[FIC] Double Love (Yuki X Mayu X Paru X Yui Feat.ETC) CH.6 เราสองสามคน(?) Up! 10/05/2016

1 | 2 | 3 | 4 | 5

6 | 7 | 8 | 9 | 10

Intor

วันนี้เป็นวันแถลงข่าวเกี่ยวกับคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ของเธอในฐานะนักร้องคนหนึ่ง ถึงแม้ตอนนี้เธอจะได้รับโอกาสในงานแสดงมากขึ้น แต่งานร้องเพลงนั้นเธอไม่คิดจะทิ้งมันไปแน่นอน เพราะเป็นก้าวแรกที่ทำให้หญิงสาวโด่งดังมีชื่อเสียง

“ตอนนี้คุณยูกิมีผลงานอะไรให้แฟนคลับได้ติดตามกันบ้างคะ?”

พิธีกรสาวเอ่ยถามคาชิวากิ ยูกิ หญิงสาววัย 32 ปี รูปร่างสูง หุ่นดี ใบหน้าสวย ผมยาวดัดเล็กน้อยสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังนั่งถือไมค์พร้อมกับฟังคำถามอยู่ด้วยความตั้งใจ ก่อนจะยกไมค์ขึ้นมาจ่อปาก เพื่อตอบคำถาม

“นอกจากจะมีการทัวร์คอนเสิร์ตที่จะถึงในเร็วๆนี้ ตอนนี้ก็มีละครแนวรักโรแมนติกที่กำลังจะออนแอร์ด้วยค่ะ แล้วก็กำลังมีซิงเกิ้ลใหม่ในเร็วๆนี้ด้วยนะคะ”

ยูกิตอบกลับพร้อมกับทำตาวิ้งค์ใส่เหล่าแฟนคลับที่ยืนอยู่หน้าเวทีแถลงข่าว ซึ่งเรียกเสียงกริ๊ดจากเหล่าแฟนคลับได้ดีอีกด้วย

นอกจากนั้นยังมีพวกนักข่าวต่างกดชัตเตอร์กล้องกันอย่างไม่หยุดหย่อน เพื่อให้ได้ภาพที่ดีที่สุดในการทำข่าว เพราะว่ายูกินั้นเป็นดาราคนหนึ่งโด่งดังเป็นอย่างมาก ถึงจะอายุขึ้นเลข 3 แต่ความนิยมของเธอยังคงพุ่งสูงอย่างไม่หยุดไม่หย่อน

“แหม…งานเยอะอย่างนี้ จะมีคนมาช่วยดูแล…หัวใจหรือเปล่าคะเนี่ย? ว่าแต่ข่าวลือที่ว่าแอบกุ๊กกิ๊กคุณมัตสึอิ เรนะนี่เป็นความจริงหรือเปล่าคะ?”

พิธีกรสาวพูดเว้นประโยค เพื่อหยอกล้อดาราสาวพร้อมกับถามคำถามไปในตัว

“ฉันกับเรนะจัง เราเป็นแค่เพื่อนสนิทกันค่ะ เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยม.ปลาย เพราะฉะนั้นเราเลยสนิทกันมาก แต่ไม่มากไปกว่าเพื่อนแน่นอนค่ะ”

“อย่างนี้หนุ่มสาวหลายคนก็แอบมีหวังขึ้นมาน่ะสิคะเนี่ย เพื่อเป็นการยืนยันสถานะหัวใจตอนนี้ของคุณยูกิ ดิฉันและเหล่าแฟนคลับอยากฟังสถานะหัวใจของคุณยูกิแบบชัดๆว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ?”

“สถานะหัวใจของฉันตอนนี้…โสดสนิท ไม่มีคนรู้ใจค่ะ วิ้งค์~”

ติ๊ด!

เด็กสาวร่างเล็ก หน้าตาน่ารัก ผมยาวหน้าม้าตรงสีดำขลับ เธอสวมใส่เสื้อฮู้ดอันเป็นเอกลักษณ์ ใบหน้าภายใต้หมวกฮู้ดที่สวมอยู่บ่งบอกถึงความไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะโยนหมากฝรั่งเข้าใส่ปาก แล้วเคี้ยวมัน เพื่อระบายความหงุดหงิดในใจ หลังจากกดรีโมตปิดเจ้าจอLEDขนาดใหญ่

“กลับมาแล้วค่าาา~ นี่! มะม๊าบอกแล้วใช่ไหมคะ? ว่าอยากใส่หมวกฮู้ดในที่ร่ม เดี๋ยวผมก็ร่วงหรอกค่ะ”

เสียงดุเตือนของหญิงสาวร่างเล็กวัย 29 ปีที่มีหน้าคล้ายคลึงกับเด็กสาวเป็นอย่างมาก มีความแตกต่างแค่ทรงผมที่สั้นปะบ่ากับบุคลิกที่ดูเป็นผู้ใหญ่

“หนูก็ไม่เห็นว่ามันจะผมร่วงอย่างที่มะม๊าบอกเลยนี่ค่ะ”

“เฮ้อ…เชื่อมะม๊าหน่อยเถอะ ว่าแต่เมื่อกี้มะม๊าเห็นหนูดูทีวีอยู่นี่ลูก เมื่อกี้หนูดูอะไรอยู่คะ?”

หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนพร้อมกับเดินเอาถุงผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ไปเก็บในตู้เย็น

“ดูปะป๊าโกหกคนอีกแล้วน่ะคะ…”

น้ำเสียงที่ปนความไม่พอใจเล็กน้อยตอบไปหาผู้เป็นแม่ ก่อนจะหยิบหมากฝรั่งในปากที่เคี้ยวจนหมดความหวานแล้วใส่กระดาษ แล้วโยนทิ้งในถังขยะพร้อมกับวิ่งเสียงดังขึ้นไปบนห้อง ซึ่งทำให้คนเป็นแม่รับรู้ได้ว่าเด็กสาวต้องหงุดหงิดกับคำตอบผู้ให้กำเนิดอีกคนแน่นอน…

“เอาอีกแล้วนะคาชิวากิ ยูกิ…”

………………………………………………………….

Hi~ เป็นเรื่องแรกในการแต่งฟิค48นะครัช

ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

ขุ่นแม่ กลับมาบ้านมีตายอ่ะ 555555

 

รออยู่นะคร๊าบบบบบ

กรี๊ดดดปะป๊ากิรินนนน มะม๊ามายุ(ใช่ม้ะ) และเจ้าตัวน้อย>< ความเป็นครอบครัวนี่มัน…อิ่มเอิบ

แต่…เรื่องนี้จะแอบมีดราม่าหรือเปล่านะ แต่ชื่อเรื่องก็ดูกุ๊กกิ๊กดีนะ(ในความรู้สึกเรา555)

 

ปล. ในส่วนของเจ้าตัวน้อยที่หน้าเหมือนมะม๊านั้น…ว๊ายยย กรี๊ดกร๊าดมาก โลลิอะไรเช่นนี้ มันช่างน่ารักกรุบกริบ น่าขโมยมาเลี้ยงซะเหลือเกิน //เอื้อ! โดนพี่กรฟาดด้วยท่อเหล็ก

โอ๊ย อ่านแค่อินโทรก็ละมุนละ >< ปะป๊า หม่าม๊า น่าร๊ากกกกก

อ่านมาถึงล่างๆ แล้วก็ ‘เฮ้ย.. เดี๋ยวนะ’ ต้องสแกนใหม่อีกรอบ

ผญ ทั้งคู่นี่นา แล้ว ปะป๊า มะม๊า นี่หมายความว่ายังไงคะ ฮ่าๆๆๆๆๆ แนวดราม่า ปัญหาชีวิตก็ดีนะคะ เราชอบ ^^

ดูจากแท็กแล้วคู่ก็คงตามแท็กสินะ รอเบิ้ลอินะคะ เย้!

เอ๊ะ อะไร ยังไง รอครัชชชชไรต์ ^^

เอ่อ~แค่อินโทก็มาละ รอๆ

ปะป๊า?! รอๆค้าาาาา

Double Love 1~

    “โย่วววว~ หวัดดีทุ๊กคนนนน~”

    น้ำเสียงอันร่าเริงของหญิงสาวใบหน้าทะเล้นที่ยิ้มแฉ่งจนเห็นเขี้ยวเล็กๆ และลักยิ้มทั้งสองข้างอันดูมีเสน่ห์แห่งความสดใสส่งตรงถึงคนรอบข้างได้ยิ้มขึ้นมา

    “นึกว่าแกจะไม่มาซะอีกนะเนี่ย ตาลุงยูโกะ”

    ทากาฮาชิ มินามิ หรือทากามินะ หญิงสาวร่างเล็ก ส่วนสูง148.5 ซม. เอ่ยปากแซวเพื่อนสนิทจอมสายของกลุ่มด้วยความคุ้นเคย

    วันนี้เป็นวันที่พวกเธอมาฉลองในวันจบการศึกษา ซึ่งพวกเธอในกลุ่มนัดกันมาฉลองความสำเร็จที่ผับของอิตาโนะ โทโมมิ หรือโทโมะจิน แต่ชื่อในตอนเรียนม.ปลายนั้นคือ ชิบุยะ

    เนื่องจากโทโมะจินเป็นลูกสาวของผู้มีอิทธิพลในญี่ปุ่น การจะปิดผับตัวเอง เพื่อเลี้ยงฉลองความสำเร็จจึงทำได้อย่างง่ายดาย

    “วันนี้ฉันพาน้องสาวแท้ๆของฉันมาด้วยแหละ”

    ยูโกะพูดพร้อมกับกอดอกด้วยความภูมิใจ ซึ่งทำให้ทุกคนต่างพากันสอดส่องมองหาตัวน้องสาวของร่างเล็กจอมทะเล้นด้วยความสนใจ

    “หวังว่าน้องสาวของแกจะไม่เป็นแบบแกนะ ไม่งั้นไมเกรนฉันขึ้นแน่ๆ”

    ชิโนดะ มาริโกะ หรืออีกชื่อว่าซาโดะ หญิงสาวร่างสูงบ่นออกมาด้วยใบหน้าที่เบื่อหน่าย ถึงอยากจะรู้จักน้องสาวของยูโกะก็เถอะ แต่อีกครึ่งนึงก็แอบกลัวว่าตัวเองจะปวดทั้งหัวอย่างรุนแรง

    “น่าๆ เห็นน้องฉันแล้วจะอึ้ง”

    “มาเร็วๆเถอะ…พวกฉันรอนานแล้ว…”

    น้ำเสียงเย็นๆของคาชิวากิ ยูกิที่กำลังนั่งถือแก้ววิสกี้วนไปมาด้วยใบหน้านิ่ง แต่ไม่ทำให้ยูโกะรู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่น้อย

    “โอเคๆ ฉันจะพาน้องฉันมาล่ะ รอแปปนะ”

    ยูโกะรีบวิ่งออกไปทางประตู ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ทรงผมทวินเทลหน้าม้าตรงที่ดูเหมือนตัวการ์ตูนน่ารักๆ ทำให้คนในกลุ่มถึงกับจ้องมองด้วยความตะลึง

    “อร้ายยยย~ น่ารักจังเลย ชื่ออะไรเหรอ? อายุเท่าไหร่เอ่ย?”

