต่จูรินะปฏิเสธโดยอ้างว่ายังมีงานค้างคาที่แล็บ

 

 

 

                “จูรินะคงไม่ได้ทำงานทั้งวันทั้งคืนหรอกนะ…” เรนะพูดเสียงแหลมฟังดูประชดประชันชอบกล  จูรินะได้ยินดังนั้นก็รีบหันไปมองสาวเจ้าที่กำลังนั่งทำหน้าบูดบึ้ง  เรนะเบะปากออกว่าด้วยน้ำเสียงขัดใจ “ไม่รู้ละ…พรุ่งนี้น่ะเจอกันตอนสองทุ่มที่คอนโดของฉัน”

 

 

 

                “โถ่ เรนะ…” จูรินะตัดพ้อโดยการเรียกชื่อของแฟนสาวออกมา “…ทำไมเธอชอบบังคับฉันอยู่เรื่อยเลย”

 

 

                “ก็คุณมันเป็นประเภทน่าโดนบังคับนี่นา!”  ได้ยินดังนั้นจูรินะก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าเรนะน่าจะเป็นประเภท S พวกชอบทำร้ายความรู้สึกคนอื่น  จูรินะยืนพิงหลังกับกำผนังห้องมองดูเรนะล้มตัวลงนอนกลิ้งกับโซฟาในห้องนั่งเล่นของเธออย่างสบายอารมณ์ “คืนนี้เธอค้างที่นี่เหรอ ?”

 

 

                “ไม่ค่ะ…พอดีวันนี้ฉันมีนัดไปฉลองวันเกิดของเพื่อนน่ะค่ะ”

                “เพื่อน…”

 

 

 

                “บอกชื่อไปจูรินะก็ไม่รู้จักหรอกค่ะ” เรนะบอกแล้วยิ้มหวานให้คนที่กำลังยืนนิ่วหน้า “ก็จูรินะเองเป็นประเภทที่ไม่ได้สนใจคนอื่นอยู่แล้วนินา…ขนาดฉันชวนจูรินะไปพบเพื่อน ๆ ของฉัน จูรินะยังไม่ไปเลย… – ตายจริง! ฉันไปก่อนนะคะ เดี๋ยว…ไอรินบ่นแย่เลย แล้วเจอกันนะคะ” หล่อนลุกจากโซฟาตรงมาหอมแก้มจูรินะเข้าให้ฟอดหนึ่งก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ สัมผัสอบอุ่นจาง ๆ ยังประทับอยู่ที่แก้มซ้ายของจูรินะ  “เรนะจังเนี่ยนะ…”

 

 

               

                พอเรนะออกไปได้สักพักหนึ่งจูรินะถึงเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อถอดคอนแทคเลนส์ออก จะว่าไปแล้วนะไอเดียคอนแทคเลนส์นี้น่ะเป็นไอเดียของเรนะล่ะ หล่อนบอกว่าแว่นของจูรินะมันดูน่ารำคาญโดยเฉพาะเวลาที่ทั้งคู่จูบกัน แล้วที่สำคัญเรนะยังพูดกรอกหูเธออยู่บ่อย ๆ ว่าการสวมแว่นมันทำให้เสียบุคลิก จูรินะหยิบแว่นขึ้นมาสวมแล้วเดินบิดขี้เกียจออกจากห้องน้ำ

 

 

 

                เสียงประตูห้องถูกเปิดและปิดลง เจ้าของห้องคนผมสั้นรีบชะเง้อคอไปมองแขกผู้ไม่ได้รับเชิญที่กำลังยืนยิ้มแห้ง ๆ ให้กับเธอ “…มายุ” เรียวปากสวยกระซิบชื่อนั้นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ มายุโชว์ลูกกุญแจของห้องให้จูรินะดู เธอหุบยิ้มลงฉับ “จำได้ไหมคะว่าวันนั้นที่ฉันบอกจูรินะว่าจะติดต่อเธอทีหลังแล้วจะเอากุญแจมาคืนให้แต่ตั้งแต่วันนั้นจูรินะก็ไม่ยอมรับสายฉัน พอฉันไปหาที่มหาลัย แฟนเธอก็ดันมาหึงหวงใส่อีก…”

 

 

 

