[SF] Yui l Miyuki :: บังเอิญ :: SP.เรื่องหลัก+ชี้แจง 27/01/57
Intro.
เธอ เป็นคนเก่ง น่ารัก นิสัยดี มีอนาคตที่ดี ทุกคนในโรงเรียนรู้จักเธอ และเธอชอบยิ้ม
.
.
ฉัน เป็นนักเรียนธรรมดา หน้าตาธรรมดา การเรียนปานกลาง มีแค่บางคนในโรงเรียนที่รู้จักฉันและฉันชอบขมวดคิ้ว
.
.
.
มันคงจะเป็น ความบังเอิญ ที่ทำให้เราได้รู้จักกัน
YuiMiyuki : บังเอิญ : 1 2 3 4 End SP
OS OS2
ปล.มีคำหยาบเล็กน้อย
ไรเตอร์ talk. สวัสดีพี่น้องทุกคน ข้าพเจ้ากลับมาลงฟิคอีกครั้งหลังจากหายไปนาน มั้ง? ไม่มีอะไรมากแค่เห็นรูปสองคนนี้ก็เลยมโนแต่งมันซะเลย ตอนแรกมันควรจะเป็นวันช็อตแสนสั้นๆไปๆมาๆ กลายช็อตฟิคเฉย ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยเน้อ. คู่แปลกมั้ง ฮาา
จัดมา ปูเสื่อรอจ้า
อ่านๆ เค้าชอบอ่านคู่แปลก-3-
ปลูกบ้านพร้อมจิบน้ำชารอ ข่มเม้นบน แอ้ก(me/โดนโบก) 555555
เราเป็นแฟนคลับลับๆคู่นี้ล่ะ 555
กางมุ้งรอจ่ะ
รอนะ 555
ปูเสื่อ ปักเต้นท์รอเจ้าค่าาาาา
รอๆๆ
โอ้ววว ปูเสือรออ่าน
รอว์
1.
กริ๊งงงงงงง
เสียงกริ่งเลิกเรียนของคาบนี้ดังขึ้น บรรดานักเรียนในห้องจึงลุกขึ้นทำความเคารพครูและรีบลงไปซื้อข้าวกลางวันกิน อย่างที่รู้ว่าการซื้อข้าวในโรงอาหารของนักเรียนตอนกลางวันนั้นมันคือ สงคราม ขนาดย่อมดีๆนั้นเอง ยกเว้นบางคนที่ทำข้าวกล่องมาจากบ้านเลยไม่ต้องลงไปแย่งชิงเหมือนคนอื่นเค้า
ปัง!!
เสียงตบโต๊ะดังขึ้น ทำให้ร่างที่ฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะนั้นยกหัวขึ้นมามองตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดเสียงดังออกมา หรี่ตามองคนตรงหน้าได้สักพัก มือก็เริ่มควานหาแว่นที่เหน็บไว้ในกระเป๋าเสื้อมาใส่ จากภาพเบลอๆเลยกลับมาชัดเจนอีกครั้งทำให้รู้ว่าใครเป็นคนขัดจังหวะการนอนของตนเอง
” เชี่ยเน่ ตบโต๊ะหาพระแสงอ่อ “
“ แหม ไอ่คุณยุย แหกตาดูสิว่าคนอื่นเค้าหายไปหมดแล้ว มีมึงอ่ะหลับอยู่คนเดียวแล้วจะกินข้าวกับกูหรือจะกินคนเดียว “
” ไปกินคนเดียว มึงไปเหอะ “
“ เออๆ งั้นไปละ “
ยามาโมโต้ ซายากะ หรือ ซายาเน่ กับ โยโกยาม่า ยุย ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยประถมจนปัจจุบัน ม.ปลาย อยู่โรงเรียนเดียวกัน นั่งข้างกันเลยกลายมาเป็นเพื่อนซี้กันโดยปริยาย ซายาเน่ เป็นเพื่อนคนเดียวที่ยุยสนิทด้วยมากที่สุดเพราะเจ้าตัวไม่ค่อยชอบเข้าหาเพื่อนใหม่ถึงตอนนี้จะมีกลุ่มพักเป็นเรื่องเป็นราวแต่เจ้าตัวก็ชอบโดดไปกินข้าวคนเดียวอยู่ดีบวกกับยุยรำคาญเวลาแฟนคลับเพื่อนซี้มันมาดักรอเลยขอมาคนเดียวดีกว่า เรียกได้ว่ายุยจะมาเข้ากลุ่มก็เฉพาะตอนทำงานกลุ่มเท่านั้นแหละ แตกต่างจากซายาเน่ที่เข้าหาคนเก่ง เล่นกีตาร์เป็นทำให้สาวๆชอบเยอะถึงจะเป็นโรงเรียนหญิงล้วนก็เถอะ
ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลุกขึ้นหยิบข้าวกล่องแล้วเดินไปที่ประจำของตัวเองด้วยความคุ้นเคยโดยไม่อาจรู้ได้เลยว่า วันนี้มันจะไม่เหมือนกับทุกๆวัน
