00
“จูรินะ ลูกจะนอนไปจนถึงพรุ่งนี้อีกทีเลยเหรอ”
“อื้อ…”
เสียงของแม่ดังขึ้นในเช้าวันจันทร์วันแรกของการเรียนหลังจากหยุดไป 2 วัน ทำไมวันหยุดมันไม่เยอะกว่านี้กันนะ อาทิตย์หนึ่งมี 7 วัน ก็วันหยุดซัก 4 เรียน 3 จูรินะเคยพูดเรื่องนี้กับเพื่อนตัวเอง แล้วก็โดนฝ่ามืองามๆ ตบเข้าฉาดหนึ่งแล้วก็ถูกบ่นประมาณว่า ‘ถ้าอยากได้แบบนั้นก็ไม่ต้องไปเรียน’ เขาจึงยอมแพ้ไปในที่สุด
“แหนะ ยังไม่ลุกอีก” เสียงของแม่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาจึงจำต้องกระโดดลงจากเตียงทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตื่นหรือยัง
“ตื่นแล้วๆ เห็นไหมนี่ ยืนอยู่นี่” และช่วงที่เขาลุกขึ้นแม่ก็เปิดประตูเข้ามาพอดีจึงต้องรีบบอกไปเพื่อไม่ให้โดนด่า
“ตื่นแล้วก็ลืมตาซะ ไปอาบน้ำอย่ามายืนหลับตรงนี้เกะกะ” แม่พูดพร้อมกับเดินไปเก็บที่นอนให้ เขาก็ทำได้แค่มองอย่างเซ็งๆ
ทำไมขี้บ่นแบบนี้นะ แม่ใครเนี่ย
“อรุณสวัสดิ์” จูรินะเอ่ยทักทายยามเช้าเป็นปกติของทุกวัน พ่อเขานั่งจิบกาแฟบนโต๊ะอย่างสบายอารมณ์โดยมีเจ้าหมาตัวเล็กสีขาวนอนอยู่บนตักอย่างสบาย หมาของเขาเป็นพันธุ์ปอมเมอเรเนียนตัวผู้เป็นหมาที่โคตรตัวเล็ก มันชื่อรัจจิ พ่อซื้อให้เขาเป็นของขวัญทั้งๆ ที่มันเป็นของเขาแต่พ่อกลับชอบเอามันไปไว้กับตัวตลอด
“อรุณสวัสดิ์” พ่อเอ่ยตอบเขาแต่ตาดันมองแต่เจ้ารัจจิ
โอ้ย หมั่นไส้
“พ่อ เจ้ารัจจิมันเป็นของหนูนะ ตกลงซื้อให้หนูหรือซื้อให้ตัวเอง”
“ซื้อให้ลูกไง”
“ก็เอามาสิ”
“จะเอามันไปเรียนด้วยหรือไง”
“ชิ แล้วนี่มีใครเห็นรองเท้าหนูไหมเนี่ยยิ่งแพงๆ อยู่ด้วย” เรื่องรัจจิเอาไว้ก่อนตอนนี้ต้องหารองเท้าเตะฟุตบอลก่อน แล้วมันหายไปไหนเนี่ย หวังว่าคงไม่เผลอไปวางทิ้งไว้ที่ไหนหรอกนะ
“จะรู้เหรอ นิสัยเก็บไม่เป็นที่เป็นทางน่ะเมื่อไหร่จะแก้” แม่บ่นอีกแล้ว
เขาทำเป็นไม่สนใจแล้วตั้งใจหารองเท้าต่อไปแต่จู่ๆ ก็นึกได้
“ชิบ….” ลืมไว้ที่โรงเรียน! โอ้ยยยตายหายไหมเนี่ย
คิดได้แค่นั้นก็ใส่รองเท้าผ้าใบติดเกียร์วิ่งทันที
ข้าวไม่กงไม่กินมันละรองเท้าสำคัญกว่าหายขึ้นมามีตายแน่นอน
“ไม่ทานข้าวหรือไง นี่!!”
มาถึงแล้วโรงเรียน เงียบเหงามากอาจเพราะมันยังเช้าเลยไม่มีใครมาหรือมาแล้วแต่อยู่บนห้องอันนี้ก็ไม่รู้นะ สิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้คือรองเท้า
นี่ลืมไว้ตรงไหนเนี่ยในโรงยิมก็ไม่มี ขอบสนามถ้าอยู่สนามเขาต้องตายแน่เพราะตอนนี้เขาไม่เจออะไรเลย โดนขโมยหรือหมาคาบไป
ในขณะที่กำลังกระวนกระวายอยู่นั้นสายตาก็มองไปเห็นหญิงสาวผิวขาวคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงใต้ร่มไม้ข้างสนามตรงม้าหินอ่อน ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาคือ ‘คนหรือผี’ แต่ผีที่ไหนจะออกมาตั้งแต่เช้าขนาดนี้
อย่านะเว้ยคนยิ่งกลัวๆ อยู่ด้วย
จูรินะอยากจะเดินเข้าไปถามเธอว่าพอจะเห็นรองเท้าเขาแถวๆ นี้บ้างไหมแต่ก็ไม่กล้า
แต่…เพื่อรองเท้าเอาวะ
จูรินะพยายามเดินเข้าไปหาเธอที่กำลังนั่งหันหลังให้เหลืออีกแค่ไม่กี่เมตรก็จะถึงแล้ว….
“เฮ้ยจู”
“หวา”
เสียงทักพร้อมกับน้ำหนักที่ถาโถมเข้ามาหาเขาทำให้เขาทั้งตกใจทั้งเสียหลักเกือบล้ม
“อะไรของแกเนี่ยมายุ ตกใจนะเนี่ย” จูรินะหันไปโวยวายให้เพื่อตัวแสบที่กำลังหัวเราะคิกคักพอเป็นพิธีแล้วหันกลับไปมองที่ที่ผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่
“เอ๊ะ…” เธอหายไปแล้ว
เขามองซ้ายมองขวาหันมองจนรอบๆ ก็ไม่ปรากฏเห็นวี่แววของเธอ จู่ๆ ก็ขนลุกขึ้นมาซะงั้น
“เป็นไรวะ”
“เมื่อกี้แกเห็นผู้หญิงที่นั่งตรงม้าหินอ่อนนั่นป่ะ” ถามเผื่อมันจะเห็นแต่กลับได้รับคำตอบกลับมาเป็นการส่ายหัว
ตกลงนั่นผีใช่ไหม?
“ทำไม?”
“ไม่มีไรหรอก ว่าแต่แกเห็นรองเท้าฉันบ้างป่ะ ที่บ้าน ที่โรงยิม ข้างสนามก็ไม่เห็นอ่ะ”
“นี่ไง” มายุเอ่ยพร้อมกับโชว์รองเท้าสตั๊ดสีเขียวอ่อนลายสีแสดยี่ห่อไนกี้ขึ้นมา
“แกเจอที่ไหนอ่ะ” จูรินะรีบคว้ามันมากอดไว้ทันที
“ข้างๆ กองขี้หมาตรงสนามอ่ะ”
“ห๊ะ” แทบจะโยนทิ้ง
“ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่น เห็นมันวางอยู่ข้างประตูฟุตบอลอ่ะเลยเก็บไว้” มายุหัวเราะจนตัวโยน ก่อนจะตอบ
“เกือบโยนลูกรักทิ้งแล้วไหมล่ะ แต่ขอบใจนะ”
“เออ หัดเก็บให้มันเป็นที่เป็นทางหน่อยหายมาไม่รับผิดชอบนะเว้ย” นั่นบ่นจนได้ บ่นเหมือนแม่ซะด้วย
“ค่ะ ท่านมายุ”
“รู้ข่าวป่ะ เห็นว่าจะมีครูใหม่มาวันนี้อ่ะ”
“หึ ไม่อ่ะ” เขาไม่ได้สนใจอะไรแบบนั้นหรอก สิ่งที่เขาสนคือกีฬา เรื่องครูมาใหม่หรืออะไรใครที่ไหนเขาไม่ค่อยจะสนใจหรอก
“แกเลิกวุ่นวายกะอิรองเท้าสุดแสบตาของแกก่อนได้ป่ะ อ๊ะ คนนั้นไง” ใครอะไรคนไหน แต่ว่าเมื่อกี้มายุบังอาจมาว่ารองเท้ามหาเทพของเขาได้ไงไม่เข้าใจจูเลย ชิ
“อะไร?”