    เสียงเอ่ยถามของมัตสึอิ เรนะ หรือเกคิคาระ หญิงสาวร่างบาง ใบหน้าดูมีบุคลิกที่ดูแสนใสซื่อบริสุทธิ์ ทั้งที่ความจริงคือโลลิค่อนตัวแม่… ซึ่งเรนะมองเด็กสาวด้วยสายตาที่เป็นประกายจนยูโกะต้องรีบกอดน้องสาวตัวเองเอาไว้ เพื่อคอยกันเพื่อนสนิทรสนิยมโลลิค่อน

    “ชื่อวาตานาเบะ มายุค่ะ อายุ 15 ปี…”

    เด็กสาวตอบกลับด้วยท่าทางเขินอาย เพราะไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวหรือสังสรรค์อะไรเหมือนกับผู้เป็นพี่ วันๆเธอก็เอาแต่หมกตัวอ่านหนังสืออยู่ในห้องนอนทุกวัน แต่ที่มาที่นี่กับพี่สาวแท้ๆด้วย ก็เพราะว่าเกรงใจที่พี่สาวอุตส่าห์ชวนมา แถมเป็นวันจบการศึกษาของยูโกะอีก มายุจึงปฏิเสธพี่สาวตัวเองไม่ลง

    “งั้นมานั่งกับพี่เรนะจังนะคะ เดี๋ยวพี่เรนะเลี้ยงทุกอย่างเอง อยากกินอะไรเอ่ย?”

    เรนะเดินเข้าไปผลักยูโกะออกพร้อมกับเนียนไปโอบไหล่ของเด็กสาวทันที

    “เฮ้ยๆ ไม่ต้องเลย ฉันไม่ให้แกดูแลหรอก ยูกิ ช่วยดูแลน้องสาวฉันด้วย ฉันมีธุระจะคุยกับโทโมะจิน มาริโกะ ทากามินะ และก็แก…เรนะ…”

    ยูโกะเอ่ยชื่อคนสุดท้ายด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ก่อนจะเดินนำไปชั้นบนของผับทันที ซึ่งคนที่ถูกเรียกชื่อก็เดินตามไปด้วยความมึนงงเล็ก แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร อาจจะมีธุระสำคัญอยู่ก็ได้

    “มานั่งตรงนี้สิมายุจัง จะดื่มอะไรไหมคะ?”

    ยูกิเรียกเด็กสาวให้มานั่งบนโซฟาใกล้ๆกับตนเองพร้อมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
    “ขอน้ำเปล่าก็แล้วกันค่ะ”

    “โอเค เดี๋ยวพี่สั่งให้นะ มิโอริน…มานี่หน่อยสิ”

    ร่างสูงกวักมือเรียกอิชิคาวะ มิโอริ หรือมิโอริน หญิงสาวร่างเล็กที่มีบุคลิกและนิสัยดูเด็กน้อย แถมยังบ้าสะสมเกี่ยวกับเลม่อนจนคนรอบข้างแอบเอือม…

    “ขอน้ำเปล่าใส่น้ำแข็ง และก็Shochu on rock (เหล้าญี่ปุ่น)ด้วยนะ อ่อ! เอาน้ำแข็งมาเติมด้วย”
    “รับทราบค่ะ เดี๋ยวเฟรชเลม่อนจะรีบเอามาให้เลยค่าาาา~”

    มิโอรินตอบรับด้วยน้ำเสียงที่แสนร่าเริง ก่อนจะรีบเดินไปเอาเครื่องดื่มตามที่ยูกิสั่ง
    

……………………………………………………………………………………………

 

    “อ้าว? เหล้าเหลือแค่นี้เองเหรอเนี่ย?”

    มิโอรินพูดขึ้นมาด้วยความสงสัย เพราะจำนวนขวดเหล้าช่างน้อยกว่าที่ลูกค้าระดับVIPต้องการ ก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้าน เพื่อไปหาพวกเครื่องดื่ม ร่างเล็กเดินเปิดตามตู้ที่เก็บเหล่าเครื่องดื่มราคาแสนแพงมากมาย แต่กลับไม่พบสิ่งที่ต้องการเลย

    “ลองไปหาในตู้เย็นดูดีกว่า เผื่อว่านานะจะเก็บเอาไว้”

    หญิงสาวเดินไปเปิดตู้เย็น ก่อนจะคิ้วขมวดด้วยความสงสัย เพราะพบขวดที่คล้ายขวดเหล้าญี่ปุ่นแต่เป็นขวดสีเหลืองอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีกระดาษเขียนตัวหนังสือสีแดงเข้มว่า…

    ‘ห้ามใช้!!!!’

    “อันนี้ล่ะมั้ง? ห้ามใช้เหรอ? คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง? อิอิ”

    มิโอรินหยิบขวดเหล่านั้นมาสี่ห้าขวดโดยที่ไม่ลืมแก้วน้ำเปล่านั้นมาด้วย ก่อนจะวางลงบนถาดพร้อมกับถือถังใส่น้ำแข็งออกมาด้วยความชำนาญ

    “Shochu on rockกับน้ำเปล่าเย็นๆค่าาาา~”

    “อ้าว? เอาน้ำมาให้แก้วเดียวเหรอ?”

    ตายแล้ว…นึกว่าน้ำเปล่าแก้วเดียว

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ น้ำเปล่าแก้วเดียวก็พอแล้วค่ะ”

    มายุพูดขึ้นมา เพื่อช่วยมิโอริน เพราะไม่อยากให้มิโอรินต้องมีปัญหาจากตัวเอง

    “จะดีเหรอมายุ?”

    “ดีแล้วค่ะ มายุไม่อยากให้พี่เขาต้องลำบาก”

    ยูกิพยักหน้าเบาๆด้วยความเข้าใจ ก่อนจะหยุดชะงักเล็กน้อย เนื่องจากเสียงริงโทนมือถือของตนดังขึ้นมา

    “ว่าไงยูโกะ อ้อ…ได้ๆ เดี๋ยวฉันดูแลน้องแกให้ อืม…ถ้ามันดึกมากเกินไป เดี๋ยวฉันไปส่งน้องแกเอง เฮ้ย! มายุจัง! เปล่า ไม่มีอะไร งั้นแค่นี้ก่อนนะ”

    ติ๊ด!

    ยูกิคุยกับยูโกะที่โทรเข้ามาขอให้ช่วยดูแลน้องสาว ก่อนจะกดตัดสายลงไปเมื่อเห็นเด็กสาวรินน้ำในขวดเหล้าใส่พร้อมกับดื่มเข้าไปจนหมดแก้วอย่างรวดเร็ว

    “มายุจัง นั้นมันเหล้านะ มายุยังอายุน้อยอยู่ ยังดื่มไม่ได้นะคะ”

    ยูกิพูดพร้อมกับรีบคว้ามือของมายุอย่างรวดเร็ว เพราะเด็กสาวกำลังรินเต็มอีกรอบด้วยความติดใจ

    “ก็มันอร่อยนี่ค่ะ ไม่เห็นเหมือนเหล้าเลย~~”

    น้ำเสียงยืดยานของมายุบ่งบอกว่าเด็กสาวเริ่มโดนฤทธิ์ของน้ำเมานี่ซะแล้ว

    “ไม่ได้นะคะ มานี่ค่ะ เดี๋ยวพี่ดื่มเอง”

    ยูกิคว้าแก้วเหล้าในมือของร่างเล็ก แล้วยกดื่มทันที ซึ่งทำให้เจ้าตัวแอบนิ่วหน้าใส่ด้วยความสงสัยเล็กน้อย

    ทำไมรสชาติมันแปลกๆ…

    “เฮ้ยๆ มายุ! พี่บอกแล้วไงว่าอย่าดื่ม…”

    ยูกิพยายามแย่งแก้วเหล้าออกจากเด็กสาวจนเสียหลัก ทำให้มายุเข้ามาสู่อ้อมกอดของเธอด้วยความไม่ตั้งใจ

    “ให้มายุดื่มเถอะนะคะ พี่ยูกิรินก็ช่วยดื่มเป็นเพื่อนมายุด้วยนะ~”

    เด็กสาวทำหน้าอ้อนพร้อมกับยิ้มยั่วจนร่างสูงแอบกลืนน้ำลายลงคอดังเฮือกใหญ่ คนอายุมากกว่าเริ่มมองตั้งแต่ใบหน้าน่ารักอันไร้เดียงสา แล้วมองไปที่ดวงตาใส จมูกสวย และริมฝีปากอันแสนน่าจูบ…

    เป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มรู้สึกว่าทั้งร่างกายมันร้อนผ่าวจนอยากหาน้ำเย็นๆมาดับมัน แต่ความคิดด้านมืดกลับอยากให้เด็กสาวตรงหน้าดับความร้อนให้มากกว่า…
    

…………………………………………………………………………………………..

 

    หลังจากดื่มกันไปหลายขวด ยูกิก็พาเด็กสาวมาพักที่คอนโดส่วนตัวที่อยู่ไม่ไกลมานักพร้อมกับรวบรวมสติส่งข้อความไปหายูโกะ
 

    เดี๋ยวตอนเช้าฉันจะไปส่งมายุเอง ไม่ต้องห่วงนะ – ยูกิ
 

    ร่างสูงประคองคนตัวเล็กอย่างทุลักทุเล เพราะตนเองก็โดนฤทธิ์ของเหล้าเล่นงานเช่นกัน แต่ยังพอมีสติมากกว่าอีกคนที่ตอนนี้น่าจะเข้าสู่นิทราไปเรียบร้อยแล้ว…
 

    ฟึ่บ!
 

    ยูกิล้มลงพร้อมกับเด็กสาวบนเตียงนอนไซส์คิง ซึ่งทำให้เด็กสาวลืมตาตื่นขึ้นมา ก่อนจะยกมือพาดที่คอของคนตัวโตกว่าด้วยแววตาที่หยาดเยิ้ม
 

    “ม…มายุจัง…”
 

    น้ำเสียงของยูกิสั่นเครือด้วยความตื่นเต้น ยิ่งใกล้ชิดมากเท่าไหร่ ใจยิ่งเต้นแรงมากขึ้นเท่านั้น ใบหน้าห่างกันแค่ไม่กี่คืบ ทำให้รับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน
 

    มือเรียวของร่างสูงลูบใบหน้าสวยของคนข้างล่างพร้อมกับส่งสายตาอันแสนอ่อนโยนให้ ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าก้มลงไปมอบจูบแสนหวานให้เด็กสาวอย่างนิ่มนวล แล้วค่อยพร้อมระดับให้ร้อนแรงมากยิ่งขึ้น คนอายุมากกว่าค่อยๆสอดลิ้นเข้าไปในโพลงปาก เพื่อหารสชาติความหวาน ซึ่งมายุก็โต้ตอบกลับไปด้วยความไร้เดียงสา
 

    “เพิ่งเคยจูบครั้งแรกเหรอ?”
 

    มายุพยักหน้าเบาๆพร้อมกับหันหน้าหนีไปทางอื่นด้วยความเขินอาย แต่ยูกิก็ค่อยจับใบหน้าให้หันมาสบตากับตน
 

    “ขอโทษนะ ฉันห้ามใจตัวเองไม่ไหวแล้วล่ะ”
 

    ยูกิพูดเชิงขอขึ้นมา ก่อนเด็กสาวจะค่อยๆเลื่อนมือขึ้นมากุมกับมือของอีกคนเบาๆ
 

    “ช่วยอ่อนโยนกับมายุด้วยนะคะ”
 

    “ได้สิคะ ครั้งแรกของเราสองคน พี่จะทำอย่างอ่อนโยนที่สุดค่ะ”
    

………………………………………………………………………..

