{Fiction} cage | [JURINA,RENA] – 01
Cage
00 : แตกร้าวครั้งที่หนึ่ง
01 : แตกร้าวครั้งที่สอง
02 :
03 :
04 :
05 :
-00-
อย่าทำให้มันแตกร้าวไปมากกว่านี้เลย
ความสัมพันธ์ของเราสองคน
แวมไพร์อย่างพวกเราถูกแบ่งออกเป็นสองเหล่าคือ แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ที่เกิดจากพ่อและแม่ที่เป็นแวมไพร์ทั้งคู่
กับแวมไพร์เลือดผสมที่เกิดจากใครคนหนึ่งเป็นแวมไพร์และอีกคนหนึ่งเป็นมนุษย์ และแวมไพร์เลือดผสมคือข้อผิดพลาด
ไม่มีใครเชิดชู ไม่มีใครสนใจ บรรดาศักดิ์ต้อยต่ำที่สุด พวกเขาไม่ได้รับความสนใจ ถูกปล่อยทิ้งขว้างเสมือนไม่มีตัวตน
เพียงเพราะมีสายเลือดของมนุษย์อยู่ครึ่งหนึ่ง มนุษย์ชนเผ่าที่มีประวัติทำร้ายแวมไพร์มาเนิ่นนานนับหลายร้อยปี
“คาบต่อไปเรียนรวมกับพวกเลือดบริสุทธิ์” น้ำเสียงของแวมไพร์ตนอื่นในห้องพูดขึ้นมาเสียงอ่อน
ใบหน้าสลดลง คนอื่นๆก็ได้แต่ถอนหายใจเงียบไม่มีใครกล้าพูดอะไร
อย่างที่รู้กันว่าแสมไพร์เลือดผสมอย่างพวกเราบรรดาศักดิ์ต้อยต่ำที่สุด
เพราะฉะนั้นจึงมีการทำร้ายร่างกายหรือกลั่นแกล้งกันบ่อยๆจากพวกเลือดบริสุทธิ์ ที่เห็นพวกเราเป็นของเล่นหรือทาสอะไรแบบนั้น
“แต่…พวกเรามีจูรินะทั้งคนนี่นา” ใครคนหนึ่งพูดขึ้น เรียกสายตาของคนอื่นๆให้มองไปยังเจ้าของร่างที่นั่งฟังเพลงอยู่หลังห้อง
จูรินะสบตากลับอยู่นาน ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไป “เรื่องของตัวเองก็จัดการเองสิ”
พูดจบก็ปิดประตูดังปัง ทำเอาความมั่นใจของคนอื่นๆลดลงฮวบ หน้าซีดด้วยความหวาดกลัว
คาบพละกำลังเป็นคาบเรียนรวมกับพวกเลือดบริสุทธิ์ เป็นการประลองกันสองทั้งสองฝั่งเพื่อเสริมความแข็งแกร่งและพละกำลังให้มากขึ้น
ส่วนมากพวกเลือดผสมอย่างพวกเราก็จะโดนพวกเลือดบริสุทธิ์อัดซะน่วมกลับมา ถึงแม้จะเป็นแวมไพร์มีพละกำลังมากกว่ามนุษย์หลายร้อยเท่า
แต่ถ้าให้เทียบแวมไพร์ด้วยกันเอง ระหว่างเลือดบริสุทธิ์ที่มาจากพ่อแม่แวมไพร์ทั้งสองคนแล้ว ยังไงเลือดบริสุทธิ์ก็มีพละกำลังมากกว่าอยู่ดี
พอถึงคาบเหล่านักเรียนกลุ่มแวมไพร์เลือดผสมก็ค่อยๆเดินออกจากห้องไปสนามประลองกันอย่างเบื่อหน่ายหน้าตาย
ผิดกับนักเรียนกลุ่มแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม บรรยากาศครายเครียด