                “เรนะไม่ใช่ประเภทหึงหวงหรอกนะ” จูรินะพูดแล้วเดินเข้าไปใกล้มายุที่กำลังเจื่อนหน้าราวกับว่าหญิงสาวรู้สึกว่าตนนั้นได้พูดอะไรผิดไป “แต่นะ…ยังไงก็ขอบคุณนะที่ยังอุตส่าห์เอามันมาคืนให้ฉัน”

 

 

 

                มายุเก็บกุญแจคืนใส่กระเป๋าแชนเนลแล้วยิ้มให้จูรินะ “ตอนแรกก็ว่าจะมาคืนอยู่หรอกแต่พอเห็นจูรินะทำหน้าแบบนั้นฉันก็เลยอยากจะยืดเวลาซะหน่อย” พูดจบมายุก็ถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องราวกับว่าเป็นเจ้าของเสียเอง  “ที่นี่น่ะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเท่าไหร่เลยนะ นี่…จูรินะ?”

 

 

                “หือ?”

 

                “…ก่อนจะต้องจากลากันจริง ๆ  ฉันอยากมอบอะไรบางอย่างให้กับเธอ”

 

                “อะไร?”

 

                “ร่างกายของฉัน”

 

 

 

               

               

:::::::::

               

 

 

 

 

                “นี่เรนะ เธอไม่เป็นอะไรแน่เหรอ?” ฟุรุคาว่า ไอริน หนึ่งในเพื่อนซี้สมัยเรียนมัธยมเอ่ยถามคนที่เพิ่งลุกขึ้นยืนแล้วล้มตัวเซไปชนเพื่อนสาวอีกคน ทาคายากิ อากาเนะ  เรนะหันไปเกี่ยวคออากาเนะที่กำลังยืนเบ้หน้าเบะปาก “เดี๋ยวก่อนนะ… วันนี้มันวันเกิดของซาเอะคุงหรือวันเกิดหล่อนกันแน่ยะ ยัยเรนะ”

 

 

 

                “แหม…บ่นไปได้นะ ยัยนก!” เรนะหันมาโวยอากาเนะเสียงแหลม  ไอรินมองทั้งคู่ด้วยความเป็นห่วง “แล้วนี่จะขับรถกลับยังไงไหวเนี่ย… ถ้าไม่ไหวก็กลับไปค้างที่บ้านฉันก็ได้นะ”

 

 

 

                “ไม่เอา…เดี๋ยวคืนนี้ฉันกลับไปนอนกับแฟนก็ได้!

 

                “แฟน?!” อากาเนะตะโกนคำนั้นออกมาเสียงหลงแล้วกลอกตามองเรนะที่กำลังทำตาหวานเยิ้มใส่ “อย่าบอกนะว่า…”

 

                “อะไรกันเหรอ? ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลยละ?” ไอรินหันไปถามทั้งคู่ด้วยความประหลาดใจ “แล้วเรนะไปเป็นแฟนใครอะไรที่ไหนยังไง? หือ?”

 

                “เอาไว้…” เรนะว่าแล้วใช้แขนอีกข้างเกี่ยวคอของไอริน “…วันปิดเล่มนะ ฉันจะพามาเปิดตัวละ… พวกเธอจะต้องอิจฉาฉันแน่ ๆ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าห้ามแย่งเด็ดขาด”

 

 

                “จ้ะ แม่คู๊ณใครจะไปแย่งเด็กของเธอกันยะ…” อากาเนะบ่นกรอกหูเรนะ ขณะที่ไอรินนั้นกลับหัวเราะใส่ทั้งคู่ไม่หยุด ยัยสองคนนี้นะชอบทะเลาะง้องแง้งเป็นเด็กเป็นเล็กไปได้… ไอรินกับอากาเนะช่วยกันลากเรนะออกจากงานปาร์ตี้วันเกิดที่เริ่มกร่อย ทั้งสองหิ้วปีกแขนทั้งสองข้างของเรนะมาถึงรถออดี้สีดำของหล่อนแล้วจัดแจงยัดร่างอันปวกเปียกของเรนะใส่เบาะหลังรถ

 

               

                 “เอางี้…เดี๋ยวฉันขับรถไปส่งเรนะที่บ้านแฟนยัยนี่ละกัน” อากาเนะหันมาบอกกับไอรินที่กำลังยืนถอนหายใจอยู่ข้าง ๆ ไอรินหันไปเลิกคิ้วใส่อากาเนะ “แล้วเธอรู้เหรอว่าบ้านแฟนเรนะน่ะอยู่ไหน?”