 

    1 เดือนต่อมา
 

    หลังจากคืนนั้นผ่านไป ทั้งมายุและยูกิก็ไม่ค่อยได้พบกันบ่อยนัก เพราะมายุและยูกิติดเรื่องเรียนกันทั้งคู่ จึงไม่ค่อยมีเวลามาพบกันสักเท่าไหร่
 

    “แม่ว่ามายุดูแปลกๆนะยูโกะ”
 

    คุณนายวาตานาเบะ ยูมิโกะเอ่ยถามลูกสาวคนโตที่ใช้นามสกุลโอชิม่าตามความต้องการของคุณตาของยูโกะ ส่วนมายุได้ใช้นามสกุลของผู้เป็นพ่อแทน
 

    “แปลกยังไงอ่ะแม่?”
 

    “ก็ช่วงนี้น้องดูกินเยอะผิดปกติ แต่ก่อนเกลียดผักจะตาย แต่ทำไมช่วงนี้ถึงได้ชอบกินผัก”
 

    “น้องอยากเปลี่ยนความชอบหรือเปล่าคะแม่?”
 

    “แม่ว่าไม่นะ ช่วงนี้แม่เห็นน้องอาเจียน คลื่นไส้บ่อยๆจนแม่แอบหวั่นใจ กลัวจะเป็นแบบตอนมีเรากับน้องน่ะสิ”
 

    ยูโกะถึงกับขำพรืดออกมากับความคิดผู้เป็นแม่
 

    “ฮ่าๆๆ แม่ค่ะ น้องจะเป็นอย่างนั้นไปได้ไง นอกจากหนู ก็มีแต่ไอ้ยูกิเท่านั้นแหละที่สนิทกับมายุน่ะคะ”
 

    “อ้อ…หนูคาชิวากิคนนั้นน่ะเหรอ? แม่ค่อยโล่งใจหน่อย…”
 

    เพล้ง!!!!
 

    “เฮ้ย!!!! มายุ!!!!!!”
  

 สองแม่ลูกตะโกนดังขึ้นมาด้วยความตกใจที่เห็นมายุเป็นลมล้มลงบนพื้นในขณะที่กำลังถือจานไปล้างในครัว
 

…………………………………………………………………………………….

 

    “หมอขอแสดงความดีใจด้วยนะครับ คนไข้ตั้งท้องได้ 1 เดือนแล้วครับ”
 

    “เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวก่อนนะหมอ หมอตรวจผิดหรือเปล่าคะ?”
 

    ยูโกะถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ และไม่ยอมรับ
 

    “ตอนแรกหมอก็คิดแบบคุณนั้นแหละ แต่หมอตรวจหลายครั้งแล้ว ผลก็ออกมาเหมือนเดิม หมอขอตัวก่อนนะครับ ต้องไปตรวจคนไข้ต่อ”

 

    คำยืนยันของคุณหมอหนุ่มทำเอายูโกะแทบล้มทั้งยืน ก่อนจะรีบเดินไปหาน้องสาวด้วยใบหน้าอันบึ้งตึง
 

    “แกบอกมานะว่าแกไปมีอะไรกับใครเขามา”

 

    ยูโกะถามด้วยน้ำเสียงที่โกรธ ซึ่งทำให้มายุถึงกับสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อย
 

    “ใจเย็นนะยูโกะ ค่อยๆพูด ค่อยๆจากับน้องก็ได้ น้องกลัวลูกแล้วเห็นไหม?”
 

    ยูมิโกะบอกยูโกะด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับกอดปลอบลูกสาวคนเล็กที่ร้องไห้ด้วยความกลัว
 

    ยูโกะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพื่อระบายอารมณ์ให้ตัวเองใจเย็นลง
 

    “ตั้งแต่วันนั้นที่ดื่มกับพี่ยูกิค่ะ นอกจากพี่ยูกิแล้ว มายุก็ไม่เคยยุ่งหรือมีอะไรกับใครเลย”
 

    “แล้วมันจะท้องได้ไง มายุกับยูกิเป็นผู้หญิงทั้งคู่ เล่ามาสิว่าเรื่องมันเป็นยังไง?”
 

    มายุค่อยๆปรับน้ำเสียงไม่ให้สั่น ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ยูโกะถึงกับคิดภาพตาม เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้น้องสาวตนเองเป็นเช่นนี้
 

    “ขวดเหล้านั้นขวดสีเหลืองเหรอ?”
 

    “ค…ค่ะ เท่าที่มายุจำได้ มันเป็นขวดสีเหลืองค่ะ พี่มิโอรินเอามาให้ มายุนึกว่ามันเป็นน้ำเปล่า เลยดื่มมันเข้าไปค่ะ”
 

    “มายุ…พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกอะไรเลย คือ…ขวดสีเหลืองพวกนั้นเป็นการทดลองของพี่กับพวกเพื่อนๆในกลุ่มพี่เอง ยูกิมันไม่รู้เรื่องนี้เลย”
 

    ยูโกะบอกน้องสาวตนเองด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ซึ่งทำให้ผู้เป็นแม่และน้องสาวยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
 

    “คือ…มีชาวต่างชาติแถบยุโรปต้องการยาที่เวลามีอะไรกันแล้วสามารถเกิดตั้งท้องได้ ซึ่งยูโกะทำให้กับกลุ่มคนรักร่วมเพศน่ะคะ ตอนแรกจะให้ลูกค้าเป็นคนทดลอง แต่ไม่คิดว่าน้องสาวตัวเองจะมาทดลองแทน พี่ขอโทษนะมายุ…”
 

    ยูโกะก้มลงโค้งขอโทษน้องสาวทั้งน้ำตา เพราะยาที่ตนเองและพวกเพื่อนในกลุ่มช่วยกันคิดค้น และทำมันจนสำเร็จ ถึงทำให้น้องสาวที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาเผชิญความโชคร้าย
 

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ในเมื่อเขาอยากเกิดมา มายุก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ขอแค่พี่ยูกิรักเขาด้วยก็พอแล้วค่ะ…”
    

……………………………………………………………………………….

 

    “อะไรนะ!? เพราะยาที่พวกแกทดลอง แถมไม่บอกฉัน ทำให้มายุมีลูกกับฉันเหรอ!?”
 

    ยูกิถึงร้องดังออกมาด้วยความตกตะลึงเมื่อยูโกะมาบอกข่าวดีกับเธอถึงห้องเลยทีเดียว
 

    “ก็เอออ่ะดิ เพราะยัยมะนาวบ๊องดันไปหยิบขวดพวกนั้นเข้า แกเลยได้เป็นพ่อคนเลยไง”
 

    “เฮ้ย! แต่ฉันเป็นผู้หญิงนะ ลูกจะไม่งงแย่เหรอ?”
 

    ยูโกะถึงกับกรอกตามองบนกับความบื้อของว่าที่น้องเขย
 

    “ก็แกไม่ได้อุ้มลูกแกนี่ เลือดเนื้อเชื้อไขครึ่งนึงของแกก็อยู่กับเด็กในท้องของน้องฉัน ยังจะมีหน้าอยากเป็นแม่อีกเหรอฟะ!!!!”
 

    “ก็คนมันสับสนอ่ะ ว่าแต่ลูกของฉันกับมายุแท้ๆเลยใช่ป่ะ?”
 

    “อืม…”
 

    ยูกิถึงกับยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เพราะว่าตัวเองตกหลุมรักเด็กสาวตั้งแต่แรกพบ หลังจากคืนนั้นที่ไม่ได้พบกัน ยูกิก็เอาแต่คิดถึงมายุมาโดยตลอด
 

    “แต่ว่า…ฉันกำลังจะเป็นนักร้องสังกัดชื่อดังอ่ะ ฉันควรทำยังไงดี?”
 

    หลังจากนั้นเป็นต้นมาทั้งยูกิและมายุได้จัดงานแต่งงานเล็กๆที่โบสถ์ เชิญแค่คนในครอบครัวและเพื่อนสนิทที่สุดที่ไว้ใจได้เท่านั้น เพราะยูกิกำลังโด่งดังการเป็นนักร้องไอดอล และก็ได้ซื้อบ้านมาอยู่กับลูกและคุณภรรยาโดยมีระบบรักษาความปลอดภัย แถมปิดความลับไว้ด้วยการซื้อบ้านอีกหลัง เพื่อไม่ให้คนรู้บ้านที่แท้จริงของตนกับครอบครัวเด็ดขาด
 

    พอ 8 เดือนต่อ มายุก็ได้คลอดลูกสาวคนแรกออกมาอย่างปลอดภัย ทำให้ยูกิถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ร้องไห้โฮด้วยความดีใจจนเช้า
 

    ทั้งสองตั้งชื่อลูกสาวตัวน้อยว่า วาตานาเบะ เนซุมิ เนื่องจากทั้งคู่ฝันเห็นหนูแฮมเตอร์หน้าตาน่ารักเหมือนกัน เลยตั้งชื่อตามที่ฝันมา ถึงแม้จะโดนยูโกะสวนกลับว่างมงาย แต่พวกเธอก็เลือกที่จะตั้งชื่อแบบนี้แหละ เพราะยัยหนูน้อยคือแก้วตาดวงของทั้งสอง ส่วนเรื่องนามสกุล เนื่องจากยูกิเป็นนักร้องไอดอลที่กำลังโด่งดังเป็นอย่างมาก จึงให้ลูกสาวตัวน้อยใช้นามสกุลของผู้เป็นแม่แทน แล้วเมื่อไม่นานมานี้ทั้งสองก็พากันไปจดทะเบียนคู่ชีวิตกันอย่างลับๆ
    

………………………………………………………………………………….

 

กลับมา ณ ปัจจุบัน

 

    “กลับมาแล้วจ้าาาาา~”

 

    น้ำเสียงอันแสนร่าเริงของยูกิตะโกนบอกคนในบ้านพร้อมชูถุงทั้งอาหารและพวกขนมนมเนยมาหลายถุง

 

    “กลับมาแล้วเหรอคะ….”

 

    น้ำเสียงแสนเย็นของคุณภรรยา ทำให้ยูกิถึงกับหุบยิ้มลง ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่นั่งมองอยู่ด้วยสายตาไม่พอใจ

 

    “ทำไมมายูยุมองยูกิรินแบบนั้นล่ะคะ? กิรินทำอะไรให้มายูยุโกรธเหรอคะ?”

 

    ยูกิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแบ๊วๆ ก่อนจะวางถุงต่างๆลงบนโต๊ะทานข้าว แล้วเดินไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าแล้วกุมมือของคนรักทันที ซึ่งทำให้อารมณ์ของมายุที่กำลังคุกรุ่นนั้นเบาบางลง

 

    “เฮ้อ…ทำไมมายูยุต้องใจอ่อนให้ยูกิรินตลอดเลยนะ”

 

    มายุส่ายหัวไปมาเบาๆด้วยความไม่เข้าในตัวเอง ก่อนจะตาโตขึ้นมา เมื่อถูกคนรักยืดตัวจูบบนริมฝีปากสวย ร่างสูงขบเม้มริมฝีปากคนรักเบาๆพร้อมกับสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปาก สองลิ้นตวัดกันไปมา เพื่อรับรสหวานกันตามความปรารถนา ก่อนที่ยูกิจะถอนจูบออกมา เพราะคนตรงหน้าเริ่มหายใจไม่ทัน

 

    “เพราะมายูยุรักยูกิรินไงค่ะ ไหนลองบอกยูกิรินมาสิว่ามายุโกรธอะไรยูกิรินคะ?”

 

    มายุถึงกับยิ้มกว้างขึ้นมาด้วยความเขินอายในท่าทางแสนน่ารักของคนรัก ก่อนจะตอบคำถามกลับไป

 

    “วันนี้คุณมีงานสัมภาษณ์หรือออนแอร์อะไรแล้วถูกถามถึงเรื่องส่วนตัวบ้างไหมคะ?”