โรงเรียนของพวกเราแบ่งออกเป็นของฝั่ง ฝั่งตะวันตกคือของแวมไพร์เลือดผสมอาหารตึกเรียนเก่าจนเรียกได้ว่าโทรม
ส่วนทางฝั่งตะวันออกคือแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ทุกอย่างก้าวสมัยจนเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ ความยุติธรรมไม่เคยมีสำหรับเลือดผสมอย่างพวกเรา มันเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วล่ะ
“มากันครบแล้วนะทั้งสองฝั่ง” อาจารย์ประจำวิชาพูดเสียงเข้ม กรอกสายตามองทั้งสองฝั่ง แล้วต้องหรี่ตามอง
ก่อนจะเขียนรายชื่อของใครบางคนขาดเรียน“มัตสึอิ จูรินะ ขาด” เสียงฮือฮาจากฝั่งเลือดบริสุทธิ์ทำเอาพวกแวมไพร์เลือดผสมนั่งหงอย ถ้าไม่มีจูรินะก็เท่ากับจบเห่ทั้งหมด
ร่างบางของใครบางคนนั่งนิ่งไม่ขยับ แววตานิ่งสงบเหมือนลำธาร ลมหายใจหนาวเย็นยะเยือก เส้นผมสีดำยาวกลางหลัง สีผิวขาวซีด
ไม่มีใครในโรงเรียนที่ไม่รู้จัก อันดับหนึ่งในการแข่งขันการประลองของฝั่งเลือดบริสุทธิ์ มัตสึอิ เรนะ
“เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยเพื่อไม่ให้เสียเวลา ใครอยากจะออกเป็นคู่แรกบ้าง”
ฝั่งเลือดบริสุทธิ์รีบยกมือและเด้งตัวขึ้นท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อนๆ ส่วนทางฝั่งเลือดผสมได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตาหงอยกัน
“อะไรวะ ไม่มีใครกล้าเลยหรือไง อ้อ- ลืมไปหัวโจกไม่อยู่นี่หว่าเลยไม่มีใครกล้า”
คนอื่นหัวเราะกันเสียงดังระงม ฝ่ายเลือดผสมได้แต่กำมือแน่น นึกโกรธแค้นอยู่ในใจ “สุภาพหน่อยซาซากิ” อาจารย์ตักเตือน
“งั้นฉันให้รุมทั้งหมดนี่เลย กล้าหรือยังล่ะ”
ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงเย้อหยัน แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าลุกออกไปอยู่ดี
“ฉะ…ฉันเองค่ะ…”
ผู้หญิงร่างบางคนหนึ่งยกมือขึ้นแบบกล้าๆกลัวๆ ชายหนุ่มยิ้มอย่างสนใจ ดูร่างกายบอบบางแบบนี้ แค่วิเดียวก็ชนะได้สบายอยู่แล้ว
“โอเค เตรียมตัวเข้าสนาม”
ทั้งสองคนเดินขึ้นไปบนสนามประลอง ซึ่งมีบาเรียกั้นไม่ให้พลังของทั้งสองคนออกมาทำร้ายคนอื่นได้
ทั้งสองคนเริ่มเตรียมตัวเข้าสู่การเริ่มต้น เตรียมรอสัญญาณจากอาจารย์
ธงสีแดงและสีน้ำเงินถูกชูขึ้นทั้งคู่ สมาธิเป็นสิ่งเดียวในการเริ่มเกมส์
พรึ่บ!