“ครูใหม่ เป็นผู้หญิงซะด้วย” เห็นมายุมันงึมงำๆ อยู่ก็เลยมองด้วยซะหน่อย แต่ว่าเขากลับรู้สึกคุ้นๆ เหมือนจะเคยเห็นที่ไหน ผู้หญิงที่มายุบอกว่าเป็นครูใหม่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงตำแหน่งที่พวกจูรินะยืนอยู่แล้วเขาก็นึกได้พอดี
“ผี!!”
“หา?” มายุหันมาอุทานเบาๆ ส่วนผู้หญิงคนนั้นถึงกับหยุดยืนอยู่ต่อหน้าจูรินะ แถมจ้องหน้าเขาเขม็งอีกต่างหาก
“เธอว่าอะไรผีๆ มัตสึอิซัง” ครูมินามิชะโงกหน้าออกมาจากด้านหลังของเธอคนนั้นพลางถาม
“เอ่อ นี่ไงคะ” จูรินะตอบพลางชี้ไปที่ผู้หญิงคนนั้นอย่างเกร็งๆ
“ผี?” เธอเอ่ยทวนคำพูดจูรินะด้วยใบหน้าตกใจ “นี่ฉันหน้าโทรมขนาดนั้นเลยเหรอ?” แล้วเธอก็ยกมือขึ้นมาแตะๆ ที่ใบหน้าตัวเองพร้อมบ่นเบาๆ
“ผีเผอที่ไหน นี่คนจ้ะมัตสึอิซัง แต่ว่านะ พอดีเลยที่พวกเธอเดินมา ครูเขากำลังจะไปห้องเธอพอดีช่วยพาไปหน่อยละกันนะ” ครูมินามิมอบหมายงานให้เสร็จก็ย้ายร่างเล็กๆ นั่นหายไปทันที
เร็วชะมัด
“เอ่อ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่หนูเข้าใจผิดนึกว่า ครูเป็นผี แหะๆ” จูรินะเอ่ยขอโทษหญิงสาวพลางขำเบาๆ
หญิงสาวจึงเลิกกระวนกระวายกับใบหน้าตัวเองเพื่อมองจูรินะแล้วตอบ
“อ่อ ไม่เป็นไรจ้ะ ว่าแต่เราจะไปกันหรือยัง?” เธอเอ่ยด้วยท่าทางสดใสเหมือนวัยรุ่น
“งั้น…ไปกันค่ะ” แล้วจูรินะก็เดินนำไปอย่างรวดเร็วจนคนอีกสองคนต้องรีบเดินตาม
พอไปถึงห้องเรียนจูรินะกับมายุก็เดินเลยไปเข้าประตูหลัง ให้ครูคนใหม่เข้าประตูหน้าไป
“จู ทำไมแกต้องรีบเดินขนาดนั้นด้วยเนี่ย มีไรป่ะวะ?” มายุถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันรู้สึกกลัวว่ะ”
“กลัว? นี่แกกลัวครูคนนี้อ่ะนะ แกคิดว่าเขาเป็นผีจริงอ่ะ”
“ไม่ใช่เว้ย ฉันไม่คิดว่าเขาเป็นผีแต่ฉันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้”
“เอาล่ะค่ะนักเรียน วันนี้เป็นวันแรกของครูและครูก็เป็นที่ปรึกษาคนใหม่ของห้องพวกเธอ ครูชื่อคาชิวากิ ยูกิ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” เสียงของครูสาวที่ชื่อยูกิเอ่ยขึ้น จูรินะกับมายุจึงเลิกคุยกันแล้วมองไปที่เธอ
“ยินดีที่รู้จักค่า/ครับ” พอสิ้นเสียงเธอนักเรียนทั้งห้องก็ตอบอย่างแข็งขันแม้กระทั่งมายุ แต่จูรินะกลับนั่งเงียบกริบ
“วันนี้ครูจะสอบนะคะ”
“เอ๋” จูรินะอุทานออกมาเบาๆ
“วิชาภาษาอังกฤษ” ยูกิเอ่ย
นั่นไง ว่าแล้วเชียวมิน่ารู้สึกแปลกๆ ถึงพลังงานบางอย่าง เป็นครูภาษาอังกฤษนี่เอง
“ฉันเกลียดวิชาภาษาอังกฤษ” จูรินะขมวดคิ้วพลางบ่นเบาๆ แล้วหันไปหามายุที่ทำหน้าระรื่น “เฮ้ย มายุแกจะมีความสุขไปไหน นี่วันแรกนะเว้ยดันให้สอบซะงั้น”
“สอบๆ ไปเหอะน่าแกก็บ่นไป ก็แค่สอบก่อนเรียนเอง”
“ครูเก็บคะแนนตัวนี้ด้วยนะคะ ตั้งใจด้วยล่ะ” ยูกิว่าพลางเดินแจกข้อสอบไปเรื่อยๆ จนมาถึงจูรินะ พอเธอก้มลงมองเขาเขาก็เบือนหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์ ยูกิรู้แน่แท้เลยว่าเด็กคนนี้ไม่ชอบเธอแน่ๆ แต่เธอก็ไม่สนใจ
ทั้งๆ ที่เธอต่างหากที่ควรจะไม่ชอบเขา ที่เขาบังอาจมาว่าเธอเป็นผี ถึงจะขอโทษก็เถอะ แต่เป็นครูนี่นะก็เลยคิดเล็กคิดน้อยเรื่องแบบนี้ไม่ได้
“ตั้งใจด้วยนะคะ” ยูกิยิ้มให้จูรินะอย่างจริงใจแต่เขาก็ไม่สนใจมันซักนิด ยูกิจึงเดินจากไป เมื่อแจกเสร็จแล้วยูกิก็สั่งให้ทุกคนทำข้อสอบทันที
จูรินะเอาแต่นั่งเคาะปากกาเล่นโดยไม่สนใจจริงๆ จังๆ ซึ่งนั่นก็อยู่ในสายตาของยูกิตลอด เธอสังเกตและวิเคราะห์ภาพรวมของจูรินะออกมาอย่างคร่าวๆ ไว้ก่อน แต่ยังไม่สรุปเพราะยังไม่รู้ว่าเขาเป็นแบบไหน จะเป็นเด็กมีปัญหาของชั้นเรียนหรือเปล่า
พอหมดคาบทุกคนก็ส่งกระดาษคำตอบหมดทุกคนแม้กระทั่งจูรินะที่ทำเสร็จใน 5 นาทีสุดท้าย
มั่วแน่ๆ
ความคิดแรกของยูกิผุดขึ้นมาทันที
“ฉันไม่ชอบเลยอ่ะ” จูรินะบ่นกับมายุหลังจากเดินออกจากห้องเรียนเพื่อไปยังโรงอาหารในเวลาพักเที่ยง
“แกไม่ชอบครูหรือไม่ชอบรายวิชา”
“ฉันไม่ได้รังเกียจครูนะเว้ยแต่ฉันอคติวิชาอ่ะ เลยพลอยทำให้ไม่อยากจะมองหน้าครูไปด้วยซะงั้น” จูรินะเดินบ่นไปจนตลอดทางให้มายุต้องส่ายหัวกับความขี้บ่น
“แต่ว่าครูเขาก็สวยนะ” จู่ๆ มายุก็เปิดประเด็นขึ้นมา จูรินะชะงักไปก่อนจะหันไปมองหน้ามายุอย่างจับผิด
“แกชอบเหรอ อ่ะๆ”
“เปล่า ก็แค่บอกว่าสวยนี่จำเป็นต้องชอบเหรอ?”