***************************************
สวนหลังโรงเรียน สถานที่ประจำที่ยุยมักมานั่งกินข้าวหรือมานั่งเล่นตอนเย็นในวันที่ไม่อยากกลับบ้าน เป็นที่ๆไม่ค่อยมีคนมาอาจจะเพราะมันดูไกลเกินไปกว่าที่จะมานั่งละมั้ง เมื่อขาก้าวถึงที่เป้าหมายกลับพบว่าเก้าอี้ใต้ต้นไม้ที่ปกติจะต้องว่างอยู่เสมอกลับมีใครบางคนนั่งอยู่ เป็นคนปกติคงหันหลังกลับไปหาที่อื่นนั่งแต่กับยุยคงไม่ได้ผล ขายาวๆก้าวเท้าไปยืนอยู่หน้าเป้าหมายที่นั่งอยู่ที่ประจำของตน
คนที่นั่งก้มหน้าจดงานอยู่พอรู้ว่ามีอะไรมาบังแสงตนจึงเงยหน้าขึ้นมามองก็พบกับคนที่ยืนถือกล่องข้าวมองมาทางตนเอง จึงขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยจนอีกฝ่ายพูดออก
” เธอนั่งที่ประจำฉันอยู่ “
“ คะ? “
“ ก็บอกว่า เธอนั่งที่ประจำฉันอยู่ ไงเล่า “
ยุยบอกพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยบอกความหงุดหงิดในใจ ตอนแรกที่คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมาเพียงแวบหนึ่งที่ยุยคิดว่า น่ารัก แต่พอเอามาหักล้างกับการที่มานั่งที่ประจำเค้ามันเลยกลายเป็นเฉยๆไปในที่สุด มันอาจจะไร้สาระที่ว่าทำไมต้องมาทวงที่นั่งด้วยแต่สำหรับยุยมันไม่ไร้สาระเพราะมันเป็นที่ที่สงบ คนไม่ค่อยรู้ว่ามีที่นี้อยู่และเค้าชอบมัน
อีกฝ่ายพอได้ยินแบบนั้นแทนที่จะโมโหหรือารมณ์เสียกลับยิ้มแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ เป็นอีกครั้งที่ยุยคิดว่าคนตรงหน้านี้น่ารัก เพียงแค่แวบเดียวความคิดนั้นก็หายไป ยุยขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม นั่งก็ไม่ได้นั่ง ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เวลาพักก็จะหมด แถมมาเจอผู้หญิงคนนี้อีก อะไรมันจะแย่ขนาดนี้
“ มันน่าขำตรงไหน ฉันหิวจะแย่แล้ว “
พึมพำเบาๆพลางเตรียมตัวหันหลังเดินกลับไป ไปหาที่ใหม่ดูจะมีความหวังมากกว่ามายืนเฉยๆตรงนี้แต่จังหวะที่หันกลับไปนั้นมือของอีกฝ่ายก็เอื้อมมาจับชายเสื้อของยุยไว้พลางออกแรงกระตุกให้ยุยนั้นหันกลับมา ยุยมองคนตรงหน้าอย่างงงๆ กำลังจะเอ่ยปากถามคนตรงหน้าก็พูดสวนมาเสียก่อน
” นั่งด้วยกันสิ จะรีบไปไหน “
รีบไปจากเธอไงเล่า! คิดอยู่ในใจพลางมองคนตรงหน้ายกของออกจากที่นั่งที่ตอนแรกเก้าอี้เต็มไปด้วยสิ่งของมากมายของเจ้าตัว จนตอนนี้มันสามารถนั่งได้ ยุยมองหน้าอีกฝ่ายก่อนบอก ‘ขอบคุณ’ เบาๆ อีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มรับและหันหน้าไปเขียนงานของตนต่อไปและเป็นอีกครั้งที่ยุยคิดว่ารอยยิ้มของผู้หญิงคนนี้ น่ารักมากจริงๆ
ยุยนั่งลงข้างๆอีกฝ่ายพลางเปิดข้าวกล่องของตนกินไปพลางและเหลือบตาแอบมองหน้าอีกคนไปพลาง ผมของอีกฝ่ายตกลงมาบังด้านข้างจนหมดแต่ถึงจะเป็นแบบบนั้นยุยก็ยังคงคิดว่า ดูมีเสน่ห์ อยู่ดี เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่าถูกมองจึงหันหน้ามามองแล้วยิ้ม บางทียุยก็อดคิดไม่ได้ว่ามันเป็นนิสัยส่วนตัวของคนตรงหน้ารึเปล่าที่ชอบยิ้มไปทั่วคิดได้แบบนั้นยุยก็รีบหันหน้ากลับมาแล้วเอานิ้วเกาแก้มแก้เขินเบาๆ ที่โดนจับได้ว่าแอบมอง พลางเหลือบตามองอีกฝ่ายที่กำลังรวบผมที่ร่วงปิดด้านข้างไปทัดหูและมันทำให้ยุย อดหน้าแดง ไม่ได้จริงๆ
