[Fic] Different Image : Yuki x Mayuyu F.Jurina EP.17 – 141017 [Final]

“……………….”

 

คุณเคยไหมเมื่อพบใครซักคนแล้วตัดสินเค้าด้วยสายตา

และภาพแรกที่มองเห็น มองว่าเค้าไม่คู่ควร มองว่าเค้าไม่น่าจะมีหน้าตาในสังคมขนาดนี้ได้

……….ฉันคนหนึ่งหล่ะที่ตัดสินคนที่ภายนอก เพราะสำคัญที่สุดของการพบกันครั้งแรกคือภาพลักษณ์

จะให้เห็นในสภาพที่ไม่น่าจดจำได้ยังไงล่ะ….

 

…..

 

แต่…เมื่อฉันได้พบเค้าคนนั้น..เค้ากลับทำให้ฉันรู้สึกว่า

การที่มองคนแต่เพียงภายนอกและตัดสินเค้าทันทีโดยที่ไม่ได้มองเห็นเนื้อแท้ด้านในเลย

 มันคือการพิพากษาที่ไร้ซึ่งกฎ และป่าเถื่อนสิ้นดี

 

~~~~~~~~

 

และเค้าก็ทำให้ฉันได้เห็นว่า ความงามที่อยู่ด้านในจิตใจของคนเราต่างหากล่ะที่มันงดงามกว่าภาพลักษณ์ภายนอก

 

 

——————————————————————————————————————————————————

เรื่องนี้ลุคของแต่ละคนจะคนละเรื่องกับความเป็นจริงนะคะ ^^

ลองมาดูฟิคแนวนี้กันบ้าง….เปลี่ยนสไตท์ คิคิ

 

ไว้ติดตามตอนต่อไปกันนะคะ 

เป็นฟิคที่เคยลงแล้ว (ที่อื่น) นำมาเปลี่ยนใหม่ให้อ่านกันนะคะ 

 

ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ….

 

 

รอชมครับ ^^

จิบชารอนะคะ

กางโต๊ะนั่งปั่นงานรอค่ะ 

ปักป๊อกกี้รอค่ะ

Different Image 1

..

ความแตกต่าง  มันคือสิ่งที่คนเรากำหนดขึ้นมาเอง โดยใช้ทั้งความรู้สึกและภาพแรกที่เห็นโดยมองข้ามและละเลยไปว่า สิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นเสมอไปทุกครั้ง

..

หญิงสาวที่ถูกเลี้ยงดูดุจนางฟ้าบนดิน ได้รับความรักมากมายจากคนรอบข้าง  เติบโตท่ามกลางความรักและเม็ดเงินนับล้าน  ใบหน้าที่ขาวเนียน จมูกเป็นสันได้รูปเข้ากับหน้าตาที่เรียว ผิวขาวเนียนบวกกับผมสีน้ำตาลที่ยิ่งทำให้เธอเปล่งประกาย หญิงสาวที่เพิ่งเรียนจบจากเมืองนอกหมาดๆ จากเมืองผู้ดี ย่างก้าวเข้ามายังบริษัทที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งทางด้านผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะส้ม ซึ่งกินส่วนแบ่งทั้งประเทศถึง เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ ทุกย่างก้าวที่เธอเดินผ่าน ทำให้คนทั้งบริษัทต้องมองตาม จนต้องเหลียวหลังมองจนเธอลับไปกับสายตา เสียงที่ดังขึ้นเป็นระยะ นั่นคือเสียงของคนที่เอ่ยชม ทั้งใบหน้าและรูปร่างที่ได้สัดส่วน การแต่งตัวที่เข้ากันอย่างสวยงาม ก่อนที่หญิงสาวร่างบางจะมาหยุดยืนที่หน้าโต๊ะของเลขาหน้าห้อง ที่เขียนว่า ห้องประธานกรรมการ ..

“ฉันมาหาท่านประธาน”

“เชิญนั่งรอสักครู่นะคะ…..คุณ….วา.ตา..นา..เบะ…”

หญิงสาวร่างเล็กเลขาหน้าห้องที่รู้ดีว่า หญิงสาวร่างบางคนนี้คือ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของท่านประธาน ซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของท่าน แถมยัง

 

“ทำไมฉันต้องรอ…พ่อทำอะไรอยู่…..บอกท่านว่าฉันมาถึงแล้ว”

“เอ่อ…แต่ท่าน..กำลังคุยโทรศัพท์อยู่นะค่ะ…ยังเข้าไม่ได้นะค่ะ….”

..

“คุณพ่อคะ…มายุมาแล้วนะคะ….”

“คุณหนูคะเข้าไม่ได้นะคะ……”

…..

“ให้เค้าเข้ามาเถอะ…คุณคาตายาม่า …แล้วคุณกลับไปทำงานต่อเถอะ…ไม่เป็นไร”

ชายร่างใหญ่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มรับลูกรักของตนที่เพิ่งวีนแตกเข้ามาในห้องทำงานของเค้า ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าหน้าโต๊ะทำงานทันที พร้อมกับทำท่าทางไม่พอใจคนตรงหน้าอย่างมาก

“ทำไมพ่อต้องให้มายุไปแนะนำตัวกับพวกคนในบริษัทแล้วก็คนในไร่ด้วยหล่ะคะ”

“ใจเย็นๆก่อนมายุ…ฟังพ่อก่อน”

 

คุณหนูวาตานาเบะ มายุ หรือ มายูยุ ลูกหัวแก้วหัวแหวนของประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศที่กินส่วนแบ่งตลาดทางด้านผลการผลิตทางการเกษตรมากกว่า เก้าสิบเก้าเปอร์เซน โดยเฉพาะส้มที่ได้ขึ้นชื่อว่า มีรสชาติดีที่สุดในเอเชีย มายุเมื่อรู้ว่าพ่อของตนได้ส่งจดหมายแจ้งไปทางสวนที่อยู่ห่างออกไปยังชานเมือง แจ้งว่าคุณหนูของบริษัทจะไปเปิดตัวที่สวนเพื่อทำความรู้จักกับพนักงานของบริษัททุกคน และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนงานทุกคน ซึ่งมายุเกลียดสถานที่ที่มีแต่กลิ่นเหงื่อไคล คนงานที่เหม็นสาบ มายุเป็นพวกถือเนื้อถือตัว และหยิ่งพอสมควร

 

“หนูไม่อยากไปที่นั่น…พ่อก็รู้ว่าหนูเกลียดพวกคนงานที่ตัวเหม็นๆ…แล้วมันก็ร้อนมากด้วย”

“ไม่ได้นะคนดีของพ่อ….ลูกจะมารังเกียจคนที่ช่วยให้เรามีกินมีอยู่อย่างทุกวันอย่างนี้ไม่ได้นะ…เค้ามีบุญคุณกับเรานะ…”

“ไม่…หนูไม่ไป”

“ถ้าลูกไม่ไป….พ่อจะไม่ให้เงินลูกอีกเลย”

“พ่อ………………………..”