“ก็ไม่รู้สินะ” จูรินะยักไหล่ไม่ใส่ใจแล้วเดินนำไป แต่เดินไปยังไม่ถึงไหนก็มีเสียงหวานๆ ของหญิงสาวเรียกเขา
“มัตสึอิซัง” จูรินะหยุดเดินพร้อมกลับหันไปมองประตูห้องที่เปิดออกพร้อมกับร่างของครูสาวที่เขาไม่อยากจะคุยด้วยมากที่สุด แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
“มีอะไรเหรอคะ?” เขาตอบด้วยใบหน้านิ่งๆ
“ครูมีเรื่องจะคุยกับเธอน่ะ ช่วยเข้ามาในนี้ซักครู่ได้ไหม?” ยูกิถามเด็กสาวแล้วมองไปยังมายุเหมือนเป็นการขออนุญาต มายุสบตากับจูรินะที่มองมาที่เธอก่อนจะเอ่ยขึ้น
“งั้นเดี๋ยวฉันไปรอที่ข้างสนามฟุตบอลละกัน” มายุบอกกับจูรินะก่อนจะหันไปก้มหัวให้ยูกิแล้วเดินออกไป
เมื่อมายุเดินหายลับไปแล้วจูรินะจึงจำใจหันกลับมาหายูกิ ยูกิจึงเปิดประตูออกพร้อมหลีกทางให้จูรินะเข้ามา เขาก็เดินเข้าไปอย่างเซ็งๆ
จูรินะเดินเข้าไปภายในห้องก็ต้องทำหน้างงเพราะภายในห้องนั้นมีครูอีกคนนั่งอยู่ด้วย ครูอิตาโนะ โทโมมิ ครูภาษาอังกฤษคนก่อนที่ตอนนี้ได้ย้ายไปสอนโรงเรียนแถวบ้านตัวเอง ยูกิจึงได้มาดำรงตำแหน่งแทน
“ครูโทโมมิ?” จูรินะเอ่ยเสียงแผ่ว โทโมมิยิ้มให้บางๆ พลางเอ่ยให้จูรินะนั่ง
“นั่งก่อนสิ”
จูรินะนั่งลงอย่างเชื่องช้าบนเก้าอี้ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ แล้วยูกิก็เดินไปนั่งข้างๆ โทโทมิ จูรินะเอาแต่มองหน้าของครูสาวสองคนไปมาด้วยคิ้วที่ขมวดจนแทบจะเป็นปม โทโมมิย่อมรู้ดีว่าจูรินะเป็นคนยังไงเธอจึงพูดเรื่องที่พาเขามาที่นี่
“เธอคงไม่รู้ว่าทำไมครูถึงเรียกเธอมา ถึงครูจะไม่ได้เป็นครูที่นี่แล้วแต่ครูก็เคยอยู่ที่นี่แล้วยังเคยเป็นครูของเธอ เธอพอจะรู้ปัญหาของตัวเองไหมจูรินะ” โทโมมิถามลองเชิงเขา จูรินะถอนหายใจออกมาทันทีที่รู้จุดประสงค์ของครูทั้งสอง
“รู้ค่ะ..”
“วันนี้ครูคาชิวากิได้ให้พวกเธอสอบก่อนเรียนสินะ…เธอรู้ไหมคะแนนเธอเป็นไง?” จูรินะเงยหน้าขึ้นมาสบตาโทโมมิ “มันเหมือนเดิม เหมือนที่เธอเคยทำให้ครูเป๊ะเลย คะแนนไม่มีขาดเธอทำได้แต่ก็ไม่เคยได้เต็มหรือเกินครึ่งซักครั้ง”
“…………” จูรินะเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา เขาไม่อยากมีปัญหากับโทโมมิแต่ถ้าเป็นยูกิก็ไม่แน่
“ไหนเธอบอกจะปรับปรุงตัว ครูไม่ได้อยากจะมาจ้ำจี้จ้ำไชเธอหรอกนะ แต่คะแนนพวกนี้มันก็มีผลกับเธอหากเธอติดศูนย์ติดรอวิชานี้แล้วเธอไม่สามารถแก้มันได้เธออาจจะไม่จบ”
“ครูเรียกฉันมาเพื่อบ่นให้หนูเรื่องนี้เหรอคะ ครูมาไกลจากบ้านเกิดเพื่อจะมาบอกหนูแค่นี้เหรอ?” จูรินะพูดขึ้นมาด้วยแววตาเรียบนิ่ง เขาไม่ชอบเลยที่มาบอกให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ ถึงมันจะเป็นความห่วงใยก็เถอะมันต้องมีทางแก้สิ เขาไม่ได้โง่ซักหน่อยแค่ไม่ชอบวิชาภาษาอังกฤษวิชาเดียวที่เหลือเขาก็ทำได้หมด
โทโมมิถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะเอ่ยเข้าประเด็นที่ว่าทำไมเธอต้องมาถึงนี่ด้วยตัวเอง
“ที่ครูมาจากบ้านตั้งไกลครูไม่ได้มาแค่บ่นให้เธอแต่ครูจะบอกว่าต่อจากนี้ไป ครูคาชิวากิจะเป็นคนติวให้เธอตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
“หา!!” จูรินะอุทานออกมาเสียงดัง ยูกิมองหน้าเขาพลางขมวดคิ้ว ได้แค่คิดในใจว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงไม่ชอบภาษาอังกฤษขนาดนี้กัน
“ไม่ต้องห่วงนะเพราะเรื่องนี้ผอ.เป็นคนอนุมัติเองจ้ะ” โทโมมิยิ้มจนเห็นเขี้ยว จูรินะยังคงช็อคอ้าปากค้าง
งั้นแสดงต่อจากนี้เวลาว่างทั้งหมดของเขาจะต้องเอามาทุ่มเรียนพิเศษงั้นเหรอ เวลาที่เขาเอาไปเล่นกีฬามันก็จะไม่มีเหรอ
ไม่นะ
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ มัตสึอิซัง” ยูกิพูดพลางยิ้มหวานให้เขา แต่สำหรับเขามันไม่ใช่ยิ้มหวานซักนิด มันเหมือนรอยยิ้มอาบยาพิษชัดๆ ไม่ใช่แค่รอยยิ้มสิ แต่ครูเอกนี้เป็นยาพิษทั้งร่างเลยต่างหาก
ฉันเกลียดวิชานี้!!!
TBC.
………………………………………………………….
ตอนแรกแบบงงๆ
ขอบคุณคำปรึกษาดีๆ จากพี่ N.Sorsors นะคะ ^_^
Spoiler
กรี๊ดดดดดดดด จูยูกิที่รอคอยยย
ยูกิเป็นผี? หรือไม่เป็นผี? แล้วใครเป็นผี? หรือนั่นไม่ใช่ผี? เอ๊ะงง
จูมีเหตุผลที่อคติกับภาษาอังกฤษรึปล่านะ หรือจะเป็นอดีตที่เลวร้าย?