กริ๊งงงงงงง
เสียงกริ่งหมดเวลาพักดังขึ้นยุยกับอีกคนจึงรีบเก็บของของตัวเองเพื่อที่จะไปห้องเรียน ในขณะที่กำลังจะก้าวเท้าเพื่อเดินกลับห้องเรียนนั้นไม่รู้อะไรดลใจให้หันกลับมามองอีกคนที่กำลังเก็บของอยู่ กองหนังสือและเอกสารมากมายของอีกฝ่ายทำให้ยุยอดคิดไม่ได้ว่าตอนมาที่นี้อีกฝ่ายแบกมันมาได้ยังไง ความจริงยุยไม่ต้องสนใจอีกคนมากขนาดนั้นก็ได้แต่แค่คิดว่าแขนผอมๆนั้นจะต้องยกกองพวกนี้ อยู่ดีๆ ขามันก็ก้าวไปหาอีกคนโดยอัตโนมัติ
” ให้ช่วยมั้ย? “
อีกฝ่ายที่กำลังก้มเก็บของอยู่นั้นหันมามองหน้ายุยงงๆ สักพักเจ้าตัวก็ยิ้มออกมาพลางส่ายหน้าเบาๆเป็นเชิงปฏิเสธ
“ รบกวนเปล่าๆ ไม่เป็นไรฉันยกเองได้ “
อีกฝ่ายตอบกลับมาพลางเรียงเอกสารทับกันจนมันสูงซะยุยคิดว่าถึงยกได้ก็คงมองไม่เห็นทางแน่ๆ พลางบ่นพึมพำว่า ‘ตอนมาเอามาได้ยังกัน’ คนที่ได้ยินก็เพียงแค่ยิ้มและหัวเราะเบาๆ จนยุยขมวดคิ้วทำหน้าไม่เข้าใจ
“ มันตลกตรงไหนกัน “
“ เปล่าๆ รีบกลับเข้าห้องเรียนเถอะ เดี๋ยวครูจะว่า “
“ ฉันจะช่วยเธอก่อน เธอยกไม่ไหวหรอกเยอะแบบนี้ ‘
“ ไม่เป็นไรหรอก รบกวนเปล่าๆ “
” ฉันบอกว่าจะช่วยคือจะช่วยอย่าเถียงได้มั้ยเพราะยิ่งเถียงมันยิ่งเสียเวลาหยิบของแล้วเดินนำฉันไปได้แล้ว “
ยุยแย่งกองหนังสือกับเอกสารส่วนใหญ่มาถือไว้โดยเหลือส่วนน้อยให้อีกคนถือเพราะยังไงซะคนที่เคยอยู่ชมรมยูโดคงจะมีแรงมากกว่าคนที่แขนผอมๆและตัวผอมๆแบบนั้นแน่นอน พลางส่งสายตาให้อีกฝ่ายเป็นนัยๆว่าให้รีบเดินนำไปได้แล้ว และแน่นอนว่ายุยคงคิดว่าอีกคนต้องแอบยิ้มแน่ๆ
ใช่ แล้วหล่อนก็ยิ้มจริงๆ
*************************************
ม.ปลายปี 2 ห้อง A
.
.
.
ยุยเงยหน้ามองป้ายหน้าห้องสลับกับหน้าของอีกฝ่าย ห้องเอ ห้องของพวกเด็กเก่งและคงแก่เรียน ต่างจากเด็กห้องซีอย่างเค้าที่เป็นพวกธรรมดาการเรียนไม่ได้หรูหราแต่เรื่องใช้กำลังขอให้บอก
พอเปิดประตูห้องเข้าไป ห้องที่เคยเสียงดังกลับเงียบสนิทและทุกสายตาก็มองมาที่ยุยกับอีกคนที่นำเค้าเข้ามา ยุยเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเด็กห้องเอต้องจ้องเค้ามากขนาดนั้นทำหยั่งกับว่าไม่มีคนต่างห้องมาเข้าห้องนี้ซักร้อยปียังไงยังงั้น เลยกวาดสายตาใต้กรอบแว่นไปรอบๆพลางขมวดคิ้ว จนกระทั่งได้ยินเสียงดังขึ้น
“ ครูไม่เข้าหรอ “
” อืม เห็นว่ามีประชุมด่วนกันคาบนี้เลยว่าง “
ยุยเลยหันมามองอีกฝ่ายที่กำลังคุยกับเพื่อนที่นั่งหน้าห้อง เหมือนอีกคนจะรู้ว่ายุยจะบอกว่าอะไรเลยตอบกลับมาว่าให้ยุยเอาของไปว่างหลังห้อง ยุยพยักหน้าเบาๆแล้วรีบเดินเอาไปไว้หลังห้องเพราะเค้ารู้สึกอยากกลับไปนอนที่ห้องใจจะขาดเมื่อรู้ว่าคาบนี้ว่าง เมื่อว่างของเสร็จแล้วยุยกำลังจะออกจากห้องแต่มีเสียงเรียกไว้ก่อน
“ เดี๋ยวคะ ! …เธออยู่ห้องไหนหรอ “
“ ห้องซี ทำไมอ่อ “
ยุยขมวดคิ้ว ถ้าอีกฝ่ายชอบยิ้มเค้าก็คงเป็นพวกชอบขมวดคิ้วเป็นนิสัยละนะ อีกฝ่ายยิ้มบางทียุยก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะยิ้มนั้นหรือเปล่าที่ทำให้เค้ายอมช่วยหล่อนยกของมาทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะช่วยใครแท้ๆ