มายูยุที่โดนขัดใจนี่มันถือว่าเป็นครั้งแรกๆที่พ่อของเธอขัดใจซึ่งมันทำให้มายูยุตกใจเล็กน้อยและไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรเพราะเธอนั้นจบมาก็ยังไม่ได้ทำงานหรือมีเงินเก็บเป็นของตัวเอง ยังคงต้องพึ่งพาพ่อของเธออยู่

 

 

“นะมายุ…พ่อสัญญาว่าพ่อจะซื้อกระเป๋าที่ลูกอยากได้ให้ถ้าลูกเชื่อพ่อและยอมไปกับพ่อหนึ่งวันนะคะคนดี”

 

ชายวัยกลางคนค่อยๆเดินอ้อมหลังไปหาลูกสาวแสนสวยที่ตอนนี้นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับที่พ่อสุดที่รักของเธอนั้นขัดใจอย่างมาก แต่ก็พอยิ้มออกมาเมื่อคนเป็นพ่อเสนอว่าจะซื้อสิ่งที่เธอกำลังต้องการอยากจะได้พอดีให้

 

“ตกลงค่ะ…วันเดียวนะค่ะ…แล้วอย่าลืมสัญญานะค่ะ”

“โอเคจ้า….งั้นพรุ่งนี้เราจะไปสวนกันนะ”

“ค่ะ………………งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ…วันนี้หลังจากแนะนำตัวที่บริษัทเสร็จว่าจะไปสปาต่อน่ะค่ะ”

ชายวัยกลางคนค่อยเดินกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะดังเดิมมองหลังของลูกสาวเดินออกไปยังนอกห้องทำงาน ก่อนจะส่ายหน้าเบากับพฤติกรรมของลูกสาวเค้าที่เอาแต่ใจและยังไม่เอาการเอางานเลย

///ลูกเมื่อไหร่จะโต..จนดูแลตัวเองได้ซักทีหล่ะเนี่ย//////

..

โต๊ะฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ เพิ่งได้รับเด็กใหม่มาทำงานได้สองเดือนซึ่งเป็นเด็กทุนเรียนดี สาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์ระดับเหรียญทอง ซึ่งเธอคนนี้ได้รับทุนการศึกษาจากบริษัท เมื่อจบการศึกษาจึงต้องมาเซ็นสัญญาทำงานให้บริษัทเป็นเวลา  สองปีเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน หญิงสาวที่ผมยาวสีดำ ใส่แว่นหนา ใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอาง ผิวที่ดูกระด่างเนื่องจากขาดการดูและ การแต่งตัวที่ดูสบายๆ รูปร่างค่อนข้างผอมบางแต่มีอยู่อย่างเดียวที่พอจะดีขึ้นมาหน่อยคือเธอค่อนข้างสูงนั่นเอง

..

“ยูกิรินนนนน …. ไปกินข้าวกัน..”

 

เสียงหนึ่งที่ทักมาจากด้านหลังพร้อมกับมือที่แตะลงไปยังไหล่ของคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงานจนลืมเวลาเที่ยง คาชิวากิ ยูกิ หรือ ยูกิริน หญิงสาวที่ได้รับทุนจากบริษัทความเก่งทางด้านการออกแบบ จนได้เป็นที่หนึ่งของประจำปีการศึกษาที่ผ่านมา ยูกิเป็นเด็กกำพร้าทำงานพาร์ทไทม์เพื่อส่งตัวเองเรียนมาโดยตลอด ยูกิเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจตัวเองเท่าไหร่ และเป็นคนที่ค่อนข้างยอมคนเพื่อเลี่ยงการมีเรื่องเสมอ เค้าเป็นคนยิ้มง่าย แต่มักไม่ค่อยมีคนสนใจเค้าด้วยการแต่งตัวและการทำงานที่ค่อนข้างบ้าระห่ำ

 

 “อุ้ยเธอ…นั่น.. มินามิฝ่ายการตลาดนิ….น่ารักเนอะ..”

“ใช่ๆ…..น่ารักมากเลยหล่ะ..”

 

เสียงที่ดังไปทั้งห้องฝ่ายแบบ เพราะคนที่เข้ามาทักทายนั้นคือพนักงานที่เพิ่งจบใหม่รุ่นเดียวกันกับพนักงานที่กำลังก้มหน้าทำงานอยู่และเป็นนักเรียนทุน แต่ทำงานฝ่ายการตลาด หน้าตาที่ขาวหมดจด จมูกที่คมได้รูป รอบยิ้มที่อ่อนโยน จนใครที่ได้เห็นต้องพากันหลงใหล ฐานะทางบ้านถือว่าอยู่ในกลุ่มของคนที่มีเงินเลยทีเดียวแต่ด้วยความเก่ง เลยได้รับทุนจากบริษัทนี้เช่นกัน ทากาฮาชิ มินามิ พนักงานใหม่ที่ได้รับความสนใจที่สุดในตอนนี้ของบริษัท เป็นเพื่อนสนิทกับยูกิตั้งแต่เรียนระดับมหาวิทยาลัย ทาคามินะมักจะช่วยเหลือยูกิมาตลอด ทั้งเรื่องของการหาทุน และการหางานพาร์ทไทม์ แต่ทางด้านยูกิก็ช่วยเหลือทาคามินะทางด้านการเรียนเช่น กัน

“อืม…อีกแปปได้ไหม…เดี๋ยวฉันทำตรงนี้เสร็จก่อนนะ..นั่งรอแปปนึงแล้วกัน”

ยูกิที่ยังคงมองไปยังแผ่นกระดาษตรงหน้าที่ขีดๆเขียนลายต่างๆลงไป พรางชี้นิ้วให้เพื่อนรักของเธอไปนั่งรอที่เก้าอี้ของเธอ

“ได้..ค่ะ…คุณเพื่อน…งานหน่ะทำแล้วเงินเดือนขึ้นไหมเนี่ย…ขยันจริงๆ”

 

ทาคามินะที่เดินเลี่ยงไปด้านหลังยูกิ พร้อมกับบ่นอุบพรางนั่งลงที่เก้าอี้ ก่อนจะคว้ากระดาษแบบที่ยูกิออกแบบผลิตภัณฑ์ทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานที่ตอนนี้มันเกลื่อนไปหมดทั้งโต๊ะ….มานั่งดูความสามารถของยูกิ  ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็ทำให้ทาคามินะต้องทึ่งทุกครั้งไป

..

..

 

ยูกินั่งทำงานต่อเพียงสิบนาที ผลงานที่ค้างคาอยู่ก็เสร็จ ก่อนจะหันไปหาเพื่อนรักที่ตอนนี้นั่งเท้าคางมองหน้าของยูกิ ด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่าหิวที่สุดๆเลยนะเพื่อน

 

“ป่ะ…เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง…โทษทีนะที่ต้องให้รอทุกวันเลย”

“ไม่ต้องเลี้ยงแล้ว…ยูกิเลี้ยงฉันทุกวันเลย….เงินเดือนเหลือเฟือหรือไงหา…”

“ก็ฉันทำให้ต้องรอทุกวันเลยนิ….ฉัน..รู้สึกผิดนิหน่า”

“พอๆ….ไปกินข้าวกันได้แล้ว..ป่ะ..ฉันหิวข้าวจะตายอยู่แล้ว”

 

ทาคามินะตีไปที่หลังของยูกิก่อนจะลุกขึ้นและเรียกเพื่อนของเธอให้ลุกขึ้น เพื่อไปทานข้าวได้แล้วเพราะเหลือเวลาพักเที่ยงอีกแค่ สามสิบนาทีเท่านั้น ทั้งสองคนเดินไปยังห้องอาหารของบริษัทที่ตกแต่งให้มีความเป็นธรรมชาติผสมผสานกันไป อาหารแต่ละอย่างที่จัดไว้เป็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ทางบริษัทได้เป็นคนผลิตและดีต่อสุขภาพทุกอย่าง ภายในมีการนำต้นส้มที่เป็นเหมือนสัญญาลักษณ์ของบริษัทมาตั้งไว้กลางห้องอาหาร และยังมีการตกแต่งด้วยพืชพันธ์ต่างๆ ทำให้การกินข้าวของพนักงานทุกคนได้ผ่อนคลายอย่างแท้จริงๆ  เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงทั้งทาคามินะและยูกิทานข้าวเสร็จแล้ว และกำลังจะลุกกลับไปทำงานยังแผนกของตนเอง แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงประกาศออกจากลำโพงของบริษัท

 

…ตุ่ง..ตุ้ง..ตุ๊ง……

“พนักงานทุกคนโปรดทราบ ขอให้ไปรวมตัวกันที่ห้องประชุมกลางหลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จทุกคน เพื่อทำการเปิดตัวทายาทคนเดียวของท่านประธานกรรมการ จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกันกัน..ขอบคุณค่ะ”

 

…ตุ่ง..ตุ้ง..ตุ๊ง……

 

“เฮ้ย!! ยูกิ…เค้าบอกว่าจะเปิดตัวลูกสาวท่านประธานน่ะ…รีบไปกันเถอะ.”