อย่างเช่น โดนแหม่มฝรั่งหักอก? //ไมใช่ละ 555555
รัจจิ นรั๊คคคค>< รอค่า
และแล้วน้องจูก็ได้ผี… เอ๊ย! ได้คุณครูคนใหม่เป็นครูสอนพิเศษ
ยูกิอย่างสวยจูรินะมองยังไงถึงเห็นเป็นผี อย่าเผลอชอบผียูกิเข้าก็แล้วกัน ฮ่าๆๆๆๆ
ยูกิท่าทางเป็นครูสาวไฟแรงใส่ใจนักเรียนนะคะ (หรือเพราะจูดันไปทักเขาว่าผีเลยโดนเล็งก็ไม่รู้)
ตอนนี้จะเกลียดวิชาภาษาอังกฤษก็เกลียดไปเถอะ อีกหน่อยได้แฟนเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเดี๋ยวก็รักวิชานี้เอง
โฮะๆๆๆๆๆ
ปล. คำปรึกษาอะไร พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ ฮ่าๆ
หึหึ คุณครู กับนักเรียน ชอบเลยครัช จรรยาบรรไม่มีในตัวเรา
นอนรอจูยูกิเลยครัช
ทำไมต้องเกลียดขนาดน้านนนน(แต่เราก็เกลียดเหมือนกัน)
รัจจิน่ารักอย่างกับแมวน้ำแหนะ
กรี๊ดดดดดดดด จูยูกิที่รอคอยยย
01
จูรินะเดินทอดน่องไปตามถนนอย่างเหนื่อยอ่อน หลังจากที่เขาซ้อมกีฬาเสร็จเขาก็แยกกันกับมายุเพื่อกลับบ้าน ในขณะที่เดินไปภายในหัวก็คิดไปด้วยถึงเรื่องที่ครูโทโมมิบอกให้เขาเรียนพิเศษกับครูคาชิวากิ
“เฮ้ออออ” จูรินะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาไม่อยากเรียนพิเศษแต่ก็ขัดไม่ได้ เขาไม่ชอบวิชาภาษาอังกฤษอย่างสุดซึ้ง ถามว่ามีเหตุผลอะไรถึงไม่ชอบ เขาไม่อยากจะพูดถึงมันเท่าไหร่เอาเป็นว่าไม่ชอบก็คือไม่ชอบก็พอ
จูรินะเป็นเด็กฉลาดอาจถึงขั้นเรียกได้ว่าอัจฉริยะด้วยซ้ำแต่เขามีเหตุผลที่ไม่ชอบภาษาอังกฤษ เขาไม่เคยตั้งใจเรียนวิชานี้เลยด้วยซ้ำสอบก็ไม่เคยได้
และแล้วก็ถึงบ้าน เขาเดินเข้าบ้านไปด้วยท่าทางที่อิดโรย
“กลับมาแล้วค่ะ”
“มาแล้วเหรอ ทำไมกลับค่ำจังวันนี้” แม่ของเขาตะโกนออกมาจากครัว
“ซ้อมน่ะ ใกล้แข่งแล้ว” จูรินะตอบพลางเดินไปนั่งโซฟาห้องนั่งเล่น “รัจจิๆ อยู่ไหนเนี่ย” เขาตะโกนเรียกเจ้าหมาตัวเล็กของเขาเสียงดัง เจ้าขุนปุยที่ยืนอยู่ข้างๆ เท้าของแม่ที่อยู่ในห้องครัวก็วิ่งออกมาหาเจ้าของเสียง
จูรินะก้มลงอุ้มมันขึ้นมาแล้วเดินขึ้นบ้านไป
“เฮ้ออออ” ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนอย่างแรงแล้ววางรัจจิบนพุงตัวเอง “ฉันไม่อยากเรียนพิเศษเลยรัจจิ” จูรินะพูดพลางยกหัวขึ้นมองเจ้ารัจจิที่เอียงคอมองเขา จูรินะมองจ้องเจ้าตัวเล็กซักพักก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับยกรัจจิขึ้นมาในระดับเดียวกับใบหน้าตัวเอง “เกิดเป็นแกคงจะดีไม่น้อย กินนอนแล้วก็อ้อน ใช่ไหม?” ถามอย่างหมั่นเขี้ยวแล้วกอดรัจจิแรงๆ “โอ้ยยยยน่ารัก”
………………………………………….
“อา…อยากเอารัจจิไปเรียนด้วยจัง” บ่นออกมาเบาๆ กับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้พร้อมกับก้าวเท้าอย่างเชื่องช้า
ทุกๆ เช้าจูรินะจะเดินไปโรงเรียนเองทุกวันอย่างเรื่อยเปื่อย แต่วันนี้ดูเหมือนว่ามันจะเปลี่ยนไป
ปี๊บๆ
เสียงแตรรถดังขึ้นจนคนที่กำลังเดินฝันกลางวันต้องสะดุ้งก่อนจะหันไปมองตาเขียวกะจะโวยวายซะหน่อย แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะคนที่ลงจากรถเก๋งคันหรูนั้นก็คือยูกิ
จูรินะปั้นหน้านิ่งมองหน้าหญิงสาวที่มีศักดิ์เป็นครู ยูกิส่งยิ้มหวานมาให้จูรินะในขณะที่ใบหน้านิ่งๆ ของจูรินะกำลังแปรเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วอย่างงงๆ
“บ้านเธออยู่แถวนี้เหรอ?”
“ค่ะ…” ตอบแล้วกำลังจะเดินจากไป ยูกิก็เรียกเอาไว้ให้ต้องหันกลับไปหา
“มัตสึอิซัง”
“…….”
“ขึ้นรถค่ะ”
มันเป็นแบบนี้ไปได้ไงเนี่ย
จูรินะสบถในใจอย่างหัวเสียในขณะที่เดินลงเท้าหนักๆ ไปตามทางเดินระเบียง
หลังจากที่ยูกิชวนเขาขึ้นรถเพื่อมาโรงเรียนด้วยกันนั้นเขาก็อ้าปากค้างก่อนจะปฏิเสธพร้อมกับเตรียมจะเดินหนีแต่ยูกิกลับคว้าแขนเขาไว้แล้วลากขึ้นรถซะงั้น สู้รบกันอยู่นานพอสมควรสุดท้ายก็เป็นจูรินะที่แพ้ไปจึงต้องทนนั่งรถกับครูสาวที่เขาไม่ถูกชะตามาโรงเรียนอย่างอึดอัด
และในขณะที่กำลังโวยวายในความคิดตัวเองอยู่นั้นก็มีคนเรียกเขา…(อีกแล้ว)
“จูรินะซัง”
จะอะไรนักหนาเนี่ยมีแต่คนเรียกอยู่ได้
หันหน้ากลับไปมองอย่างรวดเร็วเพื่อมองต้นเสียง พอเห็นเท่านั้นแหละอารมณ์ที่หงุดหงิดอยู่แล้วก็ยิ่งปะทุขึ้นมาอีก
“อะไร?” ขานรับอย่างกระชากเสียง ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าอีกคนกำลังอารมณ์เสีย
“นี่ทักเพื่อนเก่าแบบนี้เหรอ?”
“แล้วทำไม มีปัญหา?” จูรินะเดินเข้าไปใกล้ๆ เขาด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราด
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบเขาเพียงแค่ยิ้มออกมาบางๆ จูรินะก็ยังเป็นจูรินะอารมณ์เสียง่ายๆ กับเรื่องไร้สาระและเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนง่ายอีกเช่นกัน
บุคคลที่สามที่กำลังจะเดินไปสอนก็มาพบเข้ากับสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะขย้ำ(?) กันนั้นก็เข้ามาห้ามไว้
“มัตสึอิซัง ทำอะไรน่ะ” เป็นยูกินั่นเอง
พอจูรินะได้ยินเสียงเธอเขาก็ทำหน้าเหม็นเบื่อทันที แล้วหันหลังเดินจากไป ยูกิได้แต่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วหันไปหาชายหนุ่มที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองหน้าเธอ
ยูกิขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยถาม
“แล้วเธอล่ะ มายืนทำอะไรทำไมไม่เข้าเรียน” ชายหนุ่มเหมือนเพิ่งจะดึงสติตัวเองกลับมาได้ก็ตอบกลับ
“อะ อ่า ครับ ขอตัวนะครับ” เขาก้มหัวให้ยูกิเล็กน้อยแล้วเดินออกไปแต่ก็ยังไม่วายหันมามองเธอ
“อะไรของเด็กพวกนี้นะ?”