“ ขอบคุณที่ช่วยยกของมานะ “
“ อืม ไม่เป็นไร ถ้าเธอยกมาคนเดียวฉันว่าป่านนี้ก็ยังไม่ถึง “
พูดจบยุยก็มองอีกฝ่ายงงๆ ที่อยู่ดีๆ ก็เดินเข้ามาใกล้กันซะจนยุยต้องถอยหลังไปเสียเอง แล้วก็รู้สึกได้ถึงมืออีกฝ่ายที่จับอยู่ตรงด้านข้างลำตัวโดยมีเสื้อคลุมของนักเรียนบังอยู่ก่อนที่จะ
“ โอ้ยยย ! “
เสียงร้องดังลั่นจนยุยเอามือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน คนในห้องเอมองมาทางทั้งคู่อย่างงงๆ ก่อนจะรีบหันกลับไปเพราะเจอสายตาพิฆาตจากทั้งยุยและอีกคน
“ ทำอะไรเนี่ย หยิกมาได้มันเจ็บนะ! “
“ สำหรับที่ปากเสียเมื่อกี้ไงคะ “
ยุยขมวดคิ้วมองหน้าอีกฝ่ายอย่างหงุดหงิดแต่แล้วหน้าผากยุยก็โดนนิ้วมืออีกฝ่ายจิ้มให้คิ้วที่แทบจะผูกกันเป็นปมคลายออก
“ อย่าทำแบบนั้นบ่อยสิ มันไม่ดีนะ “
“ เธอก็อย่ายิ้มบ่อยมั้งสิ “ มันก็เริ่มไม่ดีต่อฉันเหมือนกัน
อีกฝ่ายยิ้ม ยุยก็เลยขมวดคิ้วกลับบ้าง จนอีกคนหัวเราะและนั้นมันทำให้ยุย เผลอยิ้มตาม
“ ชื่ออะไร เธอหนะ “
“ ไม่รู้จักฉันงั้นหรอ “
“ ถามตลก ถ้ารู้จักจะถามทำไมเล่า “
” ก่อนถามชื่อคนอื่นก็บอกชื่อตัวเองมาก่อนสิแล้วก็เลิกทำหน้าเครียดซักทีสิ “
“ งั้นก็เลิกเอามือมาจิ้มหน้าผากฉันได้แล้ว! “
ยุยพูดพลางเอามือของตัวเองปัดมือของอีกฝ่ายที่จิ้มหน้าผากเค้าอยู่ออกออกก่อนทำหน้ายุ่งแล้วถอนหายใจออกมา
“ โยโกยาม่า ยุย ทีนี้ตาเธอแล้ว “
.
.
.
‘ วาตานาเบะ มิยูกิ ยินดีที่ได้รู้จักนะยุยจัง ‘
นั้นแหละชื่อของเธอ ผู้หญิงที่ชอบยิ้มคนนั้น
ในตอนนั้นฉันไม่รู้หรอกว่าเธอเป็นคนดังในโรงเรียน แต่…มาคิดดูอีกทีเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วละ
Talk. ตอน 1 มาแล้วแบบงงๆ ตอนหน้าๆก็จะพยายามแต่งให้ยาวประมาณนี้เป็นการฝึกไปในตัว จบแน่นอนแต่แค่จะจบเมื่อไหร่แค่นั้น ฮาาา ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยเน้อ
คู่แปลก
อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ยุยมิ้ลกี้มันน่ารักเว่อร์!!!!!!!
นานๆจะได้อ่านแบบไทย ไม่ต้องดิ้นรนหาอ่านเวอร์ชั่นอังกฤษ (ซึ่งใช้เวลาสี่ชั่วโมงเศษๆในการแปลแต่ละตอน- -‘)
ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง(ก้มลงกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์)
ปล.แต่ขออย่างนึง ตอนจบขอสมหวังนะคุณคนเขียน
เห็นมีเฮียเน่ด้วยเลยชักหวั่นๆ-__-‘
ปล2.คุณคนเขียนคิดมากกับคำว่าคู่แปลกของเค้าป่ะเนี่ย55555
ถ้าคิดมากก็อย่าคิดมากเลยนะ เดี๋ยวหน้าแก่ (ไม่ใช่ละ)
ประเด็นคือสำหรับเราซึ่งเป็นแม่ยกคู่ที่ไม่ค่อยมีคนนิยม เจอคนอื่นเขาว่าจนชินชาแล้วง่ะ(ปาดน้ำตาแป๊บ)
คู่นี้แปลกดี ไม่เคยเจอ
เรื่องน่ารักมากเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้ ( ง• ̀ω•́ )ง
คู่แปลกสุดๆ แต่น่ารักสุดๆ โอ๊ย เขิล ยัยมิลค์ยิ้มไรนักหนา
ยุยคือน่ารักมากอ่ะ
เป็นกำลังใจให้ค่า
ยุยมิลกี้ล่ะ~~~~!! คู่ที่หายากที่สุดในรอบ 10 ปี(เวอร์)
ยุยกับมิลกี้เล่นกันมุ้งมิ้งมากกกกกกกกกกกกกกกก#ฟินค่ะ
ตอนที่เห็นแต่ชื่อเรื่องนึกว่าจะมาแบบคู่ซายะมิลกี้แล้วยุยเป็น กขค.