 

 

                “เออ…ไม่รู้ว่ะค่ะ คุณฟุรุ…”

 

                “กะแล้วเชียว…”

 

 

                “ไม่เป็นไร…เดี๋ยวลองเช็กมือถือยัยนี้ดูก็ได้” อากาเนะพูดแล้วก็ค้นหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าถือของเรนะ หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นขณะไล่เช็กหาเบอร์โทรล่าสุด “จะต้องอยู่แถวนี้แหละ…สักคน ดูเหมือนจะชื่อจูรินะอะไรนี่แหละ

 

 

                “แล้วเธอไปรู้เรื่องแฟนของเรนะได้ยังไงกันละ?” ไอรินถาม อากาเนะหันขวับไปหาคนที่กำลังทำหน้าสงสัย “ก็…หลายวันมานี้เรนะชอบส่งดอกไม้ไปให้ที่มหาลัยโตเกียว เดาได้ว่าคงส่งไปให้แฟนที่เป็นอาจารย์ภาคฟิสิกส์อะไรเนี่ยแหละ แล้วในการ์ดนั้นก็เขียนชื่อจูรินะน่ะ”

 

 

                “โห! ข้อมูลแน่นจัง!! นี่เธอสโตกเกอร์เรนะหรือไง?”

 

                “คุณฟุรุคะ เรื่องพวกนี้น่ะเค้าเมาส์กันให้แซ๊ดในที่ทำงานนะคะ ฉันเองก็ต้องหาข้อมูลใส่หัวซะบ้างสิคะ นานๆ ทีเพื่อนฉันจะมีแฟนกับเค้าบ้าง เห็นนัดบอดทุกเดือนแต่ก็ไม่ควงใครเป็นตัวเป็นตนซักที”

 

 

                ไอรินพยักหน้าทำเสียงอ๋อดัง ๆ แล้วหันไปหาอากาเนะที่กำลังก้มหน้าก้มตาค้นหาเบอร์โทรของคนที่ชื่อจูรินะ หญิงสาวเผลอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “แล้วชูริไม่คิดจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเหมือนเรนะบ้างเหรอ?” คนถูกถามถึงกลับค้างนิ่งเป็นก้อนหิน แก้มทั้งสองข้างเริ่มมีเลือดฝาด ๆ เพราะความร้อนผ่าวที่กำลังจับตัวอยู่ที่ใบหน้าของเธอ อากาเนะค่อย ๆ หันมาหาไอรินที่กำลังส่งยิ้มให้เธอ

 

 

                “ถามบ้าอะไร!?”

 

 

           อากาเนะใช้มือซ้ายพัด ๆ ใบหน้าร้อนผ่าวของตัวเองก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีไอริน “…แล้วก็เลิกยิ้มแบบนั้นได้แล้ว ฉันขนลุกน่ะ”

 

               

                “อ่ะ…ขอโทษ ๆ” ไอรินบอกแล้วรีบยกมือไหว้อากาเนะ “…พอดีฉันติดนิสัยที่ต้องยิ้มเวลาถามคำถามน่ะ ฮะ ฮ่า ฮ่า” ว่าแล้วคนพูดก็หัวเราะออกมากลบเกลื่อนบรรยากาศอันแสนเคอะเขิน  เรนะดีดตัวลุกขึ้นนั่งโดยอัตโนมัติโดยที่ไอรินและอากาเนะไม่รู้ตัว  หล่อนค่อย ๆ ยื่นหน้าออกมาจากบานกระจกรถมองทั้งคู่ด้วยสายตาเอือมระอา

 

 

 

                “แล้วทำไมพวกเธอไม่คบกันซะทีละ…”

 

 

 

                “เรนะ?!” ไอริน และอากาเนะหันไปแหวใส่คนที่โพล่งขึ้นมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง  เรนะมองทั้งคู่ตาปรือ “ฉันตื่นแล้วเดี๋ยวฉันบอกทางพวกเธอเอง”

 

 

 

 

 

:::::::::

 

 

 

 

 