“เฮ้ย-” ยังไม่ทันได้ตั้งตัว สายลมก็หมุนเข้าปะทะร่างจนกระเด็นออกไปไกลสนามประลอง ฝั่งแวมไพร์เลือดผสมจ้องมองบนสนามอย่างลุ้นระทึก
ชายหนุ่มยันร่างของตัวเองขึ้นมาอย่างหน้าเสีย “ก็แค่เล่นทีเผลอแหละน่า” ชายหนุ่มมองร่างของหญิงสาวตรงหน้าจับตาดูการเคลื่อนไหว ในมือมาพายุลมเล็กๆ
ผู้หญิงคนนี้ธาตุลม รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้น
อย่างนี้ก็ค่อยน่าสนุกด้วยหน่อย…
ชายหนุ่มทุบสนามประลองทีหนึ่ง เรียกสายฝนให้ตกกระหน่ำภายในสนาม หญิงสาวใช้ลมหมุนรอบตัวเองป้องกันเม็ดฝนกรด
ก่อนที่ชายหนุ่มจะใช้สายฝนพลางตัววิ่งเข้ามาใกล้ตัวหญิงสาวและใช้สายฝนบนมืออัดเข้ากลางท้องน้อยของหญิงสาวเต็มแรงจนร่างของหญิงสาวกระเด็นออกไปไกล
เสื้อผ้ามีรอยไหม้จากกรด อาจารย์นับหนึ่งถึงสามร่างของหญิงสาวยังไม่ขยับจนเป็นอันตัดสินว่าฝ่ายเลือดบริสุทธิ์ชนะไป บาเรียถึงถูกเปิดออกพร้อมเสียงโห่ร้องยินดีของฝั่งตน
แต่วินาทีต่อมาชายหนุ่มถึงได้เบิกตาโต ขยับร่างกายไม่ได้ พอก้มลงมองที่ฝ่าเท้าของตัวเองก็เห็นพายุหมุนลูกเล็กสองลูกรั้งฝ่าเท้าไว้อยู่
หญิงสาวที่นอนหน้าแนบสนามประลองยิ้มน้อยๆ ยกมือขึ้นแล้วกำพายุลูกเล็กทั้งสองให้ลมพายุกระจายออก พร้อมกับที่ฝ่าเท้าของชายหนุ่มขาดวิ่น
ทุกคนเงียบสนิท จนอาจารย์ต้องเปลี่ยนการตัดสินเป็น ฝั่งเลือดผสมชนะ ทุกคนถึงเฮกันเสียงดังลั่น จู่ๆสนามประลองก็กลายเป็นอากาศร้อนจัดจนรู้สึกได้
เปลวไฟปรากฏขึ้นข้างๆร่างของหญิงสาว มัตสึอิ จูรินะ ยกยิ้มพอใจกับการประลองเมื่อครู่ และปล่อยให้เหล่าแวมไพร์พยาบาลนำร่างทั้งสองไปรักษา
“จูรินะเข้าเรียนสายบ่อยเกินไปแล้วนะ!” อาจารย์เอ่ยเสียงดุ แต่จูรินะไม่ได้สนใจคำดุเท่าไหร่
“คู่ต่อไปจะเป็นใครดีนะ” ทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วดีดนิ้วคิดออก สร้างเปลวไฟขึ้นมาเป็นมีดแล้วปาไปยังร่างบางของใครคนนั้นอย่างรวดเร็ว
แต่อีกฝ่ายก็สร้างเกราะน้ำแข็งขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนที่มีดเปลวไฟจะเข้ามาปักที่ร่างของตน ทำให้มีดเปลวไฟปักโดนเกราะน้ำแข็งเด้งออก ไร้ผล
บรรยากาศในตอนนี้แทบไม่มีใครกล้าหายใจ อีกคนหนึ่งก็ธาตุไฟอันดับหนึ่งในการแข่งขันประลองฝั่งเลือดผสม
อีกคนหนึ่งก็ธาตุน้ำแข็งอันดับหนึ่งในการแข่งขันประลองฝั่งเลือดบริสุทธิ์ ทั้งสองกำลังจะประลองกัน
คู่พี่น้องมัตสึอิ
__________________________________________
เย้- ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ~
ไม่ค่อยเจอแนวนี้นานแล้วนะเนี่ยมาต่อไวๆนะไรท์ซังอยากอ่านใจจะขาดแล้ว
ว้าว น่าติดตามมากๆค่ะ
เหมือนกำลังดูอนิเมะอยู่เลยครับ ชอบๆ
น่าสนุก รอฮะ!
รอค่า!!!
เรนะยังไม่ได้พูดสักคำก็โดนท้าประลองซะแล้ว
รอค่ะ!!!