ในที่สุด…คาบวิชาคณิตศาสตร์ก็จบลง
จูรินะยกแขนยืดขึ้นเพื่อบิดขี้เกียจก่อนจะหันไปหามายุที่กำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างบนสมุด เขาชะโงกมองแต่ก็ไม่เห็นจึงไม่คิดจะดูต่อแล้วเปลี่ยนเป็นถามแทน
“ต่อไปวิชาไรวะ?” จูรินะถามพลางก้มค้นโต๊ะหาสมุด
“อิ้ง” คำตอบสั้นๆ ของมายุจูรินะถึงกับเบ้ปาก
“โดดดีกว่า” พูดจบก็ไม่รอให้มายุได้ด่าก็ลุกขึ้นวิ่งไปที่ประตูห้องซึ่งเป็นจังหวะที่ประตูถูกเปิดออกจากคนด้านนอก จูรินะถึงกับเบรกจนหัวแทบทิ่ม
“จะไปไหนเหรอคะ มัตสึอิซัง” ยูกิส่งยิ้มหวานมาให้เขา จูรินะค่อยๆ เบือนหน้าหนีอย่างช้าๆ พลางเบะปาก “ไปนั่งที่ค่ะ อย่าคิดจะโดดเด็ดขาด” เธอพูดด้วยรอยยิ้มหวานเชื่อมถ้าเป็นกับคนอื่นคงคิดว่ามันช่างสวยแต่สำหรับเขามันเป็นรอยยิ้มของแม่มด
จูรินะจึงหมุนตัวเดินกลับไปนั่งที่อย่างห่อเหี่ยว ยูกิมองปฏิกิริยาเขาก็ยิ้มขำออกมาเล็กน้อยแล้วเดินไปประจำที่ที่จะสอน
กริ๊งงงงง
เสียงสัญญาณออดบอกหมดเวลาดังขึ้นจูรินะถึงกับชูมือสองข้างขึ้นมาจนสุดแขนแล้วจ้องมองยูกิที่มองเขาอยู่ จูรินะจึงยักคิ้วให้อย่างกวนๆ
“ดูท่าแกจะไม่ชอบจริงๆ” มายุมองดูอากัปของจูรินะแล้วพูดออกมา
“แกเพิ่งรู้เหรอ” เขาหันไปตอบมายุด้วยใบหน้าซื่อๆ ก่อนเตรียมเดินออกจากห้องเรียนเพื่อไปทานข้าว ทั้งๆ ที่ยังชูแขนขึ้นแบบนั้น มองแล้วมันหมั่นไส้กับท่าทางกวนๆ แบบนั้นจริงๆ
“มัตสึอิซัง”
เรียกอีกละ…
จูรินะหลับตาลงพร้อมกับทิ้งแขนลงข้างลำตัวพลางถอนหายใจอย่างเซ็งๆ แล้วหันไปมองคนเรียก
“ตอนเย็นครูจะรอที่ห้องนะ อย่าลืมไปล่ะ” แล้วก็ยิ้มทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไป
“ดะ…เดี๋ยว อะไรเนี่ยพูดสองแง่สองง่ามเดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจผิดหรอก” จูรินะบ่นไล่หลังคนแก่กว่าเบาๆ
“อะไรอ่ะ…อธิบายมาเลยไหนบอกไม่ชอบไง”
“นั่น ว่าแล้วไง แกกำลังเข้าใจผิดเว้ย”
“เข้าผิด?”
“เออ”
แล้วจูรินะก็อธิบายเรื่องทั้งหมดให้มายุฟัง มายุพอได้ฟังก็ร้องออกมาอย่างเสียดาย
“เอ๋…..ฉันแกล้งสอบตกดีไหมวะ น่าอิจฉา” จูรินะมองใบหน้ามายุที่กำลังบ่นประปอดกระแปดอย่างเสียดายก็เบะปาก
“ไปเรียนแทนฉันดิ”
“แบบนี้ก็ได้เหรอ?”
“เอออออออ”
ยูกิเดินหอบเอกสารมากมายจนเต็มใม้เต็มมืออย่างทุลักทุเล แล้วดูเหมือนรองเท้าของเธอช่างกลั่นแกล้งเมื่อรองเท้าดันพลิกจนเกือบจะล้มดีที่มีสองแขนแกร่งมาช่วยรับเธอกับเอกสารทั้งหมดให้มันยังอยู่รอดปลอดภัย
แต่….ใครกันที่ช่วยเธอ
ไม่ทันที่ยูกิจะได้มองหาคนที่มาช่วยเอกสารทั้งหมดที่อยู่ในมือเธอก็ถูกแย่งไปถือไว้ เธอยังคงยืนทำหน้างงๆ จนชายหนุ่มที่มาช่วยเธอเอ่ยขึ้น
“จะให้เอาไปที่ไหนครับ?”
เมื่อยูกิเห็นหน้าเขาเธอเก็ตทันที เด็กผู้ชายที่เกือบจะมีเรื่องกับจูรินะเมื่อเช้า
“อะ อ่า งั้นเดินตามมา” ยูกิที่ยังมึนๆ ก็ตอบออกไปแล้วเดินนำไปยังห้องตัวเองโดยมีชายหนุ่มเดินตามมา ในเมื่อปฏิเสธความหวังดีไม่ได้ก็ขอใช้หน่อยแล้วกัน
เธอเปิดประตูให้เขาเดินเข้าไปก่อนที่เธอจะเดินตามเข้าไป
“เอาวางไว้บนตู้ตรงนั้นเลยจ้ะ หาอะไรทับไว้ด้วย” ยูกิสั่งชายหนุ่มทั้งที่เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเขาเพราะเธอกำลังง่วนอยู่กับการหาอะไรซักอย่างบนโต๊ะตัวเอง ชายหนุ่มจัดการตามที่เธอบอกอย่างว่าง่าย เสร็จแล้วเขาก็หันไปหาเธอพลางหยิบแม็กเย็บกระดาษยื่นให้
“หาไอ้นี่เหรอครับ?”
“หือ? อ๊ะ ใช่ ขอบใจนะ เธอชื่ออะไรเหรอ?” ยูกิยิ้มรับพร้อมกับยื่นมือไปรับแม็กเย็บกระดาษมาจากเขาพลางถามชื่อ
“ยามาซากิ เคนโตะ ครับ ปี 3 ห้อง 2” สิ้นเสียงเขายูกิก็พยักหน้าแล้วยิ้มออกมาอีกครั้งให้เคนโตะได้ใจเต้น
“ขอบใจมากเลยนะ”
“ไม่เป็นไรครับ งั้นผมขอตัวนะครับ”
“จ้า” เคนโตะมีท่าทางเคอะเขินเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป
ยูกิหันกลับมาสนใจงานบนโต๊ะพลันสายตาก็มองไปเห็นสมุดบางอย่าง เธอหยิบมันขึ้นมาดูก็นึกออกทันที
“สมุดที่จะให้มัตสึอิซัง” คิดได้ดังนั้นก็ลุกจากเก้าอี้เพื่อไปหาจูรินะที่ไม่รู้ว่าตอนนี้จะอยู่ไหน
ยูกิเดินเลาะไปตามระเบียงทางเดินเรื่อยๆ เพื่อตามหาจูรินะแล้วเอาสมุดเล่มนี้ให้กับจูรินะ ความจริงเธอจะเอาให้ตอนเย็นก็ได้แต่เท่าที่เธอวิเคราะห์สถานการณ์และทิฐิที่จูรินะมีต่อเธอนั้นมีมากพอสมควร สิทธิ์ที่จูรินะอาจจะเบี้ยวนัดก็จึงมีมากเช่นกันเพราะงั้นเธอเอาสมุดเล่มนี้ไปให้อีกคนไว้ดีกว่า อย่างน้อยเขาคงเปิดดูบ้างแหละ
“ไปอยู่ไหนเนี่ย…” บ่นเบาๆ พร้อมกับสอดส่ายสายตาไปรอบๆ รู้ตัวอีกทีก็มาเดินอยู่ข้างสนามฟุตบอลซะแล้ว
“อ๊ะ อยู่นั่นเอง” ยูกิอุทานออกมาเมื่อเห็นจูรินะที่กำลังวิ่งหยองแหยงอยู่กลางสนามทั้งที่แดดเปรี้ยงขนาดนี้ “ไม่ร้อนเลยหรือไงกัน”
เสียงโหวกเหวกโวยวายดังไม่ขาดสายอยู่กลางสนาม นักกีฬาฟุตบอลทั้งหญิงชายต่างวิ่งกันจนเต็มสนามบางคนก็ซ้อม บางคนก็เล่นกันเล่นๆ ในเวลาพักเที่ยง
ยูกิเดินฝ่าสนามฟุตบอลเข้าไปโดยไม่ได้มองหน้ามองหลังเพราะความที่อยากจะไปถึงจูรินะทำให้เธอจดจ้องอยู่แค่ที่จูรินะจนลืมมองรอบๆ
“คุณครูระวัง!!” เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ยูกิจึงกันไปมองตามต้นเสียงก็เจอกับลูกบอลที่พุ่งมาอย่างเร็ว
จูรินะได้ยินเสียงก็หันมาสนใจบ้าง พอเห็นว่ายูกิกำลังจะโดนลูกบอลเขาก็ตกใจจนตาโตพร้อมกับวิ่งเข้าไปอย่างอัตโนมัติ
“ตายแน่….” ยูกิที่กำลังช็อคก็ทำได้เพียงอุทานออกมาอย่างตกใจพลางหลับตาแน่นเตรียมรับแรงกระแทก
ตุบ!!!
เสียงของลูกฟุตบอลกระทบอย่างแรงจนเสียงดังไปทั่วสนาม ทุกคนต่างมองมาที่ที่ยูกิยืนจุดเดียว
แต่..
ยูกิกลับไม่รู้สึกเจ็บซักนิด…..