 

    “หืม? อย่าบอกนะว่า…มายูยุดูรายการที่ถ่ายสดงานแถลงข่าวของกิรินอ่ะ”

 

    มายุส่ายหน้าไปมาเบาๆด้วยท่าทางน่ารัก ซึ่งทำให้ยูกิยิ้มกว้างขึ้น แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงกับคำตอบที่ยังไม่หมด

 

    “แต่ลูกดูค่ะ…ถ้าวันนี้ง้อลูกไม่สำเร็จ วันนี้นอนนอกห้องค่ะ…”

 

    “ห..ห๊าาาา!?”

 

    รีแอ็คที่เวอร์วังของคาชิวากิ ยูกิคงจะมีแค่วาตานาเบะ มายุคนนี้คนเดียวล่ะมั้งที่ได้เห็นมันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ…
 

…………………………………………………………….

 

เฉลยถึงความเป็นมาว่าทำไมตัวละครหลักเราถึงได้มีเบบี้ด้วยกัน

 

ฟิคเรื่องนี้ดราม่าน้อย(?) หวาน อบอุ่น และคอมเมดี้

 

ที่มาของชื่อเรื่อง เพราะฟิคของเราค่อนข้างดับเบิ้ล แต่จะดับเบิ้ลอะไรติดตามกันนะคะ

 

ตอนหน้าเปิดตัวละครหลักว่าจะเป็นใครกันอีก?

 

ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยนะคะ ^^

ขำตรง `ยังจะมีหน้าอยากเป็นแม่อีกเหรอ` ฮาาาาาา
สนุกดีค่ะ มุ้งมิ้งดี

ยาวิเศษ…อะ อัจฉริยะมาก โค โค่ โค่ เค่ห์ เย้~

ลุงโกะผลิตยาแล้วไม่บอกกิรินและมายุ
ขำตรงที่ลุงโกะบอกความจริงนี่แหละ

Double Love 2~

 

    ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

 

    “เนซุมิจัง ปะป๊าขอเข้าไปในห้องได้ไหมคะ?”

 

    ยูกิเคาะประตูห้องนอนของลูกสาวคนเดียวพร้อมกับเอ่ยถามคนในห้องด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

 

    “……………………………….”

 

    แต่คนข้างในกลับไม่ตอบกลับมาเลยแม้แต่น้อย…

 

    “เนซุมิจัง…ปะป๊าขอโทษนะที่ต้องพูดโกหกอีกแล้ว แต่ที่ปะป๊าต้องโกหก เพราะความจำเป็นนะลูก ปะป๊าไม่อยากให้มะม๊ากับเนซุมิจังต้องเจอแต่เรื่องวุ่นวาย ถ้าเกิดประกาศออกไปว่าปะป๊ามีครอบครัวแล้ว ปะป๊ากลัวมะม๊ากับหนูจะมีอันตรายนะลูก…”

 

    แอ๊ด…

 

    เนซุมิเปิดประตูให้ผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเดินกลับมานั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงนอนที่ภายในห้องนอนเปิดไฟไว้เพียงสลัวๆเล็กน้อย เพราะเนซุมิชื่นชอบการอยู่ในที่มืดๆมากกว่าอยู่ในที่สว่าง

 

    “เมื่อไหร่ปะป๊าจะเลิกอาชีพนี้สักทีล่ะคะ? สัญญากันมาตั้งหลายปีจนหนูอายุ14แล้ว ปะป๊ายังไม่ยอมทำตามที่พูดได้เลยสักครั้ง”

 

    น้ำเสียงอันแสนน้อยใจของผู้เป็นลูก ทำให้ยูกิถึงกับนั่งลงบนเตียงตามพร้อมกับลูบหัวของลูกสาวเบาๆด้วยความอ่อนโยน

 

    “รอให้ความนิยมของปะป๊าลดลงก่อนนะคะ ตอนนี้ปะป๊าก็วางแผนเกี่ยวกับงานที่จะทำหลังจากลาออกจากวงการบันเทิง ปะป๊ากะว่าจะไปทำงานเบื้องหลัง เราสามคนพ่อแม่ลูกก็จะได้ไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างเป็นอิสระสักที~”

 

    “ปะป๊าพูดจริงเหรอคะ?”

 

    เนซุมิเงยหน้าถามปะป๊าของเธอด้วยใบหน้าที่ต้องการคำตอบ ยูกิจึงพยักหน้าตอบกลับพร้อมกับยิ้มกว้างให้

 

    “ถ้าปะป๊าโกหกอีก เนซุมิจะไม่คุยกับปะป๊าเลย จะบอกมะม๊าว่าให้ปะป๊านอนนอกห้องด้วย”

 

    เด็กสาวยู่ปากกอดอก ซึ่งทำให้ยูกิถึงกับส่ายหน้าไปมาพร้อมยิ้มขำให้กับลูกสาวของตนเอง

 

    “จ้าๆ ปะป๊าสัญญาค่ะ”

 

    ยูกิยื่นนิ้วก้อยตรงหน้าเด็กสาว ซึ่งเนซุมิก็เกี่ยวก้อยตอบ เพื่อลงพันธะสัญญาต่อกันอย่างสมบูรณ์

 

    ออด~ ออด~

 

    เสียงกดกริ่งชองบ้านดังขึ้นมา ซึ่งเรียกความสนใจให้สองพ่อลูกเป็นอย่างดี ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความสงสัย ก่อนจะพากันเดินลงไปหาผู้มาเยือนคนใหม่

 

    “สวัสดีค่ะคุณน้า~”

 

    เด็กสาวใบหน้าสวย ผมสีน้ำตาลอ่อนสั้นหยักศกปะบ่า ผิวขาวโอโม่ในชุดนักเรียนม.ต้นที่ยืนยิ้มให้กับเจ้าของบ้าน ซึ่งทำให้เห็นลักยิ้มทั้งสองแก้ม

 

    “สวัสดีจ๊ะ~ พารุจังมาหาเนซุมิเหรอจ๊ะ?”

 

    มายุเอ่ยถามชิมาซากิ ฮารุกะ หรือพารูรุ เด็กสาวข้างบ้านที่รู้ความจริงเกี่ยวกับครอบครัวของยูกิ แต่ครอบครัวของพารุก็คอยช่วยกันปิดบังเป็นอย่างดี

 

    “ค่ะ พอดีจะมาคุยเรื่องที่เรียนต่อน่ะคะ”

 

    “แหม~ น่ารักจริงๆเลยนะจ๊ะ สมแล้วที่น้าไว้ใจให้หนูคอยดูแลเนซุมิจังแทนน้า”

 

    มายุพูดพร้อมกับยิ้มกว้างให้เด็กสาวด้วยความเอ็นดู

 

    “เนซุมิจังต่างหากค่ะที่ดูแลหนู ถ้าไม่มีเนซุมิคอยช่วยติวหนังสือให้ ป่านนี้หนูคงเรียนซ้ำชั้นหลายปีแน่ๆเลยค่ะ”

 

    เด็กสาวตอบกลับด้วยท่าทางขี้อาย ก่อนจะหันไปมองยูกิกับเนซุมิที่เดินลงมาจากบันไดบ้านพอดี

 

    “อ้าว? มีอะไรหรือเปล่าพารุ?”

 

    เนซุมิถามด้วยสงสัย ส่วนมายุก็จูงมือยูกิ เพื่อไม่ขัดจังหวะในบทสนทนาของลูกสาวกับเด็กสาวข้างบ้าน

 

    “พารุจะมาคุยเรื่องที่เรียนน่ะ เนซุมิเลือกที่เรียนแล้วหรือยังว่าจะต่อที่ไหน?”

 

    “ฉันจะเรียนต่อที่โรงเรียนมาจิสึกะน่ะ”

 

    “เอ๊!? ทำไมล่ะ?”

 

    พารุร้องออกมาด้วยความตกตะลึงในคำถาม ดวงตาเธอเบิกกว้างขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่น่าเชื่อ เพราะโรงเรียนมาจิสึกะคือโรงเรียนมัธยมปลายหญิงล้วนที่มีแต่พวกแยงกี้ ซึ่งพี่สาวฝาแฝดของเธอก็เพิ่งถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้นำของโรงเรียน เนื่องจากไปซัดคนในโรงเรียนเกือบแย่ทั้งโรงเรียน เพียงเพราะเหตุผลที่ว่า…

 

    “ยัยพวกนั้นชอบมากวนเวลานอนของฉันน่ะ เลยจัดการให้อยู่ในที่สงบๆ ฉันจะได้นอนหลับได้แบบสบายหูสักที…”

 

    “ฉันคิดว่ามันน่าสนุกดีนะ ดูมีอิสระ และที่สำคัญ…นั้นเป็นโรงเรียนที่ปะป๊าเคยเรียนด้วยน่ะ เลยอยากรู้ว่ามันเป็นยังไงกันแน่”

 

    พารุพยักหน้าเบาๆด้วยความเข้าใจ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา แล้วแตะที่ไอคอนอินเตอร์เน็ต เพื่อค้นหาอะไรบ้างอย่าง

 

    “งั้นฉันจะไปเรียนที่โรงเรียนอากิบาระที่อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนที่เนซุมิเรียนนะ”

 

    เนซุมิคิ้วขมวดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเบาๆด้วยความเข้าใจ

 

    “อยากเดินไปโรงเรียนด้วยกันใช่ไหม?”

 

    จู่ๆเนซุมิก็ถามร่างบางขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งทำให้พารุถึงกับหน้าแดงขึ้นมาด้วยความเขินอาย

 

    “อ…อืม อย่างน้อยมีเนซุมิอยู่ด้วย ฉันก็รู้สึกอุ่นใจมากพอแล้วล่ะ”

 

    เนซุมิยิ้มเพียงมุมปากด้วยบุคลิกนิ่งขรึมที่เป็นมาตั้งแต่เด็กพร้อมกับวางมือลงบนหัวน้อยๆของพารุแล้วลูบอย่างอ่อนโยน

 

    “คำสัญญาในตอนเด็กฉันไม่ลืมมันหรอกนะ ฉันจะดูแลเธอจนกว่าเธอจะบอกให้ฉันเลิกดูแล”

 

    พารุถึงกับก้มหน้างุดลงด้วยความเขินอาย หัวใจดวงน้อยๆของเธอเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ คนตรงหน้าของร่างบางไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ถึงจะดูเย็นชา แต่ยังคงความอ่อนโยนต่อเธอเสมอ ซึ่งมันทำให้เธอรักเนซุมิจนเกินกว่าจะรักใครได้อีก…

 

    “ลูกของปะป๊าไม่ธรรมดาจริงๆ…”

 

    ยูกิพูดพึมพัมเบาๆพร้อมกับแอบลอบมองเหตุการณ์ระหว่างลูกสาวกับเด็กสาวข้างบ้านไปด้วยความภูมิใจในตัวลูกสาว

 

    ป๊าบ!!!!!

 

    “โอ๊ย!!!! มายูยุจังตีกิรินทำไมอ่ะคะ? กิรินเจ็บนะคะ”

 

    ยูกิพูดพร้อมลูบที่ต้นแขนไปมาด้วยความเจ็บ หลังจากถูกคุณภรรยาที่รักตีอย่างแรงที่ต้นแขน

 

    “มัวแต่ดูลูกคุยกับสาว ไม่คิดจะช่วยมายูยุทำอาหารบ้างหรือไงคะ? หืม?”

 

    มายุจับหูทั้งสองของยูกิพร้อมกับบิดไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว

 

    “โอ๊ยๆๆ มายุๆ พอแล้วๆๆ กิรินเจ็บอ่ะ”

 

    ……………………………………………………………………………………..