-01-
ความเกลียดชัง
ยิ่งเป็นการจุดเปลวเพลิงในใจให้ร้อนรุ่ม
“ทำไมต้องเอาเด็กคนนี้มาอยู่บ้านเราด้วยคะพ่อ!” เรนะขึ้นเสียงใส่อย่างทนไม่ได้ นี่หรือของขวัญที่พ่อบอกว่าวิเศษนักวิเศษหนา
วิเศษบ้าบออะไรกัน อยู่ดีๆก็รับเด็กที่ไหนก็ไม่รู้เข้าบ้าน และที่สำคัญสีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั่นอีก เด็กคนนั้นเป็นพวกเลือดผสม! จะยิ่งคอยฉุดพาตระกูลของเราให้ต่ำต้อยลง
เป็นครั้งแรกที่เรนะร้องไห้ต่อหน้าทุกคนแบบนี้ จูรินะที่ยืนอยู่ข้างๆพ่อรีบเดินเข้ามายื่นผ้าเช็ดหน้าแสดงน้ำใจ แต่เรนะกลับปัดผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นออกอย่างไร้เยื่อใย
“อย่ามายุ่ง พวกต่ำ”
เพี๊ยะ!
เรนะหน้าหันไปตามแรงตบ สาวรับใช้ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ถึงกับเบิกตาโตยกมือปิดปาก ไม่อยากจะเชื่อสายตา
คุณผู้ชายที่รักคุณหนูเรนะนักหนาจะกล้ายกมือขึ้นตบหน้าหันแบบนี้ ไม่มีใครคาดถึง รวมถึงตัวเรนะเอง เรนะหันหน้ากลับมาทั้งน้ำตา แล้ววิ่งหนีขึ้นห้องไปด้วยหยาดน้ำตา
“จูรินะไม่ต้องคิดมากหรอก เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง”
หลังจากนั้นเรนะก็มองด้วยสายตาเหยียดหยามมาตลอด
เราสองคนไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ เพียงแต่คุณพ่อของเรนะเป็นคนเก็บจูรินะมาเลี้ยง แต่ก็ยังให้นามสกุลมัตสึอิตระกูลแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์เก่าแก่
เราสองคนแตกต่างกันในทุกๆเรื่อง เรนะธาตุน้ำแข็ง จูรินะธาตุไฟ เรนะเป็นคนอารมณ์เย็น ส่วนจูรินะเป็นพวกอารมณ์ร้อน และอะไรอีกหลายๆอย่างที่เราแตกต่างกัน
เสมือนเป็นสีขาวและสีดำ เราสองคนแทบไม่มีทางแตะต้องกันได้ด้วยความแตกต่าง
เรนะไม่ได้โต้ตอบคำยียวนเชิญชวนการประลองของจูรินะ แทบจะเมินเฉยเสียด้วยซ้ำ
“ใจร้ายจังพี่เรนะ” แล้วก็ได้ผล จูรินะยกยิ้ม เรนะเสกก้อนน้ำแข็งปลายแหลมนับสิบพุ่งตรงมาทางจูรินะ
แต่จูรินะก็ใช้มือรับมันไว้ทั้งหมดและใช้เปลวไฟอุณหภูมิสูงหลอมละลายจนหยดลงมาเป็นสายน้ำ
อ๊ะ- จูรินะรีบสะบัดมือออกเมื่อเห็นว่าน้ำแข็งที่ละลายเป็นน้ำนั้นเป็นน้ำกรดกัดมือ เรนะแปรธาตุได้ เกือบลืมไปแล้วเชียว
การกระทำของทั้งสองอยู่ในการดูแลของอาจารย์ กรณีการประลองของทั้งสองคน ได้รับคำสั่งมาอย่างเข้มงวดว่าห้ามให้เกิดขึ้นเด็ดขาด