“อืม….ป่ะ…..”

…..

 

RrrrrrrrrrR….RrrrrrrrrrrrrrrrrrrR

 

“เอ่อ…ทากามินะ ไปก่อนเลยละกัน…คนที่ไร่โทรมา…ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

“โอ้ย..คุณคาชิวากิ…คุณทำหลายหน้าที่จริง…คนงานในไร่นี่จะไปสนใจทำไม..นั่นมันหน้าของหัวหน้าฝ่ายผลิต มัตสึอิจูเรนะ .. โน่น…แกไปยอมเค้าทำไมล่ะเนี่ย….โดนสมัยเรียนมหาลัยไม่พอยังตามมารังควานที่บริษัทนี้อีก”

“เอาหน่าๆ…เค้าก็เพื่อนร่วมรุ่นเรา น่ะ…ฉันขอตัวก่อนนะไว้เจอกัน”

 

ยูกิที่แตะไปยังไหล่ของทาคามินะเบาๆก่อนจะวิ่งขอตัวไปรับโทรศัพท์ทันที ปล่อยให้ทาคามินะต้องเดินไปยังห้องประชุมกลางคนเดียว

..

..

 

“สวัสดีค่ะยูกิพูดค่ะ….”

“คุณยูกิครับ…พอดีมีเรื่องนิดหน่อยที่ไร่น่ะครับ…ต้นส้มสองแปลงที่เพิ่งลงปลูกไปเมื่อวันก่อน..มาวันนี้มันแห้งไปหมดเลยน่ะครับ…ช่วยมาดูหน่อยได้ไหมครับ”

“เอ่อ…หรอ.ค่ะ…ได้ค่ะเดี๋ยวฉันจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ…”

“ขอบคุณนะครับ..พอดีผมโทรไปหาคุณจูรินะแล้วไม่รับสายน่ะครับ..”

“ไม่เป็นไรค่ะ…เค้าคงยุ่งๆน่ะค่ะ..รอหน่อยละกันนะคะเดี๋ยวฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”

“ครับ. ครับ…”

 

สิ้นเสียงโทรศัพท์ยูกิมองเข็มนาฬิกาที่ข้อมือพราง เงยหน้าไปยังไปยังบนอาคารที่คนต่างหลั่งไหลไปยังห้องประชุมใหญ่ของบริษัทก่อน จะที่หัวคิ้วทั้งสองจะชนกันยูกิพรางหันซ้ายหันขวาและเดินดิ่งไปยังห้องทำงานของตนทันที เพื่อส่งงานที่เพิ่งเร่งทำไปก่อนเที่ยงโดยวางนำเสนอไว้ที่โต๊ะของหัวหน้า แล้วก็จัดการคว้ากุญแจรถและออกจากบริษัทไปโดยไม่ได้รอดูการประกาศของบริษัทเรื่องลูกสาวท่านประธาน

..

…..

 

“สวัสดีค่ะทุกคนวันนี้ที่เรียกมารวมตัวกันที่ห้องประชุมใหญ่ครั้งนี้คงพอทราบกันดีอยู่แล้วนะค่ะ…ว่าเนื่องด้วยเหตุผลใด…ใช่แล้วค่ะวันนี้ทางบริษัทจะเปิดตัวผู้สืบทอดกิจการคนใหม่ไฟแรง…เธอคนนี้เพิ่งจบการศึกษาจากทางประเทศอังกฤษ และกลับมาถึงญี่ปุ่นวันนี้และได้ดิ่งตรงมายังบริษัททันทีเพื่อมาทำความรู้จักกับพนักงานทุกคน ขอเสียงปรบมือต้อนรับ…คุณ..วาตานาเบะ มายุ ค่ะ…”

 

หญิงสาวผมน้ำตาลอ่อนที่ค่อยๆย่างก้าวเดิน ด้วยชุดเดรสสีแดงเพลิง สั้นครึ่งขา พร้อมกับชายผ้าสีแดงบางๆ ลากยาวอยู่ด้านหลัง ทำให้เธอดูสง่าและเด่นเป็นอย่างมากเมื่ออยู่บนเวที ขาเรียวและผิวที่ขาวเนียน ทำให้ชายหนุ่มทั้งบริษัทตาค้างและหันมองตามการเดินของเธออย่างพร้อมเพรียง ส่วนสาวๆที่ต่างตกตลึงกับใบหน้าที่ขาวเนียน จมูกที่โด่งได้รูปกับใบหน้าที่เล็กเรียว ริมฝีปากอมชมพู แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันก็ยังอึ้งกับภาพของหญิงสาวบนเวทีคนนี้

 

..