 

    “สรุปว่าลูกจะไปเรียนที่มาจิสึกะเหรอคะ?”

 

    มายุเอ่ยถามลูกสาวขึ้นมา ซึ่งทำให้ยูกิหยุดชะงักขึ้นมา เพราะกลัวว่าคุณภรรยาจะห้ามไม่ให้ลูกไปเรียนโรงเรียนที่เนซุมิต้องการ

 

    “ค่ะมะม๊า…”

 

    เนซุมิวางจานข้าวพร้อมกับตะเกียบลง เพื่อตอบคำถามกับผู้เป็นแม่ด้วยใบหน้านิ่งขรึม

 

    “บอกเหตุผลให้มะม๊าฟังหน่อยได้ไหมคะ? ว่าทำไมถึงไปเรียนที่นั้น?”

 

    มายุมองลูกสาวด้วยสายตาที่กดดันเล็กน้อย

 

    “เพราะมันดูมีอิสระ ไม่น่าเครียด ดูน่าสนุก ดูแตกต่าง และที่สำคัญปะป๊าเคยเรียนที่นั้นค่ะ”

 

    “หืม? เหตุผลแค่นี้เหรอคะ?”

 

    “ค่ะ เพราะหนูอยากเป็นปะป๊า เพียงแค่ครึ่งของปะป๊าก็ยังดี”

 

    “ไม่กลัวโดนทำร้ายเหรอคะ?”

 

    มายุถามคำถามแอบแฝงไปด้วยความเป็นห่วง

 

    “ถ้าแค่กลัวว่าจะถูกทำร้าย แล้วหนูจะโตมาด้วยความแข็งแกร่งได้ยังไงล่ะคะ? วาตานาเบะ เนซุมิคนนี้อยากจะดูแลคนในครอบครัว และคนรักในอนาคตเหมือนกับปะป๊ายูกิค่ะ!”

 

    เนซุมิตอบกลับด้วยสีหน้าและแววตาที่จริงจัง ซึ่งทำให้มายุยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจในคำถามของลูกสาวคนเดียวของเธอ

 

    “งั้นพรุ่งนี้เราไปซื้อชุดนักเรียนและก็ไปสมัครเรียนกันเลยนะลูก”

 

    มายุบอกลูกสาสวพร้อมกับยิ้มกว้างให้เด็กสาว ส่วนเนซุมิก็รีบเดินเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่พร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ซึ่งทำให้ยูกิถึงกับยิ้มกว้างขึ้นกับภาพของคนที่ตัวเองรักกอดกันอย่างมีความสุข

 

    ……………………………………………………………………………………………

 

    “มายูยุของกิรินเนี่ยใจดีที่สุดเลยนะคะ”

 

    ยูกิพูดพร้อมกับเช็ดผมให้กับคนรักที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จอย่างเบามือ

 

    “เพราะว่ามายูยุไม่อยากบังคับใจลูกยังไงคะ? ไม่ตีกรอบให้ลูกตัวเองจนหนา แต่ก็ไม่ปล่อยให้เป็นอิสระจนเอาแต่ใจตัวเอง ลูกจะได้ไม่เสียคนค่ะ อีกอย่าง…เหตุผลของลูกมันทำให้มายูยุรู้สึกว่าลูกโตกว่าอายุจริงๆของเขาสักอีก”

 

    ยูกิพยักหน้าเบาๆด้วยความเข้าใจในเหตุผลที่คนรักยอมให้ลูกสาวไปเรียนที่โรงเรียนที่มีแต่พวกแยงกี้

 

    “ว่าแต่เรื่องของลูกก็โอเคแล้ว แล้วเรื่องคืนนี้ของปะป๊าล่ะคะ?”

 

    ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงที่สองแง่สองง่ามพร้อมกับใช้นิ้วทำปูไต่ตั้งแต่ต้นแขนจนถึงไหล่

 

    เพี๊ยะ!!!

 

    “โอ๊ย!!! มายูยุตีกิรินทำไมล่ะคะ? ลูกก็ง้อได้แล้วนี่นา”

 

    ยูกิยู่ปากขึ้นมาเหมือนเด็กน้อยที่กำลังไม่พอใจเมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ซึ่งมายุก็หันหลังกลับไปมองหน้าคนรัก ก่อนจะยิ้มเพียงมุมปากขึ้นมา

 

    “นั้นแค่ลดโทษแค่กึ่งหนึ่งค่ะ เพราะฉะนั้นถึงจะให้กลับมานอนในห้องได้ แต่คืนนี้งดกิจกรรมค่ะ ราตรีสวัสดิ์นะคะที่รัก~”

 

    ฟอด~~

 

    มายุบอกคนรักเสร็จก็หอมแก้มคนตรงหน้าหนึ่งฟอด แล้วล้มตัวลงนอนบนที่นอนหลังจากผมถูกเช็ดจนแห้งแล้ว

 

    “ก็ได้ค่ะ ก็ได้ เดี๋ยวคืนพรุ่งนี้ค่อยจัดหนักค่ะคุณภรรยาที่ร๊ากกกก~”

 

    ……………………………………………………………………………………………

 

    วันเปิดเรียนวันแรก

 

    “ดีจังเลยน้าาา~ ที่เนซุมิจังมารับพารุได้ตรงเวลาตลอดเลย”

 

    พารุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแสนร่าเริง วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกในฐานะที่พวกเธอเป็นเด็กมัธยมปลายปีแรก พารุแต่งในชุดนักเรียนของโรงเรียนอากิบาระที่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดโบว์สีน้ำเงินโดยถูกทับด้วยสูทสีขาวขอบสีน้ำเงินเข้ม ส่วนชุดนักเรียนของเนซุมิเป็นสีดำขอบและผ้าพันคอสีแดง แต่คนตัวเล็กชอบที่จะใส่ฮู้ดทับไว้ตลอดจนเป็นนิสัย ซึ่งพารุมองว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

 

    เนซุมิชอบสวมเสื้อกันหนาวพร้อมหมวกฮู้ดเป็นประจำจนแทบตลอดเวลา และชื่นชอบการเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นอย่างมาก ไม่ชอบกินผักเหมือนผู้เป็นแม่ ชอบฟังเพลง เพราะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งเนซุมิจะชอบใส่หูฟังไว้ฟังเพลงอยู่เสมอ

 

    “เนซุมิ~~~ รอฉันด้วย~~~”

 

    เสียงของเด็กสาวร่างสูง ใบหน้าคม ผิวขาว ผมสั้นปะบ่า สวมเสื้อกันหนาวที่ด้วยไหมพรมสีเหลืองเรียกร่างเล็กที่กำลังเดินคุยกับพารุ ซึ่งทำให้เนซุมิหันไปมองเจ้าของเสียงด้วยใบหน้านิ่งเรียบ

 

    “แฮ่กๆๆ ทำไมไม่รอฉันบ้างเลยอ่ะเนซุมิ”

 

    “เธอช้าเองนะเซ็นเตอร์…”

 

    เนซุมิตอบกลับไปพร้อมกับมองคนที่ยืนเหนื่อยหอบด้วยสายตาเรียบนิ่ง

 

    มัตสึอิ จูรินะ หรืออีกชื่อว่าเซ็นเตอร์ เป็นหลานสาวของมัตสึอิ เรนะ จูรินะเป็นเพื่อนสนิทกับเนซุมิมาพร้อมกับพารุ ทุกครั้งที่พารุยืนอยู่ข้างๆกับเนซุมิ มักจะมีจูรินะยืนเคียงข้างเนซุมิด้วยทุกครั้ง ส่วนชื่อเซ็นเตอร์ก็มีแค่เนซุมิเรียกเพียงคนเดียว

 

    รู้สึกเป็นส่วนเกินทุกที…

 

    ร่างบางเริ่มรู้สึกเจ็บแปรบที่อกข้างซ้าย ก่อนจะเดินขยับออกมาห่างๆเล็กน้อยพร้อมกับแอบลอบมองทั้งสองคนคุยกันด้วยแววตาที่แสนเศร้า

 

    ปริ๊น~ ปริ๊นนนนนน~~~~

 

    เสียงบีบแตรของรถหรูBMWที่ถูกตกแต่งออกแนวสปอร์ตดังขึ้นมา ทำให้ทั้งสามคนถึงกับหันไปมองรถที่จอดอยู่ข้างๆพวกเธอด้วยความสงสัย

 

 

…………………………………………………………………….

 

จบตอน 3 ไปแล้ว เรื่องนี้มีเนื้อเรื่องจากมาจิสึกะเข้ามาร่วมด้วย

 

เพราะฉะนั้นฉากบู้ท่านรีดอาจจะได้อ่านบ้าง

 

เรื่องนี้มีคนหน้าเหมือนกันคือมายุกับเนซุมิที่เป็นแม่ลูกกันกับพารุและพี่สาวฝาแฝด

 

จึงเป็นที่มาอีกส่วนของชื่อเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้คู่ลูกค่อนข้างจะวุ่นวายเรื่องความรักมากกว่าคู่พ่อแม่

 

ส่วนคู่ลุงโกะ…สาวกโคจิยูกรุณารอสักครู่นะคะ มาแน่นอนเร็วๆนี้

 

ส่วนคู่เบิ้ลอิ…หึหึหึ
 

พอปะป๊ายูกิปูไต่…me//กลืนน้ำลาย เตรียมหมอนไว้จิก เตรียมใจไว้เต้นพร้อม o///o

มายุ : วันนี้งดกิจกรรมค่ะ me : อ้ากกกก!//กัดหมอนที่อยู่ในมือจนขาดรุ่งริ่งนุ่นหลุดกระจุยกระจาย

 

เรื่องนี้แนวใสๆปนบู๊สินะคะ เราก็ชอบนะ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนตับได้พักผ่อน555

พายูยุน่ารักดี รู้สึกรุ่นลูกๆจะรักชอบกันให้วุ่นน่าดู เบิ้ลอิ? น้าหลาน? ว้าว!

พลุต้องแอบชอบย้วย2แน่ๆเลยแต่จูมาขัดซะก่อน

ขำกิรินแปปโดนงดทุกอย่างเลย

Double Love 3

 

 

    “ว่าไงสามสาว จะไปโรงเรียนกันใช่ไหม? ให้อาไปส่งไหม?”

    โทโมะจินเปิดกระจกรถพร้อมกับเอ่ยถามทั้งสามคนที่ตอนนี้หันไปมองหน้ากันเอง เพื่อตกลงว่าจะไปหรือไม่ไปดี?