                จูรินะรู้ว่าเธอกำลังทำเรื่องที่ผิด  เธอไม่ควรอย่างยิ่งที่จะข้องแวะกับผู้หญิงที่ชื่อมายุอีกแต่มันก็ช่วยไม่ได้เอาเสียเลย ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนร้องขอเธอเอง    คำขอครั้งสุดท้าย  หญิงสาวว่าเช่นนั้น

 

 

                ริมฝีปากอุ่น ๆ ของมายุยังทาบชิดติดกับริมฝีปากของจูรินะขณะที่ร่างกายของทั้งคู่นั้นกำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่คลุมเคลือทั้งที่จูรินะอยากจะกอดรัดร่างกายของอีกฝ่ายไว้แต่ทว่าเธอกลับรู้สึกกลัวที่จะทำ ผิดกับมายุอย่างสิ้นเชิง สาวเจ้าแทบจะถวายตัวให้จูรินะแบบไร้ข้อกังขา

 

               

                มายุรีบละถอนริมฝีปากออกมาก่อนจะกระซิบข้างใบหูสีแดงก่ำของจูรินะ “เราไม่เคยมีอะไรกันมาก่อน เรื่องนั้นจูรินะเองก็ทราบดีใช่ไหมคะ?”  จูรินะรู้เรื่องนั้นดีถึงแม้ว่าทั้งคู่จะคบกันมาเป็นระยะเวลาหลายปีแต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็มีเพียงแค่กอด และจูบเท่านั้น  นั่นแหละ…เรื่องน่าเบื่อของจูรินะที่ไม่เคยละเอียดลออในเรื่องความรัก  มายุจงใจประทับริมฝีปากลงที่ใบหูของจูรินะพลางใช้ลิ้นน้อย ๆ ของเธอเลียลงใบหูของจูรินะ   คนถูกคุกคามเผลอร้องครางออกมาเสียช่วยไม่ได้ “…เสียงครางอันไพเราะของจูรินะดันถูกผู้หญิงคนอื่นได้ยินไปเสียก่อน แบบนั้นมันทำให้ฉันโกรธนะคะ

 

 

                “มายุ… เธอจะทำอะไร?” คนที่กำลังมึนตื้อเผลอหลุดปากถามออกมาเมื่อถูกอีกคนที่กำลังนั่งซ้อนลำตัวของเธอราวพนัก กระชากสาบเสื้อเชิ้ตที่ชอบใส่ไปทำงานออกจากกันจนเม็ดกระดุมหลุด  มือเล็กอันแสนบอบบางของมายุค่อย ๆ แตะลงบนผิวกายขาวนวลเนียนของจูรินะ เธอจงใจวางมือสัมผัสลงบนบราเซียสีดำลูกไม้ของจูรินะแล้วบีบเค้นมันพอหยอกเย้าให้อีกฝ่ายหมดความอดทนเล่น ๆ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งนั้นก็คอยลูบไล้ตามกล้ามท้องน้อย ๆ ของจูรินะ

 

 

                “อ๊ะ…มายุ!” จูรินะแหวขึ้นเสียงแหลมเมื่อเธอถูกมายุใช้เล็บจิกลงบนท้องของเธอ   เธอดีดตัวลุกขึ้นนั่งจนหน้าเกือบจะชนกับมายุ ดวงตาคมกริบนั้นจ้องมองไปที่ดวงตากลมโตไร้เดียงสาของมายุ “…ฉันไม่อยากจะทำแบบนี้หรอกนะ มายุ…” จูรินะกัดฟันบอกเสียงแข็งแล้วใช้มือทั้งสองช้อนใบหน้าของคนผมยาวตรงหน้าที่กำลังนั่งตักของเธอ “ฉันไม่อยากจะทำแบบนี้หรอกนะ…ฉันพูดจริงๆ…” สิ้นประโยคจูรินะก็รีบดึงมายุเข้ามาจูบอย่างทันที ขณะที่ลิ้นของทั้งคู่นั้นกำลังตวัดหากันนั้น จูรินะก็เลื่อนฝ่ามือทั้งสองลงมาที่ชายเสื้อของมายุก่อนจะถลกมันขึ้นพ้นศีรษะของสาวเจ้าอย่างรวดเร็วก่อนจะยกร่างมายุลงไปนอนบนฟูกเตียง

 

 

                “ฉีกทึ้งฉันเลยสิ จูรินะให้สมกับที่… เธอเกลียดฉันที่ฉันทิ้งเธอไป…”