 

“สวัสดีค่ะ…ฉัน..วาตานาเบะ มายุ….หรือมายูยุค่ะ”

 

เสียงที่เงียบกริบเพราะทุกคนยังคงอึ้ง ก่อนจะมีเสียงปรบมือหนึ่งดังขึ้นมาซึ่งไม่ใช่ใครอื่นเลย นั่นคือหัวหน้าฝ่ายการผลิต ซึ่งได้เลื่อนขั้นเร็วที่สุดเท่าที่บริษัทนี้ก่อตั้งมา เด็กใหม่ไฟแรง ผมสั้นประบ่าสีดำสนิท ดวงตาที่คมดุจเยี่ยว ผิวสีขาวอมชมพู มัตสึอิ จูรินะ ปรบมือให้กับการแนะนำตัวมายูยุ  ซึ่งทำให้หญิงสาวด้านบนต้องจ้องมองเธอจนกลายเป็นจุดเด่นไปในทันที ซึ่งไม่นานคนในห้องประชุมก็ปรบมือตาม

 

แต่หญิงสาวที่อยู่ข้างกายก็ได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดที่ไฟแรงไม่แพ้เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ส่วนสูงของทั้งสองคนสวนทางกัน ก่อนที่ทาคามินะจะปรบมือตามและเหล่ตามองไปร่างสูงข้างๆด้วยความหมั่นไส้ที่สร้างตนเองให้เป็นจุดเด่นได้ทุกทีไป

 

“จะเด่นไปไหนค่ะคุณมัตสึอิ…ที่ไร่มีปัญหาไม่ใช่หรอ..มาเสนอหน้าให้นายเห็นตรงนี้ได้ยังไงคะเนี่ย”

เสียงที่รอดออกมาจากไรฟันที่ยังคงยิ้มให้กับการปรบมือของทาคามินะ ซึ่งทำให้จูรินะที่ยิ้มอยู่ด้านข้างก็ตอบออกมาด้วยลักษณะเดียวกัน

“ก็พอดี…มีลูกน้องไปดูให้แล้วน่ะค่ะ…และก็รู้สึกว่าเค้าจะเป็นเพื่อนคนแถวนี้ซะด้วย”

ทาคามินะหันหน้าพร้อมกับหยุดตบมือทันที ใบหน้าที่หัวคิ้วเริ่มชนเข้าหากันเชิงตั้งเป็นคำถามว่ามันหมายความยังไง

“พูดว่าอะไรนะคุณมัตสึอิ”

“อ่าวนี่ต้องให้อธิบายหรือไง…ก็เพื่อนคุณมินามิไงคะ…”

 

จูรินะที่หันหน้ามาตอบทาคามินะก่อนจะหันกลับไปและค่อยๆเดินไปยังด้านหน้าเวทีเพื่อไปแสดงความยินดีต่ออนาคตหัวหน้างานคนใหม่ โดยปล่อยทิ้งให้ทาคามินะต้องจิกสายตาตามแผ่นหลังไปอย่างเดียว

 

////แกมันร้ายจริงๆ……มัตสึอิ จูรินะ…..ซักวันฉันจะสั่งสอนให้สำนึก//////

 

จูรินะที่เดินไปด้านหน้าเวที ซึ่งถูกจ้องมองด้วยสายตาของหญิงสาวที่ดูเด่นเป็นสง่าบนเวทีจ้องมองตลอดการเดินเข้ามาของเธอ มือของจูรินะที่ยื่นไปยังบนเวทีเพื่อนเป็นการแสดงความยินดีต่อมายูยุ   มือที่ยื่นออกมาต้องค้างไปเมื่อหญิงสาวเมินหน้าและเดินกลับลงเวทีไปอย่างรวดเร็วเมื่อกล่าวแนะนำตัวเสร็จ เหลือทิ้งไว้แต่จูรินะที่ยืนทำหน้าอึ้ง กับมือที่คงค้างไว้อยู่เหมือนเดิม ก่อนจะค่อยๆดึงมือกลับมา และมองตามมายูยุไปด้วยสายตาที่เย่อหยิ่ง

 

////ซักวันฉันจะทำให้เธอ…เดินเข้ามาหาอ้อมกอดฉันเลยให้ได้..แต่มันจะไม่ใช่แค่จับมือหรอกนะ…คุณหนูวาตานาเบะ/////

..

 

ส่วนทางด้านหญิงสาวที่เดินออกมาจากห้องประชุมแล้ว ก็ได้แต่ยกยิ้มบางๆกับภาพที่เธอเพิ่งเห็นเมื่อกี้

////ที่นี่คนดูดีก็เยอะเหมือนกันนิ…ชักน่าสนใจแล้วล่ะสิ…/////

..

..

 

มัน… o_O แตกต่างจริงๆค่ะ ไม่ค่อยเห็นฟิคแบบนี้แฮะ น่าสนใจมากค่ะ
แปปนะ
มายุขี้วีนนักเรียนนอกลูกเจ้าของบริษัท
พี่กรบ้างานนักเรียนทุน แล้วยังไม่ไปงานเปิดตัวคุณหนูย้วยอีกเดี๋ยวเจอกันแล้วจำไม่ได้ก็โดนวีนใส่หรอก – -“
จูจัง… ไม่ค่อยต่าง – – ม่อยังไงยังงั้น แต่โดนสาวเจ้าเมินคร้า~ สม
โซจัง ดูเป็นคนปกติสุดหละ 55555

แปลกดี..ได้อารมณ์ใหม่ๆๆน่าสนใจนะ

มายุคุณหนูขี้วีน
ยูกิรินคนดีบ้างาน
ส่วนจูรินะเป็นตัวร้าย 555555555

มันต้องมีประเด็นที่กิรินไม่ไปร่วมงานแน่ๆ555
ย้วยยัยคุณหนูเอาแต่ใจ ตอนเมินจูนี่สะใจอ่ะ555
จะติดตามผลงานนะคะ ^^

อะ..จูหน้าแตก

ดูท่าทางแต่ละคนจะร้ายนะ

ยกเว้นยูกิไว้คน

สงสารพี่ริน 55 ทำงานงกๆ เงินเดือนก็เท่าเดิม เเถมถูกจูจังเรียกว่าลูกน้องอีก 55

ถูกเมิน ~ 555 จูจังเเห้วเลยยย พี่รินไม่ไปร่วมงานนี่สิปัญหา มายูกิ เย้ ~

Different Image 2

..

….

 “นี่ไงครับคุณยูกิ…ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ล่ะครับ”

“อืม..น่าจะเป็นเชื้อที่คล้ายแบคทีเรียนะคะ….เอาเป็นว่าล็อตต้นส้มที่เพิ่งลงไปให้ขุดไปทำลายให้หมดเลยละกันนะคะ..แล้วเอาต้นกล้าที่เพิ่งเพาะไปเมื่อเดือนที่แล้วมาลง..อ้อ!แล้วอย่าลืมฉีดจุลินทรีย์ด้วยนะคะ…จะได้ไม่เป็นแบบนี้อีก…อย่าใช้สารเคมีเลยนะคะ…เดี๋ยวส้มที่ออกมามันจะด้านซะหมด”

 

ยูกิที่หยิบจับต้นส้มที่กำลังจะตาย..ก่อนจะค่อยขุดดินบริเวณโดยรอบ แล้วค่อยๆจับต้นส้มที่ตายไปแล้วขึ้นมาอย่างเบามือพรางค่อยๆหยิบจับมันเข้าไปยังกระสอบที่วางอยู่ด้านข้าง

 

“เอ่อคุณยูกิครับเดี๋ยววันนี้นอนที่ไร่ไหมครับเดี๋ยวผมให้คนไปจัดห้องให้…นี่มันก็จวนจะมืดอยู่แล้ว…ขับรถตอนกลางคืนอันตรายนะครับ”

“เอ่อ…งั้นรบกวนด้วยนะคะ…ยังไงฉันก็ว่าจะนอนที่นี่เลยเพราะพรุ่งนี้ว่าจะไปดูผลส้มที่ออกล็อตนี้หน่อยน่ะค่ะ…เผื่อจะได้คิดแบบผลิตภัณฑ์ใหม่”

“ครับ…งั้นเดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ”

“ค่ะ…”

 

ยูกิที่อยู่ทำงานที่ไร่เพื่อดูความเรียบร้อยในการขนย้ายต้นส้มที่โดนแบคทีเรียเล่นงาน จนตายทั้งหมด ท้องฟ้าที่ทอแสงเป็นสีส้มประกายทอง ค่อยๆลาลับหลังเขาไปเรื่อยๆ พร้อมกับดวงจันทร์ที่โผล่พ้นขอบฟ้า กำลังจะฉายแสงลงมาเพื่อให้กลุ่มดาวน้อยใหญ่ได้อวดโฉมกัน เสียงนกที่ร้องเรียกกันกลับบ้านและโผบินเพื่อกลับรังของตนเอง แต่ยังคงมีคนๆหนึ่งที่ยังทำงานอย่างไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย ยูกิยังคงช่วยคนงานในไร่ขนต้นส้มกลุ่มสุดท้ายเพื่อนำไปทำลายที่ท้ายไร่ 

 

 

“อึ๊บ…อ่า….พรู่….”