เพราะกลัวว่ามันจะซ้ำรอยกับครั้งนั้น อาจารย์จึงรีบตัดบทและสอนเรื่องการบริหารกำลังภายในเพื่อเรียกความสนใจกลับคืนมา
จูรินะยกยิ้มและยอมนั่งลงแต่โดยดีเพียงแต่สายตายังคงจ้องมองไปยังร่างบางนั่น
ยิ่งเรนะแสดงท่าทีรังเกียจมากแค่ไหน ก็ยิ่งอยากแกล้งมากขึ้นเท่านั้น อยากเข้าไปวุ่นวาย อยากให้เรนะรู้สึกหงุดหงิดใจ
แต่ก็แทบไม่ได้ผลสักครั้ง เรนะยังคงใบหน้าเรียบเฉยเหมือนทุกครั้ง ใบหน้าไม่แสดงอาการหงุดหงิดหรือโมโหเลย และแทบไม่ได้หันมามองจูรินะเลยด้วยซ้ำ
ที่จูรินะพยายามแข็งแกร่งให้มากขึ้นจากอันดับท้ายๆก้าวมาสู่อันดับหนึ่งได้ก็เพราะเรนะ จูรินะต้องการให้เรนะเห็นว่าตนเองไม่ได้อ่อนแอมากพอที่จะทำให้ชื่อเสียงตระกูล
ของเรนะต้องต้อยต่ำลงและอีกอย่างอยากให้เรนะหันมาสนใจด้วย แต่เรนะก็ไม่สนใจมาตลอด เสมือนจูรินะไม่มีตัวตนบนโลกใบนี้
คนเราเกิดมามีแรงคลื่นแรงถี่กำลังภายในในร่างกายที่แตกต่างกัน จึงเกิดมาเป็นธาตุทั้งหลาย
“ครั้งแรกที่ฉันเห็นจูรินะ ฉันรู้สึกเหมือนเด็กคนนี้เกิดมาเพื่อเรนะ”
ถ้อยคำของพ่อเรนะยังดังก้องอยู่ในหัว และมันคงเป็นแบบนั้นจริงๆ จูรินะน่ะถวายทั้งตัวและหัวใจให้เรนะไปนานแล้ว
จูรินะนั่งมองเรนะจนจบคาบ อาจารย์ปล่อยให้แยกย้ายกลับไปเรียนในวิชาต่อไป ทันทีที่จะลุกขึ้นไปกวนเรนะต่อก็ถูกอาจารย์เรียกมาคุย
จูรินะถอนหายใจอย่างเซ็ง แต่ก็ยอมเดินมาหาแต่โดยดี แต่สายตากลับจ้องมองไปที่แผ่นหลังของร่างบางนั่นไม่ขาดสาย
“สนใจฉันหน่อย!” ต้องให้ขึ้นเสียงใส่ถึงจะหันหน้ากลับมาได้ อาจารย์ถอนหายใจและนั่งลงบนเก้าอี้
“จูรินะเธอก็รู้ว่าเธอสองคนถ้าประลองกันขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น ทำไมยังถึงไปท้าประลองเรนะแบบนั้นอีก
เธอควรจะเก็บอาการแบบที่เรนะทำบ้างนะ บ้าระห่ำแบบนี้ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาหรอก” โดนบ่นยาวจนหูแทบดับ ถึงกับต้องหันหน้าหนี
“ก็แค่อยากให้เรนะสนใจบ้าง…”
“อะไรนะ”
“เปล่าค่ะ ขอโทษนะคะ คราวหลังจะระวังตัวให้มากขึ้น”
“ครั้งที่แล้วก็พูดแบบนี้” และหลังจากนั้นก็โดนบ่นยาวรวมไปถึงการเข้าเรียนสาย โดดเรียน ก่อปัญหา ณ เวลานี้เอาอะไรมาอุดหูก็ไม่อยู่แล้วจริงๆ