แต่ว่า…ก็ต้องอ่านต่อไปว่ายุยจะสมหวังกะมิลกี้หรือว่ายุยจะเป็น กขค. จริงๆ
รออ่านตอนต่ออยู่ครัช สู้ๆ
อะ เฮื้อออออ ตาย นอนฟินตายอย่างสงบ
คู่นี้มันมุ้งมิ้ง บุ้งบิ้ง กุ๊งกิ๊ง งุ้งงิ้งมากอ่ะ อร๊ายยยยย เขิลแปป
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ =w=
โอ๊ะ ยุยมิลกี้ เคมีเข้ากันสุดๆ >.< อ่านแล้วฟินนนน
จะมีซายาเน่มาแจมด้วยหรือเปล่าน๊า
อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ยุยมิ้ลกี้มันน่ารักเว่อร์!!!!!!!
นานๆจะได้อ่านแบบไทย ไม่ต้องดิ้นรนหาอ่านเวอร์ชั่นอังกฤษ (ซึ่งใช้เวลาสี่ชั่วโมงเศษๆในการแปลแต่ละตอน- -‘)
ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง(ก้มลงกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์)
ปล.แต่ขออย่างนึง ตอนจบขอสมหวังนะคุณคนเขียน
เห็นมีเฮียเน่ด้วยเลยชักหวั่นๆ-__-‘
ปล2.คุณคนเขียนคิดมากกับคำว่าคู่แปลกของเค้าป่ะเนี่ย55555
ถ้าคิดมากก็อย่าคิดมากเลยนะ เดี๋ยวหน้าแก่ (ไม่ใช่ละ)
ประเด็นคือสำหรับเราซึ่งเป็นแม่ยกคู่ที่ไม่ค่อยมีคนนิยม เจอคนอื่นเขาว่าจนชินชาแล้วง่ะ(ปาดน้ำตาแป๊บ)
อุ้ย น่าอ่านอ่ะ ติดตามๆ -..-
2.
บังเอิญแน่ๆ
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นของยุยจ้องมองไปยังคนคุ้นหน้าที่ยืนกดมือถืออยู่ในมุมหนึ่งของรถไฟ ยุยจำได้ว่าเป็นเพื่อนใหม่ที่แนะนำตัวเองว่าชื่อ มิยูกิ
เพื่อนใหม่ที่แสนจะยิ้มง่ายคนนั้น
มองได้สักพักก็ละสายตาจากคนตรงหน้าหันมามองวิวข้างทางในขณะที่รถไฟกำลังแล่นผ่านเส้นทางเดิม แม้จะเห็นอยู่ทุกวันแต่ก็ยังคงให้ความรู้สึกผ่อนคลายเสมอโดยเฉพาะในตอนเย็นที่รถไฟเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังกลับบ้าน ยุยยิ้มน้อยๆให้กับวิวตรงหน้าก่อนที่จะหันกลับมามองที่ตำแหน่งเดิมที่มีอีกคนยืนอยู่แต่ก็พบกับความว่างเปล่า ยุยถอนหายใจและยิ้มให้ตัวเองอีกครั้งพลางคิดไปว่าบางทีเพื่อนใหม่คนนี้ก็เข้ามาอยู่ในความคิดของเค้ามากเกินไป
‘ บางทีอาจจะลงไปแล้วละมั้ง ’
คิดได้แบบนั้นก็ก้มหน้ากดมือถือของตน ก่อนที่จะรู้สึกถึงแรงสะกิดจากด้านหลังจึงละสายตาจากหน้าจอแล้วหันหลังกลับไปดูก็พบกับคนที่คิดว่าน่าจะลงจากรถไฟไปแล้ว
“ ไงเจอกันอีกแล้วนะ ยุยจัง “
.
.
.
.