 

    “พารุว่าไปกับอาโทโมะจินเถอะ ปฏิเสธผู้ใหญ่มันจะดูไม่ดีเอานะ”

 

    “ถ้าพารุต้องการแบบนั้น ฉันก็โอเค…”

 

    เนซุมิตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ในใจกลับรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย เพราะรู้ดีว่าเพื่อนสนิทของปะป๊านั้นชอบพารุอยู่ ถึงแม้เขาจะมีคู่หมั้นแล้วก็เถอะ

 

    “งั้นตกลงว่าพวกเราจะให้อาไปส่งใช่ไหม? งั้นก็ขึ้นรถเลยจ๊ะ เดี๋ยวพารุจะไปโรงเรียนสายนะ”

 

    สามเด็กสาวพยักหน้าตอบรับ ก่อนที่จูรินะจะขึ้นรถไปนั่งตรงเบาะหลังตามด้วยเนซุมิ และพารุ โทโมะจินจึงหลังมามองทั้งสามพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

    “จะไปนั่งเบียดกันทำไมคะ? พารุมานั่งข้างหน้าก็ได้ จะได้นั่งสบายๆ”

 

    โทโมะจินตบเบาะหน้าเบาๆ เพื่อชวนให้เด็กสาวยอมมานั่งเบาะหน้าข้างคนขับ ซึ่งพารุได้พยักหน้าเบาๆด้วยท่าทางไร้เดียงสา ก่อนจะเปลี่ยนไปนั่งเบาะหน้าแทน

    “ทั้งสามคนอย่าลืมคาดเข็มขัดกันด้วยนะคะ~ อะ! พารุ เดี๋ยวอาทำให้ค่ะ”

    โทโมะจินบอกทั้งสาม ก่อนจะอาสาคาดเข็มขัดนิรภัยให้พารุโดยการโน้มตัวข้างหน้าเด็กสาวไปที่สายคาด ซึ่งทำให้หญิงสาวได้ใกล้ชิดกับเด็กสาวแสนซื่อ กลิ่นความหอมของเด็กสาวร่างบางแอบทำให้โทโมะจินแอบเคลิ้มเล็กน้อย ก่อนจะทำตัวเป็นปกติด้วยการคาดเข็มขัดนิรภัยให้สำเร็จ โดยมีสายตาของเนซุมิจับจ้องด้วยความหงุดหงิด

    “รีบออกรถเถอะค่ะ เดี๋ยวพารุจะไปโรงเรียนสาย…”

    เนซุมิพูดประโยคคล้ายกับที่อาสาวเคยพูดไว้ด้วยน้ำเสียงเย็น

    “จ้าๆ งั้นไปล่ะนะ”

    เมื่อรถยนต์หรูเคลื่อนที่ไปตามท้องถนน แต่เพียงไม่นานก็ถึงหน้าโรงเรียนอากิบาระ ซึ่งโรงเรียนมาจิสึกะอยู่ตรงข้ามกันพอดี

    “ถึงแล้วค่ะสาวๆ ตั้งใจเรียนกันนะคะ~”

    โทโมะจินยิ้มกว้างให้จนเห็นเขี้ยว ก่อนจะส่งสายตาหวานให้พารุพร้อมกับลูบหัวเด็กสาวเบาๆ

    “ว่าแต่ขากลับอยากให้อามารับไหมคะ?”

    “ไม่ต้องค่ะ!”

    พารุยังไม่ทันได้ตอบอะไร ร่างเล็กที่นิ่งเงียบมาตลอดก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอันแข็งกร้าว ซึ่งทำให้ทั้งสามถึงกับตกตะลึงเล็กน้อย

    “พารุอยากเดินกลับไปกับพวกฉันไม่ใช่เหรอ?”

    “อ…อืม”

    พารุพยักหน้าเบาๆพร้อมกับตอบรับภายในลำคอ

    “งั้น…พวกเราขอบคุณมากนะคะที่อาโทโมะจินมาส่ง”

    พารุกล่าวคำขอบคุณพร้อมกับเตรียมจะลงจากรถ แต่คนอายุมากกว่ากลับจับข้อมือ เพื่อรั้งเธอไว้เบาๆ

    “ขอค่าตอบแทนด้วยนะคะ”

    “แต่พารุเอาเงินมาไม่เยอะนะคะ”

    โทโมะจินถึงกับขำพรืดขึ้นมากับความใสซื่อแสนน่ารักของเด็กสาว ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบาๆ แล้วพองแก้มพร้อมกับชี้นิ้วแตะเบาๆสองสามทีที่แก้มของตัวเอง เพื่ออธิบายคร่าวๆให้เด็กสาวได้เข้าใจ

    พารุถึงกับหันหน้าไปมองเนซุมิเล็กน้อยด้วยสายตาที่แอบรู้สึกผิด ก่อนจะยื่นใบหน้าไปกดจมูกพร้อมริมฝีปากลงบนแก้มของอาสาวเบาๆ ซึ่งทำให้โทโมะจินถึงกับอมยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุข

    ปึ่ก!!!

    เสียงปิดประตูรถดังขึ้นมา ซึ่งทำให้ทั้งสามถึงกับหันมองไปที่ต้นเสียง เนซุมิปิดประตูรถโดยไม่สนใจถึงราคาของมันเลยแม้แต่น้อย ความหงุดหงิดหลายๆอย่างเริ่มปะทุ ยิ่งภาพที่พารุหอมแก้มโทโมะจินต่อหน้า ยิ่งทำให้เธอรู้สึกโกรธมากขึ้น

    “เนซุมิ! รอฉันก่อนเซ่~~~”

    จูรินะรีบลงจากรถพร้อมกับวิ่งอย่างสุดกำลัง เพื่อตามเนซุมิที่เดินปนวิ่งไปทางโรงเรียนมาจิสึกะ พารุก้มหัวลงเล็กน้อย เพื่อขอโทษให้เนซุมิ ก่อนจะรีบลงจากรถไป แต่ไม่ได้วิ่งตามเนซุมิไป เพราะกลัวจะเข้าไปในโรงเรียนไม่ทัน แถมพวกแยงกี้ยังอยู่กันเต็มหน้าโรงเรียน ถ้าเกิดเธอเข้าไปอาจจะเป็นเธอที่ต้องเจ็บตัวก่อนจะไปง้อเนซุมิแน่ๆ

    …………………………………………………………………………………………….

    “โอชิม่าซัง ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม? ว่าให้วางดอกไม้ไว้ทางซ้าย แต่ทำไมคุณถึงวางมันไว้ทางขวาล่ะ”

    เสียงออกคำสั่งของซารุกาว่า ซาโจว ชายวัยกลางคนสวมแว่นตาสี่เหลี่ยม ซึ่งเขาเป็นผู้รักษาการณ์แทนผู้บริหารตามคำสั่งของประธานโอชิม่า เพื่อรอประธานคนใหม่ที่กำลังจะมาดำรงตำแหน่ง…

    “ค่าๆ”

    ยูโกะตอบรับด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย หญิงสาวถูกสั่งให้มารับหน้าที่ศึกษางานตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อ แต่เพราะอยากดูความสามารถของพนักงานทุกคน ยูโกะจึงปลอมตัวเข้ามาเป็นผู้ช่วยตากล้องแทน แต่ดูเหมือนจะโดนสั่งให้ทำแทบทุกอย่างตั้งแต่พนักงานต้อนรับ พนักงานออฟฟิศ คนส่งของ หรือแม้กระทั่งแม่บ้านชั่วคราว…

    สั่งฉันได้สั่งฉันไป อย่าให้เปิดตัวก่อนเถอะ…จะสั่งให้ขัดส้วมทั้งตึกเป็นเวลา7วัน7คืนเลยคอยดู! แต่เอ๊ะ! ไม่ดีกว่า…เอาเป็นปีหนึ่งเลยดีกว่า ฮ่าๆๆๆๆๆ

    เสียงหัวเราะในใจของยูโกะจอมเจ้าเล่ห์ดังขึ้นมาด้วยความคิดอันแสนสะใจ ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ เพื่อจัดการธุระส่วนตัว

    เสียงกดชักโครกดังขึ้น ร่างเล็กเดินออกมาด้วยความสบายตัวที่ได้ปลดปล่อย ก่อนจะจัดการล้างไม้ล้างมือให้สะอาด

    “เหวอ!?~~~”

    ยูโกะร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเท้าของเธอกำลังจะก้าวเดินออกไปได้เพียงแค่ก้าวเดียวก็ดันสะดุดไม้ม็อบที่วางบนพื้นอย่างมักง่าย ใบหน้าสวยกำลังลงจูบบนพื้นจึงทำให้ยูโกะถึงกับหลับตาด้วยความกลัว

    ตุบ!

    ดั้งฉันจะหักไหม? ฉันจะตายหรือเปล่า? แต่เอ๊ะ? ทำไมนุ่มจัง?

    ยูโกะค่อยๆเลื่อนมือมาจับพร้อมกับขยำสิ่งที่รองรับ มันช่างเหมือนกับ…

    “อร้าย~~~ ไอ้โรคจิต บังอาจมาจับหน้าอกฉัน!”

    ยูโกะถึงกับดันหน้าตัวเองออกมาจากหน้าอกของสาวหน้าสวย ร่างสูงหุ่นเพรียวดูเซ็กซี่โดยลืมเอามือออกมาด้วย

    “เฮ้ย!? ฉันไม่ใช่โรคจิตนะ!”

    “จะไม่โรคจิตได้ยังไง มือของเธอยังอยู่บนหน้าอกฉันอยู่เลย เมื่อกี้เธอก็ขยำของฉันด้วย ยังจะกล้ามาโกหกอีกเหรอ!!!”

    ยูโกะถึงกับรีบเอามือออกโดยทันที ซึ่งทำให้ยูโกะถึงกับรู้สึกคุ้นๆหน้าของหญิงสาวเล็กน้อย แต่ยังไม่ได้นึกอะไรมากมายก็…

    ผวัะ!

    โดนหญิงสาวชกที่เบ้าตาเต็มๆ

    “โอ๊ย!!!! ยัยหูกาง!!! ต่อยฉันทำไม!!!?”

    ยูโกะกุมเบ้าตาพร้อมกับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

    “ว่าใครหูกางยะยัยเตี้ยหื่น แค่นี้มันยังน้อยไป ฉันไม่ชกอีกข้างก็บุญแล้ว!”

    หญิงสาวพูดก่อนจะเดินออกไปจากห้องน้ำทันทีด้วยความโกรธที่ยังหลงเหลืออยู่ ปล่อยให้ยูโกะร้องครวญครางด้วยความเจ็บที่เบ้าตาในห้องน้ำ

    “ฝากไว้ก่อนเถอะยัยหูกางงงงงงง!!!!”

    ………………………………………………………………………………………..

    “เธอเป็นอะไรน่ะเนซุมิ จู่ๆก็ลงมาจากรถแถมปิดประตูรถเสียงดังอีกต่างหาก”

    จูรินะเอ่ยถามด้วยความสงสัย ซึ่งคนตัวเล็กก็ไม่ยอมตอบอะไรเลยแม้แต่น้อย…แต่ไม่ทันได้ถามอะไรก็ต้องหยุดชะงักทันทีที่ได้เห็นร่างบางผู้มาใหม่ยืนอยู่ตรงหน้า

    “ยินดีต้อนรับสู่มาจิโจนะ เนซุมิจัง…”

    เนซุมิมองคนตรงหน้า ซึ่งคนรอบข้างก็พากันจับซุบซิบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    “หึ! ไม่รู้จะยินดีหรือยินร้ายกันแน่นะ…”

    เนซุมิแสยะยิ้มพร้อมกับตอบคนข้างหน้ากลับไป

    “ต้องยินดีสิถึงจะถูก…ช่วงนี้ฉันก็ไม่ได้เข้าไปเล่นที่บ้านเธอเลยนี่นา…”

    น้ำเสียงแสนเฉื่อยที่แอบมีความน่ากลัวของคนตรงหน้าที่มองเนซุมิด้วยแววตาที่แสนเจ้าเล่ห์

    “จะไปเล่นที่บ้านฉันเฉยๆ หรือคิดจะเข้าไปเป็นชู้ของมะม๊าฉันกันแน่…”

    “จุ๊ๆๆๆ อย่าใส่ร้ายกันแบบนี้สิ…ถึงแม้จะเป็นความจริงอยู่เต็มๆกับประโยคหลังก็เถอะ”

    ร่างบางยกมือนิ้วชี้จุ๊ที่ริมฝีปากพร้อมกับเดินวนรอบตัวเนซุมิอย่างช้าๆ เพื่อยั่วโทสะของร่างเล็กเบาๆ

    ทำไมเนซุมิจะไม่รู้ว่าเด็กสาวร่างบางที่ชอบทำหน้าตายดูไม่มีชีวิตชีวาต่อหน้าคนอื่น แต่แอบมีความเจ้าเล่ห์อยู่ในตัวนั้นคิดอะไรกับผู้เป็นแม่ของเธออยู่ คนเจ้าเล่ห์มักจะหาโอกาสลอบลักสิ่งที่ต้องการเสมอ ถึงจะรู้ว่ามันผิดก็ยังคงทำมันเสมอ…

    “ชิมาซากิ ซอลท์…ต่อให้แกได้ตัวแม่ฉันสักกี่ครั้ง แต่อย่าหวังว่าจะได้ใจแม่ฉันแม้แต่นิดเดียวก็อย่าหวัง…”

    เนซุมิกัดฟันพูด ก่อนจะเดินกระแทกไหล่ของซอลท์ เด็กสาวที่ดูมืดมนที่กำลังยิ้มเพียงมุมปากเฉกเช่นเพชรฆาตหน้ายิ้มที่กำลังสะใจให้กับความสำเร็จในการยั่วโทสะของคนตัวเล็ก

    “เนซุมิ รอด้วย!”