 

เสียงเป่าปากของหญิงสาวร่างเพียวที่ตอนนี้แว่นของเธอเต็มไปด้วยเศษดิน ใบหน้าที่มอมแมมไปหมด เนื้อตัวก็เลอะเทอะด้วยโคลน ยูกิค่อยๆเอามือปาดเหงื่อที่ไหลลงมาอาบเต็มหน้าไปหมด ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งเรียกให้ยูกิต้องหันไปทันที

 

“คุณยูกิครับ…ทำไมต้องไปช่วยขนล่ะครับ…โถ่…ผมรู้สึกผิดจังที่เรียกคุณมาที่นี่”

“ไม่เป็นไรค่ะ…ฉันอยากให้มันเสร็จไวๆ….”

“งั้นเรากลับกันเลยนะครับ..เดี๋ยวให้คนงานขนต่อไปเองนะครับ”

“ค่ะ…”

 

ก่อนที่ยูกิจะกลับที่พัก..ได้หันไปหาคนงานอย่างเป็นกันเอง และยิ้มให้เล็กน้อย

 

“ฝากด้วยนะคะ…เหนื่อยหน่อยนะคะ..”

“ไปกันเถอะครับคุณยูกิ…สกปรกไปทั้งตัวแล้วนะครับเนี่ย”

 

ยูกิที่โดนหัวหน้าฝ่ายดูแลไร่ ลากตัวไปยังบ้านพักที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยเพื่อไปพักผ่อนและทำธุระส่วนตัว

..

“คุณคาชิวากินี่เค้าดีจริงๆเนอะไม่ถือเนื้อถือตัว…ว่าตัวเองมาจากสำนักงานใหญ่และก็มาช่วยเราตลอดเลยขนาดไม่ได้อยู่ฝ่ายผลิตนะเนี่ย..ไม่เหมือนคุณมัตสึอิ..อุ๊ป”

“อย่าพูดไปเดี๋ยวก็ได้ออกจากงานโดยไม่รู้ตัวหรอก..แกจำไม่ได้หรอ..ที่ไอ่คนตัวโตๆที่มันกล้าไปหือกับคุณมัตสึอิหน่ะ…เด้งแทบไม่ทันเลย”

อีกคนที่โดนมือปิดปากอย่างรวดเร็วทำได้แต่เพียงพยักหน้ารับอย่างเดียวก่อนที่จะขับรถไปยังท้ายไร่เพื่อจัดการเผาต้นส้มที่เป็นโรคทันที

..

….

 

Rrrrrrrrrrrrrrrr…Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr..

 

“ว่าไงทาคามินะ…”

“อยู่ไหนเนี่ยยูกิ…..ฉันโทรไปตั้งหลายรอบแล้วทำไมไม่รับสายหล่ะ”

“อ๋อ..พอดีมีเรื่องยุ่งๆนิดหน่อยหน่ะ…..”

“ไปช่วยงานที่ไร่อีกแล้วใช่ไหม…….”

“เอาหน่ะ…เค้ากำลังเดือนร้อนหน่ะ….”

 

ยูกิที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ และกำลังเช็ดผมของตัวเองกดรับสายของเพื่อนรักทันที เพราะกะว่าหลังจากอาบน้ำเสร็จก็จะโทรกลับหาทาคามินะ เพราะด้วยมิสคอลที่มากกว่าสิบสายของวันนี้ทั้งวัน คิดว่าทาคามินะต้องกำลังเป็นห่วงอยู่แน่ๆ          

     

“แล้วนี่พรุ่งนี้หยุดอย่าบอกนะ…ว่าจะไปทำงานที่ไร่อีกหน่ะ…”

“ก็ว่าจะดูเค้าลงแปลงส้มใหม่หน่อยหน่ะ….”

“ยูกิริน……………………………..”

 

เสียงของทาคามินะที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ซะจนยูกิต้องเอาโทรศัพท์ที่แนบหูออกมาห่างทันที เพื่อไม่ให้เส้นประสาทของหูต้องรับภาระหนักของน้ำเสียงที่กระแทกมาเต็มที่ของปลายสาย

 

“แกเป็นฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์นะไม่ใช่คนงาน….ทำงานให้มันตรงสายหน่อย….แล้วนี่ไอ่คุณมัตสึอิมันโทรไปให้แกทำงานพรุ่งนี้ใช่ไหม..หา…..”

“เปล่า…อย่าเข้าในผิดสิ…เอ่อ…ทาคามินะพรุ่งนี้เย็นมารับฉันหน่อยนะ…รถเสียหน่ะ..ว่าจะส่งซ่อมที่อู่แถวนี้น่ะ”

“เปลี่ยนเรื่องเลยนะ….ได้ๆพรุ่งนี้จะไปรับช่วงบ่ายๆละกันนะช่วงเช้าฉันมีธุระน่ะ”

“จ้า…..แล้วเจอกัน…บาย..”

 

ยูกิที่กดวางปลายสายก่อนจะจัดการผมที่ยังคงเปียกและเป่ามันให้แห้งและทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนทันที และปล่อยให้ร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวันได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

 

..

…..

.

 

แสงแดดยามเช้าที่ทอแสงลงมากระทบไปทั่วทั้งบริเวณห้องที่กว้างขวาง  เสียงนกที่ส่งเสียงร้องออกมาเป็นสัญญาเตือนให้ได้รู้ว่าเช้าวันใหม่ได้มาถึงแล้ว..

 

……….ก๊อก…ก๊อก……..ก๊อก……ก๊อก…

 

“คุณหนูค่ะ…ตื่นได้แล้วค่ะ…วันนี้ต้องไปไร่ไม่ใช่หรอค่ะ…คุณหนู”

เสียงของแม่บ้านที่กำลังเคาะประตูบานใหญ่ซึ่งเป็นห้องของคุณหนูหนึ่งเดียวประจำบ้านที่รักการนอนเป็นที่สุด

“อืม…….”

หญิงสาวที่อยู่ภายในผ้าห่มหน้า ยังคงส่งเสียงเหมือนขานรับว่าเธอทราบแล้วว่าต้องตื่นแต่ร่างกายมันไม่ยอมลุกไปตามที่สมองของเธอสั่งแต่อย่างไร แถมยังค่อยมุดหัวลงใต้หมอนเพื่อปิดกั้นเสียงที่ยังคงดังอยู่ที่หน้าห้อง และมันก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนอารมณ์ของคนขี้หงุดหงิดเริ่มเข้าครอบงำ มายูยุตัดสินใจตะหวัดผ้าห่มและลุกไปอย่างรวดเร็วและตรงไปยังประตู

..

….แกร๊ก…

“รู้แล้วเลิกเคาะได้ไหม…..เกรงใจกันบ้าง…”

แม่บ้านที่ค้างอยู่ในท่าของการเคาะประตูต้องเกือบหงายหลังไปทันทีเมื่อเจ้านายของเธอวีนแตกแต่เช้า นี่ขนาดวันแรกของการกลับมานอนที่บ้านนะเนี่ย….

….ปึ่ง…

..

……ปู๊ด….”อ่ะ..อ่ะ….อ่ะ….”