ทั้งที่พึ่งจะโดนบ่นเรื่องโดดเรียนแต่คาบต่อมาก็ตัดสินใจโดดเรียนตามปกติ แล้วไอ้ที่ฟังบ่นๆมานี่ก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเรียบร้อย
จูรินะนอนบนต้นไม้ใหญ่ที่ติดกับเขตของฝั่งตะวันออกฝั่งเลือดบริสุทธิ์
เมื่อเห็นร่างของใครบางคนเดินออกมาคนเดียวก็รีบลุกขึ้นและสลายไฟกับอากาศ ร่างบางที่กำลังเดินอยู่เบิกตาโตเมื่อรู้สึกเหมือนมีมือของใครมาปิดปากไว้แน่นไม่ให้ร้อง
ยกมือขึ้นเรียกกระแสไฟฟ้าในตัวออกมาแล้วจับแขนของคนด้านหลังไว้แน่น
“มายุ…มายุ…ฉันเอง” จูรินะสะกดความเจ็บปวดจากการโดนไฟฟ้าช็อตไว้และเปล่งเสียงออกมาแสดงตัวตน ปล่อยมือที่ปิดปากออก วาตานาเบะ มายุ เบิกตาโตเมื่อเห็นว่าจูรินะนอนลงไปดิ้นๆอยู่กับพื้น
“ขอโทษนะก็อยากมาแบบนี้เอง ฉันก็นึกว่าจะโดนลักพาตัวซะอีก”
“พูดเลยว่าฉันเกลียดพวกใช้ธาตุไฟฟ้ามาก”
“เกลียดฉันด้วยเหรอ” มายุเลิกคิ้ว
“ก็…ยกเว้นเธอไว้คนนึงก็ได้”
“มีอะไรก็รีบๆพูดมาแล้วรีบๆกลับไป ถ้าใครมาเจอเข้าจะซวยกันทั้งสองคน และที่นี่มันฝั่งเลือดบริสุทธิ์นะ” จูรินะเบ้ปาก ไม่สนใจคำพูดของมายุยังดื้อรั้นที่จะคุยต่ออย่างสบายอารมณ์ ไม่สนใจความร้อนรนของคนตรงหน้า
“พี่เรนะเป็นยังไงบ้าง”
“จะให้ฉันบอกอีกกี่รอบว่าก็ปกติดี”
มายุเป็นเพื่อนสนิทของเรนะ ไม่รู้ว่าจะเรียนกว่าสนิทดีหรือเปล่าแต่ก็อยู่กับเรนะตลอดเวลาที่โรงเรียน จะไปไหนก็เดินตามอยู่ด้านหลังตลอดเวลา
จูรินะเห็นอย่างนั้นจึงตีสนิทเข้าหามายุ โชคดีที่มายุไม่ค่อยถือเรื่องบรรดาศักดิ์เท่าไหร่และไม่ถือเรื่องพวกเลือดผสม บอกว่าอยู่ร่วมโลกเหมือนกันก็ไม่เห็นเป็นไร ถึงได้สนิทกันได้ง่าย คุยกันได้ทุกเรื่อง
“ถามจริงอยู่กับพี่เรนะ ได้พูดอะไรกันบ้างเห็นวันๆเอาแต่ปิดปากสนิทอยู่ตลอดเวลา” มายุหัวเราะ
“หยาบคายจริง เธอนั่นแหละอยู่บ้านหลังเดียวกันทำไมไม่เข้าไปคุยด้วยล่ะ” ใบหน้าเหยเกของจูรินะเป็นคำตอบได้อย่างดี เรนะคงไม่คุยด้วยตามที่เคยมาบ่นให้ฟังบ่อยๆ
“ไม่ต้องให้คุย ขอแค่ให้มองหน้าฉันก็ดีใจแทบบ้าแล้ว” มายุรู้สึกสงสารจูรินะ แต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มาก เคยเอาชื่อของจูรินะไปพูดใส่เรนะ
จากที่เรนะพูดด้วยคำสั้นๆ กลับกลายเป็นไม่พูดด้วยเลยสักประโยค อยู่กันแบบใบ้ๆจนมายุต้องขอโทษและบอกว่าจะไม่พูดถึงอีก เรนะถึงกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“มายุ” น้ำเสียงเรียบเฉยของเรนะดังขึ้นจากที่ใกล้ มายุเบิกตาโตรีบชาร์ตไฟฟ้าและผลักร่างของจูรินะกระเด็นกลับไปฝั่งของเลือดผสมทันที