ยูกิค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาก็พบกับแผ่นหลังของใครบางคนที่วิ่งเข้ามารับลูกบอลแทนเธอ
“เธอ…..”
TBC.
………………………………..
แจ้งนิดๆ หน่อยๆ ค่ะ
อาจจะลงช้าบ้างเร็วบ้างนะคะเพราะช่วงนี้งานเยอะจริงจัง ยิ่งใกล้จะลงพื้นที่ยิ่งงานเยอะ ทั้งสอบทั้งสังเกตสอน เราปวดหัวมากเลย
เครียดมากบอกเลย…เพราะงั้นหากหายนานก็ไม่ต้องกลัวว่าจะดองนะคะจะพยายามลงให้จบค่ะเรื่องนี้ ฝากด้วยนะคะ
จุ๊บๆ
จูทำเท่รับได้…หรือว่าตอนนี้สลบไปเรียบร้อยแล้ว..
ใครอ่ะที่รับบอลแทนยูกิ
จูหรือเคนโตะ?
แล้วสรุปเคนโตะกับจูเป็นศัตรูกันรึเปล่า หรือแค่เพื่อนเก่าจริงๆ
เคนโตะอย่ามาทำเป็นพระเอกกับยูกินะเว้ย คนนี้ของจู!!
ยูกิสนแต่ยัยจู ไม่สนใจเคนโตะเลย ฮ่าๆๆๆๆ
แข่งกับใครไม่แข่งมาแข่งหล่อ(?)กับน้องจู //ใช่เรอะ
ว่าแต่…
น้องจูใช้อะไรรับลูกบอลคะ!? ถ้าใช้หน้าคงได้ศัลยกรรมดั้ง เสียงดังทั่วสนามแบบนี้
ภาพซูมออกมากลายเป็นน้องจูที่ยืนหันหลังเท่ๆให้ยูกิซัง
สักพักน้องจูก็หันหน้ามาหายูกิ บนหน้ามีรอยกลมๆแดงๆ
แล้วน้ำตาน้องก็เริ่มปริ่มๆ ร้องไห้โอดครวญด้วยความเจ็บ(น่ารักฝุดๆ)
//Mission complete
ใสจัง 0.0
ขอแบบเผ็ชๆได้ป่าว
จูอย่ามาง้องแง้ง ครูสวยขนาดนั้นก็ตั้งใจเรียนไป
ว่าแต่ทั้งโรงเรียนมีคนโง่อิ้งอยู่คนเดียวหรอคะ
จูทำเท่รับได้…หรือว่าตอนนี้สลบไปเรียบร้อยแล้ว..
02
“เธอ….” ยูกิถึงกับพูดไม่ออก
จูรินะที่กำลังวิ่งเข้ามาก็ชะงักเท้าหยุดกลางทางเมื่อเห็นว่ายูกิไม่โดนลูกบอลแต่ก็ต้องยืนมองนิ่งเพราะคนที่เข้าไปรับลูกบอลแทนนั้น
“ยามาซากิซัง” ยูกิเอ่ยชื่อชายหนุ่มนักเรียนที่ช่วยเธอถือเอกสารออกมาเบาๆ
“ครูไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?” เขาหันกลับมาถามเธอด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง พอยูกิเห็นหน้าเขาเธอก็อ้าปากค้างอย่างตกใจ
“นี่ นั่นมันควรจะเป็นคำถามครูนะ ดูเลือดสิ” ยูกิเผลอปล่อยสมุดที่จะเอามาให้จูรินะทิ้งแล้วล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าตัวเองขึ้นมาซับเลือดบนใบหน้าของ
เคนโตะอย่างแผ่วเบาจนชายหนุ่มเขิน “ครูจะพาไปห้องพยาบาล…พวกเธอก็เลิกมุงได้แล้วไปทำหน้าที่ตัวเองเถอะ” เธอพยุงเคนโตะแล้วพาเขาเดินออกไป เด็กนักเรียนก็เลิกมุงแล้วกลับไปทำกิจกรรมกันต่อ
จูรินะมองทั้งสองคนเดินออกไปด้วยแววตานิ่งๆ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปเก็บสมุดที่ยูกิทำตกไว้ขึ้นมาดู
“มัตสึอิ จูรินะ…ของฉันเหรอ?” เขาอ่านชื่อตัวเองที่ถูกเขียนด้วยลายมือน่ารักๆ มุมล่างของสมุดแล้วเงยหน้าขึ้นมองตามยูกิทั้งๆ ที่เธอหายไปแล้ว
“อะไรวะจู?” มายุวิ่งเข้ามาถามจูรินะอย่างสงสัยเพราะเห็นเพื่อนยืนนิ่งอยู่นาน จูรินะรีบเก็บสมุดเหน็บไว้ข้างเอวแล้วตอบ
“ไม่มีอะไร กลับไปเล่นเหอะ” เขาเลิกสนใจยูกิกับชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนเก่าแล้วหันหลังเดินกลับเข้าสนาม
“เธอนี่นะ จะเข้ามารับลูกบอลทำไมเนี่ย ไหนดูสิ” ยูกินำผ้าเช็ดหน้าไปชุบน้ำแล้วเดินมาจับหน้าชายหนุ่มให้หันมาหาตัวเองก่อนจะซับลงไปอย่างแผ่วเบาะ
เคนโตะจ้องมองใบหน้าของยูกิที่กำลังขมวดคิ้วเป็นปมอย่างหลงใหล
“ก็ผมไม่อยากให้หน้าของครูมีแผลนี่ครับ” ยูกิชะงักค้างไปครู่หนึ่งพลางเหลือบตามองเขาก่อนจะจิ้มผ้าเช็ดหน้าที่กำลังซับบนจมูกโด่งเขาแรงๆ แล้วปล่อยให้เขาจัดการเอง เคนโตะรับผ้าแทบไม่ทัน
“โอ๊ย”
“ดูพูดเข้าสิ แก่แดดจริงๆ” บ่นให้กับชายหนุ่มแล้วเดินไปเปิดตู้ยาเพื่อหาพลาสเตอร์แก้ปวด “ครูห้องพยาบาลไปไหนหมดเนี่ย” แต่ก็ไม่วายที่จะบ่นต่อ
“แก่แดดอะไรล่ะครับ ผมกับครูอายุห่างกันแค่ไม่กี่ปีเองนะ”
“เงียบไปเลย อ๊ะเจอแล้ว” ยูกิหยิบเอาพลาสเตอร์ออกมาก่อนจะมองพิจารณามันนิ่งๆ พลางขมวดคิ้ว
ลายกระต่าย?
กรอกตาไปมาอย่างเอือมๆ แล้วเดินเข้าไปหาเคนโตะที่นั่งฉีกยิ้มให้เธออยู่ ยิ้มของเขาหากพวกสาวๆ ทั่วไปเห็นอาจจะเผลอไปกับกับเขาแน่ๆ เธอรู้เลยว่าเด็กนี่กำลังม่อเธอ เธอไม่ค่อยชอบผู้ชายแบบนี้ด้วยสิยิ่งหน้าตาดีแบบนี้คงมีเป็นขบวนเลยสิท่า ถ้าหล่อเย็นชาค่อยว่าไปอย่าง
“ยื่นหน้ามาสิ”
“จะจูบผมเหรอ”
“ยามาซากิซัง” ยูกิเอ่ยเสียงเย็นจนชายหนุ่มขำออกมา
“ครับๆ”
ยูกิจิ๊ปากเบาๆ แล้วแปะพลาสเตอร์ลงไปอย่างแผ่วเบา
ครืดดดด
เสียงประตูห้องถูกเลื่อนเปิดออกแล้วตามด้วยร่างของจูรินะที่เดินเข้ามาหายูกิก่อนจะหยุดแล้วยื่นอะไรซักอย่างให้
“ครูทำตกที่สนามอ่ะ ฉันเลยเอามาคืน”
“เอ๊ะ?” ยูกิละความสนใจจากเคนโตะแล้วหันมาหาจูรินะ ก่อนจะมองไปที่วัตถุที่อยู่ในมือเด็กสาว
“รับไปสิ ฉันต้องรีบไปนะเพื่อนรออยู่” ยูกิยังคงยืนมองจูรินะนิ่งอยู่อย่างนั้น เธอได้แต่คิดว่าเด็กคนนี้จะทำยังไงต่อ เธอรู้ว่าจูรินะน่าจะเห็นชื่อตัวเองบนสมุดนั่นแล้วแต่ทำไมเขาถึงไม่ถามอะไรซักคำ
จูรินะที่เห็นว่ายูกิไม่ยอมรับไปซักทีเขาก็รู้สึกรำคาญ ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะข้างเตียงแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรซักคำ
“มัตสึอิซัง” ยูกิเรียกเขาเอาไว้แต่ก็ไม่ทันเธอจึงหันไปคว้าสมุดเล่มนั้นขึ้นมาแล้วเดินตามออกไปทันที
เคนโตะนั่งมองทั้งสองคนนิ่งด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา ก่อนจะลุกจากเตียงแล้วเดินออกไปจากห้องพยาบาล
“มัตสึอิซัง…” ยูกิเดินเร็วๆ ตามจูรินะพลางเรียกให้เขาหยุด ทั้งๆ ที่เขาก็เดินช้าขนาดนั้นทำไมเธอถึงตามไม่ทันกันนะ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงเธอเขาจึงหันกลับมามองแล้วหยุดมองยูกิที่เอนตัวพิงผนังด้วยสีหน้างุนงงก่อนจะเดินกลับไปหายูกิที่หายใจหอบเหนื่อย
“มีอะไรคะ?”