“คุณเป็นไงบ้างค่ะ…”

ชายหนุ่มร่างใหญ่ถึงกับสำลักกาแฟยามเช้าทันที่ได้ยินเสียงประตูปิด พร้อมๆกับหญิงสาวที่ดูท่าทางอ่อนโยน ตรงเข้ามาเช็ดคราบน้ำกาแฟที่หกเลอะบริเวณเสื้อ เล็กน้อย ก่อนที่ชายร่างใหญ่จะหันมายิ้มให้เล็กน้อย

 

“เราควรให้ลูกเริ่มเรียนรู้งานได้แล้วนะ…คุณเห็นด้วยกับผมไหม”

“แล้วคุณจะให้ลูกไปศึกษางานกับใครหล่ะค่ะ..เอาแต่ใจขนาดนั้นจะมีใครรับไหวหล่ะค่ะคุณ”

 

หญิงสาวที่เพิ่งทำความสะอาดเสื้อของสามีเสร็จเริ่มอดที่จะเป็นห่วงคนที่ต้องมาทำหน้าฝึกงานให้ลูกสาวจอมเอาแต่ใจ และเย่อหยิ่งคนนี้ เธอรู้นิสัยลูกสาวคนนี้ดี การที่มองคนแต่ลักษณะภายนอกนั้นเป็นลักษณะที่ยากจะแก้ไขกับมายูยุเสียจริงๆ ก่อนที่ฝ่ายผู้เป็นสามีจะหยิบรูปของคนที่เค้าไว้วางใจคนหนึ่งขึ้นมาหนึ่งใบและยื่นให้ภรรยาของเค้า

 

“ผมจะให้ลูกเราไปเรียนรู้งานจากคนๆนี้…เค้าทำงานเพื่อองค์กรของเราเค้าอายุไม่ห่างจากมายุเท่าไหร่ …แถมเรื่องการทุ่มเทผมยอมรับเลยว่าเค้าทุ่มเทเพื่อบริษัทของเราอย่างแท้จริง..และเค้าก็กำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าฝ่ายด้วย”

“คุณค่ะ…แน่ใจนะค่ะ..ว่าเค้าจะไม่เป็นไร…และเราจะไม่เสียบุคคลากรของเราไปโดยเปล่าประโยชน์น่ะค่ะ”

“ผมเชื่อว่าเค้าสามารถทำให้มายุลูกเรา…..เปลี่ยนเป็นอีกคนได้…คุณเชื่อผมสิ”

 

ฝั่งทางด้านภรรยาเมื่อมองเห็นใบหน้าสามีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจก็ไม่ได้นึกขัดอะไร ก่อนจะหันมาหยิบดูรูปอีกครั้ง…พรางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

////คงต้องพึ่งเด็กคนนี้แล้วสินะค่ะ….ฝากลูกสาวคนนี้ด้วยนะค่ะ/////

..

มายูยุที่ทำธุระส่วนตัวที่ค่อยข้างช้าทำให้ลงมาช้ามากจน พ่อและแม่ของเธอทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว มายูยุเลยไม่ขอทานอะไรดีกว่าจะได้รีบไปรีบกลับ เพราะว่าวันนี้เธอกับพ่อของเธอต้องไปที่ไร่เพื่อไปเปิดตัวลูกสาวท่านประธานให้ทุกคนได้รู้จักกัน ทั้งสองคนเดินทางมาถึงไร่ที่อยู่ชานเมืองในเวลาสายๆ แสงแดดที่ทอแสงเต็มที่แบบไม่กลัวว่าพื้นแผ่นดินจะลุกเป็นไฟเลย ชายวัยกลางคนร่างใหญ่ค่อยๆออกมาจากรถคันหรูที่มาจอดอยู่กลางไร่ ซึ่งเป็นเหมือนบ้านพักและที่ทำการของไร่แห่งนี้ ก่อนที่จะตามด้วยหญิงสาวที่สวมแว่นตากันแดด พร้อมด้วยหมวกใบใหญ่ เสื้อกล้ามสีขาวและกางยีนส์ขาสั้น เดินตามชายวัยกลางคนเข้าไปในบ้านอย่างไม่ห่างๆ

 

“สวัสดีครับท่าน…ทุกคนรอที่ศาลาริมน้ำแล้วหล่ะครับ”

“งั้นเราก็ไปกันเลยแล้วกัน…จะได้ไม่เสียเวลา..”

 

หัวหน้าฝ่ายดูแลไร่ออกมาต้อนรับเจ้าของกิจการ อย่างนอบน้อม ก่อนจะเชิญให้ยังศาลาริมน้ำซึ่งไม่ไกลจากบ้านพักมาก คนงานในไร่ทั้งหมดต่างรอคอยการมาถึงของลูกสาวท่านประธานเพราะได้ข่าวมาจากสำนักงานใหญ่ว่าเธอสวยจริงๆ…ทุกคนอยู่ในชุดที่ทางบริษัทซื้อให้คือเสื้อรูปส้มสีเขียว เสียงที่ดังแว่วมาแต่ไกลเพราะคนงานที่พูดคุยกันอย่างตื่นเต้นที่ศาลาริมน้ำ จนทำให้คนที่เป็นประธานยกยิ้มก่อนจะหันไปหาลูกสาวของตนอย่างภูมิใจ

 

“ได้ยินไหมมายุ…พวกเค้าตื่นเต้นจะตายที่มายุจะมาน่ะ”

“รีบเดินเถอะค่ะ…หนูร้อน…..”

 

มายูยุไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลยพรางเอามือจับปีกหมวกพร้อมกับปิดใบหน้าไว้กลัวว่าแสงแดดนั้นจะทำให้ผิวของเธอต้องเสียไป

..

..

 

“คุณยูกิครับ..ลูกสาวท่านประธานมาแล้วไปต้อนรับหน่อยไหมครับ”

 

ยูกิที่แต่งตัวเอาผ้าพันหัวให้เหลือเห็นเพียงดวงตากลมโตเท่านั้นวันนี้ยูกิต้องใส่คอนแทคเลนส์เพราะว่าแว่นตาของเธอเมื่อวาลมันเปื้อนดินและเป็นรอยมัวจนใส่ไม่ได้.. คนงานที่เข้ามาช่วยในการลงแปลงส้มใหม่บอกกล่าวยูกิเพราะตนเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าลูกสาวท่านประธานจะสวยขนาดไหน

 

“เอ่อ..พี่ไปต้อนรับคุณหนูก่อนเลยค่ะ..เดี๋ยวฉันขอดูตรงนี้อีกแปป…เดี๋ยวตามไปนะคะ” 

 

ยูกิที่ยังคงง่วนอยู่กับงานตรงหน้า แม้ว่าตอนนี้คนงานทุกคนจะไปรวมตัวกันที่ศาลากันหมดแล้ว แต่ก็ยังกลัวว่าต้นส้มที่เอาออกจากถุงเพาะมันจะตายเอาเพราะแสงแดดที่ร้อนจัด จึงบอกให้คนงานที่เหลือเพียงคนเดียวให้ไปก่อนเลย หลังจากกลบดินต้นส้มเสร็จเค้าจะตามไปทีหลัง …

คนงานพยักหน้ารับและวางต้นส้มลงในหลุมที่ขุดเตรียมไว้แล้ว ก่อนจะเดินดิ่งไปยังศาลาริมน้ำที่ท่านประธานใกล้จะเดินไปถึงแล้ว

..