เท่าที่จำได้ตั้งแต่เรียนที่โรงเรียนนี้ ไป – กลับด้วยรถไฟทุกวัน ลงป้ายเดิมทุกวัน ถึงจะไม่ค่อยใส่ใจกับสิ่งรอบตัวแต่เค้าก็พอจะรู้ว่ามีรุ่นพี่ รุ่นน้องหรือเพื่อนคนไหนอยู่แถวบ้านหรือลงป้ายเดียวกับเค้าบ้าง แต่เท่าที่ยุยจำได้ ไม่มีมิยูกิอยู่ในนั้น ยุยคิดพลางขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยระหว่างทางที่เดินกลับบ้านโดยมีอีกคนเดินมาด้วยกัน
“ ยุยจังอยู่แถวนี้งั้นหรอ “ มิยูกิเอ่ยถามขึ้นระหว่างทาง ยุยส่งเสียงตอบรับในลำคอเบาๆ เหลือบตามองอีกฝ่ายก่อนที่จะหยุดเดินทำให้อีกคนต้องหยุดตาม
“ เรียกฉันว่า ยุย เหมือนคนอื่นเถอะเรียก ยุยจัง มันแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ “ ยุยพูดขึ้นพลางสบตาของอีกฝ่าย อีกคนเพียงแค่ยิ้มและหัวเราะอย่างที่เจ้าตัวชอบทำก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ยุยรู้สึกแปลกใจ
“ ก็…ฉันไม่อยากเรียกเหมือนคนอื่นนี้ “
พูดจบมิยูกิก็เดินออกไป ทิ้งยุยที่กำลังประมวลผลกับคำพูดของอีกคนไว้แบบนั้น หมายความว่ายังไง? แต่กว่ายุยจะตั้งสติแล้วเดินตามอีกฝ่ายไปนั้น หล่อนก็หายไปจากตรงนั้นแล้ว
.
.
.
.
ยุยเดินกลับมาถึงบ้านของตน ควานหากุญแจบ้านในกระเป๋าตาก็เหลือบไปเห็นบ้านข้างๆ ที่กำลังขนของย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ เมื่อหากุญแจเจอยุยก็ละสายตาจากบ้านข้างๆ หันมาเปิดประตูและเดินเข้าบ้านของตนไป
“ กลับมาแล้วค่า ~ “
“ ยุยจังมาแล้วหรอ ดีเลยแม่ว่าจะออกไปช่วยข้างบ้านขนของไปด้วยกันเลยมาๆ “
“ อะไรนะแม่ พึ่งกลับมาเองนะ “
“ อย่าบ่นไปเหมือนคนแก่หน่อยเลยเจ้ายุย พ่อเองก็ต้องออกไปช่วยด้วยเหมือนกันนั้นแหละ “
ยุยถอนหายใจ ก่อนจะขอตัวขึ้นไปเก็บของและเปลี่ยนชุดบนห้องหลังจากโดนพ่อและแม่ขอร้องแกมบังคับให้ไปช่วยขนของให้บ้านข้างๆ ที่ย้ายมาอยู่วันนี้ ยุยหันไปมองเจ้า บิสุ เจ้าแมวสัตว์เลี้ยงแสนรักของยุยที่กำลังเดินนวยนายมาทางตนก่อนจะนั่งลงและจ้องนายของมันตาแป๋ว
“ เกิดเป็นแกถ้าจะดีเนอะวันๆ ไม่ต้องทำอะไร นั่งๆ นอนๆ “
ยุยบ่นกับบิสุ เหมือนมันจะเข้าใจสิ่งที่ยุยพูดจึงลุกขึ้นเดินไปที่ที่นอนของมันก่อนจะหาวแล้วล้มตัวลงนอน เปิดตามองเจ้านายมันอีกครั้งก่อนจะหลับตาลงแล้วนอนอยู่แบบนั้น ทิ้งให้ยุยจ้องมองมันด้วยสายตาที่หมั่นไส้ปนอิจฉา
“ ชิ ไอ้แมวขี้เกียจ “
.
.
.
.
ยุยวางกล่องอันสุดท้ายลงบนพื้นพลางหันหน้าไปหาเจ้าของบ้านที่กำลังพูดขอบคุณกับพ่อและแม่ของเค้าอยู่ เท่าที่จำได้ดูเหมือนว่าเจ้าของบ้านคนใหม่นี้จะแนะตัวเองว่า โคจิม่า ฮารุนะ ยุยจับใจความได้ว่าหล่อนย้ายมาอยู่ที่นี้กับน้องสาวอีกคนหนึ่งที่กำลังเรียนอยู่ม.ปลาย ‘สรุปบ้านนี้มีแค่ผู้หญิงสองคนสินะ’ ยุยคิดระหว่างที่กำลังนั่งฟังพ่อแม่และฮารุนะซังคุยกัน
หลังจากคุยกันมายาวนานพ่อกับแม่เลยตัดสินใจชวนฮารุนะซังและน้องสาวของหล่อนไปกินข้าวเย็นที่บ้านโดยให้เหตุผลว่า พึ่งย้ายมาวันแรกบ้านยังไม่ได้จัด กินข้าวไม่สะดวกหรอกไปกินบ้านน้าดีกว่า ฮารุนะซังที่ตอนแรกปฏิเสธพอได้ยินก็หันไปดูสภาพรอบๆ บ้านก่อนจะหันมาสบตากับยุย ยุยจึงยิ้มรับนิดๆ ก่อนส่งสายตาประมาณว่า ‘ยอมแพ้เถอะ’ นั้นแหละถึงได้ข้อตกลงในที่สุด