“ทำไม…เธอถึงเอาสมุดนี้มาคืนล่ะ มันเป็นของเธอ”
“แล้วฉันต้องเอาไปทำไม?”
“มันเป็นสมุดสรุปที่ครูทำให้ เอาไว้ให้เธอไปอ่าน” จูรินะเลิกคิ้วขึ้นทันที
“งั้นแสดงว่าฉันไม่ต้องเรียนพิเศษแล้วงั้นเหรอ” เขาเอ่ยออกมาด้วยแววตาที่เป็นประกาย ยูกิเห็นดังนั้นก็รู้สึกหมั่นไส้แปลกๆ
“แล้วเธอจะอ่านทบทวนมันทุกวันไหมล่ะ”
“แน่นอนว่าไม่ เอ้ย อ่านสิอ่าน” จูรินะเผลอหลุดปากเอาความรู้สึกจากใจออกมา ยูกิยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“หึหึ ถ้าไม่อ่านก็ต้องเจอกันทุกวัน งั้นเจอกันเย็นนี้นะคะ” พูดแล้วก็ยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี
“ดะ เดี๋ยว สิ ฉันยัง…โธ่” จูรินะมองตามแผ่นหลังยูกิด้วยสายตาละห้อยก่อนจะก้มมองสมุดในมือแล้วยกมันขึ้นมาตบปากตัวเองเบาๆ สองที “ปากหนอปาก”
………………………………
เลิกเรียนวันนี้จูรินะไม่มีซ้อมเกินเวลาเขาจึงได้เลิกเร็วกว่าปกติ และวันนี้เขาก็วางแผนว่าจะไปกินไอติมกับมายุแล้วก็ร้องคาราโอเกะซักหน่อย คิดแล้วก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างอารมณ์ดี จนลืมอะไรบางอย่าง
“มายุ วันนี้ไปกินติมกันฉันเลี้ยง” จูรินะบอกกับมายุที่เดินอยู่ข้างๆ มายุถึงกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างงงๆ
“เอ๊ะ?”
“อะแฮ่ม ได้ยินว่าใครจะไปกินไอติมนะ” เสียงของบุคคลที่สามดังแทรกขึ้นมา จูรินะถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน ก่อนจะหันไปมองต้นเสียง พอเห็นว่าเป็นใครก็ทำหน้านึกได้แล้วถอนหายใจออกมาพร้อมกับคอตก
“เอาไว้วันหลังก็ได้แก” มายุเอ่ยพร้อมตบบ่าปลอบใจ แล้วก็หันไปเอ่ยลาบุคคลที่สาม “งั้นหนูกลับก่อนนะคะคุณครูคาชิวากิ”
“จ้า กลับดีๆ นะ” ยูกิยิ้มหวานตอบมายุที่เดินจากไปแล้วหันมาหาจูรินะที่ทำท่าหงอยๆ เหมือนหมาป่วย “อะไรกันท่าทางแบบนั้น ดีใจมากเลยเหรอที่ครูจะไปติวให้”
“ดีใจกับผีน่ะสิ…” จูรินะแอบบ่นเบาๆ แต่ก็ไม่สามารถเล็ดลอดหูยูกิไปได้ เธอจึงยื่นมือไปดึงแก้มเขา
“ว่าไงนะคะ ไม่ได้ยินเลย” ยูกิถามพลางจนตาหยี
ยัยนี่โรคจิตชัดๆ ทรมานคนอื่นอยู่แต่ยังยิ้มได้หน้าตาเฉย!
ทำได้แค่คิดในใจ
“โอย โอย…ขอโทษค่า”
“ขึ้นรถค่ะ” เธอปล่อยมือออกจากแก้มแดงๆ นั่นแล้วเปลี่ยนไปคว้าข้อมือเขาก่อนจะลากไปขึ้นรถ ถ้าให้เดินไปขึ้นเองคงไม่มีทางแน่ๆ
นี่ขนาดลากไปมันยังฝืดขนาดนี้เลยเท้ามีกาวหรือไงกัน เด็กนี่นิ
ปึก!!
“นี่บ้านเธอเหรอ?” ยูกิถามขึ้นเมื่อปิดประตูรถแล้วเดินตามจูรินะ เขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงพยักหน้าแล้วเดินนำ
“กลับมาแล้วค่ะ” จูรินะเปิดประตูบ้านเข้าไป เจ้ารัจจิที่ได้ยินเสียงก็ใช้ขาสั้นๆ วิ่งมาหาเขา “อ๊า รัจจิ” จูรินะก้มลงอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมากอดแล้วกดจมูกลงบนหัวของมัน
“กลับมาแล้วเหรอลูก อ๊ะ แล้วนั่น?” แม่ของจูรินะโผล่หน้าออกมาต้อนรับก่อนจะอุทานออกมาด้วยความแปลกใจที่เห็นหญิงสาวเดินตามจูรินะเข้ามา
ไม่ทันที่จูรินะจะแนะนำ ยูกิก็ก้มหัวทักทายพลางแนะนำตัวเอง
“ฉันคาชิวากิ ยูกิ เป็นครูติวพิเศษจูรินะน่ะค่ะ” เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เอ๊ะ? ติวเหรอ?” แม่ทวนคำพูดด้วยความสงสัย จูรินะที่เห็นท่าไม่ดีก็ใช้มือข้างที่ไม่ได้อุ้มรัจจิ ถือวิสาสะคว้าข้อมือของยูกิแล้วลากขึ้นห้องอย่างรวดเร็ว
“อ๊า ไม่มีอะไรหรอกแม่ ครูเขาแค่มาเยี่ยมบ้านน่ะ”
“เยี่ยมบ้าน? แล้วแกจะพาครูเขาไปไหนน่ะ จูรินะ เฮ้อ เด็กคนนี้นิ” แม่บ่นไล่หลังจูรินะพลางส่ายหัวเอือมๆ
“นี่ๆ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ แล้วทำไมต้องปิดบังแม่ด้วยห๊ะ?” ยูกิถามขึ้นเมื่อจูรินะปล่อยมือออกแล้วเปิดประตูห้อง เขาหันกลับมามองหน้ายูกิด้วยคิ้วที่ขมวดเป็นปม
“แล้วมีใครอยากให้พ่อแม่ตัวเองรู้ผลการเรียนแย่ๆ ล่ะ”
“กลัวโดนด่าหรือไง?” ยูกิเอ่ยพลางยิ้มมุมปากล้ออีกคน
“ใครไม่กลัวบ้างล่ะ” เขาโยนกระเป๋าตัวเองลงบนเตียงแล้วนั่งเล่นกับรัจจิที่อยู่บนตัก
“งั้นก็ทำคะแนนให้มันได้เยอะๆ สิ” จูรินะถอนหายใจออกมาอย่างแรงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตายูกิแล้วถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย
“ถามหน่อยเหอะ ทั้งโรงเรียนเนี่ยมีฉันคนเดียวเหรอคะที่ตกภาษาอังกฤษน่ะ ทำไมต้องมาประกบแค่ฉัน” สิ้นคำถามทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ยูกิยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากล่างพลางทำหน้านึกซักพักก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา
“ก็เพราะเธอพิเศษไงล่ะ” จบเพียงแค่นั้นจูรินะก็ขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม
อะไรของเขา พิเศษบ้าอะไรวะ
“พิเศษยังไง? โง่ระดับวีไอพีเหรอ?” ยูกิถึงกับขำ
คิดได้ไง…
“ไม่บอกหรอกเดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละ เอาล่ะเริ่มติวได้แล้วมัวแต่คุยไร้สาระ” ยูกิว่าแล้วนั่งลงบนพื้นห้องที่มีโต๊ะเล็กๆ ตั้งอยู่กลางห้อง จูรินะกรอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ แต่ก็ยอมนั่งลงฝั่งตรงข้าม “เอาสมุดเล่มนั้นออกมาด้วย”
จูรินะหยิบสมุดเล่มนั้นออกมาวางไว้บนโต๊ะแล้วฟุบหน้าลงบนโต๊ะ ยูกิที่กำลังจะอ้าปากสอนก็ต้องเปลี่ยนเป็นโวยวายใส่เขาแทน
“นี่ ลุกขึ้นมาเลยนะ ยังไม่ได้ติวเลยนะ จูรินะ” สรุปแล้ววันนี้ก็ไม่ได้ติวแต่เกิดสงครามขนาดเล็กภายในห้องแทน…
……………………………………….