 

               

                จูรินะกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่  หัวใจของเธอเต้นแรงจนมันแทบจะกระชากหลุดออกมาจากอกก็ไม่ปาน  ภาพสัดส่วนท่อนกายบนของมายุยิ่งตอกย้ำสถานการณ์ร้อนฉ่ำนี้ได้เป็นอย่างดี  เธอรักมายุอยู่นั่นคือเรื่องจริง  และความผูกพันของทั้งคู่ก็อยู่ในรูปแบบที่ตัดไม่ขาด  มายุหรี่ตามองลงต่ำสายตาของหญิงสาวหยุดอยู่ที่ตะขอเม็ดกระดุมบนกางเกงที่เพิ่งถูกปลดออกก่อนที่จะเลื่อนสายตาของเธอขึ้นมาบรรจบกับดวงตาสีดำของจูรินะ

 

 

                “จูรินะ…” มายุเรียกชื่อคนที่กำลังคร่อมทับร่างของเธอ หญิงสาวค่อย ๆ แย้มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มของหญิงอันเป็นที่รักที่จูรินะถวิลหา มายุค่อย ๆ เอื้อมมื้อลงมารูดซิบกางเกงของจูรินะลง  มายุคิดอยากจะปลดปล่อยพันธนาการที่สะกดจูรินะไว้อยู่

 

 

                “…ฉันจะไม่ลืมเรื่องในวันนี้เลยถึงแม้ฉันจะต้องไปแต่งงานกับคนอื่นก็ตาม”

 

 

                “ฉันเองก็จะไม่ลืมเธอเหมือนกัน…”

 

               

 

 

 

:::::::::

               

 

 

 

 

               

                รองเท้าส้นสูงยี่ห้อมาโนโล่ถอดวางทิ้งไว้ตรงแถวชั้นรองเท้า  รองเท้ายี่ห้อดีราคาสูงแบบนี้มาอยู่ในห้องของจูรินะได้อย่างไรกัน? เรนะยืนสัปปะหงกครุ่นคิดอยู่นาน  หล่อนมีรองเท้ายี่ห้อนี้อยู่ที่คอนโดของหล่อนอยู่หลายคู่  ผู้หญิงที่จะเลือกใส่รองเท้าแบบนี้ได้จัดได้ว่าเป็นประเภทผู้หญิงหัวสูง มันไม่ใช่รองเท้าของจูรินะอย่างแน่นอน

 

 

                หรือว่าจะเป็น…

 

 

            ดวงตาที่เคยปรือกลับเบิกโพล่งด้วยความตกใจ เรนะค่อย ๆ ก้าวขาแข็ง ๆ ไปข้างหน้า… เร็วกว่าการมองเห็นนั่นคือการได้ยิน… เสียงเตียงที่ดังเอี๊ยดอ๊าดทำให้เรนะจินตนาการเตลิดเปิดเปิงหล่อนเลือกที่จะหลับตาลงขณะเงี่ยหูฟังเสียงการเคลื่อนไหวของบทรักบนเตียงในห้องนอนของจูรินะ

 

 

                “จูรินะ!…อ๊ะ!…อ๊า!!

 

 

            พอกันที!

 

 

 

                เรนะรีบก้าวเท้าตรงไปที่หน้าประตูห้องนอนก่อนจะเปิดประตูออกดังผลั๊วะ  ไม่ต้องบรรยายว่าหญิงสาวเห็นอะไรในตรงนั้นบนเตียงนอนที่เคยร่วมรักกับจูรินะ  เรนะเห็นจูรินะกับแฟนเก่ากำลังทำเรื่องแบบนั้นกัน  สาวเจ้าเลือกที่จะเบือนหน้าหนีแล้วหันหลังเดินออกไปแม้ว่าจะได้ยินเสียงตะโกนของจูรินะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็ตาม

 

 

                “เดี๋ยวก่อน เรนะ! จูรินะตะโกนรั้งแฟนสาวของเธอขณะเดียวกันกับที่หยิบเสื้อผ้าเสื้อผ่อนขึ้นมาสวม จูรินะตรงมาคว้าข้อมือของเรนะดึงเจ้าหล่อนให้หันมาเผชิญหน้าแต่พอทั้งคู่ได้มองหน้ากันอย่างชัด ๆ มันกลับกลายเป็นความเงียบงันที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งคู่ จูรินะเองก็คงไม่มีคำแก้ตัว     ส่วนเรนะเองก็ผิดที่ไม่ได้บอกกล่าวอีกฝ่ายล่วงหน้ามิหนำซ้ำยังถือวิสาสะเข้ามาในห้องอีกเสียด้วย