จูรินะนอนลงไปชักบนพื้นแถมยังตัวชาคนขยับไม่ได้อีกด้วย มายุรีบเดินไปหาเรนะตามต้นเสียง
“มีอะไรเหรอ” เรนะมองมายุตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วส่ายหน้า
“เห็นหายไปนาน”
“อ๋อ โทษทีพอดีคิดอะไรเรื่อยเปื่อยด้วยน่ะก็เลยช้า” เรนะเลิกคิ้ว
“ฉันได้กลิ่นไหม้ๆเธอใช้พลังเหรอ” มายุนิ่งค้าง กลิ่นไหม้ไม่ได้มาจากมายุ แต่มาจากใครบางคนของอีกฝั่งต่างหาก
“อย่าสนใจเลยไปเรียนกันเถอะ เดี๋ยวเข้าสายเนอะ”
จูรินะที่อยู่อีกฝั่งค่อยๆยันตัวเองให้ลุกขึ้น ใช้สองมือทุบๆทั่วร่างกายเพื่อไม่ให้ด้านชา พูดตรงๆนะธาตุอื่นยังรู้สึกเฉยๆแต่กับธาตุไฟฟ้านี่ไม่ไหวจริงๆ
มายุนะมายุ ชาร์ตนิดเดียวก็ปลิวแล้ว นี่ชาร์ตซะเต็มพลัง ดีไม่ช็อตจนตาย ฮึ่ย
เวลาผ่านไปจนเลิกเรียนเรนะและจูรินะต้องกลับบ้านพร้อมกันโดยจะมีรถมารับ ช่วงเวลาที่นั่งอยู่ในรถตอนกลับนี่แหละ ที่จูรินะจะใช้โอกาสนี้เข้าหาเรนะ และครั้งนี้รับรองจะไม่พลาด
เมื่อถึงเวลาเรนะก็เดินออกมาขึ้นรถนั่งเบาะด้านหลังด้วยกัน แต่เว้นระยะห่างไว้เยอะมาก โดยที่เรนะนั่งติดกระจกฝั่งซ้าย จูรินะนั่งติดกระจกฝั่งขวา
ระยะห่างตรงกลางว่างจนนั่งได้อีกสามคน เรนะยังคงใบหน้าเรียบสนิทไม่พูดคุย จูรินะค่อยๆขยับตัวเข้าไปเรื่อยๆโดยแกล้งทำเป็นคุยกับคุณลุงคนขับรถ
“ทานอะไรหรือยังคะซาโตชิซัง” คุณลุงยิ้มให้หน่อยๆแล้วส่ายหน้า
“เสร็จจากส่งคุณหนูแล้วผมก็จะไปทานครับ” จูรินะพยักหน้าหงึกๆ ค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ๆ
เรนะที่นั่งอยู่หันหน้ามองทิวทัศน์ด้านนอก จูรินะใช้โอกาสนี้จะคว้ามือของเรนะเขามากุม แต่เกราะน้ำแข็งก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
มือของจูรินะสัมผัสกับเกราะน้ำแข็งโดยตรง ทั้งเจ็บทั้งคันแสบอีกต่างหากเพราะเป็นน้ำแข็งกรด ชักมือกลับแทบไม่ทัน
จูรินะขยับไปนั่งที่เดิมและไม่สนใจเรนะอีก เรนะจึงคลายเกราะน้ำแข็งออก
แวมไพร์มีหัวใจเหมือนมนุษย์ปกติมีความคิดความรู้สึกเหมือนมนุษย์เพียงแต่พวกเราแค่อมตะ ตอนนี้จูรินะเริ่มคิดว่าบางทีเรนะอาจจะไม่มีหัวใจ