หลังจากนัดเวลากับฮารุนะซังเสร็จเลยขอตัวกลับมาเตรียมข้าวเย็นที่บ้าน เมื่อมาถึงพ่อกับแม่ก็เข้าครัวเริ่มทำอาหารในขณะที่ยุยนั่งดูทีวีที่โซฟา จู่ๆ เจ้าบิสุก็กระโดขึ้นมาบนตักของยุยและล้มตัวนอนลง ยุยมองมันขำๆ ก่อนจะเอามือลูบหัวมัน พลางหันไปดูทีวีอีกครั้งก่อนที่จะรู้สึกถึงความเหนื่อล้าที่เข้าจู่โจมเลยผล็อยหลับไปพร้อมๆ กับเจ้าบิสุ
เสียงกดกริ่งหน้าบ้านทำให้ยุยสะดุ้งตัวตื่นขึ้นพร้อมกับเจ้าบิสุที่นอนอยู่บนตัก ยุยอุ้มมันวางไว้ข้างๆ ก่อนที่จะได้ยินเสียงแม่บอกว่าให้ไปเปิดประตูบ้าน ยุยมองดูนาฬิกาที่บอกเวลาว่าประมาณ 6 โมงก่อนที่เจ้าตัวจะสะบัดหน้าไล่ความง่วงแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตูหน้าบ้าน
เมื่อเดินไปหน้าบ้านก็พบกับฮารุนะซังที่ยืนรออยู่ ยุยเปิดประตูบ้านให้ฮารุนะก่อนจะบอกให้หล่อนเข้าไปในบ้าน ก่อนมองไปรอบๆ แล้วขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย ‘ไหนน้องสาวอีกคนละ’ และเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจเลยชิ่งพูดออกมาว่าน้องสาวของตนนั้นกำลังเปลี่ยนชุดอยู่ที่บ้านกำลังจะมา ยุยพยักหน้ารับรู้ก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายเข้าบ้านไปและอาสารอน้องสาวของฮารุนะซังแทน
ยุยขมวดคิ้วระหว่างที่นั่งรอคนข้างบ้าน พลางกระชับเสื้อคลุมของตนเมื่อโดนลมหนาวจู่โจม ก้มหน้าลงมองบิสุและบ่นกับมันเบาๆ
“ ช้าชะมัดเลยเนอะ บิสุ “
“ เมี๊ยว ~ “
ยุยยิ้มพลางเอาเท้าเขี่ยเจ้าแมวอ้วนเบาๆ และในตอนนั้นเองที่เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ยุยละสายตาจากบิสุก่อนจะหันไปมองแขกผู้มาใหม่ที่คาดว่าน่าจะเป็นน้องสาวของฮารุนะซัง และวินาทีที่ยุยได้สบตากับคนตรงหน้า ยุยขมวดคิ้วขึ้น
‘ บ้าน่า บังเอิญไปแล้วมั้ง ‘
.
.
.
‘ วาตานาเบะ มิยูกิมาทำอะไรที่นี้ ‘
****************************************
เสียงพูดคุยบ่นโต๊ะอาหารดังขึ้นไม่หยุดตั้งแต่มิยูกิเดินเข้ามาแนะนำตัวเองในบ้าน พ่อกับแม่ดูจะถูกใจสองพี่น้องข้างบ้านที่ย้ายมาเอามากๆ หลังจากซักถามชีวประวัติและความสงสัยเรื่องนามสกุลของพี่น้องคู่นี้ว่าทำไมถึงแตกต่างกัน จนสุดท้ายก็ได้คำตอบมาว่าฮารุนะซังใช้นามสกุลพ่อส่วนมิยูกิใช้นามสกุลแม่ ยุยนั่งก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานให้หมดโดยที่หูเองก็ยังฟังบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร
“ ยุยจัง วันหลังก็ไปโรงเรียนกับมิยูกิจังสิลูก “
ยุยเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแม่ของตัว พลางหันไปสบตากับเจ้าของชื่อ มิยูกิขยับยิ้มขึ้นบางๆ ก่อนที่จะหันมาสบตากับยุยและนั้นทำให้ยุยต้องเบือนหน้าหนีอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้
…บางทีคงต้องยอมรับว่ารอยยิ้มนั้นมีอิทธิพลกับเค้าจริงๆ…
“ ขอฉันเรียกว่า ยุยจัง มั้งได้มั้ยคะ? “
เสียงของมิยูกิดังขึ้น ยุยหันไปมองหน้าอีกฝ่ายก่อนละสายตาหันไปมองรอบๆ โต๊ะดูเหมือนว่าทุกคนกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่ยุยจะพูดออกมาซะเต็มประดา ยุยหันไปมองหน้าของมิยูกิอีกครั้งก่อนจะเห็นเจ้าตัวยิ้มแบบที่ชอบทำประจำ ความจริงแล้วยุยอยากจะตอบว่า ไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าคำพูดในตอนเย็นของอีกฝ่ายที่ลืมไปแล้ว อยู่ดีๆ ก็กลับมาชัดเจนในความทรงจำอีกครั้ง
.
.
.
“ ก็…ฉันไม่อยากเรียกเหมือนคนอื่นนี้ “
.
.
.