..

“เอาหล่ะทุกคน…มากันพร้อมแล้วนะครับ…ก่อนอื่นเราขอเสียงปรบมือต้อนรับท่านประธานและลูกสาวของท่านครับ”

เสียงปรบดังพร้อมๆกับเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ ก่อนที่ทุกคนจะเงียบกริบเมื่อเห็นหญิงสาวร่างบาง รูปร่างดี ผิวขาวเนียนเดินขึ้นมาด้านหน้าพร้อมกับท่านประธานที่พวกเค้าคุ้นหน้ากันดี ทุกสายตาต่างจ้องมองมายูยุเป็นสายตาเดียวกัน อึ้งไปกับความสวยและรูปร่างที่แสนจะดูดี แต่ใครจะรู้สายตาของมายูยุที่อยู่ภายใต้แว่นกันแดดนั้นมองพวกเค้าอย่างไร

 

 

////มองอะไรกันนักหน๋า…..ตัวเหม็นกันทุกคนเลย.ยี้…//////

 

สายตาที่มองอย่างเย่อหยิ่ง…มองไปรอบบริเวณ ก่อนที่เจ้าตัวจะรู้สึกตัวและพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทาย ซึ่งทำให้คนงานทุกคนก้มหัวให้ทั้งหมด พร้อมๆกับเสียงที่ค่อยๆดังออกมาเกี่ยวกับการวิจารณ์คนตรงหน้า  มีแต่เรื่องการชมว่าเธอสวย หรือไม่ก็ผิวดีทั้งนั้น

 

“เอาหล่ะนะครับเงียบๆกันหน่อยนะครับ…..ตอนนี้ทุกคนคงได้เห็นลูกสาวท่านประธานกันแล้วนะครับ…เธอชื่อคุณหนูวาตานาเบะ มายุ..อีกไม่นานก็จะมาเป็นเจ้าของที่นี่นะครับ”

 

หัวหน้าฝ่ายดูแลไร่กล่าวไปเรื่อยๆและเชิญให้ท่านประธานกล่าวถามไถ่ความเป็นอยู่และการงานของคนในไร่ ซึ่งก่อนจะพูดเพียงเล็กน้อยมายูยุกระซิบไปที่ข้างหูพ่อของเธอ ด้วยใบหน้าทีเริ่มบอกได้เลยว่าหมดความอดทนแล้ว เพราะว่าตอนนี้เธอเริ่มที่จะทนกลิ่นกายของคนงานไม่ไหวแล้ว

 

“พ่อคะ..มายุขอไปรอที่รถนะค่ะ…..รีบๆพูดนะคะ…มายุหิวข้าวแล้ว”

“จร้า……ไปรอที่รถเองได้ใช่ไหม…เดี๋ยวพ่อคุยแปปนึงเดี๋ยวตามไปจ่ะ”

“ค่ะ…ไวๆนะคะ”

 

มายูยุเอ่ยให้คนเป็นพ่อทราบก่อนจะขยับแว่นเล็กน้อยจะพร้อมๆชักสีหน้าที่เริ่มหมดความอดทนเล็กน้อยและเดินออกจากศาลาริมน้ำและเดินตรงดิ่งลับไปยังรถที่จอดไม่ไกลจากจุดนี้มากนักแต่ด้วยอากาศที่ร้อนทำให้เธอเริ่มที่จะกระหายน้ำขึ้นมาเล็กน้อย ร่างบางตรงไปยังรถของเธอแต่ก็เหลือบไปเห็นคนงานที่กำลังกลบดินเพื่อปลูกต้นส้มระหว่างทางเดินกลับ ก่อนที่มายูยุจะนึกขึ้นได้ว่ากินส้มแทนน้ำก็ได้

 

 

“นี่…เธอหน่ะ…เด็ดส้มให้ฉันผลหนึ่งสิ..”

 

คนงานยังคงกลบดินไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่า นายหญิงคนใหม่ของไร่กำลังสั่งให้เค้าเด็ดผลส้มให้เธอทาน ซึ่งมันทำให้มายูยุที่ตอนนี้ทั้งร้อนแล

ะหงุดหงิดกับกลิ่นเหงื่อเต็มทนแล้วระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างรวดเร็ว

 

“นี่ฉันเรียกไม่ได้ยินหรือไง…..บอกว่าเด็ดส้มให้ฉันผลหนึ่งน่ะ….นี่”

 

…..ปึก…….

 

“โอ้ย….อะไรของคุณเนี่ย….”

 

ยูกิค่อยๆหันมาพร้อมกับเอามือจับที่ท้ายทอยเพื่อแสดงอาการเจ็บปวดให้คนที่เพิ่งเขวี้ยงก้อนหินไปโดนใส่ศีรษะของเค้าเมื่อครู่ แต่ก็ต้องตาค้างทันทีเมื่อหันมามอง ยูกิหยุดคำพูดของตัวเองกลืนลงคอไปทันที มายูยุที่เขวี้ยงก้อนหินไปโดนใส่หัวของยูกิไม่ได้ทำหน้าตารู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยแต่กลับตะหวาดยูกิอีกครั้ง

 

“นี่…ฉันเรียกเธอตั้งหลายครั้ง…ทำไมไม่ทำตามที่ฉันสั่ง…หา”

 

ยูกิได้แต่ทำหน้าเว๋อทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของมายูยุออกมาแต่ละคำ มันไม่มีเลยคำว่า ขอโทษน่ะ….

 

/////ผู้หญิงบ้าอะไรสวยแต่ดัน..ปากร้ายจริง//////

 

“เอ่อ…ขอโทษ…ค่ะ….แล้ว..คุณจะให้ฉันทำอะไรหรอคะ..”

 

ด้วยความไม่อยากมีเรื่อง ยูกิจึงเป็นฝ่ายขอโทษและสอบถามว่ามายูยุต้องการอะไรจากเค้า…จนต้องโมโหถึงขั้นลงไม้ลงมือขนาดนี้

 

“เด็ดส้มให้ฉันผลหนึ่ง…เร็วๆ..”

“ค่ะ..ค่ะ…….แต่มันเปรี้ยวหน่อยนะคะ”

“เอามาเถอะหน่าฉันจะกิน…..”

 

ยูกิตรงไปยังต้นส้มที่อยู่ใกล้ ซึ่งมองไปยังรอบๆก็พบผลส้มที่พอจะสุกที่สุดเท่าที่หาทานได้แล้ว ซึ่งตอนนี้ส้มกำลังออกผลก็จริงแต่ยังไม่ใช่ช่วงที่มันหวานที่สุด อาจจะต้องเปรี้ยวเล็กน้อย ยูกิเด็ดผลส้มมาทั้งที่ยังคงใส่ถุงมืออยู่และยื่นมันให้มายูยุทันที ซึ่งด้วยลักษณะนิสัยแล้วแน่นอน มายูยุทำหน้า ขยะแขยง ทันที พร้อมกับเอามือปิดจมูกของตัวเอง

 

“เธอจะให้ฉันกินส้มเปื้อนดินอย่างนี้เนี่ยนะ..มือก็สกปรก…อี้”

 

ยูกิที่ตกใจเล็กน้อยก่อนจะถอดถุงมือพรางคว้าผลส้มไปเช็ดกับเสื้อที่ใส่อยู่เพื่อเอาคราบดินออกไปให้หมด และยื่นมันกลับคืนไปให้มายูยุ แต่เธอกลับบอกให้ยูกิถอยออกไปห่างๆเพราะว่าเธอรับกลิ่นเหงื่อของยูกิไม่ได้…และบอกให้โยนมันไปให้เธอไม่ต้องยื่นมือออกไปรับ แต่ยูกิก็ไม่ได้ถอยออกไปมากมาย ทั้งสองห่างกันแต่ยื่นส่งให้ได้แต่ยูกิก็เลือกที่จะโยนผลส้มให้ตามคำสั่ง

 

…….หมับ……   “ว้าย….”