ถึงได้เป็นคนด้านชาได้ขนาดนี้ บางครั้งที่แสดงความห่วงใยไปให้ นอกจากจะไม่สนใจแล้วยังทิ้งขว้างความห่วงใยนั้นอีก เก่งจริงเรื่องทำร้ายจิตใจ
แต่จริงๆแล้วภายใต้หน้ากากใบหน้าเย็นชานั่น จูรินะเชื่อว่าเรนะก็ยังมีความรู้สึกเพียงแต่เลือกที่จะเก็บมันไว้ลึกที่สุด
ถึงเวลาอาหารจูรินะก็รีบลงมา ทุกคนเป็นแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์กันหมดแม้แต่คนรับใช้ อาหารของพวกเขาส่วนใหญ่ก็คือเลือด
พวกเรามีกฎข้อสำคัญอยู่ข้อหนึ่งคือห้ามดื่มเลือดมนุษย์ ให้ดื่มแค่เลือดสัตว์เท่านั้น เลือดมนุษย์จะหอมหวานเป็นพิเศษ ทำให้ร่างกายติด
หากไม่ได้ดื่มบ่อยๆจะทำให้ขาดสติและอาละวาด มีปัญหาแบบนี้อยู่เรื่อยไป แต่เลือดสัตว์เท่าที่ถามคนอื่นๆมาก็บอกว่าไม่อร่อย เหมือนกับดื่มน้ำเปล่าที่ไม่รู้สึกอะไร ดื่มเพื่อประทังชีวิตก็เท่านั้น
พวกเลือดผสมอย่างพวกเรากินได้ทั้งสองอย่างคือเลือดและอาหารของมนุษย์ แต่จูรินะชอบที่จะกินอาหารของมนุษย์มากกว่าเพราะมีหลากหลายเมนู และอร่อยกว่าด้วย
จูรินะจึงต้องแยกออกมาทานอาหารคนเดียวในครัวไม่เหมือนคนอื่นๆที่ออกล่าสัตว์กันเองได้
แม่ครัวเสริฟอาหารให้เสร็จเรียบร้อยก็ทำท่าจะเดินกลับไปแต่จูรินะก็รั้งถามไว้ก่อน “เอ่อ…คุณป้าเห็นพี่เรนะไหมคะ”
“เห็นคุณหนูบอกว่าจะไปล่าหมาป่าค่ะ” เรียวคิ้วขมวดกันเป็นเลขแปด โดยปกติเลือดจะถูกแช่แข็งไว้ในตู้เย็นนี่นาเพราะเคยเปิดตู้เย็นครั้งหนึ่งก็มีแต่ถุงเลือดเต็มไปหมด
“ทำไมต้องออกไปล่าล่ะคะ ถุงเลือดก็ยังไม่หมดนี่นา” แม่ครัวยิ้ม “ถุงเลือดเปรียบเสมือนกับน้ำเปล่าธรรมดา แต่เลือดที่ได้จากการล่าสัตว์สดๆ เปรียบเหมือนกับไวน์ชั้นดีเลยนะคะ” พูดจบก็เดินออกไป
ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด…
โอ้ยยยย อิจูน่าสงสาร เรนะนี่ก็หยิ่งจริงจังเริ่มจะหมั่นไส้ละ เปลี่ยนเป็นจูมายุดีกว่าไหม? ถถถถ
โถๆ ทั้งรักทั้งถวายชีวิตเลย ตื๊อด้วย
แนะนำให้เล่นหลายๆมุกหลายๆรูปแบบค่ะน้องจู
จูรินะเหมือนเด็กผู้ชายวัยประถมเกรียนๆเลยค่ะ 55555555
เฮียใจอ่อนสักทีสงสารจู จูนายต้องสู้ต่อไปเราเชียร์อยู่
ถวายทั้งตัวทั้งหัวใจ เฮียก็ยังเย็นชา
นี่ไรท์เอาเรื่องจริงของจูมาแต่งรึเปล่าเนี่ย 5555
นี่แหละ คือความทาส ของเจ้าหมาน้อยจู
ป.ล.อยากให้จูมีอะไรที่พิเศษๆที่แวมไพร์ตัวอื่นๆไม่มีกันจังเลย
ดูท่าสนุก ขอมาปูเสื่อรอเรื่องนี้ต่อไปด้วยคนนะเออ