เช้าวันต่อมายูกิมาโรงเรียนด้วยสภาพเหมือนอดหลับอดนอนอันที่จริงก็อดหลับอดนอนแหละถูกแล้ว เพราะเมื่อคืนแทนที่จะได้ติวจูรินะก็เอาแต่ทะเลาะกันเถียงกัน สุดท้ายก็ต้องแยกย้ายเพราะเวลาที่ล่วงเลยไปโดยไร้ประโยชน์
คิดแล้วก็หงุดหงิดเด็กนี่ทำไมถึงได้น่าโมโหแบบนี้นะ คอยดูนะวันนี้เธอจะจัดการขั้นเด็ดขาดให้ดู
“อรุณสวัสดิ์ครับครู” เคนโตะที่โผล่มาจากไหนไม่รู้เอ่ยทักทายเธอจนเธอตกใจ เมื่อตั้งสติได้ก็ยกมือขึ้นมาวางทาบหน้าอกตัวเองที่หัวใจเต้นเร็วจนแทบหลุด
“โอ๊ยย อะไรของเธอเนี่ยยามาซากิซัง ครูตกใจนะ” เธอหันไปโวยวายใส่เขา เขาก็ได้แต่หัวเราะ
“โทษทีครับ ว่าแต่หน้าครูไปโดนอะไรมาทำไมคล้ำแบบนี้เนี่ย” เขาทักใบหน้าเธอพลางก้มลงมามองสำรวจ ยูกิผงะไปด้านหลังเล็กน้อยแล้วเบือนหน้าหนี
“พะ พักผ่อนน้อยน่ะ ครูขอตัวก่อนนะ” เธอเอ่ยจบก็เดินเลี่ยงเคนโตะออกไป
ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังเธอไปก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาบางๆ แล้วเดินไปอีกทาง
จูรินะเดินแปะๆ ไปตามกำแพงโรงเรียนอย่างอ่อนล้า เพราะเมื่อคืนหลังจากที่รบกับยูกิเสร็จก็ว่าจะอาบน้ำนอนซะหน่อย แม่ก็ดันขึ้นมาแล้วซักฟอกเขาซะหมดเปลือก โดนเทศนาไปหลายบทจนลืมเวลานอนเลยทีเดียว
“นี่มันบาปกรรมอะไรของฉันวะเนี่ย…”
“บ่นไรวะ?”
“เย้ยยยย โอยยยมายุ ตกใจนะเนี่ย” จูรินะสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อเสียงคุ้นๆ นั้นดังข้างหู
“ตกใจอะไรขนาดนั้น แล้วนี่แกติดแผ่นมาร์คหน้าลายหมีแพนด้ามาทำไมวะ”
“มาร์คหน้าบ้านแกดินี่หน้าฉันเว้ย”
“ไปโดนไรมาวะ หรือว่าโดนครูคาชิวากิตบ แกไปลวนลามครูเขาเหรอวะอิจู” จูรินะทำหน้าเอือมๆ ใส่กับความคิดแปลกๆ ของมายุ
“แกหยุดมโนแล้วฟังฉันบ้างก็ได้นะคะอิย้วย” แล้วจูรินะก็เดินจากไปปล่อยให้มายุที่กำลังยืนขำต้องรีบวิ่งตาม
TBC.
……………………………………….
ไปแบบสโลวไลฟ์
ว่าแต่…งงกันไหม ทำไมมันแปลกๆ งืมมม
นั่นไง ว่าแล้วเชียวว่าจูกับเคนโตะต้องไม่กินเส้นกันแหงมๆ(ถึงจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไรก็เถอะ)
แล้วก็ว่าแล้วว่าคนรับบอลต้องเป็นเคนโตะ โอ้ว เดาถูกหลายเรื่องเว้ย ฮ่าๆๆ
อะไรนะ ยูกิไม่ชอบหล่อทะเล้น(เจ้าชู้) แต่ชอบหล่อเย็นชา ใครกันน๊าา หล่อเย็นชาเนี่ย ไม่รู้เลยนะเนี่ย หุหุ
เกลียดเคนโตะจังเลย คิดอะไรอยู่ จะจีบยูกิเรอะ บอกแล้วว่าคนนี้ของจู ห้ามใกล้!!
เดี๋ยวปั๊ดตั๊นหน้าให้หมดหล่อเลย ของขึ้นๆ บังอาจเอาหน้ามาใกล้ยูกิ คิดจะจูบเรอะ $%^!*^&^% #อินี่มันบ้า โปรดข้าม…
อีกอย่าง ยูกิเค้าสนใจแต่จูเว้ย ไม่สนใจเบนโตะ เอ้ย เคนโตะเลย ฮ่า สะจายยย
อยากรู้เหตุผลที่จูเกลียดวิชานี้จัง เดาว่าต้องเกี่ยวกับเคนโตะแน่ๆ(โทษหมอนี่ตลอด)
เคนโตะอย่าไปยุ่งกะเค้าเลย ปล่อยจูยูกิให้เค้าสวีทกันไป (ส่วนนายมาอยู่ในอ้อมกอดเจ้ซะ //เดี๋ยวนะ?!)
ไม่ทันไรก็พาครูขึ้นห้องล้ะ จูเธอนี่แอบร้ายยยย ผู้บ่าวเคนโตะม่อแทบตายยังโดนกิรินเอือม
แต่เคนโตะนี่แลร้ายอ่ะ น่ากลัวมีลอบยิ้ม แบบนี้ต้องเปลี่ยนจากเคนโตะเป็นเบนโตะแล้วกินซะให้เข็ด//ไม่ใช่ล้ะ
เป็นเพื่อนเก่าที่เป็นอริกับจูสินะ มันต้องเคยมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ อืมมมม แต่อย่าหวังจะแข่งหล่อกับจูเลย เจ้เตือนแล้วนะ555
บักเคนโตะนี่ เคยแย่งแฟนจูรินะมาก่อนรึเปล่าเนี่ย
ดูน้องจะเหม็นเอามากๆ
แล้วอะไร ติวกันในห้องส่วนตัวเชียว
แหม่….
ที่เคนโตะรับลูกบอลแทนเพราะชอบจนอยากปกป้องจริงๆหรือแค่อยากทำคะแนนกับยูกิกันแน่นะ
หรือว่าอยากให้มีคนสนใจตัวเองมากกว่าจู? ทำนองว่าอิจฉาหรือมองเห็นจูเป็นคู่แข่ง
มีประโยคนึงในตอนล่าสุดนี้ที่รู้สึกว่าอาจจะแฝงความหมายบางอย่างไว้ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ฮ่าๆๆๆ
แต่ยูกิเหนื่อยง่ายจริงๆนะ เหนื่อยเร็วมาก เพราะแก่แล้วสินะ…(?)
ยูกิซัง…