สุดท้ายก็ต้องทำใจยอมรับว่าตัวเองสู้รอยยิ้มนั้นไม่ได้ คล้ายๆ มีเวทมนต์ บางทีถ้าหล่อนยิ้มแล้วสั่งให้คนอื่นไปทำอะไรทุกคนก็คงทำและยุยคิดว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนตอนนี้
“ อืม จะเรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ “ ยุยตอบแล้วรีบลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารไป
ยุยนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านกับบิสุที่นอนให้ยุยเกาพุงของมันอยู่ ก่อนจะรู้สึกว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ข้างๆ เมื่อหันไปก็พบกับมิยูกิที่กำลังนั่งลงข้างตน
“ น่ารักจังเลย มันชื่ออะไรหรอ “
มิยูกิพูดขณะที่อุ้มตัวเจ้าแมวอ้วนบิสุไปนั่งที่ตักของตนแทนและดูเหมือนมันจะชอบมากเสียด้วย แค่แวบหนึ่งเท่านั้นแหละที่ยุยอยากเป็นบิสุตะหงิดๆ แค่แวบเดียวจริงๆ ชิ ไอ้แมวทรยศ
“ มันชื่อ บิสุ “ ยุยตอบ
.
.
“ เธอจะมาเล่นกับมันที่บ้านก็ได้นะ “
ยุยพูดในขณะที่สายตามองไปที่เจ้าแมวบนตักของอีกคน มิยูกิมองหน้าอีกฝ่ายอย่างแปลกใจก่อนจะยิ้มน้อยๆ แล้วหันหน้าไปมองบิสุพลางลูบหัวมันไปเรื่อยๆ เสียงครางของเจ้าแมวดังขึ้นเหมือนจะบอกว่า มันพอใจมาเลยนะ ทำให้คนสองคนมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ ไอ้แมวขี้เกียจ “ ยุยว่าพลางเอานิ้วจิ้มท้องมันก่อนจะโดนอีกคนตีมือแล้วส่งสายตาดุๆ ให้ ยุยนั่งลูบมือตัวเองที่โดนอีกคนตีแล้วบ่นพึมพำเบาๆ จนอีกคนเห็นแล้วก็อดหัวเราะปนสงสารไม่ได้พลางยื่นมือมาลูบหน้ายุยเบาๆ ทำให้ยุยหันหน้ามามองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ
“ ยุยจังเองก็อยากโดนฉันลูบหัวเหมือนบิสุใช่มั้ยละ “
“ ใช่ที่ไหนเล่ายัยบ้า! “ ยุยว่าพลางปัดมือของอีกฝ่ายออกจากแก้มของตน ยุยขมวดคิ้วขึ้นแล้วนึกในใจ วันนี้สองครั้งแล้วนะที่อีกคนเอามือมาแตะหน้าของตน
เมี๊ยว ~
“ เห็นมั้ย บิสุมันยังเห็นด้วยเลย “ มิยูกิพูดอย่างขำๆ พลางเอามือลูบหัวบิสุต่อไป ปล่อยให้ยุยนึกสาปแช่งเจ้าแมวอยู่ในใจ
“ มิยูกิ กลับบ้านกันเถอะ “ เสียงของฮารุนะดังขึ้น ทำให้ยุยและมิยูกิที่นั่งอยู่ต้องลุกขึ้นยืน ยุยรับเจ้าบิสุมาจากอีกฝ่ายก่อนหันไปโค้งให้ฮารุนะ
“ แล้วพรุ่งนี้เช้าเจอกันนะ…ยุยจัง “
ยุยมองตามอีกฝ่ายไปก่อนจะเอามือของตนมาแตะที่แก้มที่ตำแหน่งเดียวกันกับที่มือของมิยูกิเคยแตะ ถึงแม้มิยูกิจะไม่ได้อยู่ตรงหน้าแล้วแต่ยุยรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่หลงเหลืออยู่และดูเหมือนว่า…
.
.
.
บางอย่างที่อีกฝ่ายทิ้งไว้จะเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของยุย
Talk. ตอนสองมาแบบง่วงๆ ดูเหมือนก็มีคนแอบซุ่มชอบคู่นี้แฮะ พึ่งสังเกตอย่างจริงจังว่ายุยสูงกว่าและตัวใหญ่กว่า 2 คู่หูนัมบะเยอะเลย ยังไงก็ตามเจอกันตอนหน้าเน้อครัชช
บังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิต ป่ะคะเนี่ย ฮิ้ววววว
ว่าแต่เรื่องนี้มันจะมีพลิคล็อคในตอนท้ายป่ะเนี่ย
เราเล็งเห็นมือที่สามสองคนแล้ว…ตอนแรกก็เฮียเน่ ตอนสองก็น้องบิสุ(แมวจ่ะแมว ไม่ใช่คน- -‘)
55555 แต่มันเป็นไปได้นา บางทีคุณคนเขียนอาจจะจิ้นยุยบิสุเงียบๆในใจเหมือนเราก็เป็นได้ :3
ปล.ยุยไม่ได้สูงหรอก
สองคู่หูนับะเตี้ยต่างหาก555555