    จูรินะกำลังจะวิ่งตามเพื่อนสนิทที่แอบรักมานาน แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อถูกซอลท์ยืนขวางไว้

    “ยังตามก้นยัยนั้นไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”

    จูรินะถึงกับจ้องเขม็งกลับด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

    “ว่าแต่เขา…อิเหนาเป็นเอง…”

    “อย่างน้อยฉันก็ได้มากกว่าแกนะ…”

    “ได้ทั้งที่รู้ว่ามันผิดอย่างนั้นเหรอ? สกปรกสิ้นดี…”

    จูรินะเดินชนไหล่ของซอลท์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด แต่คนถูกชนกลับยิ้มเพียงมุมปากอย่างมีความสุข แล้วหันไปมองคนที่เพิ่งเดินผ่านไปด้วยสายตาที่ดูสะใจพร้อมกับกอดอกมอง

    ………………………………………………………………………………………

    “มาอยู่ที่นี่เอง ฉันตามหาแทบแย่”

    จูรินะเดินเข้ามาเนซุมิที่ยืนมองวิวตรงหน้าบนดาดฟ้า สายลมแสนเย็นได้พัดผ่านไป แต่ไมได้ทำให้เนซุมิถึงกับรู้สึกอะไรเลย

    “ความจริงที่ฉันมาเรียนที่นี่ ไม่ใช่เพราะปะป๊าเคยเรียนที่นั้นหรอกหรืออะไรทั้งนั้นหรอก แต่เป็นเพราะยัยแมวขโมยนั้นต่างหาก…”

    “เรื่องมันก็นานมาแล้ว เนซุมิควรลบมันไปได้แล้วนะ…”

    “เธอไม่ใช่ฉัน เธอจะไปเข้าใจอะไร!!!! การที่ได้เห็นภาพยัยแมวขโมยกำลังมีความสุขกับแม่ของตัวเองต่อหน้าต่อตา มันเจ็บปวดมากเลยนะรู้ไหม!!!!? ฮึก…ฮือ…”

    เนซุมิหันมาตอบกลับด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะร้องไห้ออกมากับความรู้สึกที่แสนเจ็บปวดกับเหตุการณ์ในวันวาน จูรินะจึงเข้าไปสวมกอด เพื่อปลอบโยนร่างเล็กด้วยความอ่อนโยน

    ……………………………………………………………………………………………….

    “ยิ้มแบบนี้ แสดงว่าต้องมีอะไรสนุกๆให้เธอเล่นใชไหม?”

    โยโกยามะ ยุย หรือโอตาเบะ หนึ่งในสี่จตุรเทพรุ่นใหม่ในตอนนี้เอ่ยถามคนที่นั่งไขว้ห้างบนโซฟาตัวโปรดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ช่างแสนมีความสุขยิ่งนัก

    “สุดยอดแห่งความสนุกเลยล่ะ…หึ…หึ…”

    น้ำเสียงเย็นๆที่เต็มไปด้วยความสุขแอบทำเอาโอตาเบะขนลุกอยู่ไม่น้อย ตั้งแต่รู้จักกันมา เธอไม่เคยเห็นซอลท์น่ากลัวได้ขนาดนี้เลย…แสดงว่าความสนุกที่ว่านั้นต้องทำให้ซอลท์มีความสุขมากแน่นอน…

    ………………………………………………………………………………………………….

 

ฟิคเราใสๆ(?)ค่ะ

 

ปมที่กำลังผูกกำลังมาแล้วค่ะ เปิดตัวซอลท์ซังอย่างเป็นทางการ พี่สาวฝาแฝดของพารุจังค่าาา

 

ว่าแต่ว่าซอลท์เป็นอะไรกับมายุจัง? เหตุผลที่แท้จริงของเนซุมิคือซอลท์

 

แอบมีจูริมายุเล็กน้อยนะครัชหวังว่าท่านจะฟิน คิคิ

 

ฟิคอาจจะมาช้า เพราะไรท์ติดงาน ไม่ค่อย แต่จะพยายามปั่นนะคะะะะะะ ^^

ลุงโกะจังหวะเหมาะมากสะดุดแล้วไปล้มใส่
ย้วย2หึงพลุเหรอเนี่ย

Chapter 4

 

    “โอชิม่าซัง ตาคุณไปโดนอะไรมาน่ะ? เขียวเชียว”

 

    ซาโจวถามลูกน้องของตัวเองด้วยความสงสัย

 

    “โดนเข้าใจผิดนิดหน่อยค่ะ”

 

    “งั้นเหรอ? ช่างเถอะ รีบๆไปเตรียมโลเคชั่นได้แล้ว เดี๋ยวโคจิม่าซังจะรอนาน มันจะดูเสียมารยาทได้”

 

    ซาโจวรีบออกคำสั่งกลับมาทันทีโดยไม่สนใจสภาพของลูกน้องเลยแม้แต่น้อย…

    ใจร้ายชะมัด ตาฉันเจ็บอยู่นะเฟ้ย!!!!!

    ยูโกะแอบลอบต่อว่าเจ้านายของตัวเองด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะเดินไปจัดเตรียมโลเคชั่น เพื่อถ่ายภาพนิ่งโฆษณาลูกอมรสใหม่ ซึ่งบริษัทของทากามินะได้จ้างบริษัทของยูโกะพร้อมกับไม่บอกเรื่องที่ยูโกะ คือทายาทของตระกูลโอชิม่าแสนร่ำรวยและมีอิทธิพลอันดับต้นๆของประเทศ

    ปึ่ก!

    “อุ้ย! ข…เฮ้ย!? ยัยหูกาง!!!”

    “ยัยเตี้ยหื่น!!!”

 

 

    ทั้งสองร้องออกมาด้วยความตกตะลึงพร้อมยกนิ้วชี้หน้ากันและกัน

 

    “มีอะไรน่ะ? เฮ้ย!? โอชิม่าซังอย่าไปชี้หน้าโคจิม่าซังสิ นี่คือโคจิม่า ฮารุนะ นักแสดงสาวสุดเซ็กซี่พ่วงนางแบบที่กำลังฮอตฮิตติดอันดับเลยนะ”

 

    ฮารุนะกอดอกพร้อมกับเชิดหน้าตัวเองขึ้นมาอย่างภูมิอกภูมิใจในการได้ประกาศถึงสถานะที่แสนเลอค่าของเธอ

 

    “เหอะ! ช่างเธอสิ ฉันขอบอกซารุกาว่าซังไว้ตรงนี้เลยนะคะ ต่อให้คนชอบแม่ดาราคนนี้เป็นล้าน แต่ฉันคนนึงเนี่ยแหละจะไม่รู้สึกชอบอะไรกับยัยหูกางเลย ขอตัวก่อนนะคะ!”

 

    ยูโกะประกาศกับคนตรงหน้าทั้งสอง แต่ทำให้คนในห้องถ่ายทำหันมามองด้วยใบหน้าที่แสนตกตะลึงในคำพูดที่ไม่น่า เชื่อเลยแม้แต่น้อย เพราะส่วนมากทุกคนดูเกรงใจฮารุนะ เนื่องจากหญิงสาวโด่งดังเป็นอย่างมากแถมพ่วงตำแหน่งแฟนสาวของทากาฮาชิ มินามิ นักธุรกิจไฟแรงผู้ที่มีอิทธิพลไม่แพ้ยูโกะเช่นกัน แตกต่างกันแค่ทากามินะชอบออกสื่อ แต่ยูโกะกลับไม่ต้องการปรากฎตัวต่อสื่อ ถึงแม้ยาที่ทำไปจะประสบความสำเร็จ แต่มีเพียงยูโกะคนเดียวที่ไม่ยอมออกสื่อเลยแม้แต่น้อย

 

    “ย…ยัยเตี้ยหื่น!!! คิดจะเปิดศึกกับฉันเหรอยะ? ได้! แล้วเราจะได้เห็นดีกันนนนนนน!!!!”

 

    ………………………………………………………………………………………..

 

    ออด~ ออด~ ออด~

 

    เสียงกริ่งหน้าบ้านของครอบครัวคาชิวากิดังขึ้นมา ทำให้มายุที่กำลังพยายามปั่นงานหนังสือการ์ตูนต้นฉบับเรื่องใหม่ต้องหยุด ชะงักการวาดภาพทันที แล้วเดินไปเปิดประตูให้กับผู้มาใหม่

 

    “ซ…ซอลท์ซัง…”

 

    น้ำเสียงแสนสั่นทำให้ซอลท์ถึงกับส่ายหน้าไปมาเบาๆพร้อมมอบรอยยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า

 

    “เรียกซอลท์จังสิคะ มายุจังอย่าเรียกกันห่างเหินแบบนี้สิคะ”

 

    ร่างบางเดินเข้าเอามือทัดผมของคนอายุมากกว่าไว้หลังหูสวย ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้าไปเพื่อสูดดมความหอมที่แสนคิดถึง

 

    “อย่านะ!!!”

 

    ซอลท์ถึงกับคิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจเล็ก ก่อนจะยิ้มขึ้นมากับความคิดบางอย่างที่แวบเข้ามา แล้วจับมือของมายุเข้าไปในบ้านพร้อมล็อกประตูทันที

 

    “ข้างนอกคงอาจจะมีคนเห็นใช่ไหมคะ? แต่ก็ดีนะคะ…มายุจังจะได้สบายใจ…”

 

    ร่างบางที่สูงกว่าเล็กน้อยลูบที่แก้มพร้อมกับเคลื่อนใบหน้าไปยังคนตรงหน้า เพื่อชิมความหวานจากริมฝีปากแสนสวย

 

    “อย่า…ซอลท์จัง…ฉันขอร้องล่ะ แค่นี้ฉันก็รู้สึกผิดกับยูกิรินมามากพอแล้ว เราสองคนควรจบกันจริงๆสักทีเถอะ”

 

    ซอลท์ถึงกับคิ้วกระตุกด้วยความโกรธที่กำลังปะทุในใจ คนตรงหน้ารักคู่ชีวิตของหล่อนมาก มันทำให้เขาโกรธที่เกิดมาช้าเกินไป ถึงได้เข้ารักอีกคนไม่ทัน

 

    “จะจบกันได้ไง ฉันรักมายุจังมากนะ ถึงอายุจะห่างกันตั้งสิบกว่าปี แต่คุณมีเสน่ห์กับฉันมาก ฉันรักคุณจนรู้สึกว่าไม่สามารถรักใครได้อีก…”

 

    “มันต้องมีสิ คนที่ซอลท์รักน่ะ”

 

    “แต่ฉันรักมายุจัง! ฉันดีใจนะคะที่คืนนั้นมันเป็นคืนที่ทำให้ฉันรู้สึกมีความสุข…มีความสุขที่ สุด…มาก…มากกว่าสิ่งใดในโลกนี้ซะอีก”

 

    “ฉันมียูกิรินอยู่แล้ว และฉันก็รักเขามาก ฉันควรซื่อสัตย์กับเขาได้แบบเต็มร้อยสักที ไม่ใช่มานอกกายเขาให้กับเธอ…”

 

    ซอลท์ถึงกับน้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ความเจ็บปวดที่บีบตรงอกข้างซ้ายมันเหมือนมีดที่กรีดลงตรงหัวใจอย่างช้าๆ

 

    “มายุขอล่ะซอลท์…ขอให้เรื่องของเราจบกันเท่านี้เถอะรวมถึงเรื่องคืนนั้น ด้วย ซอลท์ควรลืมมันไปพร้อมกับเริ่มต้นใหม่กับคนที่รักซอลท์นะ…”

 

    หญิงสาวพูดทั้งน้ำตากับความรู้สึกเสียใจในเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น ซอลท์ละมือเรียวออกจากใบหน้าสวยของมายุพร้อมกับก้มหน้ามองพื้นเหมือนคนที่ กำลังยอมแพ้

 

    “จบและลืมมันเหรอคะ?”