 

 

                “ฉันพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงไม่อยากให้ฉันค้างที่นี่… จูรินะต้องเข้าแล็บนี่นา

 

                “เรนะ… คือว่า”

 

                “ฉันไม่อยากฟังคำอธิบายอะไรทั้งนั้น… จูรินะ ฉัน…ถึงฉันจะดูเป็นปาร์ตี้เกริล์หรือผู้หญิงหัวสมัยใหม่อะไรนั่นน่ะ แต่เรื่องการคบหาใครสักคนมันเป็นเรื่องสำคัญกับฉันนะ… ฉันคงไม่อยากมีอะไรกับใครทั้งที่คบกับคุณอยู่ หรืออยากให้คุณไปมีอะไรกับใครทั้งที่คุณคบกับฉันอยู่”

 

               

                จูรินะกลอกลูกตาไปมาอ้าปากพะงาบ “แต่เธอเป็นคนบอกเองนิว่าเธอไม่ใช่ประเภทหึงหวง…

 

 

                “นั่นมันคนละเรื่องกัน”   เรนะตอบแล้วแกะมือของจูรินะออกจากข้อมือของเธอแล้วตบหน้าจูรินะเข้าให้ฉาดใหญ่  “จูรินะ นี่คุณไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังร้องไห้อยู่น่ะ…” น้ำตาที่คลอเบ้าตาทั้งสองบัดนี้ไหลอาบบนแก้มเป็นทางยาว  จูรินะไม่เห็นเจ้าสิ่งนี้จริง ๆ แหละว่าเธอไม่ได้สวมแว่น ภาพตรงหน้าที่เธอเห็นมีเพียงภาพเบลอ ๆ ของเรนะก็เท่านั้น

 

 

                “ฉันขอตัว…” เรนะพูดตัดบทแล้วรีบเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีกเลย  ทิ้งให้จูรินะจมอยู่กับความสับสนอลหม่านในใจ เธอหันไปมองมายุที่กำลังเดินก้มหน้าออกมาจากห้องนอน จูรินะเหลือบไปมองมายุเพียงครู่หนึ่งก่อนจะหันหน้าหนีด้วยความรู้สึกผิดที่ตราตรึงอยู่ในอก

 

 

                “ขอโทษ… ฉันไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้” มายุพูดแล้ววางกุญแจลงบนโต๊ะรับแขก หญิงสาวมองแผ่นหลังสูงของจูรินะ มองดูคนที่ไม่แม้แต่จะหันมามองเธอสักเสี้ยวเดียว “…ฉันรู้ตัวดีว่าฉันต้องสูญเสียเธอไป จูรินะ…แต่ฉันก็แค่อยากจะมีความทรงจำดี ๆ ระหว่างเธอกับฉันมันก็แค่นั้น…”

 

 

                “มายุ…ฉันขอโทษจริงๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้…ที่จริง” จูรินะหันมาหามายุที่กำลังทำหน้าผิดหวัง “ที่จริงฉันควรจะไล่เธอตั้งแต่เธอเหยียบเข้ามาในห้องนี้แล้วละ…ฉันควรจะทำแบบนั้น

 

 

                “ฉันเข้าใจค่ะ”

 

 

                มายุแสร้งทำเป็นยิ้มให้จูรินะ

 

 

                “ฉันรู้ตั้งนานแล้วละค่ะว่าฉันเสียจูรินะให้คนอื่นไปนานแล้ว… ขอโทษนะ จูรินะ

มายูยุวววววววววววววววววววววว

 

ได้กันแล่วววว Orz 

//ติดสตั้นไป48วิ

โอ้ว….มายุเธอก็นะorz….

อ่านแล้วจุกเลยทีเดียวเชียว

เรื่องจะเป็นไงต่อ ลุ้นค่ะลุ้น//กำลังสับสนว่าจริงๆแล้วจูชอบใครกันแน่

ตบทีเดียวมันน้อยไปไหมเรนะ