“นี่แกจะฆ่าฉันหรือไง…โยนมาได้ยังไง”

 

ยูกิก็ต้องทำหน้า งง อีกครั้งกับการกระทำของมายูยุเมื่อเธอเป็นคนบอกให้โยน..ซึ่งยูกิก็ทำตาม แต่ไง๋มาว่าเธอโยนไปได้ยังไง ดวงตากลมโตที่เล็ดลอดออกมาจากผ้าโผกหัวที่ปิดใบหน้าทั้งหมดมองคนตรงหน้าด้วยความมึน งง ทันที อารมณ์ของมายูยุเปลี่ยนไปสนใจส้มทันทีหลังจากที่ได้ต่อว่ายูกิเมื่อครู่….มายูยุจะหยิบผ้าเช็ดหน้าส่วนตัวของตัวเองขึ้นมาเช็ดผลส้ม และจัดการปลอกเปลือกส้มทันที พร้อมกับจัดการให้มันไปอยู่ในปาก

 

….อ่ำ……ปู๊ด…………

 

เสียงของน้ำที่เพิ่งพ่นออกมาจากเรียวปากบาง…รดรินไปเต็มใบหน้าของคนที่อยู่ไม่ไกลจากเธอทันที พร้อมๆกับเสียงที่บ่นที่ต้องทำให้ยูกิต้องอึ้งไปอีกครั้งซึ่งนี่เป็นครั้งที่สามของรอบวัน

 

“เปรี้ยว…….อี้……ส้มอะไรเนี่ยเปรี้ยวจี๊ดเลย….แกหลอกฉันหรอ….เด็ดส้มอะไรเนี่ย…มันกินได้ที่ไหนหา….ไอ่สกปรก…แกสมควรแล้วที่ต้องเป็นคนงานอย่างนี้…ยี้…ฉันจะฟ้องคุณพ่อ…อี้….เปรี้ยวแหวะ…”

 

ยูกิได้แต่อ้าปากค้างไม่ได้ตอบโต้อะไร พรางค่อยๆเอามือมาปาดหน้าตัวเอง แต่เพียงแค่เสี้ยวนาที

 

……ตึก….

 

ผลส้มก็ลอยละลิ่วมาโดนยังใบหน้าของยูกิทันที ใบหน้าที่เพิ่งถูกเช็ดไปตอนนี้กลับเต็มไปด้วยน้ำของผลส้ม..แล้วตอนนี้ก็เพิ่มเนื้อส้มเข้าไปอีก ก่อนที่คุณหนูวาตานาเบะจะโวยวายและเขวี้ยงอย่างอื่นไปหายูกิ ชายร่างใหญ่ซึ่งเป็นพ่อของมายูยุก็เดินมาพอดีพร้อมกับหัวหน้าฝ่ายดูแลไร่ พรางวิ่งเข้ามาห้ามมือที่กำลังง้างเพื่อปาหินไปยังยูกิทันที

 

“มายุ..จะทำอะไรน่ะลูก….”

“หนูจะปาใส่มัน…มันแกล้งหนู…เอาส้มเปรี้ยวมาให้หนูกิน”

“ไม่เอาหน่ะลูก….อย่าไปทำเค้าสิ….ป่ะเราไปที่รถกันได้แล้ว”

“แต่พ่อคะ…มันแกล้งหนูนะคะ….”

“มายุ…ไม่งั้นพ่อจะไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้นะ….”

“พ่อ……”

 

มายูยุเขวี้ยงหินลงพื้นพร้อมกับมองหน้าคนเป็นพ่อแปปนึง และเดินไปจากจุดเกิดเหตุทันที ก่อนที่ชายร่างใหญ่ที่มองตามหลังลูกรักไปและหันกลับมามองยังคนที่กำลังเช็ดหน้าเช็ดตาอีกครั้ง…

 

“เอ่อ…ขอโทษด้วยนะ…พอดีลูกผมเค้าคงร้อนหน่ะ…ว่าแต่ว่าวันนี้วันหยุดไม่ใช่หรอ.ทำไมมาอยู่ที่ไร่ได้ล่ะ.คุณคาชิวากิ..”

“สวัสดีค่ะท่านประธานขอโทษด้วยนะค่ะที่ไม่ได้ไปต้อนรับ..พอดีมาดูต้นส้มที่เพิ่งลงแปลงใหม่น่ะค่ะ….กะว่าจะหาไอเดียไปออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ซะหน่อย”

“ขยันจริงๆเลยนะ….เอาหล่ะ…ยังไงก็อย่าหักโหมมากนะ..เดี๋ยวจะไม่สบายเอา…เพราะคุณต้องรับงานใหญ่จากผมในวันพรุ่งนี้นะคุณคาชิวากิ..”

“งานอะไรหรอคะ…”

“ไว้พรุ่งนี้คุณก็รู้…แล้วพบกันที่บริษัทนะครับ”

“ลาก่อนค่ะ”

 

ยูกิก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนจะ เงยหน้ามามองหลังของคนที่เพิ่งทิ้งประโยคให้ ต้องสงสัยไว้ ก่อนที่มือเรียวจะเอื้อมไปจับท้ายทอยเพราะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย

 

“โห….ปูดเลยนะเนี่ย…เล่นแรงกันจริงๆ….สวยก็จริงแต่ชอบวีนสุดๆเลยนะเนี่ย…เหอะๆ..อย่าได้เจอกันอีกเลย..ผู้หญิงอะไร…หยิ่งจริงๆ”

……

เอิ่ม คุณวาตานาเบะค่ะ *- – อะไรจะขี้วีนขนาดนั้น จะว่าวีนหรือเกรียนดี อิฉันไม่ใช่พี่กร ก็งงนะคะ
อิพี่กรก็ใจดีเกินไปหละ แล้วต้องไปดูแลคุณหนูนั้นใช่ไหมคะ สู้ๆนะคะ ^^

ปล.มีชื่อแทยอนโผล่มาหน่อยนะคะ

กิรินเป็นคนดีเกินไปนะ…มายุนี่ก็เหวี่ยงเกิน 

แล้วไหนจะเจ้าจูที่ดูยังไง๊ยังไงก็ตัวร้ายเต็มขั้น 55555555

พี่รินยอมคนมากไปรึเปล่าคะ คนดีจริงๆorz
เป็นเราเจอย้วยทำงี้นี่ไม่ทนแล้วนะ555
ย้วยก็หงุดหงิดขี้วีนมากกกก เหนื่อยใจแทนพี่ริน

เป็นคนดีมาก…ยังกะพระเจ้า…แต่ก็สนุกดีนะ!!!

แทยอน….

คุณหนูร้ายจริงๆ ยูกิงานเข้าเลย

แทยอนแอบโทรมาหายูกิด้วยแหละค่ะ

ยูกิชีวิตน่าสงสารจัง แต่ก็คนดีเกิ้นนนน