 

    “ใช่…ซอลท์ต…”

 

    ปึ่ก!

 

    คลิก!

 

    เด็กสาวแววตามืดมนที่กำลังจ้องเขม็งดุจเพรชฆาตที่กำลังเตรียมประหารเหยื่อ ให้กับมายุที่ถูกผลักลงโซฟาพร้อมถูกล็อคข้อมือด้วยกุญมือของแท้เอาไว้

 

    “พูดง่ายไปหรือเปล่าคะ? ของแบบนี้น่ะ…”

 

    ซอลท์มองด้วยสายตาที่แทบจะกลืนกินคนข้างล่าง ก่อนจะก้มลงกดจูบตามต้นขา เพื่อปลุกเร้าหญิงสาว

 

    “อื๊อ! ย…หยุดนะ! ขอร้องล่ะ หยุดเถอะ!”

 

    ซอลท์เงยหน้ามองผู้ถูกกระทำด้วยใบหน้าอันแสนเจ้าเล่ห์ ก่อนจะถลกเสื้อยืดของหญิงสาวขึ้นจนเห็นหน้าท้องแสนเรียบเนียนแล้วก้มลงพรม จูบตามอารมณ์ความปรารถนา

 

    “ปากบอกว่าหยุด แต่ร่างกายคุณต้องการมันนะคะ มายุจัง…”

 

    ร่างบางพูดพร้อมกับยิ้มเพียงมุมปากเบาๆ ก่อนจะค่อยๆเลื่อนมือแสนซนลงไปที่ส่วนล่างของอีกคนอย่างช้าๆ ผู้ถูกกระทำถึงกับดิ้นไปมาพร้อมกับน้ำตาคลอด้วยความกลัว

 

    “ไม่!!!!!!!”

 

    ………………………………………………………………………

 

    “โอ๊ย! เจ็บชะมัด!”

 

    ยูกิร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อบาดจากคมมีดที่กำลังตั้งใจจะปอกเปลือก แอปเปิ้ล เพื่อแก้หิวระหว่างที่รอเพื่อนสนิทอย่างเรนะที่กำลังจะซื้ออาหารมาให้

 

    พวกเธอมีโอกาสได้ทำงานร่วมกันบ่อย วันนี้ก็เป็นวันถ่ายซีรีย์เรื่องใหม่ที่เพิ่งเปิดกล้องได้ไม่นาน ซึ่งได้เปิดตัวมุไคจิ มิอง นักแสดงสาวนางใหม่ให้มารับบทนางเอกเป็นครั้งแรก แถมได้ร่วมประกบกับคนดังอย่างยูกิกับเรนะอีกด้วย

 

    “รุ่นพี่คะ!? เจ็บหรือเปล่าคะ? เดี๋ยวมี่องไปล้างแผลพร้อมกับทำแผลให้นะคะ”

 

    “ม…ไม่เป็นไรมี่อง เดี๋ยวพี่ทำเอง เราไปท่องบทต่อเถอะ”

 

    ยูกิยิ้มบางๆให้คนอายุน้อย ถึงแม้มี่องจะอายุเท่ากับเนซุมิ ลูกสาวคนเดียวของเขา แต่เพราะปิดความลับเรื่องลูกเอาไว้ มันจึงทำให้ร่างสูงถูกเรียกว่ารุ่นพี่หรือพี่ไปโดยปริยาย

 

    “เฮ้ย!? ยูกิ…นิ้วแกไปโดนอะไรมาอ่ะ?”

 

    เรนะถึงเพิ่งถึงต้องร้องออกมาด้วยความตกใจที่ได้นิ้วของเพื่อนสนิทถูกพันด้วยพลาสเตอร์ยาลายปอมปอมปุริน

 

    “รุ่นพี่ชอบปอมปอมปุรินเหรอคะ?”

 

    มี่องเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะเห็นรุ่นพี่สาวมีของที่เกี่ยวกับปอมปอมปุรินแทบทุกอย่าง ทั้งเคสมือถือ กระเป๋าสะพาย สร้อยคอ หรือแม้กระทั่งพลาสเตอร์ยา

 

    แหะๆ จะตอบยังไงดีล่ะ ภรรยาพี่ชอบน่ะ พี่เลยตามใจ…

 

    รักเมียมาก โธ่…เพื่อนฉัน…

 

    “พอดีว่าน้องสาวพี่ชอบน่ะ ก็เลยชอบตามจ๊ะ”

 

    “อ้อ~~ อย่างนี้นี่เอง น่ารักจังเลยนะคะ ตามใจน้องสาวอย่างกับตามใจแฟนเลยค่ะ”

 

    ยูกิกับเรนะถึงตาโตพร้อมกับรู้สึกขนลุกขึ้นมาเล็กน้อยในคำพูดของรุ่นน้อง สาว ก่อนจะหันหน้ามามองกันด้วยแววตาที่แอบหวาดกลัวเล็กน้อย

 

    “เค้าชื่อจูรินะ จูจังแสนน่ารักพร้อมจะมอบความสดใสให้ค่าาาาา~”

 

    เสียงริงโทนมือถือของเรนะดังขึ้นมา ร่างบางจึงรีบกดรับสายโดยทันที เพราะมีอยู่เบอร์เดียวที่ตั้งริงโทนเสียงนี้ไว้

 

    “ว่าไงหลานรักของอา”

 

    //ขอสายอายูกิหน่อยค่ะ//

 

    เรนะหันไปมองร่างสูงที่ยืนมองด้วยความตงิดกับเสียงริงโทนของเพื่อนสนิทที่ไม่คิดจะยอมเปลี่ยนเลย

 

    เกือบสิบปีแล้วนะเพื่อนรัก…แกไม่เบื่อบ้างเหรอ…

 

    “หลานฉันต้องการคุยกับแกอ่ะ”

 

    เรนะยื่นมือถืออย่างไม่สบอารมณ์ นานๆทีหลานสาวจะโทรมาหา แต่ไหงดันอยากคุยกับเพื่อนสนิทของเธอกันนะ

 

    “อือ ว่าไงจูจัง มีอะไรกับอาหรือเปล่า?”

 

    ยูกิตอบรับภายในลำคอพร้อมรับสายคุยกับจูรินะ

 

    “หนูรักเนซุมิค่ะ กรุณาอนุญาตให้หนูคบกับเนซุมิเถอะนะคะ!”

 

    จู่ๆ จูรินะก็วิ่งตะโกนมาจากข้างหลังพร้อมกับก้มโค้งตัวต่อหน้าปะป๊าของเนซุมิ เด็กสาวที่เธอแอบรักมาตั้งนาน

 

    “เฮ้ยยยยยย!!!!!!”

 

    สองเพื่อนซี้ถึงกับร้องออกมาดังลั่นด้วยความตกใจ เรนะถึงมองหน้าหลานสาวด้วยความไม่เข้าใจปนกับแอบแปลกใจที่จูรินะเข้ามาขอคบ เนซุมิกับยูกิต่อหน้าอย่างใจกล้า

 

    มันต้องมีอะไรกระตุ้นยัยหลานบ้าระห่ำของฉันแน่ๆ…

 

    ………………………………………………………………..

 

    เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน…

 

    จูรินะเดินกลับมาหาเนซุมิกับพารุที่สนามเด็กเล่นที่กลายเป็นที่พักผ่อนจิต ใจได้ดีสำหรับพวกเธอ วันนี้คนไม่มีเลย มีแค่เพียงเธอสามคนเท่านั้น…

 

    ร่างสูงถือไอศกรีมโคนที่ตั้งใจจะซื้อมาให้เพื่อนสนิททั้งสองของเธอโดยเฉพาะ แต่ต้องหยุดชะงักพร้อมกับกำโคนไอศกรีมแสนหวานไว้จนแตกละเอียด เพราะภาพตรงหน้า…

 

    ภาพที่เธอเห็นเนซุมิกับพารุมอบจูบแสนหวานให้แก่กันอย่างยาวนาน…

 

    “แฮ่กๆ พอได้แล้วเนซุมิ เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า”

 

    พารุพยายามดันคนตัวเล็กที่ทำท่าทางจะจูบเธออีกรอบ

 

    “ก็ปากพารุจังหวานนี่นา…เพื่อเป็นการไถ่โทษที่พารุหอมแก้มอาโทโมะจิน ขอจูบอีกสักครั้งได้ไหมคะ? ถ้าให้จูบจะหายงอนเลย”

 

    “ต…แต่ อุ๊บ!”

    

    พารุถึงกับหน้าแดงกล่ำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถูกคนเจ้าเล่ห์จูบลงบนริมฝีปากของเธออีกครั้ง แต่เด็กสาวร่างบางก็ได้แต่ปล่อยให้คนตัวเล็กทำตามใจไป เพราะว่าเธอรักเนซุมิมาก…

 

     ส่วนคนที่ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างถึงกำหมัดเอาไว้จนแน่น แล้วเดินออกไปจากตรงนั้นด้วยความโกรธ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ อย่างน้อย…เขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้เนซุมิเป็นของคนอื่นเด็ดขาด!

 

    ……………………………………………………………………..

 

TBC.

 

อย่าเพิ่งขว้างเกิบมานะท่านรีดที่เคารพ

 

ความสัมพันธ์ของซอลท์กับมายุเกิดขึ้นมาเพราะอะไรกัน?

 

ดูท่าทางซอลท์คงไม่ยอมง่ายๆแน่นอน

 

ส่วนจูรินะออกตัวแรงมาขอกับปะป๊าของเขาเลยนะ แล้วยูกิจะยอมหรือไม่

 

แล้วความลับจะปิดกันไปได้สักนานแค่ไหน?

 

โมเม้นท์มายูกิฟินดีจังงงงงง

ซอลท์ไปหาโอตาเบะก็ได้5555
จูแรงนะ

เพิ่งได้มาเม้น มีแต่คนออกตัวแรงทั้งนั้นเลย

เซ็นเตอร์มีโมเม้นหน่อมแน้มแบบเสียงริงโทนด้วย หมดกัน น้องจู

 

มายุซังสเน่ห์แรงจังเลย อะไรยังไงเนี่ย

น้องเนซุมิก็ไม่เบา

 

รอตอนต่อไปนะคะ

((ช่วงนี้อินกับมายูกิด้วย โมเม้นเยอะดีจัง))